น้ำหอมถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความประทับใจจากกลิ่นและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเราได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีผลิตภัณฑ์มากมายที่สามารถเพิ่มกลิ่นหอมให้เราได้ทั้งสบู่ โลชั่นและแชมพู แต่ถึงอย่างไรก็ตามน้ำหอมก็ยังเป็นสิ่งที่จะต้องใช้และต้องมีอยู่ดีค่ะ
ปัจจุบันมีน้ำหอมหลายแบบ หลายแบรนด์ให้เราเลือกซื้อกันไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมสำหรับผู้หญิง, น้ำหอมสำหรับผู้ชาย, น้ำหอมจาก Chanel, น้ำหอม Versace, น้ำหอม Marc Jacobs, น้ำหอม Armani รวมไปถึงน้ำหอมจาก Miniso แต่วันนี้ที่เราจะมาแนะนำกันคือน้ำหอมแบรนด์หรูแบรนด์ดังจากแบรนด์อิตาลีกันค่ะ นั่นก็คือ “น้ำหอม Bvlgari (บุลการี)”
น้ำหอม Bvlgari เป็นน้ำหอมที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงและผู้ชายโดยแต่ละกลิ่นจะมีเอกลักษณ์สูงมาก ซึ่งการเลือกน้ำหอมให้ตรงกับบุคลิกก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงไปค่ะเพราะวันนี้เราจะแนะนำวิธีการเลือกซื้อน้ำหอมจาก Bvlgari มาฝากกันค่ะ พร้อมกับรีวิว 8 น้ำหอม Bvlgari กลิ่นยอดนิยมที่ซื้อแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน หากพร้อมแล้วมาดูกันค่ะว่ากลิ่นไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุด
น้ำหอมจาก Bvlgari คอลเลกชัน/กลิ่นไหนหอม เหมาะกับคุณมากที่สุด?
- มอบกลิ่นหอมของดอกไม้ในยามเช้า สดชื่นและเย้ายวนใจ: Bvlgari Goldea EDP น้ำหอม
- น้ำหอมกลิ่นวู้ดดี้ สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่เดินผ่าน: Bvlgari Man In Black Bvlgari EDP น้ำหอมผู้ชาย
- น้ำหอมกลิ่นหอมสดชื่น เหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร: Bvlgari Aqva Pour Homme Marine EDT น้ำหอมผู้ชาย
- ผ่านการผสมผสานของกลิ่นหอมของดอกไม้และไม้นานาชนิด: Bvlgari Omnia Crystalline EDT น้ำหอม
- น้ำหอมยอดฮิตที่เหมาะสำหรับผู้ชาย เพิ่มความสง่างามให้กับบุคลิกภาพ: Bvlgari Pour Homme Extreme EDT น้ำหอม
- น้ำหอมกลิ่นกุหลาบเข้มข้น หอมติดทนนานยาวนาน: Bvlgari Rose Goldea Blossom Delight EDP น้ำหอม
ประวัติความเป็นมาของ Bvlgari (บุลการี)
“Bvlgari (บุลการี)” เป็นบริษัทสินค้าของอิตาลีที่ก่อตั้งในปี 1884 โดย Sotirios Voulgaris ซึ่งชื่อของ Voulgaris ก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของชื่อแบรนด์ค่ะ เจ้าของแบรนด์อยากได้ชื่อที่เป็นภาษาละติน จึงได้ใช้ตัว ‘V’ แทน ‘U’ ซึ่งในภาษาละติน V ก็คือ U นั่นแหละค่ะ จึงไม่มีผลต่อการออกเสียงของคำนั้น เมื่อมาอยู่ที่อิตาลีคำว่า Voulgaris จะอ่านว่า “Bvlgari” ดังนั้นทางแบรนด์จึงใช้ชื่อ “บุลการี” มาตลอด
บ้านเกิดของผู้ก่อตั้งแบรนด์ Bvlgari คือกรีซ ในกรีซนาย Sotirio Voulgaris ได้ทำการค้าขายอัญมณีและเขาได้ย้ายไปกรุงโรมในปี 1884 และได้เปิดร้านเครื่องประดับแห่งแรก หลังจากเปิดตัวร้านได้ไม่นาน แบรนด์ก็มีชื่อเสียงมากขึ้น ไม่เพียงแต่ในหมู่ชุมชนชาวอิตาลีเท่านั้นแต่ยังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกด้วย
ทางแบรนด์ใช้เวลาเกือบ 65 ปี ในการเปิดร้านค้าต่างประเทศภายใต้ชื่อ Bvlgari ในปี 1970 แฟล็กชิปสโตร์ระดับโลกแห่งแรกของ Bvlgari ก็ได้เปิดตัวขึ้นในนิวยอร์ก ในปีถัดมาร้านค้าต่าง ๆ ก็ได้เปิดขึ้นทั้งในเจนีวา (สวิตเซอร์แลนด์) และมอนติคาร์โล (โมนาโก) ในปัจจุบันแบรนด์ Bvlgari มีร้านค้ามากกว่า 300 แห่งทั่วโลก แม้ว่าการเปิดตัวของ Bvlgari คือการขายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องประดับ แต่ตอนนี้แบรนด์มีชื่อเสียงมากขึ้นในด้านสินค้า เช่น นาฬิกา เครื่องประดับ กระเป๋าถือ และน้ำหอมค่ะ
Bvlgari (บุลการี) ได้เปิดตัวน้ำหอมเมื่อไหร่ ทำไมจึงเป็นที่นิยม ?
แบรนด์ Bvlgari ได้เปิดตัวน้ำหอมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1992 ซึ่งน้ำหอมตัวแรกที่วางขายคือ Bvlgari Eau Parfumée au Thé Vert น้ำหอมคอลเลกชัน The Vert เป็นน้ำหอมที่ดีที่สุดและได้รับความนิยมมาก ขอบอกเลยว่าตั้งแต่เปิดตัวน้ำหอมครั้งแรกสุดในปี 1992 จนถึงปีล่าสุดทางแบรนด์ Bvlgari ก็ได้เปิดตัวน้ำหอมมาทั้งหมดเกือบ 106 กลิ่น ซึ่งน้ำหอมแต่ละกลิ่นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะในด้านการออกแบบและความหอม
จุดเด่นของน้ำหอมจากแบรนด์นี้คือ ทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับนักปรุงน้ำหอมชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แอนนิก เมนาร์โด (Annick Menardo), คาลอส เบเนม (Carlos Benaim), โอลิเวียร์ ปอลก์ (Olivier Polge), ฌ็อง-โคลด เอลเลน่า (Jean-Claude Ellena) ฯลฯ แน่นอนว่าคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมหลายคนจึงชอบน้ำหอมของ Bvlgari เราขอตอบเลยว่ามันเป็นเพราะกลิ่น ความเข้มข้น องค์ประกอบและคุณภาพในน้ำหอมนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เมื่อได้ฉีดแล้วก็อยากฉีดอีกจนต้องซื้อมาใช้แบบซ้ำ ๆ นั่นเองค่ะ
คอลเลกชันของน้ำหอมจาก Bvlgari (บุลการี)
คอลเลกชัน Omnia : หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้

รูปภาพจาก bulgari.com
น้ำหอมคอลเลกชัน Omnia จะมีน้ำหอม 3 กลิ่นที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม ได้แก่ Omnia Crystalline, Omnia Amethyste และ Omnia Coral ซึ่งแต่ละกลิ่นก็มีโน้ตของน้ำหอมที่แตกต่างกัน แต่กลิ่นหลักก็คือดอกไม้ค่ะ หากซื้อน้ำหอมของคอลเลกชันนี้คุณจะได้กลิ่นหอมเย้ายวนใจมากเป็นพิเศษ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ก็ยังมีเอกลักษณ์มากด้วยค่ะ
คอลเลกชัน Goldea : ผสมผสานระหว่างกลิ่นดอกไม้และมัสค์

คอลเลกชันน้ำหอม Goldea นั้นคล้าย ๆ กับคอลเลกชัน Omnia ค่ะ เพราะมีกลิ่นหลักเป็นกลิ่นดอกไม้ แต่น้ำหอมคอลเลกชัน Goldea จะมีลักษณะเฉพาะก็คือมีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบและมัสค์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ ที่แฝงไปด้วยความเย้ายวนค่ะ อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามัสค์เป็นเบสโน้ตที่สามารถสร้างความประทับใจที่เซ็กซี่และน่าดึงดูดใจได้เสมอ
คอลเลกชัน Le Gemme : ให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ

หากคุณตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Bvlgari ผลิตภัณฑ์บางรายการจากคอลเลกชัน Le Gemme สำหรับผู้ชายเป็นน้ำหอมยอดนิยมที่มีหลายกลิ่นมาก ๆ อาทิเช่น ได้แก่ Le Gemme Garanat, Le Gemme Tygar และ Le Gemme Masculine ตัวกลิ่นจะมีความรู้สึกสดชื่นแบบตะวันออก ถึงแม้น้ำหอมคอลเลกชันนี้จะออกแบบมาให้สำหรับผู้ชาย แต่ก็มีผลิตภัณฑ์น้ำหอมแบบดูโอที่สามารถใช้งานได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วย
คอลเลกชัน Bvlgari Man : น้ำหอมกลิ่นวู้ดดี้สำหรับผู้ชาย

ในหมู่ผู้ชายความนิยมของน้ำหอมคอลเลกชัน Bvlgari Man ค่อนข้างสูงค่ะ โดยในคอลเลกชันนี้จะมีน้ำหอมที่ได้รับความนิยม 3 แบบคือ Glacial Essence, In Black และ Wood Essence น้ำหอมจะมีกลิ่นหอมของไม้และสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชายได้เป็นอย่างดี ดังนั้นน้ำหอมคอลเลกชันนี้จึงเป็นทางเลือกของผู้ชายที่ชอบความโดดเด่น
คอลเลกชัน Aqva Pour Homme : น้ำหอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า

ในคอลเลกชัน Aqva Pour Homme ผลิตภัณฑ์น้ำหอม Aqva Pour Homme Marine เป็นที่นิยมอย่างมาก ตามชื่อเลยค่ะน้ำหอมกลิ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากกลิ่นของทะเลและพยายามดึงความรู้สึกสดชื่นของน้ำออกมา ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นของน้ำทะเลจึงเหมาะสำหรับใช้ในช่วงกลางวันหรือฤดูร้อน อีกทั้งน้ำหอมกลิ่นนี้ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับใช้ฉีดในวันหยุดพักผ่อนที่ชายหาด
Bvlgari Man Wood Essence EDP น้ำหอม

ราคา 1,190 บาท*
Bvlgari Man Wood Essence เป็นน้ำหอมกลิ่นไม้ที่แฝงด้วยกลิ่นอันหอมหวนและกลิ่นซิตริกที่ช่วยให้มันสดชื่นขึ้น กลิ่นเปิดจะเป็นกลิ่นสไปซี่และสดชื่น โดยกลิ่นแรกคือกลิ่นของผิวส้มแมนเดอรินและใบผักชีเพื่อสร้างกลิ่นที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา กลิ่นกลางจะเป็นกลิ่นของซีดาร์ หญ้าแฝกและไซเปรสที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ส่วนกลิ่นปิดจะเป็นกลิ่นของแอมเบอร์
Bvlgari Man Wood เป็นน้ำหอมเหมาะที่สุดสำหรับฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ตัวน้ำหอมติดทนนานมาก ๆ ค่ะ เพราะกลิ่นจะติดตัวคุณไปตั้งแต่ตอนเช้าไปจนถึงตอนเย็นเลย ขวดของน้ำหอมเป็นสีเขียวเข้ม มีความย้อนยุคแต่ก็ยังดูโดดเด่น โดยรวมแล้วน้ำกลิ่นนี้มีความซับซ้อนแต่หอมนานมากค่ะ หากคุณชอบน้ำหอมกลิ่นวู้ดดี้แนะนำเลยค่ะ
คอลเลกชันน้ำหอม | Bvlgari Man |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Parfum |
ปริมาณสุทธิ | 15 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้ชาย |
Top Notes | Essence of Coriander, Italian Citrus Zests |
Middle Notes | Cedar Wood, Vetiver, Cypress Wood |
Base Notes | Benzoin, Ambergris |
Bvlgari Aqva Pour Homme Marine EDT น้ำหอมผู้ชาย

ราคา 2,290 บาท*
Bvlgari Aqva Pour Homme เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับผู้ชายที่อยากให้ตัวเองดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น กลิ่นเปิดของน้ำหอมเป็นกลิ่นของส้มแมนดาริน กลิ่นส้มจะทำให้น้ำหอมมีความสดชื่นได้ดีมาก กลิ่นกลางของน้ำหอมจะเป็นกลิ่นดอกฝ้ายและลาเวนเดอร์ ส่วนกลิ่นปิดจะเป็นการผสมผสานของแพทชูลี่, ซีดาร์, อำพันและไม้ที่ให้กลิ่นหอมอบอวลมาก
น้ำหอมจะติดทนนานประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง เราขอแนะนำให้ฉีดในวันฤดูร้อนเพราะกลิ่นจะหอมมากที่สุดค่ะ ขวดน้ำหอมมาในขวดทรงกลมที่สวยงามพร้อมท็อปเปอร์สีเงินตัดกัน เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอมที่หรูหราและน่าใช้งาน โดยรวมแล้ว Aqva Pour Homme เป็นน้ำหอมกลิ่นผู้ชายที่สะอาดและสดชื่นและเป็นที่ถูกใจของผู้คนมากมายค่ะ
คอลเลกชันน้ำหอม | Pour Homme |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Toilette |
ปริมาณสุทธิ | 50 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้ชาย |
Top Notes | Petitgrain, Orange, Mandarin Orange |
Middle Notes | Seaweed, Lavender, Cotton Flower |
Base Notes | Patchouli, Virginia Cedar, Woodsy Notes, Amber, Clary Sage |
Bvlgari Omnia Crystalline EDT น้ำหอม

ราคา 3,090 บาท*
Bvlgari Omnia Crystalline Eau de Toilette เป็นน้ำหอมอีกกลิ่นที่ได้รับความนิยม ให้กลิ่นหอมที่ละเอียดอ่อน สะอาดและอ่อนโยน ท็อปโน้ตของน้ำหอมคือกลิ่นของไม้ไผ่และลูกแพร์ กลิ่นกลางคือกลิ่นของดอกบัว ส่วนกลิ่นปิดจะเป็นกลิ่นของไม้ค่ะ น้ำหอมติดทนนานปานกลางประมาณ 4 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะแต่บางคนก็บอกว่าติดทนนานกว่านั้น
น้ำหอมเหมาะที่จะฉีดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะมีการผสมผสานของกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้ บวกกับความเบาของกลิ่นไม้ไผ่ที่โปร่งจะให้ความสะอาด ไปในตัว ขวดของน้ำหอมมีสีเงินแต่ก็ยังดูโดดเด่นสะอาดตา ทางแบรนด์ได้สลักชื่อแบรนด์ Bvlgari ไว้เพื่อให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น จะซื้อมาใช้เองหรือให้เป็นของขวัญก็ได้ค่ะ
คอลเลกชันน้ำหอม | Omnia |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Toilette |
ปริมาณสุทธิ | 40 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้หญิง |
Top Notes | Bamboo, Nashi |
Middle Notes | Lotus Blossom |
Base Notes | Wood, Oakmoss, Musk |
Bvlgari Pour Homme Extreme EDT น้ำหอม

ราคา 3,300 บาท*
Bvlgari Pour Homme Extreme EDT น้ำหอมสำหรับผู้ชายที่เหมาะมากสำหรับคุณผู้ชายที่อยากให้ตัวเองมีกลิ่นกายที่หอมตลอดเวลา แน่นอนว่านอกจากน้ำหอมสำหรับผู้หญิงแล้วทางแบรนด์ก็ได้ผลิตน้ำหอมสำหรับผู้ชายออกมาเช่นกัน โดยน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นน้ำหอมที่จะไม่มีวันตกยุคค่ะ ภายในน้ำหอมคุณจะได้พบกับกลิ่นหอมของไม้และมัสค์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
กลิ่นเปิดของน้ำหอมกลิ่นแรกจะเป็นกลิ่นของดาร์จีลิง กลิ่นกลางจะเป็นกลิ่นของหญ้าแฝก ส่วนกลิ่นปิดจะเป็นกลิ่นมัสค์ค่ะ การผสมผสานของกลิ่นจะให้ความรู้สึกที่โดดเด่นและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ตัวน้ำหอมติดทนนาน 4 -6 ชม. ทำให้เหมาะสำหรับผู้ชายสมัยใหม่ที่อยากมีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน
คอลเลกชันน้ำหอม | Pour Homme |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Toilette |
ปริมาณสุทธิ | 50 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้ชาย |
Top Notes | Grapefruit, Darjeeling Tea |
Middle Notes | Guaiac Wood, Vetiver |
Base Notes | Transparent Amber, Musk |
Bvlgari Omnia Amethyste EDT น้ำหอม

ราคา 3,490 บาท*
Bvlgari Omnia Amethyste เป็นน้ำหอมที่ขายดีมากค่ะ หากคุณดูที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Bvlgari คุณจะพบว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีกลิ่นดอกไม้ กลิ่นแรก กลิ่นกลางและกลิ่นปิดมาจากกลิ่นดอกไม้ทั้งหมด กลิ่นเปิดกลิ่นแรกเป็น Green sap ที่ได้มาจากน้ำในใบเลี้ยงของต้นไม้ ส่วนกลิ่นกลางคือกลิ่นดอกไอริส ส่วนกลิ่นปิดท้ายคือกลิ่นเฮเลียโทรฟ เป็นความหอมหวานที่ลงตัวมากเลยทีเดียวค่ะ
น้ำหอมมีความหอมละมุน เดินผ่านทีไรกลิ่นฟุ้งกระจายเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้เลยค่ะ ตัวขวดของน้ำหอมก็ยังโดดเด่นและสวยงามเหมือนเดิม น้ำหอมจะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกลิ่นดอกไม้ที่กำลังมองหาน้ำหอมสำหรับทาในเวลากลางวันค่ะ ใครที่หาซื้อน้ำหอมไม่ได้เราขอแนะนำเลยค่ะ
คอลเลกชันน้ำหอม | Omnia |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Toilette |
ปริมาณสุทธิ | 65 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้หญิง |
Top Notes | Green sap |
Middle Notes | Iris flower |
Base Notes | Heliotrope |
Bvlgari Man In Black Bvlgari EDP น้ำหอมผู้ชาย

ราคา 4,400 บาท*
Bvlgari Man in Black ได้ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 130 ปีของแบรนด์และได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานของวัลแคน (Vulcan) เทพเจ้าแห่งโลก น้ำหอมจึงเหมาะสำหรับผู้ชายยุคใหม่ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นแรกจะเป็นกลิ่นของเครื่องเทศและเหล้ารัมมีความหวานอมเปรี้ยว กลิ่นกลางจะเป็นกลิ่นของไอริส ส่วนกลิ่นปิดท้ายจะเป็นกลิ่นของถั่วทองกา กำยานและน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นหอมหวานมาก
ขอบอกก่อนเลยว่าขวดของน้ำหอมมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นพยายามอย่าให้มันตกลงมาค่ะ Bvlgari Man in Black เป็นน้ำหอมที่ติดทนนานมาก ประมาณ 5 ถึง 7 ชั่วโมง ทำให้เหมาะสำหรับช่วงเย็นฤดูหนาวที่หนาวเย็น ตัวขวดและท็อปเปอร์ของขวดมีความเหมือนกัน มีความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความสง่างามทำให้น้ำหอมมีความสมบูรณ์แบบ
คอลเลกชันน้ำหอม | Bvlgari Man |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Parfum |
ปริมาณสุทธิ | 100 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้ชาย |
Top Notes | Vibrant spice, ambery rum |
Middle Notes | Tuberose flower, iris concrete, leather accord |
Base Notes | Benzoin, tonka bean, guaiac wood |
Bvlgari Goldea EDP น้ำหอม

ราคา 4,824 บาท*
Bvlgari Goldea เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่เย้ายวนที่สุด ตัวน้ำหอมมีผสมผสานขอดอกไม้และผลไม้ กลิ่นเปิดของน้ำหอมจะเป็นกลิ่นของราสเบอร์รี่และดอกส้ม ส่วนกลิ่นกลางจะเป็นกลิ่นของดอกกระดังงาและมะลิค่ะ ส่วนกลิ่นปิดจะเป็นกลิ่นมัสกี้จากอำพันของอียิปต์ค่ะ น้ำหอมกลิ่นนี้จะเข้ากันดีกับผู้หญิงวัย 30+ เพราะจะให้ความเป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นแต่มีความเซ็กซี่เล็ก ๆ
วิธีที่ดีที่สุดในการอธิบายกลิ่นของน้ำหอมคือเป็นกลิ่นของบรรยากาศแสงแดดยามเช้าในวันที่อากาศหนาวเย็น กลิ่นหอมจะมีความนุ่มนวล ละเอียดอ่อนและสง่างาม กลิ่นน้ำหอมจะกระตุ้นความหรูหราออกมาจากตัวคุณได้ดี ดังนั้นสรุปได้เลยว่าน้ำหอมจะให้คุ้มค่าและให้กลิ่นหอมที่ยาวนานค่ะ
คอลเลกชันน้ำหอม | Goldea |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Parfum |
ปริมาณสุทธิ | 95 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้หญิง |
Top Notes | Musk, Raspberry, Orange Blossom, Bergamot |
Middle Notes | Ylang-Ylang, Musk, Jasmine |
Base Notes | Amber, Musk, Patchouli, Papyrus |
Bvlgari Rose Goldea Blossom Delight EDP น้ำหอม

ราคา 5,700 บาท*
Bvlgari Rose Goldea Blossom Delight เป็นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่หอมและสร้างความประทับใจได้ดีมาก กลิ่นเปิดกลิ่นแรกจะเป็นกลิ่นของมะละกอและดอกมะลิ กลิ่นกลางซึ่งเป็นกลิ่นหลักจะเป็นกลิ่นของกลีบกุหลาบอบ ส่วนกลิ่นปิดท้ายจะเป็นกลิ่นกุหลาบบัลแกเรียและอำพันค่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่าใครที่ชอบดอกกุหลาบต้องไม่พลาด
น้ำหอมผ่านการสร้างสรรค์โดย Alberto Morillas ซึ่งเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นนำของแบรนด์ Bvlgari หากคุณเป็นคนที่รักน้ำหอมของ Bvlgari คุณจะต้องหลงรักน้ำหอมกลิ่นนี้อย่างแน่นอน ด้วยกลิ่นที่ดูแพงจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและมั่นใจได้ตลอดวัน น้ำหอมจะเหมาะมากหากคุณเป็นคนที่ทันสมัย มีบุคลิกขี้เล่นและน่ารักค่ะ
คอลเลกชันน้ำหอม | Goldea |
---|---|
ประเภทของน้ำหอม | Eau de Parfum |
ปริมาณสุทธิ | 75 มล. |
เหมาะสำหรับ | ผู้หญิง |
Top Notes | Papaya, Violet leaf, Jasmine |
Middle Notes | Rosebuds, Infused rose petals, Lily of the valley |
Base Notes | Bulgarian rose, White musk, Amber |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว น้ำหอม Bvlgari (บุลการี) กลิ่นไหนหอมที่สุด ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
เคล็ดลับในการเลือกซื้อน้ำหอม Bvlgari (บุลการี)
1. ประเภทของน้ำหอม
Eau de Parfum (EDP) : กลิ่นหอมเข้มข้นและติดทนนาน
โดยทั่วไปน้ำหอมจะเป็นส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยหรือที่เราเรียกว่าหัวน้ำหอมที่ผ่านการผสมและละลายด้วยแอลกอฮอล์ค่ะ โดยจะมีหัวน้ำหอมบริสุทธิ์ 15% -20% น้ำหอมประเภทนี้มีระดับความหอมค่อนข้างสูง มีกลิ่นหอมติดทนนานถึง 8 ชั่วโมง
Eau de Toilette (EDT) : กลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดทนน้อยกว่า EDP
น้ำหอม Eau de Toilette (EDT) แตกต่างจาก Eau de Parfum (EDP) เพราะกลิ่นจะติดทนน้อยกว่า นี่เป็นเพราะว่า Eau de Toilette มีหัวเชื้อน้ำหอมบริสุทธิ์เพียง 5%–15% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้น้ำหอม EDT จึงเหมาะสำหรับคุณเมื่อคุณต้องการกลิ่นหอมอ่อน ๆ ปกติแล้วน้ำหอม EDT จะติดทนนานประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ดังนั้นหากคุณเลือกซื้อน้ำหอม EDT คุณจะต้องกลับมาฉีดใหม่ทุก ๆ สองชั่วโมงเพื่อให้กลิ่นหอมคงตัวยาวนาน
2. กลิ่นและโน้ตในน้ำหอม
ในน้ำหอมโน้ต (Notes) คือกลิ่นที่เราสามารถสัมผัสได้เมื่อใช้น้ำหอม โดยทั่วไปโน้ตในน้ำหอมจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ท็อปโน้ต (Top Notes) ,โน้ตกลาง (Middle Notes) และเบสโน้ต (Base Notes) กลิ่นหอมแต่ละกลุ่มจะสามารถสัมผัสได้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันหลังจากใช้น้ำหอมค่ะ
ท็อปโน้ตจะเป็นกลิ่นหอมที่เราจะได้กลิ่นเป็นกลิ่นแรก กลิ่นนี้มักจะสร้างความประทับใจเมื่อเลือกซื้อน้ำหอม โดยปกติแล้วกลิ่นที่กลายมาเป็นท็อปโน้ตจะเป็นกลิ่นที่หอมแรงแต่จางออกเร็วมาก หลังจากที่ท็อปโน้ตระเหยไป คุณจะพบกับกลิ่นกลางของน้ำหอมและสุดท้ายกลิ่นที่คุณจะได้กลิ่นคือกลิ่นเบสโน้ต กลิ่นเบสจะเป็นกลิ่นที่ติดทนยาวนานที่สุดเมื่อเทียบกับรูปแบบกลิ่นอื่น ๆ
บทส่งท้าย
แม้ว่าแบรนด์ Bvlgari จะเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทเครื่องประดับ แต่ปัจจุบัน Bvlgari ก็เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์หรูที่มีสินค้าหลากหลาย ซึ่งน้ำหอมก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยอดนิยม โดยน้ำหอมของ Bvlgari ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ Bvlgari Pour Homme Extreme, Omnia Amethyste และ Bvlgari Man In Black ค่ะ
น้ำหอมจากแบรนด์ Bvlgari เป็นน้ำหอมที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่ผู้หญิงและหมู่ผู้ชาย เพราะสามารถให้ความประณีต สง่างามและพร้อมที่จะทำให้คุณเป็นดาวเด่นในทุกโอกาส ซึ่งปกติแล้วองค์ประกอบของน้ำหอม Bvlgari จะถูกผลิตขึ้นมาตามแฟชั่นล่าสุด ดังนั้นคุณสามารถเลือกกลิ่นหอมได้ตามแฟชั่นและรูปแบบที่คุณต้องการ แต่เนื่องจากทางแบรนด์มีการออกแบบน้ำหอมมากกว่า 100 กลิ่น การเลือกกลิ่นหอมอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นก่อนซื้อเราขอแนะนำให้ซื้อเทสเตอร์หรือตัวทดลองมาดมกลิ่นดูก่อนหรือไม่ก็ไปที่ร้านน้ำหอมหรือบูธของ Bvlgari ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเลือกซื้อน้ำหอมค่ะ
ก่อนจากกันวันนี้เราก็จะขอแนะนำวิธีการเปิดใช้น้ำหอมจาก Bvlgari กันก่อนค่ะ ซึ่งปกติแล้วคอลเลกชันน้ำหอมทั้งหมดจาก Bvlgari จะเป็นขวดสเปรย์ยกเว้น Omnia mini Selections ขวดน้ำหอม Omnia ขนาดเล็กนั้นใช้งานค่อนข้างยุ่งยากแต่ประหยัดเงินได้ดี โดยในการเปิดใช้งานคุณจะต้องจับขวดให้แน่น ให้ส่วนที่แบนของขวดอยู่ด้านล่างและพยายามดึงขวดที่ด้านบนขึ้นมา อย่าลืมว่าต้องจับให้แน่นตลอดนะคะเพราะถ้าไม่แน่นจะเปิดไม่ออกและอาจจะหลุดออกจากมือได้ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมในระยะใกล้เพราะอาจทิ้งคราบบนเสื้อผ้าของคุณได้