แม้ว่าในทุกวันนี้จะมีคนอ่านหนังสือน้อยลงเพราะด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์กและคนในยุคนี้ส่วนใหญ่จะอยู่กับมือถือหรือคอมพิวเตอร์ซะมากกว่า แม้ว่าหนังสือจะไม่ตายแต่ยอดขายก็อาจจะไม่ได้พุ่งเท่ากับในอดีต แต่อย่างไรก็ดีสื่อสิ่งพิมพ์อย่างหนังสือก็ยังคงมีนักเขียนเก่ง ๆ หลายคนสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้อ่านอยู่เสมอ ซึ่งในปี 2023 นี้ก็ต้องบอกว่ามีหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจหลายเล่มเลยละครับ อ่านแล้วทำให้เราได้แง่คิดและปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ โดยในบทความนี้ผมจะมาแนะนำ ‘10 หนังสือที่ควรอ่านในปี 2023’ ให้ทุกคนได้ไม่พลาดในการหาซื้อมาอ่านกันครับ
1. ATOMIC HABITS เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น
| ผู้เขียน | James Clear |
| สำนักพิมพ์ | เชนจ์พลัส/Change+ |
หนึ่งในหนังสือที่ขายดีมากตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนปีนี้ [BestSeller] คงต้องยกกับ ‘ATOMIC HABITS เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น’ ที่เขียนโดย James Clear เพราะล่าสุดมีการแปลแล้วกว่า 59 ภาษา รวมไปถึงยังทำยอดขายทั่วโลกได้หลายล้านเล่ม โดยเล่มนี้เว็บไซต์ของเราได้เลือกมารีวิวแล้วเมื่อปีที่แล้วในบทความหนังสือพัฒนาตัวเอง จิตวิทยา ปี 2022
ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงการปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมของตัวเองให้ดีขึ้นในทุกวัน แต่ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดีขึ้นเพียงแค่ 1% ต่อวัน แต่ในระยะยาวผลลัพธ์ที่ได้จะดีขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า โดยเนื้อหาสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือ James Clear จะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และวิธีการง่าย ๆ ในการดัดแปลงนิสัย ทำให้เราสามารถนำมาประยุกต์ได้ทั้งเรื่องของสุขภาพ, การเงิน, ความสัมพันธ์ และอื่น ๆ ในชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไป เป็นสุดยอดหนังสือแห่งปีที่ไม่ว่าใครอ่านก็กลับมารีวิวว่าดีมาก!!! สามารถปรับพฤติกรรมของตัวเองให้ดีขึ้นได้เพียงแค่หนังสือเล่มเดียว
 | Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น |   |
2. สู้ดิวะ
| ผู้เขียน | กฤตไท ธนสมบัติกุล |
| สำนักพิมพ์ | KOOB |
เรียกว่าขาดตลาดอย่างจริงกับหนังสือ ‘สู้ดิวะ’ ของคุณหมอกฤตไทคนเก่ง ที่กำลังสู้กับโรคมะเร็งระยะสุดท้ายด้วยวัยเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น โดยหนังสือเล่มนี้จะถ่ายทอดสิ่งที่คุณหมอได้เรียนรู้จากการต้องพบเจอสิ่งที่ยากลำบากในชีวิต ปรับเปลี่ยนความคิดจากคำว่า “ทำไมต้องเป็นเรา” ให้กลายเป็นบทเรียนและของขวัญอันล้ำค่าของชีวิต เพราะชีวิตไม่สามารถกำหนดอะไรได้แม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง หนังสือเล่มนี้จะสอนให้กับคนอ่านได้ยอมรับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต แทนที่จะวิ่งหนีไม่ยอมรับความจริง ถือเป็นหนังสือทรงคุณค่าแห่งปีที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับความเป็นจริงบนโลกใบนี้ แม้ว่าจะเจอกับอะไรก็ตามให้พูดว่า “สู้ดิวะ” พร้อมฝ่าฝันก้าวอุปสรรคไปให้ได้ เป็นหนังสือที่คุณไม่ควรพลาดโดดเด็ดขาด
 | หนังสือ สู้ดิวะ | |
3. โชคดีที่มึงได้อ่าน
| ผู้เขียน | เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (น้าเน็ก) |
| สำนักพิมพ์ | ไอแอมเดอะเบสท์/I AM THE BEST |
ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนและการทำรายการในแนวตอบปัญหามาอย่างยาวนาน ทำให้น้าเน็กเป็นคนหนึ่งที่รับฟังปัญหาสัพเพเหระมาแล้วนับพันนับหมื่นเรื่อง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจากชีวิตของตัวเองบวกกับการรับฟังมาค่อนข้างเยอะ ทำให้น้าเน็กเป็นคนที่ตกผลึกความคิดและตอบปัญหาได้ดีมาก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะเป็นการแชร์ความคิดและคำตอบที่สามารถนำไปเป็นข้อคิดหรือปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยหนังสือจะมีหมวดความรัก, ครอบครัว, เพื่อน, การทำงาน, เป้าหมายชีวิต และเบ็ดเตล็ด เป็นปัญหาทั่วไปที่ทุกคนต้องเคยประสบพบเจอมาในชีวิต ถือว่าเป็นหนังสือยังอ่านง่ายและให้ฟิลลิ่งเป็นกันเองครับ
 | โชคดีที่มึงได้อ่าน | |
4. ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
| ผู้เขียน | เว็กซ์ คิงส์ |
| สำนักพิมพ์ | อมรินทร์ How to |
‘ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข’ เป็นหนังสือที่มาในแนวจิตวิทยาพูดถึงเรื่องการดูดพลังดี ๆ เข้าหาตัวเอง “Good Vibe, Good Life” โดยในหนังสือจะพูดถึงกฎแรงดึงดูดอย่างเช่น การเลือกอยู่กับคนที่มีทัศนคติดีหรือคิดบวก ตัวของเราเองก็จะได้รับอิทธิพลดี ๆ กลับมา ในขณะเดียวกันหนังสือก็สอนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างภาษากาย คำพูด และการรักตัวเอง สร้างความสมดุลเพื่อให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น ถือเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่แนะแนวทางการพัฒนาตัวเองไปถึงเป้าหมายและเลือกสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งในตอนนี้สามารถทำยอดขายได้กว่า 6 แสนเล่มในทั่วมุมโลกเลยทีเดียวครับ
 | ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข | |
5. ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์
| ผู้เขียน | Oliver Burkeman |
| สำนักพิมพ์ | อมรินทร์ How to |
หากคุณมีอายุขัยประมาณ 80 ปี นั่นหมายความว่าคุณจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ประมาณ 4 พันสัปดาห์ หลายคนอาจมองว่าเป็นเวลาที่ไม่ได้นานสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงตั้งมาตรฐานของตัวเองเอาไว้อยู่ว่าฉันจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จเร็วมากที่สุด เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในบั้นปลายของชีวิต แต่ถามจริง ๆ ว่าจะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่ทำได้แบบนั้น การจะยัดทุกสิ่งทุกอย่างให้ตัวเองทำแล้วให้เหตุผลว่า “ใช้เวลาให้คุ้มค่า” อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกเสมอไป การใช้เวลาที่ถูกต้องคือการทำแล้วเห็นผลโดยทันที ไม่ใช่ทำแล้วหวังว่าจะเห็นมันในอีก 20 – 30 ปีข้างหน้า เพราะสิ่งที่วาดเอาไว้อาจไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ดังนั้นนอกจากใช้เวลาแล้วต้องกลับหันมา ‘ใช้ชีวิต’ บ้าง ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะเปิดอีกหนึ่งมุมมองของการ ‘ใช้เวลา’ ให้กับคุณแบบที่คุณอาจไม่เคยคิดในมุมนี้มาก่อนครับ
 | ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์ | |
6. How to Live a Good Life
| ผู้เขียน | นิ้วกลม |
| สำนักพิมพ์ | KOOB |
นอกจากปกหนังสือที่สวยน่ารักแล้ว เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ยังแฝงไปด้วยปรัชญาดี ๆ ตามสไตล์ของสโตอิก อิคิไก เดธคลีนนิ่ง และนิกเซน เรียกว่าเป็นวิถิสไตล์เต๋า ซึ่งจะคอยช่วยฮีลใจของเราในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้ากับโลกใบนี้ หลายคนที่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่านจะรู้สึกว่าเหมือนได้ชาร์ตแบตให้กับร่างกายของตัวเอง ทั้งยังนำคำปรัชญาและแง่คิดภายในหนังสืออแดปมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย สำหรับคนที่กำลังหาความสุขในชีวิตหรือหาคำตอบว่าจะอยู่บนโลกนี้อย่างไรให้มีความสุข ต้องซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่านแล้วจะรู้สึกว่า Live a Good Life เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
 | How to Live a Good Life | |
7. จิตวิทยาสายดาร์ก
| ผู้เขียน | Dr.Hiro |
| สำนักพิมพ์ | วีเลิร์น (WeLearn) |
จิตวิทยาสายดาร์กเป็นเหมือนหนังสือที่ตีแผ่การพูดสะกดจิตหรือการพูดล้างสมองให้คนตายใจ หากใครเคยมีประสบการณ์ได้พูดกับคนขายของเก่ง ๆ คุณอาจจะรู้สึกว่าทำไมคนขายถึงพูดเก่งและจูงใจจนเรายอมควักเงินออกมาเพื่อจ่ายสินค้าชิ้นนั้นทั้งที่เราไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้เลย โดยการพูดในลักษณะนี้เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาล้วน ๆ ครับ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะอธิบายให้เราเข้าใจถึงกลวิธิการพูดล้างสมองแบบที่เข้าใจง่าย เมื่ออ่านแล้วเราสามารถจะป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อทางการตลาดหรือแม้แต่มิจฉาชีพเราก็สามารถสแกนได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ในขณะเดียวกันหนังสือเองก็สอนทักษะการพูดที่ดีให้กับเราอีกด้วย หากใครรู้สึกว่าพูดไม่เก่งไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง หนังสือเล่มนี้จะมาพร้อมกับเทคนิกดี ๆ ให้กับคุณ ทั้งเรื่องการขาย พูดยังไงให้เป็นที่ชอบ และแม้แต่จีบเพศตรงข้ามก็ด้วยเช่นกันครับ
 | จิตวิทยาสายดาร์ก | |
8. สัญญานะ ว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง
| ผู้เขียน | Whenimfeeeling |
| สำนักพิมพ์ | Springbooks |
หนังสือที่อ่านแล้ว Feeling Good เปิดโลกให้เรามองเห็นมุมดี ๆ ในชีวิตคงต้องยกให้กับหนังสือ ‘สัญญานะ ว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง’ ที่ฮีลใจให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี โดยหนังสือเล่มนี้จะตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับชีวิตว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีคำว่า ‘เพอร์เฟค’ แม้แต่ตัวของเราเองก็เช่นกัน ต่อให้เราเก่งแค่ไหนก็ย่อมมีจุดเปราะบางหรือทำให้เราท้อชีวิตระหว่างทางก่อนไปถึงเป้าหมาย ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จะคอยเตือนใจให้กับเราเข้าใจว่าความผิดหวังในชีวิตเป็นสัจธรรม ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นในทุกวันแน่นอนว่าเรายังคงมีโอกาสเริ่มต้นใหม่เสมอ สิ่งที่สำคัญคือการให้เกียรติตัวเองและใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ หากใครกำลังท้อแท้ใจหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณมีกำลังใจในชีวิตมากขึ้น
 | สัญญานะ ว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง | |
9. เทคนิคเลิกคิดเยอะแล้วทำทันที
| ผู้เขียน | สึคาโมโตะ เรียว |
| สำนักพิมพ์ | วีเลิร์น (WeLearn) |
เชื่อว่าทุกคนคงเคยมีไอเดียหรือมีความคิดว่าอยากทำอะไรสักอย่างในชีวิต แต่ก็ได้เพียงแค่คิดและผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ จนรากแทบจะงอก ติดปัญหาเรื่องความขี้เกียจและไม่มีแพชชัน จนสุดท้ายโปรเจคหรืออะไรก็แล้วแต่ไม่สำเร็จสักที หากคุณกำลังเจอความขี้เกียจกำลังเข้ามาเล่นงาน หนังสือเล่มนี้สามารถเปลี่ยนความคิดและกระทุ้งมันออกไปได้ไม่ยาก เพราะเนื้อหาในหนังสือจะมีเทคนิคเกี่ยวกับจิตวิทยาดี ๆ ที่เรียกว่า ‘กินเห็นมาริโอ้’ ช่วยจุดไฟให้กับเรามีแรงในการทำทันทีโดยไร้ความขี้เกียจ รื้อและปรับระบบความคิดใหม่ทั้งหมด จนคนในญี่ปุ่นกว่า 3 แสนคนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่านกันครับ
 | เทคนิคเลิกคิดเยอะแล้วทำทันที | |
10. Manifest: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
| ผู้เขียน | Roxie Nafousi |
| สำนักพิมพ์ | อมรินทร์ How to |
มนุษย์ทุกคนเกิดมาแล้วล้วนแต่มีเป้าหมายของตัวเองทุกคนครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้เช่นเดียวกัน เพราะบางครั้งความขยันเพียงแค่อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการปูทางให้เราก้าวไปสู่สิ่งที่ปรารถนาเสมอไป อาจจะต้องมีแรงบันดาลใจและการจิตนาการในหัวให้เราเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยในหนังสือเล่มนี้จะบอกวิธีการและขั้นตอนอย่างละเอียดที่อ้างอิงจากหลักทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถช่วยให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น มีทั้งหมด 7 ขั้นตอนให้คุณได้ทำตามแล้วคุณจะรู้สึกเลยครับว่าการเดินทางไปสู่เป้าหมายไม่ได้ยากจนเกินความสามารถของเรา
 | Manifest: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา | |
