อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะวัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือวัยสูงอายุ เนื่องจากอาหารเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ช่วยปรับปรุงในเรื่องของการเจริญเติบโตทั้งร่างกาย สมองและจิตใจค่ะ เด็กก็เหมือนกันค่ะ ส่วนใหญ่แล้วในช่วงแรกเกิดนั้นเด็กทุกคนจะได้รับสารอาหารหลักเป็นนมแม่ค่ะ เมื่อแม่ทานอะไรไปผลผลิตที่ได้ก็จะสังเคราะห์เป็นน้ำนมแม่ให้ลูกได้ดื่มค่ะ ถือได้ว่านมแม่เป็นสารอาหารหลักในการเสริมพัฒนาการของเด็กนั่นเองค่ะ หลังจากผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วคุณแม่บางทานก็เริ่มที่จะให้ลูกทานนมผง ซึ่งในนมผงปัจจุบันนั้นออกแบบมาให้มีสารอาหารที่ครบถ้วน ดื่มง่ายสามารถชงได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าวันนี้น้ำนมจะไหลหรือไม่ แน่นอนสำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป จะสามารถเริ่มทานอาหารได้แล้ว แต่ต้องผ่านการบดหรือสับอย่างละเอียดด้วยเครื่องบดอาหารสำหรับเด็ก เพราะเด็กยังมีฟันที่ไม่ครบ อีกทั้งระบบย่อยอาหารก็ยังไม่ได้เจริญเติบโตเต็มที่ แต่มันอาจจะมีบางครั้งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำอาหารให้ลูกเลยจำเป็นต้องหาซื้อ “อาหารเสริมสำหรับทารก” เพื่อทำให้การกินง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

การได้ทานอาหารรูปแบบใหม่ที่ทานได้ง่าย มีกลิ่นหอมจะเป็นที่ดึงดูดใจของทารกมาก เมื่อทารกนั้นสามารถทานอาหารได้ความสนุกสนานก็จะเกิดขึ้นกับเด็กค่ะ แต่ความยุ่งยากจะมาตกอยู่กับพ่อแม่แทน เพราะการเริ่มทานอาหารแข็งเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าลูกชอบทานอะไร ไม่ชอบทานอะไรหรือแพ้อาหารชนิดใดนั่นเอง อาหารอ่อนที่ไม่ใช่นมเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะเค้าจะได้เริ่มทานเนื้อสัตว์ ทานผัก ทานผลไม้ได้ครั้งแรกค่ะ ดังนั้นอาหารเสริมสำหรับทารกก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่พ่อแม่จำเป็นต้องมีติดบ้านไว้ให้ลูกในวันที่เร่งรีบ เพราะอาหารเสริมสำหรับทารกนั้นมีให้เลือกมากมาย เช่น ฟักทองผง กล้วยผง ตับบด ข้าวบด ฯลฯ ก็มีให้เลือกซื้อบางยี่ห้อนั้นสามารถใช้งานได้ง่ายเพียงแค่เทใส่จานเติมน้ำร้อนก็ได้อาหารให้ลูกไว้ทานแล้วค่ะ เมื่อถึงหาเวลาที่ต้องเลือกอาหารกับลูกอาจจะเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผู้ปกครอง วันนี้เราก็เลยจะขอแนะนำอาหารเสริมสำหรับทารกที่ดีที่สุดกันค่ะ หากพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
เราควรเริ่มให้เด็กทานอาหารได้เมื่อไหร่ ?
เด็กอายุประมาณ 6 เดือนจำเป็นต้องทานอาหารนอกเหนือไปจากน้ำนมแม่ โดยตามปกติแล้วอาหารแข็งสำหรับเด็กนั้นทานได้ตั้งแต่อายุ 4 ถึง 6 เดือน ลูกของคุณอาจจะพร้อมสำหรับการทานอาหาร เมื่อพวกเขาสามารถนั่งได้ มีร่างกายที่แข็งแรงพอที่จะตั้งคอให้ตรงและนั่งได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งคุณสามารถสังเกตได้จากการแสดงความสนใจในอาหารของคุณในขณะที่คุณกำลังรับประทานอาหาร เพราะหากเด็กแสดงอาการแบบนั้นแปลว่าเขาพร้อมมากสำหรับการทานอาหารประเภทอื่น แต่หากทานอาหารครั้งแรกแล้วลูกของคุณถ่มน้ำลาย คลายอาหารออกมาหรือปฏิเสธที่จะกินมันพวกเขาอาจยังไม่พร้อมดังนั้นให้รอและลองอีกครั้งในสัปดาห์ถัดไป
วิธีเลือกอาหารเสริมสำหรับเด็ก
1. ช่วงอายุของเด็ก
ลูกน้อยของคุณจะกินอาหารประเภทต่าง ๆ ได้นั้นขึ้นอยู่กับช่วงอายุของเด็ก หากอยู่ในระยะที่ 1 อาหารสำหรับทารกนี้เหมาะกับทารกที่มีอายุระหว่าง 4 ถึง 6 เดือน หากอยู่ระยะที่ 2 เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 ถึง 8 เดือน ในขณะที่อาหารสำหรับเด็กระยะที่ 3 นั้นเหมาะสำหรับเด็กอายุ 8 ถึง 10 เดือน บางยี่ห้อจะเสนออาหารออร์แกนิกสำหรับเด็กเล็ก แต่ละขั้นตอนจะแตกต่างกันไปในแง่ของการผสมผสานระหว่างอาหารและเนื้อสัมผัสเพื่อให้ลูกน้อยของคุณทานได้ง่าย อาจจะเริ่มต้นด้วยอาหารเสริมที่มีส่วนผสมเดียวและจากนั้นให้รวมส่วนผสมอื่น ๆ เแต่ราขอแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงอาหาร เช่น ไข่, ถั่วลิสง และปลา จนกระทั่งเมื่อลูกของคุณมีอายุครบหนึ่งขวบถึงจะทานได้เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้
2. โรคภูมิแพ้
ทารกมีความอ่อนไหวมากและคุณควรตรวจสอบกับกุมารแพทย์ประจำตัวเสมอ เพื่อให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกนั้น ลูกของคุณสามารถทานได้และอาหารประเภทไหนที่ลูกของคุณทานไม่ได้ เมื่อคุณรู้สิ่งนี้แล้วคุณสามารถเลือกอาหารสำหรับทารกได้อย่างง่ายดาย
3. ส่วนผสม
นอกเหนือจากการพิจารณาว่าลูกน้อยของคุณไม่แพ้อาหารอะไรหรือไม่ชอบอาหารอะไรแล้ว คุณต้องตรวจสอบด้วยว่าลูกชอบอาหารแบบไหนมากที่สุด เพราะสารอาหารบางชนิดสามารถทำให้ทารกอ้วนได้ ซึ่งจะทำให้สุขภาพของพวกเขามีความเสี่ยงมาก ดังนั้นเลือกอาหารที่เขาชอบ รสชาติดี และปลอดภัยสำหรับเขามากที่สุด
4. สิ่งที่ควรตรวจสอบเมื่อซื้ออาหารเสริมให้ทารก
-
- ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนให้ลูกทานอาหารเสริม
- ให้แน่ใจว่าภาชนะบรรจุที่คุณซื้อนั้นปิดผนึกอย่างดีก่อนเปิดใช้งาน
- สังเกตความปลอดภัยของอาหาร
- อย่าใช้ความร้อนสูงกับอาหารเด็กให้ใช้น้ำอุ่นแทน
- อย่ามองข้ามสารเติมแต่งและสารกันบูดในอาหาร
- อย่าแช่เย็นอาหารเด็กที่คุณเปิดมาแล้วมากกว่า 3 วัน ให้ลูกทาน เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้
HOORAY สตูว์เนื้อ อาหารเสริมสำหรับเด็ก

ราคา 59 บาท*
ปริมาณ | กล่องละ 140 กรัม x 1 กล่อง |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ข้าวกล้อง มะเขือเทศ เนื้อวัวและแครอท |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบเหลว |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 10 เดือนขึ้นไป |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
Picnic Baby ปิคนิค เบบี้ อาหารเสริมสำหรับเด็ก

ราคา 60 บาท*
ปริมาณ | กล่องละ 100 กรัม x 1 กล่อง |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ข้าว เนื้อสัตว์และผัก (ขึ้นอยู่กับสูตรที่เลือก) |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบเหลว |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 6 เดือนขึ้นไป |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
XONGDUR ข้าวกล้องงอกบดออร์แกนิคผสมกล้วยและฟักทองบด

ราคา 80 บาท*
ปริมาณ | ซองละ 120 กรัม x 1 ซอง |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ฟักทอง ข้าวกล้องงอกและกล้วยหอม |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบผง |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 6 เดือน - 3 ปี |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
CERELAC อาหารเสริมทารก สูตรผสมข้าวสาลี ปลาและผักโขม

ราคา 95 บาท*
ปริมาณ | กล่องละ 250 กรัม x 1 กล่อง |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ผักโขม ข้าวสาลีและปลา |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบผง |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 8 เดือนขึ้นไป |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
Mama Cooks อาหารเสริมปลาแซลมอน สูตรคลาสสิก

ราคา 149 บาท*
ปริมาณ | กล่องละ 30 กรัม x 1 กล่อง |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ปลาแซลมอนหยอง 100% |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบผง |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 1 ปีขึ้นไป |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
BAANRAYA ตับไก่ผง บ้านรยา

ราคา 200 บาท*
ปริมาณ | กระปุกละ 90 กรัม x 1 กระปุก |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ตับไก่ 100% |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบผง |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 6 เดือนขึ้นไป |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
HAPPY BEAR โจ๊กข้าวกล้องออร์แกนิกกึ่งสำเร็จรูปสำหรับเด็ก

ราคา 209 บาท*
ปริมาณ | ขวดละ 200 กรัม x 1 ขวด |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ข้าวกล้อง มะเขือเทศ เนื้อวัวและแครอท |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบเหลว |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 10 เดือนขึ้นไป |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
Baby Natura อาหารเสริมออร์แกนิกสำหรับทารกและเด็กเล็ก

ราคา 420 บาท*
ปริมาณ | กล่องละ 120 กรัม x 5 กล่อง |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | ข้าวกล้อง กล้วย ฟักทอง มันหวาน (ขึ้นอยู่กับสูตร) |
ลักษณะเนื้อสัมผัสของอาหาร | แบบผง |
ช่วงอายุที่แนะนำ | 6 เดือน - 3 ปี |
ปลอดวัตถุกันเสีย | ✔ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ แนะนำ อาหารเสริมสำหรับทารก ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
อาหารจานแรกที่ดีที่สุดสำหรับทารกคืออะไร?

ถึงแม้ว่าธัญพืชเป็นอาหารที่แนะนำเป็นอันดับแรกสำหรับเด็กทารก เนื่องจากมันมีรสชาติที่นุ่มนวลและช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก แต่ตอนนี้กุมารแพทย์ได้กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะเริ่มต้นอาหารด้วยธัญพืชหรืออาจจะเริ่มด้วยผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์เลยก็ได้ ในการเริ่มทานอาหารควรเริ่มด้วยผักบดอย่างเดียวหรืออาจจะทานด้วยน้ำซุปข้นผลไม้ที่ผสมอะโวคาโด, ฟักทองน้ำเต้า, มันเทศ, แครอทหรือถั่วก็ได้ อีกทั้งเมื่อทำอาหารคุณสามารถเพิ่มน้ำนมแม่ในอาหารได้ด้วย เพื่อให้เด็กทานได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ เราแนะนำอาหารที่ดีสำหรับเด็กทารกกันไปแล้วทีนี้ก็มาถึงคิวอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงกันบ้างค่ะ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในทารกที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี
- อาหารที่มีความแข็งหรือก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ข้าวโพดคั่วและองุ่น เพราะอาจจะทำให้หายใจไม่ออก
- น้ำผึ้ง สามารถทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคโบทูลิซึมในทารกได้
- อาหารที่มีน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติม เช่น น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร
- นมวัวที่ยังไม่ดัดแปลงหรือผ่านการฆ่าเชื้อ แต่สามารถทานโยเกิร์ตและชีสไขมันเต็มรูปแบบได้

ในส่วนของสารก่อภูมิแพ้กุมารแพทย์ได้แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้สูง เช่น ไข่ ปลา ถั่วลิสงและถั่วเปลือกแข็ง อาหารเหล่านี้มีประโยชน์ก็จริง แต่อาจจะทำให้เด็กเกิดอาการแพ้แบบรุนแรงได้และส่วนใหญ่มักจะถูกนำไปใช้กับเด็กทารกในช่วง 4-6 เดือน เพราะมันบดได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตามให้รอให้เด็กโตก่อนค่อยทานอาหารพวกนั้นก็ได้ค่ะ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนยังเป็นคุณพ่อคุณแม่มื้อใหม่ป้ายแดง ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณจะต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อมสำหรับปัญหาที่จะตามมา เรื่องความสะอาด และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เป็นมิตรต่องต่อลูกน้อยของคุณที่สุด และวันนี้ก่อนจากกันเรามีบทความดี ๆ มาแนะนำสำหรับเด็กทารกแรกเกิดกันค่ะ ไม่ว่าเป็น ครีมทาผื่นผ้าอ้อม, เครื่องนึ่งขวดนม, ขวดนม, น้ำยาล้างขวดนม, ผ้าอ้อมสำหรับเด็กแรกเกิด, น้ำยาซักผ้าเด็ก, แป้งสำหรับเด็ก, รถเข็นสำหรับเด็กแรกเกิดถึง 4 ขวบ และ ไฮแชร์ เก้าอี้นั่งกินข้าวสำหรับเด็ก