การให้ความใส่ใจใน ‘อาหารสัตว์’ เป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงค่ะ เราล้วนแต่ต้องการให้น้องหมาน้องแมวได้รับสารอาหารที่เหมาะสม มีขนสวยเงางามน่าอุ้มน่ากอด และมีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่กับเราไปได้นาน ๆ

ในปัจจุบันจึงมีอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายแบบถูกผลิตขึ้นเพื่อให้ตอบโจทย์สัตว์เลี้ยงแต่ละประเภทได้มาที่สุด ไม่ว่าจะเป็น อาหารสุนัขพันธุ์ใหญ่, อาหารสุนัขพันธุ์เล็ก, อาหารลูกสุนัข, อาหารสุนัขแพ้ง่าย, อาหารแมวเกรด Holistic, อาหารลูกแมว, อาหารแมวแก่, อาหารแมวปราศจากธัญพืช และอาหารแมวแบบเปียก
ซึ่งอาหารสัตว์แต่ละประเภทนั้นก็ล้วนออกแบบสูตรมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก แต่ก็ยังมีอาหารอีกประเภทหนึ่งสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ให้คุณค่าสารอาหารครบครันไม่แพ้กัน เรียกกันว่า ‘อาหารบาร์ฟ (BARF)’ ชึ่งอาหารประเภทนี้จะผลิตมาจากส่วนผสมเนื้อสัตว์สดใหม่ และวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่าง ๆ มาปรุงโดยไม่ผ่านความร้อน ทำให้สัตว์เลี้ยงของเราได้รับสารอาหาร และคุณประโยชน์จากอาหารอย่างครบถ้วน ช่วยให้สุขภาพของสัตว์เลี้ยงมีความสมบูรณ์แข็งแรงยิ่งกว่าการทานอาหารสำเร็จรูปแบบปกติ
อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากทำความรู้จักกับอาหารบาร์ฟให้มากขึ้นกันแล้วใช่มั้ยล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นอย่ารอช้าตามเรามาในบทความด้านล่างนี้กันได้เลยค่ะ
อาหารบาร์ฟ ยี่ห้อไหนดี?
- อาหารบาร์ฟสำหรับสำหรับสุนัข และแมว: AUGiE Barf อาหารบาร์ฟโครงไก่สดบดละเอียด
- อาหารบาร์ฟแบบกระปุก จัดเซ็ตสุดคุ้ม: BB BARF อาหารบาร์ฟสำหรับแมว
- อาหารบาร์ฟฟรีซดรายสำหรับสุนัข: KELLY AND CO'S RAW DINNER BITES อาหารบาร์ฟ
- อาหารบาร์ฟแมว สูตรบำรุง และถนอมไต: Kyosane อาหารบาร์ฟฟรีซดราย สำหรับแมว
อาหารบาร์ฟ คืออะไร? ทำไมต้องให้อาหารบาร์ฟ ?
‘อาหารบาร์ฟ’ หรือ ‘BARF’ ย่อมาจากคำว่า Biologically Appropriate Raw Food Diet หรือ Bone and Raw Food เป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ประกอบไปด้วยเนื้อดิบสดใหม่, กระดูกบดละเอียด, เครื่องในสัตว์ รวมถึงผัก และผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยง นำมาบด หรือสับให้ละเอียดรวมกันทำเป็นอาหารโดยที่ไม่ผ่านการปรุงสุก ไม่มีการผสมสารสังเคราะห์อย่างการแต่งสี หรือแต่งเติมกลิ่น ไปจนถึงปราศจากส่วนผสมของสารกันเสียต่าง ๆ และมีสัดส่วนของสารอาหารที่สมดุล และเหมาะสมกับสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง

อาหารบาร์ฟจึงถือเป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เลียนแบบวิธีการกินอาหารแบบสมัยก่อนที่บรรพบุรุษน้องหมาน้องแมวของเรายังเป็นนักล่าอยู่ อาหารบาร์ฟจึงเปรียบเสมือนการให้สัตว์เลี้ยงของเราได้กินอาหารที่ล่ามาเอง อีกทั้งอาหารบาร์ยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง หรือได้รับความร้อน ทำให้สัตว์เลี้ยงของเราได้รับสารอาหารแบบเต็ม ๆ ช่วยเพิ่มน้ำหนัก และเสริมสร้างกล้ามเนื้อรวมถึงระบบภูมิคุ้มกันได้ดี ช่วยปรับสมดุลของระบบย่อยอาหาร อีกทั้งยังช่วยให้ผิวหนัง และเส้นขนสุขภาพดีเงางามอีกด้วยค่ะ
การให้อาหารบาร์ฟ (BARF) สำหรับมือใหม่
ในการจะให้อาหารบาร์ฟกับสัตว์เลี้ยงนั้น เบื้องต้นผู้เลี้ยงจะต้องศึกษาถึงปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อขนาด และสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงเสียก่อน รวมถึงสังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของสัตว์เลี้ยงของตัวเองร่วมด้วย เพื่อให้สามารถคำนวนปริมาณอาหารที่ต้องการต่อมื้อ รวมถึงสามารถจัดตารางอาหารภายใน 1 สัปดาห์ได้ โดยช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาน้องแมวคือหลังจากหย่านมแล้ว หรือประมาณ 45 – 60 วันจึงให้เริ่มลองทานอาหารบาร์ฟได้
ซึ่งในช่วงแรก ๆ อาจจะให้สัตว์เลี้ยงของเราลองกินอาหารบาร์ฟดูในปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อให้น้อง ๆ สร้างความคุ้นชินกับอาหารแบบใหม่ ให้ระบบย่อยอาหารได้ปรับตัว ส่วนเราเองก็จะได้สังเกตไปในตัวด้วยว่าสัตว์เลี้ยงของเราชอบ หรือไม่ชอบเนื้อแบบไหน รวมถึงอาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือทำให้ท้องเสียอาเจียน

และถ้าหากเจ้าของคนไหนที่อยากให้สัตว์เลี้ยงทานอาหารประเภทธัญพืชบ้าง แนะนำว่าให้แยกมื้ออาหารพวกธัญพืชกับประเภทเนื้อจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าหากทานร่วมกันอาจทำห้เกิดลมในกระเพาะ และทำให้กระเพาะทำงานหนักเกินไปได้
นอกจากนี้ภายหลังหากใครที่อยากเพิ่มสารอาหารประเภทผัก และผลไม้ก็อาจจะบดแบบหยาบ ๆ ผสมกับเนื้อสัตว์ไปเลยก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้สัตว์เลี้ยงของเราทานผักผลไม้ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องศึกษาให้ดีนะคะ ว่าผักผลไม้ชนิดใดบ้างที่สัตว์เลี้ยงของเราสามารถทานได้ เพราะไม่ใช่ผักผลไม้ทุกชนิดที่น้องหมาน้องแมวสามารถทานได้ค่ะ
วิธีเลือกซื้ออาหารบาร์ฟ (BARF)
อาหารบาร์ฟที่วางจำหน่ายในปัจจุบันมีทั้งอาหารบาร์ฟสำหรับสุนัข และแมว และยังมีหลากหลายสูตรให้เลือก การที่จะเลือกอาหารบาร์ฟที่มีคุณค่าของสารอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงของเรา จำเป็นที่จะต้องพิจารณาตามปัจจัยด้านล่างนี้ค่ะ
1. เลือกอาหารบาร์ฟที่เหมาะกับประเภท และสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง
อาหารบาร์ฟสำหรับสุนัข และสำหรับแมวนั้นย่อมมีการใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่แตกต่างกัน เพราะสัตว์เลี้ยงทั้ 2 สายพันธุ์ต่างก็ต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันทั้งประเภทและปริมาณ เราจึงไม่ควรนำอาหารบาร์ฟที่ไม่ได้ผลิตมาเพื่อประเภท หรือสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงทาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งนอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายของสัตว์เลี้ยงอ่อนแอลงแล้ว ยังอาจทำให้สัตวเลี้ยงของเราเกิดความเครียดได้อีกด้วย

2. เลือกอาหารบาร์ฟที่เหมาะสมกับช่วงวัยของสัตว์เลี้ยง
นอกจากการเลือกอาหารบาร์ฟให้เหมาะกับสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงแล้ว การเลือกให้เหมาะกับช่วงวัยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเมื่อก่อนอาหารบาร์ฟจะเหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่โตเต็มวัยแล้วเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอาหารบาร์ฟจะมีส่วนผสมของกระดูกจึงไม่เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงวัยเด็กที่ฟันยังไม่ขึ้น และมีประสิทธิภาพในการย่อยอาหารที่ยังไม่เท่าสัตว์เลี้ยงตัวเต็มวัย แต่ในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบรนด์ที่มีการพัฒนาสูตรของอาหารบาร์ฟให้เหมาะสำหรับหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราก็ขอแนะนำว่าควรให้อาหารบาร์ฟกับสัตว์เลี้ยงหลังจากที่หย่านมแล้ว หรือหลังจากอายุ 45 – 60 วันเป็นต้นไปค่ะ
3. เลือกอาหารบาร์ฟที่มีส่วนผสมของผัก และผลไม้ด้วย
นอกจากส่วนผสมหลักของอาหารบาร์ฟอย่างจำพวกเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนแล้ว ผักผลไม้ก็เป็นส่วนผสมที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้รับวิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างเสริมร่างกายให้แข็งแรงอย่างครบถ้วน แต่การจะนำผักผลไม้มาต้มแล้วให้สัตว์เลี้ยงทานเลยน้องหมาน้องแมวบางตัวก็อาจจะเมินได้ การเลือกอาหารบาร์ฟที่มีส่วนผสมของผักและผลไม้ที่เป็นประโยชน์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ แต่เราก็ต้องศึกษาให้ดีว่าสัตว์เลี้ยงของเรามีผักผลไม้อะไรบ้างที่สามารถทานได้ และดีต่อร่างกาย เนื่องจากผักผลไม้บางชนิดก็ไม่ควรให้กับสัตว์เลี้ยง เพราะเป็นพิษกับร่างกายค่ะ
4. ลองเลือกอาหารบาร์ฟแบบฟรีซดราย ที่สะดวก และปลอดภัย
หากใครที่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องพยาธิ และแบคทีเรียต่าง ๆ ที่อาจจะมาพร้อมกับอาหารสด หรือรู้สึกว่าการให้อาหารสดค่อนข้างยุ่งยาก ไม่สะดวกเวาลาต้องออกไปนอกบ้าน อาจจะลองเลือกเป็นอาหารบาร์ฟแบบฟรีซดรายที่ยังคงคุณค่าของอาหารบาร์ฟไว้อย่างครบถ้วน แต่มาในรูปแบบของอาหารแบบแห้งที่ให้ความสะดวกง่ายดาย และพกพาง่ายกว่า มีอายุการเก็บรักษาที่นานกว่า ลดความเสี่ยงเรื่องพยาธิ สามารถเทให้สัตว์เลี้ยงทานได้เลย หรือนำมาผสมซุป, น้ำเปล่า หรือนมแพะ เพื่อให้อาหารอ่อนนุ่มขึ้นก็ได้
Bone and Raw อาหารบาร์ฟสุนัขสูตรไก่

ราคา 80 บาท*
อาหารบาร์ฟตัวแรกที่เราจะมาแนะนำกัน เป็นอาหารบาร์ฟสำหรับน้องหมาจากแบรนด์ Bone and Raw ที่ผลิตมาจากวัตถุดิบสดใหม่ ซึ่งใช้เนื้อไก่, เครื่องใน และโครงไก่สดมาเป็นวัตถุดิบหลัก และยังมีการเพิ่มสารอาหารให้หลากหลายด้วยส่วนผสมของผัก และผลไม้ 5 สี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของอาหารเสริมที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของน้องหมาอย่างน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น, น้ำมันมะกอก และไข่ ทำให้น้องหมาของเราสามรถได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน นอกจากนี้อาหารบาร์ฟตัวนี้ยังสามารถแบ่งให้น้องหมาทานได้หลายมื้อ และยังสามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือนเมื่อเก็บในช่องฟรีซค่ะ
จุดเด่น
- อาหารบาร์ฟแบบแช่แข็ง สำหรับน้องหมา
- ใช้วัตถุดิบสดใหม่ของเนื้อไก่, เครื่องใน และโครงไก่สดในการผลิต
- มีส่วนผสมของอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของน้องหมา
- เก็บได้นานถึง 6 เดือน เมื่อเก็บในช่องฟรีซ
ส่วนผสมหลัก | เนื้อไก่, เครื่องใน และกระดูกส่วนโครง |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟแช่แข็ง |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
ปริมาณ | 500 g. |
AUGiE Barf อาหารบาร์ฟโครงไก่สดบดละเอียด

ราคา 40 บาท*
สำหรับอาหารบาร์ฟจากแบรนด์ AUGiE Barf ตัวนี้ เป็นอาหารบาร์ฟสดแบบแช่แข็งที่ผลิตมากจากวัตถุดิบคุณภาพ ด้วยการใช้โครงไก่สด Human Food Grade ทั้งตัวมาบดจนละเอียด โดยตัดส่วนท้ายของไก่ และหนังคอออกแล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้การชำแหละเนื้อไก่สดด้วยเครื่องจักร ภายในโรงงานแบบปิดที่ได้มาตรฐาน มีการรักษาความเย็นที่คงที่ ทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยไร้สารปนเปื้อน และความสดใหม่ที่จะยังคงอยู่แบบครบถ้วน เหมาะสำหรับทั้งน้องหมา และน้องแมวที่มีอายุ 45 วันขึ้นไป เพียงแค่นำมาทำละลายโดยไม่ใช้ความร้อน เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแล้วค่ะ
จุดเด่น
- เป็นอาหารบาร์ฟที่เหมาะสำหรับทั้งสุนัข และแมว
- ผลิตจากโครงไก่สดใหม่ Human Food Grade ทั้งตัวนำมาบดละเอียด
- ชำแหละไก่โดยโรงงานระบบปิดที่ได้มาตรฐาน มีการรักษาความเย็นคงที่
ส่วนผสมหลัก | โครงไก่สดทั้งตัว |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟแช่แข็ง |
เหมาะสำหรับ | สุนัข และแมวอายุ 45 วันขึ้นไป |
ปริมาณ | 1 kg. |
BARF BOWL Nutrient mix อาหารบาร์ฟสุนัข สูตรเนื้อวัวผสมเป็ด

ราคา 110 บาท*
อาหารบาร์ฟสำหรับสุนัขถุงนี้ ถือเป็นอาหารบาร์ฟอีกหนึ่งตัวที่ทางแบรนด์ BARF BOWL ใส่ใจในทุกขั้นตอนของการผลิตอย่างมาก ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบเนื้อสันในวัว, เครื่องในวัว, ผักผลไม้, น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปลาแซลมอนที่เป็น Human Food Grade เท่านั้น และส่วนผสมทั้งหมดจะผ่านการฆ่าเชื้อด้วยอุณหภูมิ -30 องศา เพื่อให้อาหารบาร์ฟที่ได้มีความปลอดภัย และสดใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีการขนส่งโดยรถคุมอุณหภูมิที่เป็นระบบเดียวกับการขนส่งปลาดิบของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เรามั่นใจได้ว่าน้องหมาของเราจะได้ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพค่ะ
จุดเด่น
- อาหารบาร์ฟสำหรับสุนัข รสเนื้อวัว
- ผลิตจากวัตถุดิบ Human Food Grade ที่สดใหม่
- ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยอุณหภูมิ -30 องศา เพื่อความปลอดภัย
- ขนส่งโดยรถคุมอุณหภูมิ ระบบเดียวกับการขนส่งปลาดิบของประเทศญี่ปุ่น
ส่วนผสมหลัก | เนื้อสันในวัว, เครื่องในวัว, ผักผลไม้, น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปลาแซลมอน |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟแช่แข็ง |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
ปริมาณ | 1,500 g. |
BB BARF อาหารบาร์ฟสำหรับแมว

ราคา 1,000 บาท*
อาหารบาร์ฟตัวนี้มาจากแบรนด์ BB BARF ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐาน และไว้วางใจได้อีกแบรนด์หนึ่ง โดยทางแบรนด์ก็ได้มีการจัดเซ็ตอาหารบาร์ฟสำหรับแมวสุดคุ้ม เซ็ตละ 8 กระปุกออกมาวางจำหน่าย จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เลี้ยงน้องแมวหลายตัว อีกทั้งตัวอาหารบาร์ฟยังมาในรูปแบบกระปุกจัดเก็บได้ง่าย 1 กระปุกสามารถแบ่งทานได้ถึง 4 มื้อต่อน้องแมว 1 ตัว เป็นอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีโภชนาการครบถ้วน ช่วยเพิ่มน้ำหนัก และกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยให้สุขภาพดี ช่วยให้ขนสวยเงางาม และช่วยปรับสมดุลของลำไส้ มีให้เลือก 2 รสชาติคือรสเนื้อไก่ และรสเนื้อเป็ดค่ะ
จุดเด่น
- อาหารบาร์ฟสำหรับแมวจัดเซ็ตสุดคุ้ม 8 กระปุก
- บรรจุมาในรูปแบบกระปุกจัดเก็บง่าย 1 กระปุกแบ่งทานได้ 4 มื้อ
- ช่วยเพิ่มน้ำหนัก เสริมสร้างกล้ามเนื้อ บำรุงสุขภาพ และเส้นขน พร้อมปรับสมดุลลำไส้
- มีให้เลือก 2 รสชาติคือรสเนื้อไก่ และรสเนื้อเป็ด
ส่วนผสมหลัก | สูตรไก่ / สูตรเป็ด |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟแช่แข็ง |
เหมาะสำหรับ | แมวทุกสายพันธุ์ |
ปริมาณ | 300 g. x 8 กระปุก |
BARFlicious อาหารบาร์ฟแมว สูตรสมดุลไก่

ราคา 100 บาท*
สำหรับอาหารบาร์ฟจากแบรนด์ BARFlicious ตัวนี้เป็นอาหารบาร์ฟที่ถูกปรับปรุงสูตรขึ้นเพื่อให้เหมาะสำหรับน้องแมวทุกสายพันธุ์ โดยมีการวัตถุดิบเป็นเนื้อไก่ไม่ติดมันแบบ Human Food Grade เป็นวัตถุดิบหลัก เสริมด้วยวัตถุดิบสดใหม่อื่น ๆ ที่ให้สารอาหารครบถ้วน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวหนัง และเส้นขนดูสวยสุขภาพดี อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลลำไส้ ทำให้ขับถ่ายออกมาเป็นก้อน นอกจากนี้อาหารบาร์ฟตัวนี้ยังเหมาะสำหรับน้องแมวที่ไม่อยากได้รับไขมันมากเกินไป เพราะผลิตจากเนื้อไก่ที่ไม่ติดมันค่ะ
จุดเด่น
- ผลิตจากเนื้อไก่ไม่ติดมัน เครื่องใน และไข่แบบ Human Food Grade
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ขนสวยไม่หลุดร่วง
- ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ขับถ่ายเป็นก้อน
- น้องแมวที่กำลังควบคุมน้ำหนักสามารถทานได้
ส่วนผสมหลัก | เนื้อไก่ไม่ติดมัน, เครื่องใน และไข่ |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟแช่แข็ง |
เหมาะสำหรับ | แมวโตทุกสายพันธุ์ |
ปริมาณ | 500 g. |
KELLY AND CO'S RAW DINNER BITES อาหารบาร์ฟ

ราคา 395 บาท*
สำหรับอาหารบาร์ฟจากแบรนด์ KELLY AND CO'S ตัวนี้ เป็นอาหารบาร์ฟแบบฟรีซดรายสำหรับสุนัขแบบพร้อมทาน เพียงแค่ฉีกซองแล้วเท หรือจะเติมน้ำ หรือซุปเพื่อให้อาหารนุ่มก็ได้ ผลิตจากปลาแซลมอน และเนื้อเป็ดที่ผ่านมาตรฐาน CFIA อีกทั้งยังมีส่วนผสมของผัก และผลไม้ออร์แกนิคที่ผ่านการรับรอง วิตามิน และแร่ธาตุจำเป็น รวมถึงยังมีโปรไบโอติก และสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ทำให้น้องหมาได้รับโภชนาการตามมาตรฐาน AAFCO นอกจากนี้ยังเป็นอาหารสูตรปราศจากสารที่เป็นอันตราย ไม่มีสารกันเสีย กลูเตน และจีเอ็มโออีกด้วยค่ะ
จุดเด่น
- เป็นอาหารบาร์ฟแบบฟรีซดรายสำหรับสุนัขแบบพร้อมทาน อาจเติมน้ำ หรือซุปเพื่อให้อาหารนิ่มก็ได้
- ผลิตจากปลาแซลมอน และเนื้อเป็ดที่ผ่านมาตรฐาน CFIA
- มีส่วนผสมของผักผลไม้ วิตามิน และแร่ธาตุจำเป็น
- ปราศจากสารที่เป็นอันตราย ไม่มีสารกันเสีย กลูเตน และจีเอ็มโอ
ส่วนผสมหลัก | ปลาแซลมอน, เนื้อเป็ด, ผัก และผลไม้รวม |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟฟรีซดราย |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
ปริมาณ | 156 g. |
Kyosane อาหารบาร์ฟฟรีซดราย สำหรับแมว

ราคา 273 บาท*
อาหารบาร์ฟแบบฟรีสดรายสำหรับแมวตัวนี้มาจากแบรนด์ชื่อน่ารัก ๆ อย่างแบรนด์ Kyosane หรือ เขี้ยวเสน่ห์ ซึ่งเป็นอาหารบาร์ฟแมวสูตรบำรุง และถนอมไตที่ผลิตมาจากอกไก่ลอกหนัง, หัวใจไก่, ตับไก่ และไข่ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของสมุนไพรอย่างรากโกโบ และพาสลี่ย์ ที่ช่วยบำรุงไต และระบบกระเพาะปัสสาวะ มีการเสริมแคลเซียมช่วยลดภาระให้ไตในการกำจัดของเสีย อาหารบาร์ฟมาในรูปแบบชิ้นเล็กพอดีคำประมาณ 36 ชิ้นต่อ 1 ถุงแบ่งทานได้ง่าย หรือจะบดนำมาผสมซุปก็ได้อีกเมนูแสนอร่อยสำหรับน้องแมว โดยคุณสามารถศึกษาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับน้องแมวได้ในคำอธิบายเพิ่มเติมของทางแบรนด์ค่ะ
จุดเด่น
- อาหารบาร์ฟแบบฟรีซดราย สำหรับแมวอายุ 1 เดือนขึ้นไปทุกสายพันธุ์
- ผลิตจากอกไก่ลอกหนัง เครื่องใน และไข่ที่มีคุณภาพเป็นวัตถุดิบหลัก
- มีส่วนผสมของสมุนไพร ช่วยบำรุงไต และระบบกระเพาะปัสสาวะ
- อาหารมีชิ้นขนาดเล็กพอดีคำ แบ่งทานได้ง่าย
ส่วนผสมหลัก | อกไก่ลอกหนัง, เครื่องใน, ไข่ และสมุนไพร |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟฟรีซดราย |
เหมาะสำหรับ | แมวอายุ 1 เดือนขึ้นไป - แมวโตเต็มวัย |
ปริมาณ | 50 g. |
KELLY AND CO'S RAW DINNER BITES อาหารบาร์ฟฟรีซดรายสำหรับแมว

ราคา 382 บาท*
สำหรับอาหารบาร์ฟตัวสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำกันนี้ มาจากแบรนด์ KELLY AND CO'S เช่นเดียวกับตัวด้านบน แต่ตัวนี้เป็นอาหารบาร์ฟแบบฟรีซดรายสำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ ด้วยรสชาติหอมอร่อยของเนื้อปลาแซลมอน และทูน่าสดใหม่อย่างดีมาตรฐานระดับ CFIA เพิ่มโภชนาการด้วยผัก และผลไม้รวมออร์แกนิก ทำให้น้องแมวได้รับสารอาหารครบถ้วนตามมาตรฐาน AAFCO อีกทั้งยังเป็นอาหารสูตรปราศจากสารกันเสีย, กลูเตน และยาปฏิชีวนะ สามารถฉีกซองแล้วแบ่งให้น้องแมวทานได้เลย หรือจะจะเติมน้ำซุป, นมแพะ เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นเมนูอร่อยที่หลากหลายได้ตามใจค่ะ
สูตรปลาแซลมอน และปลาทูน่าผสมผัก และผลไม้รวม
จุดเด่น
- อาหารบาร์ฟฟรีซดรายสำหรับแมวแบบพร้อมทาน อาจเติมน้ำ หรือซุปเพื่อให้อาหารนิ่มก็ได้
- ผลิตจากปลาแซลมอน และทูน่าที่ผ่านมาตรฐาน CFIA
- สารอาหารครบถ้วนตามมาตรฐาน AAFCO
- เป็นอาหารสูตรปราศจากสารกันเสีย, กลูเตน และยาปฏิชีวนะ
ส่วนผสมหลัก | แซลมอน, ทูน่า, ผัก และผลไม้รวม |
---|---|
ประเภท | อาหารบาร์ฟฟรีซดราย |
เหมาะสำหรับ | แมวทุกสายพันธุ์ |
ปริมาณ | 156 g. |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ข้อควรระวังในการให้สัตว์เลี้ยงทานอาหารบาร์ฟ (BARF)
อาหารบาร์ฟสำหรับสัตว?เลี้ยง นอกจากจะมีประโยชน์หลากหลายต่อร่างกายของสัตว์เลี้ยงแล้ว ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่เช่นกัน ซึ่งโดยส่วนมากจะเกี่ยวกับขั้นตอนการให้อาหาร หรือขั้นตอนการเก็บรักษา ที่ถ้าหากทำผิดวิธีก็อาจจะทำให้สุนัขของเราเจ็บป่วยเพราะอาหารบาร์ฟที่เราเอาให้ทานก็ได้ และด้านล่างนี้ก็คือข้อควรระวังที่ควรรู้เบื้องต้นในการให้อาหารบาร์ฟกับสัตว์เลี้ยงค่ะ
1. การรักษาความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ
ความสะอาดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดทั้งสำหรับเจ้าของและสุนัข ควรทำความสะอาดทุกครั้งทั้งบริเวณที่เตรียมอาหาร, ภาชนะใส่อาหาร, และควรล้างมือทุกครั้ง ไม่ว่าจะให้อาหารเม็ดหรืออาหารของเรา, เราขอแนะนำให้ใช้ชามสเตนเลส เนื่องจากวัสดุอื่นสามารถเป็นที่หมักหมดของแบคทีเรียหรือเชื้อโรคอื่นได้ง่าย
2. การละลายอาหารบาร์ฟแช่แข็ง ห้ามใช้ความร้อน
ในการละลายอาหารบาร์ฟแช่แข็งนั้นมีอยู่ 2 วิธี คือการนำอาหารบาร์ฟออกมาจากช่องฟรีซมาไว้ในช่องแช่เย็นธรรมดา 5 – 6 ชั่วโมง หรือข้ามคืน เพื่อให้อาหารละลายพอดีก่อนนำให้สัตว์ทาน หรืออีกวิธีที่รวดเร็วกว่าคือนำอาหารบาร์ฟในปริมาณที่ต้องการให้สัตว์เลี้ยงมาใส่ถุงที่ปิดมิดชิด แล้วนำไปวางแช่น้ำแบบวิธีการละลายอาหารแช่แข็งของคน แล้วนำให้สัตว์เลี้ยงทานทันที โดยไม่ตั้งทิ้งไว้นาน แต่ไม่แนะนำให้ใช้น้ำที่มีอุณภูมิร้อนจนเกินไปจนอาหารบาร์ฟสุก หรือนำอาหารบาร์ฟไปผ่านความร้อน เพราะนอกจากจะทำให้สารอาหารจำเป็นหลาย ๆ อย่างในอาหารบาร์ฟหายไปแล้ว ยังอาจทำให้ส่วนผสมของกระดูกในอาหารบาร์ฟสุก และเกิดการแข็งตัวจนมีความแข็ง ซึ่งน้องหมาน้องแมวไม่สามารถย่อยกระดูกที่สุกได้ค่ะ
3. ไม่ควรวางอาหารบาร์ฟทิ้งไว้ด้านนอกนานเกิน 30 นาที
อาารบาร์ฟที่ละลายเพื่อเตรียมให้สำหรับสัตว์เลี้ยงแล้วไม่ควรถูกวางทิ้งไว้ข้างนอกนนานเกินไป หรือเกิน 20 – 30 นาที เพราะอุณหภูมิอาหารที่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงนั้นมีผลอย่างมากต่อคุณภาพของอาหารบาร์ฟที่เป็นอาหารสด การวางอาหารบาร์ฟทิ้งไว้ในอุณภูมิห้องที่มีความอุ่นกว่าอุณหภูมิสำหรับจัดเก็บเป็นเวลานานอาจทำให้อาหารเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง อีกทั้งยังทำให้อาหารสูญเสียความสดใหม่ไปอีกด้วย
4. อาหารบาร์ฟที่ละลายแล้ว หากเหลือ ควรทิ้ง
สืบเนื่องจากข้อควรระวังด้านบน อาหารบาร์ฟที่ที่เหลือทั้งจากการละลาย และจากที่น้องหมาน้องแมวทานเหลือควรทิ้ง ไม่ควรนำมาแช่แข็งใหม่เพื่อให้ในมื้อถัดไป หรือเอาอาหารบาร์ฟแบบกระปุกมาตั้งไว้ให้กินพอเหลือแล้วค่อยเก็บกลับไปแช่แข็ง เพราะเราไม่รู้เลยว่าอาหารบาร์ฟที่ออกมาสัมผัสกับอากาศภายนอกเป็นเวลานานแล้วจะมีการก่อตัวของแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ใดบ้าง ยิ่งผสมกับน้ำลายของสัตว์เลี้ยงมาแล้วก็ยิ่งเร่งให้อาหารบาร์ฟเกิดการเน่าเสียเร็วขึ้น แนะนำว่าเราควรกะปริมาณอาหารให้พอดีสำหรับสัตว์เลี้ยงในแต่ละครั้ง หากไม่พอค่อยละลายเพิ่ม

5. ไม่ควรให้อาหารบาร์ฟ พร้อมกับอาหารเม็ด
เราไม่ควรให้อาหารบาร์ฟ และอาหารเม็ดพร้อมกัน เพราะการย่อยอาหารเม็ด และอาหารบาร์ฟนั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก การให้อาหารทั้ง 2 ชนิดรวมกันจึงทำให้กระเพาะทำงานค่อนข้างหนัก อาจทำให้สัตว์เลี้ยงของเราเกิดอาหารท้องอืดท้องเฟ้อ หรือท้องเสียได้ แต่ถ้าในกรณีสำหรับหัดให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเคยชินในการทานบาร์ฟอาจให้ผสมกันได้ แต่แค่เพียงในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น โดยอาจกำหนดให้สัดส่วนของอาหารบาร์ฟเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 100% แล้วไม่ต้องผสมอาหารเม็ดอีกเลย เพราะหากให้ผสมกันเป็นเวลานานเพราะอาจทำให้ระบบย่อยอาหารของสัตว์เลี้ยงรวนได้

6. ให้อาหารบาร์ฟแล้ว ต้องรู้จักการถ่ายพยาธิด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คืออาหารสดนั้นต่อจะให้มีความสะอาดแค่ไหนก็อาจจะมีพยาธิได้ ดังนั้นถ้าหากจะให้อาหารบาร์ฟกับสัตว์เลี้ยงก็อย่าลืมที่จะถ่ายพยาธิให้น้อง ๆ ด้วย ซึ่งปกติแล้วสัตว์เลี้ยงก็มักจะมีการถ่ายพยาธิอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้งอยู่แล้ว เพราะนอกจากในอาหารสดสัตว์เลี้ยงของเราก็เสี่ยงที่จะได้รับพยาธิทั้งจากน้ำดื่ม, พื้นถนน, สนามหญ้า หรือแม้กระทั่งในทรายแมว ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องพยาธิไปได้เลยหากมีการถ่ายพยาธิตามปกติอยู่แล้ว แต่เพื่อความสบายใจอาจจะถ่ายพยาธิทุก ๆ 3 เดือนก็ได้ค่ะ
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนกับอาหารบาร์ฟสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายยี่ห้อ และสาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับอาหารบาร์ฟที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกอาหารบาร์ฟที่เหมาะกับน้องหมาน้องแมวของคุณได้จากคำแนะนำของเรานะคะ
แต่ถ้าหากใครที่กำลังมองหาของทานเล่น หรือขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง เราก็ยังมีบทความอื่น ๆ ที่คิดว่าคุณน่าจะสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมสุนัข, ไส้กรอกสัตว์เลี้ยง, วิตามินแมว, อาหารเสริมแมว, ขนมแมว และน้ำมันปลาแซลมอนสำหรับสัตว์เลี้ยง หากคุณสนใจผลิตภัณฑ์ในหัวข้อไหนก็สามารถคลิ้กลิ้งค์ที่เราแนบไว้เพื่ออ่านรีวิวสนุก ๆ ได้เลยนะคะ
สำหรับวันนี้คงต้องขอตัวลาไปก่อน ในบทความหน้าเราจะมีผลิตภัณฑ์ดี ๆ อะไรมาแนะนำกันอีก อย่าลืมติดตามชมกันให้ได้นะคะ บ๊ายบายค่ะ~