เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนต่างรู้ดีนะคะว่าการเรียนภาษาอังกฤษให้ฟัง-พูดได้คล่อง สื่อสารได้จริง และใช้งานได้เป็นธรรมชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ยิ่งถ้าหากว่าเป็นการฝึกในช่วงอายุที่มากขึ้นก็อาจต้องใช้ความพยายามที่มากขึ้นตามไปด้วย ถ้าเกิดว่าใครที่กำลังฝึกภาษาหรือมีแพลนว่าจะเริ่มฝึกภาษาอยู่ละก็ น่าจะเคยได้ยินกันบ้างนะคะวิธีการเรียนภาษาให้ได้ประสิทธิภาพนั้นก็คือการเรียนให้เหมือนเด็ก เนื่องจากกระบวนการเรียนภาษาของเด็กนั้นเริ่มต้นจากการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นจากการฟังที่เริ่มจากคำและประโยคง่าย ๆ ก่อนจะนำไปสู่การสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วนั่นเองค่ะ

เด็ก ๆ นั้นเป็นวัยที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้ภาษาที่ 2 เป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วหากว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องการจะเลี้ยงลูก 2 ภาษาก็ขอให้เริ่มตั้งแต่เจ้าหนูยังเด็กก็จะได้เปรียบกว่านะคะ และแน่นอนค่ะว่าภาษาที่ 2 รองจากภาษาแม่อย่างภาษาไทยก็ต้องเป็นภาษาสากลที่นิยมใช้กันทั่วโลกอย่างภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ
เอาเป็นว่าวันนี้เราก็มีหนังสือสอนลูก 2 ภาษามาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการจะสร้างครอบครัว 2 ภาษากันด้วยค่ะ แล้วก็ไม่ต้องกลัวเลยค่ะว่าคุณพ่อคุณแม่จะทำไม่ได้ เพราะวันนี้เรามีทั้งเคล็ดลับดี ๆ รวมถึงหนังสือดี ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะพูดและสอนเด็ก ๆ ได้แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ได้พูดอังกฤษ ไม่ใช่ลูกครึ่งหรือไม่ใช่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติเองก็ตาม
หนังสือ 2 ภาษา สำหรับสอนลูก เล่มไหนดี?
- หนังสือนิทาน 2 ภาษารวม 50 เรื่อง สามารถสแกน QR Code เพื่อดูเป็นวิดีโอได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ: หนังสือนิทานอีสปก่อนนอน 50 เรื่อง 2 ภาษา
- หนังสือสำหรับเรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน สามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้: หนังสือสร้างครอบครัว 2 ภาษาสอนพ่อแม่พูดภาษาอังกฤษกับลูก
- ชุดหนังสือสำหรับฝึกภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยคำศัพท์ ประโยคสนทนา และเพลง: หนังสือชุดภาษาอังกฤษเล่มแรกของหนู 4 เล่ม
- หนังสือคำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยเคล็ดลับในการสอนลูกสำหรับผู้ปกครอง: ครอบครัว 2 ภาษา เก่งสนทนาภาษาอังกฤษ
- หนังสือคำศัพท์ 100 คำ สำหรับเริ่มต้นสร้างความคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ: Little Monster หนังสือภาพคำศัพท์ First 100 Words
- หนังสือคำศัพท์ 5000 คำ สำหรับเริ่มต้นและต่อยอดภาษาอังกฤษ: หนังสือ 5000 คำศัพท์
เลี้ยงลูก 2 ภาษา เริ่มต้นตอนไหนดี ?

สำหรับคำถามที่ผู้ปกครองหลาย ๆ คนกำลังสงสัยนั่นก็คือจะเริ่มต้นตอนไหนดี? ช่วงไหนจะเหมาะสำหรับการฝึกภาษามากที่สุด? ซึ่งสำหรับในหัวข้อนี้เราก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเริ่มต้นตอนไหนไม่มีผิดและก็ไม่มีถูก แล้วก็ไม่สายเกินไปเช่นกันค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วมนุษย์เราสามารถเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา
อย่างเช่นผู้ใหญ่หลาย ๆ คนเองก็ยังสามารถฝึกภาษาที่ 2 ได้แม้ว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม แต่สำหรับเด็กแล้วนั้นหากว่าคุณพ่อหรือคุณแม่เริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นหรือถ้าหากจะให้เร็วที่สุดนั่นก็คือตั้งแต่แรกเกิดเลยนั่นเองค่ะ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีบางครอบครัวที่เริ่มพูดภาษาที่สองเมื่อลูกอายุประมาณ 3 หรือ 4 ปีหรือหลังจากที่เด็ก ๆ พูดภาษาแม่ได้แล้วก็ได้เหมือนกันค่ะ

ส่วนเหตุผลที่ไม่สามารถระบุออกมาเป็นตัวเลขที่เป๊ะ ๆ ได้นั้นก็เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยค่ะ อย่างแรกนั่นก็คือความพร้อมของทั้งคุณพ่อคุณแม่และเด็ก ต่อมาก็คือเรื่องของสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ภาษาในช่วงเริ่มต้นชีวิตของเค้านั่นเองค่ะ อย่างเด็กที่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการพูดภาษาที่ 2 บ่อยและถี่ก็จะค่อย ๆ เริ่มซึมซับและเรียนรู้จนทำให้ระดับการพัฒนาทางภาษานั้นจะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นตามลำดับ
จริง ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องของภาษา เด็กเองก็เปรียบเสมือนเป็นฟองน้ำที่พร้อมจะซึมซับ เปิดกว้าง และยืดหยุ่นกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ดังนั้นแล้วยิ่งรู้จักกับภาษาที่สองตั้งแต่อายุยังน้อยก็ยิ่งจะสามารถพัฒนาได้ค่อนข้างเร็วกว่าค่ะ
หนังสือนิทาน 2 ภาษา ชุดคลาสสิก

ราคา 46 บาท*
สำหรับหนังสือเล่มแรกนี้ก็จะเป็นนิทานนั่นเองค่ะคุณพ่อคุณแม่ แล้วความพิเศษก็คือนิทานแต่ละเรื่องนั้นเป็นนิทานคลาสสิกที่เป็นที่รู้จุกกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งนี่ก็จะกลายเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยให้คุณสามารถอ่านได้สนุกมากขึ้น ทำให้เด็ก ๆ ดูแล้วรู้สึกว่าไม่ยากในการเริ่มเรียนภาษาที่สองนั่นเองค่ะ ส่วนเนื้อหาภายในเล่มก็จะเป็นมีทั้งภาพสีสันสดใสสวยงามและเนื้อหาที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในเล่มเดียว โดยในส่วนของเนื้อหาภาษาอังกฤษเองก็ไม่ได้ใช้ภาษาที่ยากจนเกินไปแต่จะใช้ภาษาง่าย ๆ ที่เข้าใจได้ไม่ยาก แล้วเนื้อหาเองก็ไม่ได้ยาวจนน่าเบื่อด้วยค่ะ
อีกหนึ่งสิ่งที่ถือว่าเป็นน่าสนใจนั่นก็คือหนังสือนั้นทำออกมาได้ดีเลยค่ะ ไม่มีมุมแหลมคม กระดาษเองก็ค่อนข้างที่จะหนา ไม่น่าจะขาดง่ายอย่างแน่นอน ส่วนสีของเนื้อเรื่องรวมไปถึงตัวอักษรเองก็ชวนให้เด็ก ๆ อ่านได้สนุกและสามารถดึงดูดความสนใจได้ดีเลยทีเดียวค่ะ แล้วเนื้อหาในแต่ละเล่มเองก็ยังจะสอดแทรกข้อคิดดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ ได้รู้จักเรียนรู้และนำมาใช้จริงด้วยละค่ะ
ข้อดี
- ไม่มีมุมแหลมคม
- ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย
- วัสดุแข็งแรงและปลอดภัยต่อการใช้งาน
- เนื้อหาและสีสันสดใสเหมาะสำหรับเด็ก
จำนวน | 1 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกอ่อน |
ขนาดรูปเล่ม | 21.5 x 19.5 ซม. |
เกี่ยวกับ | นิทานปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม |
หนังสือชุดสร้างเด็ก 2 ภาษาสอนลูกพูดอังกฤษ

ราคา 110 บาท*
หนังสือชุดนี้ก็ถือว่าเป็นหนังสือสำหรับต่อยอดที่เหมาะกับเด็ก ๆ ที่มีพื้นฐานและน่าจะคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมาพอสมควรแล้วนะคะ โดยในเซตนี้ก็จะประกอบไปด้วยหนังสือจำนวน 4 เล่มด้วยกัน แล้วแต่ละเล่มก็จะมีทั้งคำศัพท์และบทสนทนาที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็น กิจวัตรประจำวันของหนูน้อย, กิจกรรมในครอบครัว, วันแห่งความสุข และกิจกรรมนอกบ้าน คือต้องเรียกได้ว่าเนื้อหานั้นครอบคลุมและสามารถนำมาฝึกและใช้งานได้จริงกับหลาย ๆ เหตุการณ์ในชีวิตประวันเลยทีเดียวค่ะ
เนื้อหาในเล่มเองก็จะมาในรูปแบบของการ์ตูนที่มีการสนทนาโต้ตอบกันไปมาอย่างสนุกสนานด้วยตัวละครที่น่ารัก แล้วก็ยังมีการแสดงสีหน้าท่าทางที่ชัดเจนทำให้เด็ก ๆ เข้าถึงเนื้อหาและรู้สึกตามได้ไม่ยากเลยค่ะ ส่วนการออกเสียงก็ไม่ต้องซีเรียสเลยค่ะเพราะว่าในหนังสือนั้นมีคำอ่านภาษาไทยมาให้ รวมถึงผู้ปกครองเองก็ยังสามารถที่จะสแกน QR Code หรือใช้ปากกา TalkingPen เพื่อเป็นตัวช่วยในการออกเสียงได้ด้วยเช่นกัน
ข้อดี
- มีการแบ่งหมวดหมู่ที่ชัดเจนในแต่ละเล่ม
- มีคำอ่านภาษาไทย
- ใช้ร่วมกับ MIS TalkingPen ได้
- สแกน QR Code ฟังเสียงได้
- ใช้ Soy Ink ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
ข้อควรพิจารณา
- มุมหนังสือค่อนข้างแหลม อาจต้องใช้ความระมัดระวัง
จำนวน | 4 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกอ่อน |
ขนาดรูปเล่ม | 21.5 x 24 x 1 ซม. |
เกี่ยวกับ | บทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ |
หนังสือนิทานอีสปก่อนนอน 50 เรื่อง 2 ภาษา

ราคา 159 บาท*
ต่อมาก็ยังคงอยู่กันกับหนังสือนิทานอีกหนึ่งเล่มค่ะ แต่ความไม่ธรรมดาของเล่มนี้ก็คือมันจะเป็นหนังสือที่รวบรวมนิทานอีสปไว้มากถึง 50 เรื่อง แล้วแต่ละเรื่องก็น่าจะเป็นเรื่องที่เด็ก ๆ และคุณพ่อคุณแม่น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วค่ะ เนื้อหาภายในเล่มก็จะประกอบไปได้ภาพสีที่สวยงาม และคำบรรยายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ใช้ภาษาที่ง่าย ๆ เข้าใจไม่ยาก ทั้งยังมีการอธิบายถึงคำศัพท์และความหมายไว้ในแต่ละเรื่องด้วยค่ะ
แต่ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ขายดีและได้รับความนิยมสูงนั่นก็เป็นเพราะว่ามันสามารถใช้งานร่วมกับ Talking Pen หรือปากกาพูดได้นั่นเองค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่มีปากกาก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะคุณสามารถเลือกวิธีการสแกนจาก QR Code ในเล่มเพื่อที่จะเข้าถึงแอนิเมชันการ์ตูนในเรื่องนั้น ๆ ได้ แล้วในส่วนนี้ก็ยังสามารถเลือกว่าจะเลือกภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วเล่มนี้ก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มเลยค่ะ เพราะนอกจากจะใช้อ่านเป็นนิทานก่อนนอนได้แล้วก็ยังสามารถใช้เป็นสื่อในการสอนภาษาอังกฤษที่ทันสมัยเพราะจะได้เห็นทั้งภาพและเสียงไปพร้อม ๆ กันด้วยค่ะ
ข้อดี
- สามารถใช้งานกับ Talking Pen ได้
- สามารถสแกน QR Code ดูวิดีโอได้
- เนื้อหามีหลากหลายเรื่องในเล่มเดียว
- ใช้น้ำหมึก Soy Ink ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
ข้อควรพิจารณา
- เนื้อหาในแต่หน้าอาจจะค่อนข้างเยอะ
- เล่มค่อนข้างใหญ่อาจจะพกพาได้ไม่สะดวก
- มุมหนังสือเป็นมุมที่มีเหลี่ยม ควรจะใช้งานอย่างระมัดระวัง
จำนวน | 1 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกแข็ง |
ขนาดรูปเล่ม | 22 x 24.9 x 13 ซม. |
เกี่ยวกับ | นิทานพร้อมคติสอนใจ |
หนังสือสร้างครอบครัว 2 ภาษาสอนพ่อแม่พูดภาษาอังกฤษกับลูก

ราคา 174 บาท*
สำหรับหนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับใช้เป็นแนวทางในการสร้างบทสนทนากับเด็ก ๆ ค่ะ เพราะว่ารูปแบบประโยคที่อยู่ในหนังสือล่มนี้นั้นเป็นประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่ใช้ศัพท์ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ตอน ได้แก่ กิจวัตรประจำวัน, กิจกรรมนอกบ้าน, กิจกรรมในครอบครัว และวันแห่งความสุขซึ่งก็สามารถนำมาประโยคในหนังสือมาสื่อสารสร้างบทสนทนาในชีวิตประจำวันได้จริงนั่นเองค่ะ
นอกจากประโยคถาม-ตอบแล้วนั้น ในหนังสือเล่มนี้ก็ยังจะมีคำศัพท์พร้อมความหมายให้ด้วยค่ะ นอกจากนี้แล้วท้ายเล่มก็ยังจะมีเพลงภาษาอังกฤษมาให้เด็ก ๆ และผู้ปกครองได้เรียนภาษาอังกฤษผ่านเพลงด้วยเช่นกัน แล้วถ้าหากว่าผู้ปกครองเกรงว่าจะอ่านออกเสียงได้ไม่ถูกหรือไม่แน่ใจว่าคำศัพท์คำนี้ออกเสียงว่าอย่างไร อันนี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะเพราะในเล่มนี้จะมีคำอ่านภาษาไทยมาให้ แล้วก็ยังสามารถใช้งานกับปากกา MIS Talking Pen เพื่อฟังเสียงได้ด้วยเช่นกันค่ะ แล้วอีกอย่างนึงที่น่าสนใจนั่นก็คือในเล่มนี้จะเป็นสีหมดทั้งเล่ม สีสันสดใสคมชัดจึงเหมาะกับเด็กมาก ๆ เลยค่ะ
ข้อดี
- ใช้งานกับ Talking Pen ได้
- ใช้น้ำหมึก Soy Ink ที่ปลอดสารพิษ
- มีคำอ่านภาษาไทย
- มีพร้อมกับคำศัพท์ทั้งในบทสนทนาและท้ายเล่ม
- มีเพลงพร้อมคำอ่านและคำแปล
- เนื้อหาไม่ซับซ้อนจนเกินไป
ข้อควรพิจารณา
- เล่มค่อนข้างหนาและมีน้ำหนักเล็กน้อย อาจจะทำให้พกพาได้ไม่สะดวกเท่าที่ควรค่ะ
- หนังสือมีมุมแหลม
จำนวน | 1 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกอ่อน |
ขนาดรูปเล่ม | 15.3 x 20.4 x 1.4 ซม. |
เกี่ยวกับ | ประโยคคำสั่ง, ถาม-ตอบขั้นพื้นฐาน |
หนังสือ 5000 คำศัพท์

ราคา 199 บาท*
หนังสือ 5000 คำศัพท์เป็นหนังสือที่เรามองว่าเหมาะมาก ๆ ค่ะที่จะใช้เป็นคู่มือในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานเพราะในเนื้อหาภายในเล่มนั้นจะเกี่ยวข้องกับคำศัพท์ต่าง ๆ ที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวันและสามารถนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งก็ได้มีคำศัพท์มาให้จุใจกว่า 5,000 คำ ครอบคลุมทั้งหมด 172 หมวดคำศัพท์ อาทิเช่น หมวดร่างกาย, ผลไม้, ตำเลขและจำนวน, ครอบครัว เป็นต้น
ในส่วนของคำศัพท์เองก็เป็นคำศัพท์ที่สั้น ออกเสียงได้ง่าย หรือถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่แน่ใจก็สามารถใช้ Talking Pen ช่วยได้ จะสแกนจาก QR Code ก็ได้ค่ะหรือจะอ่านจากคำอ่านด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน เนื้อหาในหนังสือออกแบบมาเป็นอย่างดีค่ะ สามารถดูและเข้าใจได้ง่าย เนื้อหากำลังดีดีเลยค่ะ ส่วนภาพประกอบเองก็ทำออกมาได้น่าสนใจ เอาเป็นว่านี่ก็เป็นหนึ่งหนังสือสำหรับเติมคลังคำศัพท์ของเด็กที่คุ้มค่าและมีเนื้อหาที่จัดเต็มมาก ๆ เลยทีเดียว
ข้อดี
- ใช้งานกับ Talking Pen ได้
- มี QR Code เพื่อฟังเสียงได้
- มีคำอ่านภาษาไทย
- หมึก Soy Ink ปลอดสารพิษจึงปลอดภัยสำหรับเด็ก
- มีคำศัพท์จำนวนมากและหลากหลาย
ข้อควรพิจารณา
- หนังมีมุมแหลม
จำนวน | 1 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกอ่อน |
ขนาดรูปเล่ม | 21.5 x 27.8 x 1.9 ซม. |
เกี่ยวกับ | คำศัพท์ภาษาอังกฤษ |
หนังสือชุดภาษาอังกฤษเล่มแรกของหนู 4 เล่ม

ราคา 207 บาท*
สำหรับใครที่ต้องการความคุ้มค่าและต้องการจะฝึกภาษาที่สองให้กับลูกแบบจริงจึงก็จัดไปเลยค่ะกับหนังสือชุดภาษาอังกฤษเล่มแรกของหนูเซตนี้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยหนังสือทั้งหมด 4 เล่มด้วยค่ะ โดยแต่ละเล่มนั้นต่างก็มีความเข้มข้นของเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป โดยเรียงจากง่ายไปจนถึงระดับที่ยากและซับซ้อนขึ้นตามช่วงอายุนั่นเองค่ะ อย่างในเล่มแรกก็คำศัพท์รอบตัวและบทสนทนาง่าย ๆ ส่วนในเลเวลต่อมาก็จะพัฒนามาเป็นคำศัพท์ที่เด็ก ๆ ควรรู้ แล้วก็ต่อมายังคำศัพท์และบทสนทนาที่ในโรงเรียน แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาตามลำดับค่ะ
นอกจากบทสนทนาและศัพท์แล้วในแต่ละเล่มก็ยังมีเพลงภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ ได้ฝึกร้องกันได้เช่นกัน สำหรับหนังสือชุดนี้มั้งเซตก็สามารถใช้งานกับปากกาพูดได้ค่ะ ในส่วนของคุณภาพเองก็ถือว่ายอดเยี่ยม เนื้อหาดี กระดาษได้คุณภาพ ภาพสีสวย และที่สำคัญเลยคือการที่แบ่งมาให้เป็น 4 เล่มแยกนั้นทำให้ผู้ปกครองใช้งานได้ง่ายขึ้น แล้วก็ยังทำให้ขนาดเล็มไม่หนาและไม่หนักจึงพกพาได้สะดวกขึ้นด้วยค่ะ
ข้อดี
- ใช้งานกับ MIS TalkingPen ได้
- ใช้หมึก Soy Ink ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
- เนื้อหาใช้งานง่ายมีการแบ่งตามระดับความยากมาให้
- มีเพลงมาให้ได้ฝึกร้อง
- สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน
ข้อควรพิจารณา
- มุมหนังสือยังคงเป็นมุมแหลม
- ไม่มีคำอ่านภาษาไทยมาให้
จำนวน | 4 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกอ่อน |
ขนาดรูปเล่ม | 20.4 x 20.4 x 4 ซม. |
เกี่ยวกับ | ประโยค, คำศัพท์ และการสนทนาขั้นพื้นฐาน |
ครอบครัว 2 ภาษา เก่งสนทนาภาษาอังกฤษ

ราคา 216 บาท*
ครอบครัว 2 ภาษา เก่งสนทนาภาษาอังกฤษเป็นหนังสือที่น่าสนใจที่เรามองว่านอกจากจะเหมาะสำหรับเด็ก ๆ แล้วนั้นมันก็ยังเหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการจะหาแนวทางในการสอนเด็ก ๆ ด้วยค่ะ เพราะว่าในเล่มนี้นอกจากจะมีคำศัพท์และประโยคที่น่าสนใจแล้วนั้น ก็ยังได้มีการใช้หลักจิตวิทยาเข้ามาช่วยด้วยเช่นกันค่ะ โดยหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นโดยอาจารย์โอ๊ตหรือคุณภัทรา ภัทรภูรีรักษ์ ดังนั้นแล้วเนื้อหาจึงมีความเป๊ะปังและอัดแน่นไปด้วยความรู้แบบจัดหนักจัดเต็มมาก ๆ เลยทีเดียว
หมวดหมู่ทั้งหมดจะมีด้วยกัน 4 หมวดหมู่ค่ะ คือ กิจกรรมในบ้าน, กิจกรรมนอกบ้าน, ระเบียบวินัย และเลี้ยงลูกตามหลักจิตวิทยาซึ่งแต่ละหมวดหมู่ต่างก็มาพร้อมกับภาพและสีสันสวยงามทั้งเล่ม แถมเนื้อหาแต่ละหมวดหมู่เองนั้นมีความน่าสนใจเหมาะสำหรับเด็ก อธิบายเข้าใจง่าย และก็ยังมาพร้อมกับบทสนทนาโต้ตอบกันระหว่างตัวละครในรูปแบบเดียวกับหนังสือการ์ตูนอย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ
ข้อดี
- มี QR Code ให้ฟังและฝึกออกเสียงได้แบบเจ้าของภาษา
- มีคำอ่านภาษาไทย
- มีเนื้อหาที่เหมาะทั้งสำหรับเด็กและการใช้งานของผู้ปกครอง
ข้อควรพิจารณา
- มุมหนังสือเป็นมุมที่ค่อนข้างแหลมเล็กน้อย
จำนวน | 1 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกอ่อน |
ขนาดรูปเล่ม | 19 x 26 ซม. |
เกี่ยวกับ | คำศัพท์และการสร้างบทสนทนา |
Little Monster หนังสือภาพคำศัพท์ First 100 Words

ราคา 449 บาท*
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ต้องการจะเริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษกับลูก เราก็ขอแนะนำเป็นเล่มนี้เลยค่ะ Little Monster หนังสือภาพคำศัพท์ First 100 Words ซึ่งก็จะเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคำศัพท์ขั้นพื้นฐานและเป็นคำศัพท์ง่าย ๆ ที่อยู่รอบตัวและอยู่ในชีวิตประจำวันซึ่งนี่ก็จะทำให้เด็ก ๆ คุ้นชินกับภาษาอังกฤษได้มากขึ้น โดยในเซตนี้ก็จะประกอบไปด้วยหนังสือ 2 เล่มด้วยกันค่ะ คือเล่มที่ 1 จะเกี่ยวข้องกับตัวเลข, อวัยวะ, กิจกรรมต่าง ๆ, สีและรูปร่าง ส่วนเล่มที่ 2 ก็จะเกี่ยวกับอาหาร, เสื้อผ้า, ห้อง และห้องนั่งเล่น เห็นไหมละคะว่าเนื้อหานั้นล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของเด็ก ๆ ทั้งสิ้นเลยค่ะ
ในแต่ละคำก็จะมีภาพประกอบมาให้พร้อมด้วยฟอนต์ขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ภาพและสีทำออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว และที่สำคัญเลยคือตัวกระดาษของเค้าจะค่อนข้างแข็งค่ะ เพราะว่าทำมาจากกระดาษหนา 700 แกรม ไม่บาดมือเด็กทำให้เด็ก ๆ สามารถเปิดอ่านได้อย่างปลอดภัยด้วยตัวของเค้าเองค่ะและที่สำคัญอีกอย่างเลยก็คือหนังสือทั้งสองเล่มนี้ทนทานไม่ฉีกขาดได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอนค่ะ
ข้อดี
- มี QR Code เพื่อฟังการออกเสียงได้
- กระดาษหนาไม่ขาดง่าย
- มุมหนังสือโค้งมนไม่เป็นอันตราย
- ใช้งานง่าย เปิดอ่านได้สะดวก
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีคำอ่านมาให้ในหนังสือ
จำนวน | 2 เล่ม |
---|---|
ปก | ปกแข็ง |
ขนาดรูปเล่ม | ไม่ระบุ |
เกี่ยวกับ | คำศัพท์พื้นฐาน |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
เคล็ดลับในการเลือกซื้อหนังสือสอนลูก 2 ภาษา
1. เนื้อหา
สำหรับข้อนี้เราให้มาเป็นลำดับแรก ๆ เลยก็เพราะว่ามันสำคัญมาก ๆ นั่นเองค่ะ โดยหนังสือที่คุณเลือกนั้นควรที่จะใช้ภาษาที่เรียบง่ายและใช้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยที่ควรจะมีภาพประกอบเพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจได้ว่าคำที่คุณหมายถึงนั้นคืออะไรนั่นเองค่ะ นอกจากนี้แล้วเนื้อหาก็ควรที่จะสมวัยและระดับทางภาษาของเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน โดยในช่วงแรกก็แนะนำให้เลือกหนังสือที่มีเนื้อหาที่ไม่ซับซ้อนหรือไม่ยากจนเกินไป และหลังจากที่ลูกน้อยคุ้นชินหรือมีทักษะทางภาษาที่ดีขึ้นก็ค่อย ๆ ปรับระดับความเข้มข้นของเนื้อหาได้ค่ะ

อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษา นั่นก็คือ คุณพ่อคุณแม่เองจะต้องเลือกหนังสือที่คุณรู้จักเป็นอย่างดีหรือควรจะเป็นเรื่องที่คุณสามารถอ่านและเข้าใจในเนื้อหาได้ง่าย มีความเป็นธรรมชาติในการอ่านหรือสอนลูกน้อยค่ะ เพราะมิฉะนั้นแล้วเด็ก ๆ อาจจะรู้สึกอึดอัดและมองว่าภาษาที่สองเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับคนเก่งอย่างคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ
2. จำนวน
หนังสือที่เราเลือกมาวันนี้ก็จะมีทั้งแบบที่ทางร้านขายแยกเพียงเล่มเดียวและแบบเซตซึ่งก็จะประกอบไปด้วยหนังสือหลาย ๆ เล่ม ซึ่งตัวเลือกที่สองนี่ก็จะช่วยประหยัดทั้งเวลาในการสั่งซื้อและเงินไปได้เยอะพอสมควรเลยค่ะ ซึ่งจริง ๆ แล้วจำนวนหนังสือเองก็สำคัญเช่นกัน เพราะหนึ่งเลยคือเด็ก ๆ จะได้ไม่รู้สึกเบื่อและยังสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย ดังนั้นแล้วในส่วนนี้ก็อย่าลืมตรวจสอบกันด้วยนะคะว่าจำนวนหนังสือที่ได้มานั้นมีทั้งหมดกี่เล่ม
3. ความปลอดภัย
เรื่องของความปลอดภัยเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะละเลยไม่ได้เช่นกันค่ะ โดยสิ่งแรกเลยก็คือขอบมุมของหนังสือโดยจะต้องเป็นโค้งมน ไม่มีมุมเหลี่ยม เพราะนั่นอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่เด็ก ๆ ได้ค่ะ รวมไปถึงกระดาษบางชนิดก็อาจจะบาดมือเอาได้ ฉะนั้นในส่วนก็อย่าลืมใส่ใจกันด้วยนะคะ นอกจากนี้แล้วหนังสือสำหรับเด็กแนะนำว่าไม่ควรจะทำมาจากสีหรือสารเคมีที่เป็นอันตราย รวมถึงลวดเย็บกระดาษเองก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะคะเพราะว่ามันอาจจะเป็นอันตรายต่อการใช้งานของเด็กได้ค่ะ
สอนลูกด้วยวิธีไหนดี? (2)
สำหรับวิธีที่ได้รับความนิยมและหลาย ๆ ครอบครัวเองก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะทางภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นก็คือการใช้วิธีที่เรียกว่า One Person–One Language (OPOL) หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ 1 คน 1 ภาษา โดยวิธีการนี้จะให้ผู้ปกครองแต่ละคนพูดกับเด็กเพียงภาษาเดียวจากสองภาษาค่ะ ยกตัวอย่างเช่นคุณแม่จะเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษกับลูก ในขณะที่คุณพ่อจะรับหน้าที่พูดภาษาไทย เป็นต้น สำหรับ One Person–One Language นั้นสามารถใช้ได้กับลูกครึ่งที่คุณพ่อหรือคุแม่คนใดคนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ แล้วก็ยังจะใช้ได้กับครอบครัวที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ใช่เจ้าของภาษาด้วยเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ดีค่ะวิธีการข้างต้นก็เป็นเพียงวิธีหนึ่งเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธี ไม่ว่าจะเป็นการพูดหนึ่งภาษาที่บ้านและพูดอีกหนึ่งภาษานอกบ้าน หรือแม้แต่การกำหนดช่วงเวลาในการพูดภาษาอังกฤษเหล่านี้ก็สามารถนำไปใช้กับเด็ก ๆ ได้เช่นกันค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือวิธีที่คุณเลือกจะต้องเป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริมทักษะความสามารถทางภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของคุณภาพและปริมาณด้วยนะคะ
นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล? (1)
สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องทราบก่อนคือเด็กแต่ละคนนั้นแตกต่างกันค่ะ ดังนั้นจึงพัฒนาความสามารถทางด้านภาษาที่สองได้ต่างกัน เช่นเดียวกับการที่ทารกบางคนอาจเดินเร็วกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในขณะที่บางคนเริ่มพลิกคว่ำได้เร็วกว่าทารกที่อยู่ในช่วงเดียวกัน ดังนั้นแล้วทางด้านภาษาที่สองเองก็เหมือนกันค่ะ เด็กบางคนอาจพูดคำแรกได้ก่อนอายุ 12 เดือน ในขณะที่บางคนอาจจะต้องใช้เวลาที่นาน

ในส่วนนี้เราไม่อยากจะให้คุณพ่อหรือคุณแม่ต้องมาเป็นกังวลในเรื่องของระยะเวลาค่ะ เพราะมิเช่นนั้นอาจจะกลายเป็นความกดดันทั้งตัวของผู้ปกครองรวมถึงตัวของเด็กเองด้วย แนะนำว่าให้ใช้วิธีที่สนุกสนานและแปลกใหม่เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือเบื่อหน่ายกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ด้วยนั่นเอง
รวมถึงผู้ปกครองเองก็อย่าเพิ่งล้มเลิกความคิดที่จะปั้นลูกให้เป็นเด็ก 2 ภาษาไปเสียก่อนนะคะ เพราะแน่นอนว่าในช่วงแรกก็อาจจะเป็นเรื่องยากและนานเล็กน้อย ยิ่งถ้าหากว่าเด็ก ๆ ยังไม่มีวี่แววว่าจะโต้ตอบอะไรเลย ช่วงนี้ผู้ปกครองก็อาจจะต้องกลายเป็นผู้ส่งสารฝ่ายเดียวไปก่อน แต่อย่างที่บอกค่ะว่าแม้ว่าเด็ก ๆ จะไม่ได้พูดออกมาก็จริง ๆ แต่ในสมองของพวกเขาก็ได้ซึมซับรูปแบบคำและเสียงจากภาษาที่สองไปแล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญคือแค่คุณพ่อคุณแม่จะต้องอดทนและต้องรักษาความสม่ำเสมอในการสื่อสารภาษาที่สองเอาไว้อย่างต่อเนื่องนั่นเองค่ะ
เด็กจะเกิดการสับสนหรือไม่? (1,5)
การที่เด็กที่พูดได้สองหรือหลายภาษารวมถึงผู้ใหญ่เองที่พูดได้หลายภาษาจะเริ่มต้นประโยคด้วยภาษาหนึ่งและจบด้วยอีกภาษาหนึ่ง หรือการที่เด็ก ๆ มีการผสมคำระหว่างทั้งสองภาษาเข้าด้วยกันนั่นไม่ได้แปลว่าเด็ก ๆ กำลังเกิดความสับสนและไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างภาษาทั้งสองได้แต่อย่างใดค่ะ แต่ในความจริงแล้วนี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า Code-switching หรือ Code-mixing คือการที่ผู้พูดสลับหรือเปลี่ยนระหว่างภาษาต่าง ๆ ด้วยคำพูดหรือการสนทนาเดียว ซึ่งถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้จริงก็ไม่ต้องตกอกตกใจไปค่ะเพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กรวมถึงผู้ใหญ่ที่พูดได้ 2 ภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ เพราะอย่าลืมนะคะว่าเด็ก ๆ นั้นอาจจะมีคลังคำศัพท์ในหัวที่ยังไม่มากพอก็เลยอาจจะมีการผสมกันระหว่างสองภาษาได้ อย่างในบางครั้งหากว่าเด็กไม่รู้คำศัพท์ในภาษาหนึ่ง เด็ก ๆ ก็อาจจะไปยืมคำมาจากอีกภาษาหนึ่งโดยทันทีนั่นเองค่ะ

เคล็ดลับในการสอนลูกด้วยการใช้หนังสือ 2 ภาษา
1. อ่านซ้ำ ๆ เรื่องที่ลูกชอบ
คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนน่าจะเห็นแล้วนะคะว่าเด็ก ๆ หากว่ามีหนังสือเล่มที่เค้ารู้สึกโปรดปรานมาก ๆ เค้าก็จะชอบอ่านหนังสือเรื่องเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่มีเบื่อ ซึ่งจริง ๆ แล้วการที่อ่านเรื่องเดิมซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็มีประโยชน์สำหรับการเรียนรู้การอ่านในภาษาที่สองด้วยเช่นกันค่ะ แต่การที่จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกชอบหนังสือเล่มนั้นได้นั้น นอกจากตัวของหนังสือจะต้องน่าสนใจแล้วนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะต้องมีการอ่านด้วยลีลาท่าทางหรือเสียงที่แตกต่างไปจากเดิมเพื่อที่ทำให้เนื้อเรื่องนั้นสนุกขึ้นนั่นเองค่ะ
2. พยายามลากนิ้วไปตามคำในหนังสือ
นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ โดยเราแนะนำว่าขณะที่คุณกำลังอ่านหนังสืออยู่นั้นก็ให้ใช้นิ้วชี้ไปยังหนังสืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งนี่ก็ถือเป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกน้อยของคุณเริ่มจดจำคำและตัวอักษรได้ โดยการเล่าเรื่องต่าง ๆ หากว่าทำในช่วงเวลาที่สบาย ๆ เหมาะแก่การพักผ่อนนี่ก็จะยิ่งดีเลยค่ะ เพราะในช่วงนี้เด็ก ๆ จะรู้สึกผ่อนคลายมากเป็นพิเศษนั่นเอง
3. อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ
ผู้ปกครองควรจะทำให้การอ่านหนังสือกลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเด็ก ๆ ค่ะ เพราะการอ่านที่สม่ำเสมอนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เด็ก ๆ สามารถพัฒนาความสามารถทางด้านภาษาได้อย่างรวดเร็ว
บทส่งท้าย
นอกจากหนังสือที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้รู้จักและเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ แล้วนั้น เพลงเองก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพูนคำศัพท์ให้กับเด็ก ๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเพลงภาษาอังกฤษสําหรับเด็กเล็ก, เพลงวันคริสต์มาส หรือเพลงกล่อมเด็กภาษาอังกฤษเองก็ตาม เพราะโดยทั่วไปแล้วเด็ก ๆ ส่วนใหญ่จะชอบเสียงดนตรีและการเรียนรู้ภาษาจากเนื้อเพลงนั้นถือเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับพวกเขาค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าเด็กๆ ฟังเพลงเดิมซ้ำหลาย ๆ รอบก็จะช่วยได้เช่นกันค่ะ ซึ่งถ้าหากผู้ปกครองคนไหนที่อาจจะต้องการเพลงภาษาอังกฤษสำหรับเด็กก็สามารถกดเข้าไปอ่านในลิงค์ที่เราให้ไว้ได้เลยค่ะ
นอกจากนี้แล้วเกมก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วถ้าหากว่าวันไหนที่เด็ก ๆ อาจจะยังไม่อยากอ่าหนังสือหรือคุณแม่คุณแม่อยากจะลองใช้วิธีใหม่ ๆ ก็อาจจะเลือกใช้เกมได้ค่ะ เพราะเกมนั้นจะทำให้การเรียนภาษาที่สองกลายเป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกมากขึ้น

เด็ก ๆ ที่สามารถพูดได้สองภาษาถือว่าเป็นเด็กที่มีสมาธิ มีการวางแผน จัดลำดับความสำคัญ และตัดสินใจที่ดี และแน่นอนค่ะว่าข้อได้เปรียบอีกอย่างก็คือเด็ก ๆ มีโอกาสที่จะได้พบกับเพื่อนใหม่ ๆ มีโอกาสที่จะได้ท่องเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ ได้ง่ายดายมากขึ้น สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการทำงานให้มากขึ้นด้วย และนอกจากนี้แล้วก็ยังมีข้อดีอีกมากมายเลยทีเดียว
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ครอบครัวจึงอยากให้เด็กสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองได้นั่นเอง แต่ถึงกระนั้นแล้วการจะทำให้เด็กคนนึงสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วนั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถค่ะ เพราะถ้าหากว่าได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องก็สามารถช่วยได้เยอะเลยทีเดียว แต่สิ่งสำคัญอีกอย่าง้ลยก็คือต้องค่อยเป็นค่อยไปด้วยนะคะ ไม่ควรที่เคร่งครัดมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเด็กหรือตัวผู้ปกครองเองก็ตาม
References :