รีวิว แคลเซียมเม็ดฟู่ ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2022

แคลเซียมมีผลโดยตรงต่อกระดูก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ควรได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายทุกวัน สำหรับเด็กแล้วหากขาดแคลเซียม ร่างกายและกระดูกก็จะเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ส่วนผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเองก็จะเกิดกระดูกสึกหรอและเปราะบางไปเรื่อย ๆ

ดังนั้นอาหารเสริมที่สำคัญไม่ได้มีเพียงแค่ อาหารเสริมโอเมก้า, อาหารเสริมไฟเบอร์, วิตามินบี, วิตามินซี, วิตามินรวม และแน่นอนว่าแคลเซียมเองก็สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้การเสริมแคลเซียมให้กับร่างกายได้แบบเต็มที่ หลายคนก็จะเลือก ‘แคลเซียมเม็ดฟู่’ เพราะร่างกายของเราสามารถดูดซึมไปบำรุงกระดูกให้เกิดความแข็งแรง เสริมสร้างให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น พร้อมทำกิจกรรมในทุกวัน

แคลเซียมเม็ดฟู่ ยี่ห้อไหนดี?

• แคลเซียมเม็ดฟู่สำหรับเด็ก : Swiss Energy Kids Calcium + Multivitamins วิตามินเม็ดฟู่ แคลเซียม
• แคลเซียมเม็ดฟู่ สำหรับผู้สูงอายุ: แคลเซียมเม็ดฟู่ Effer Calcium + Vitamin D
• แคลเซียมเม็ดฟู่ คนท้อง: CDR calcium d redoxon ซีดีอาร์ แคลเซียม เม็ดฟู่ละลายน้ำ
• แคลเซียมเม็ดฟู่ นำเข้าจากเยอรมัน : Demosana Effervescent ดีโมซานา แคลเซียมเม็ดฟู่

ทำไมร่างกายของเราถึงต้องการแคลเซียม ? ⁽¹⁾

แคลเซียมจะช่วยเสริมสร้างให้กระดูกของเราเกิดความแข็งแรง โดย 99% ของแคลเซียมในร่างกายจะอยู่ในส่วนของกระดูกและฟัน ทั้งนี้แคลเซียมในเลือดยังมีหน้าที่ในการสั่งการระบบประสาทให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอย่าง อินซูลิน และ ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งแน่นอนว่าแคลเซียมสำคัญต่อร่างกายมาก หากร่างกายรับปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอ ผลที่จะตามมาคือ ร่างกายจะไปดูดแคลเซียมในส่วนของกระดูกและฟันของเราแทน ดังนั้นกระดูกก็จะไม่ค่อยแข็งแรง หากปล่อยไปเรื่อย ๆ กระดูกอาจหักได้ง่ายแม้เพียงแค่ล้มอย่างเบา ๆ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงจะตั้งคำถามว่า “แล้วแคลเซียมที่ร่างกายต้องการอยู่ในปริมาณเท่าไหร่ ?” ฉะนั้นเรามาดูคำถามไปพร้อมกันเลยครับ ผู้หญิงอายุไม่เกิน 50 ปี : ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม / วัน ผู้ชายอายุไม่เกิน 70 ปี : ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม / วัน ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 50 ขึ้นไป : ต้องการแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัม / วัน ผู้ชายอายุตั้งแต่ 70 ขึ้นไป : ต้องการแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัม / วัน

อย่างไรก็ดีการรับแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายก็มีข้อจำกัดเช่นกันครับ โดยผู้ใหญ่อายุไม่เกิน 50 ปี จะต้องรับแคลเซียมในปริมาณที่ไม่มากกว่า 2,500 มิลลิกรัม และผู้ใหญ่อายุมากกว่า 50 ปีจะต้องรับแคลเซียมในปริมาณที่ไม่มากกว่า 2,000 มิลลิกรัม

ใครบ้างที่ควรรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม ?

อย่างที่ได้บอกไปครับว่าหากรับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอ กระดูกของเราก็จะไม่แข็งแรง และหากร้ายแรงหน่อยคุณอาจจะเป็นโรค ‘โรคกระดูกพรุน’ นอกจากนี้ผลการวิจัยและเคสต่าง ๆ ที่เจอมาคือผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรค osteoporosis หรือโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย ยิ่งโดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทอง

โดยกลุ่มคนที่มีโอกาสขาดแคลเซียมในร่างกายจะมี ดังนี้ รับประทานเจหรือมังสวิรัติ กลุ่มคนที่มีโปรตีนหรือโซเดียมในร่างกายสูง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากจนเกินไป มีโรคประจำตัวซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมค่อนข้างจำกัด อย่างเช่น โรคโครห์น หรือ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ใช้ยากลุ่ม กลุ่มคอร์ติโค สเตียรอยด์ เป็นระยะเวลานาน ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน

* ก่อนซื้ออาหารเสริมหรือยาอะไรก็แล้วแต่มารับประทาน คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเภสัชกรก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย *

ประโยชน์ที่อาจได้รับจากการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม

1. อาจช่วยป้องกันการสูญเสียกระดูกในผู้หญิงวัยทอง ⁽²⁾

ผู้หญิงวัยทองอาจสูญเสียกระดูกได้เนื่องจากมีเอสโตรเจนลดลง แต่ยังโชคดีที่ปัญหาตรงนี้สามารถแก้ไขด้วยการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียม และโดยส่วนใหญ่จะรับประทานในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม / วัน ทำให้ลดโอกาสการสูญเสียกระดูกได้กว่า 1 – 2 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

2. อาจช่วยลดไขมันในร่างกายได้ ^(3,4)

จากงานวิจัยพบว่าคนที่มีปริมาณแคลเซียมในร่างกายต่ำ อาจส่งผลให้ค่า BMI และไขมันในร่างกายสูงขึ้น ทั้งนี้ทางผู้เชี่ยวชาญโดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับประทานวิตามินดีควบคู่ไปกับแคลเซียมเพื่อการดูดซับทีดีขึ้น

3. อาจช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ ^(5,6)

ที่ผ่านมามีงานวิจัย 2 ตัวได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันมากว่าการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมอาจช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ (แต่กลุ่มตัวอย่างและงานวิจัยยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติม)

วิธีการเลือกแคลเซียมเม็ดฟู่ให้ปลอดภัยต่อร่างกาย

1. แนะนำให้เลือกแคลเซียมเม็ดฟู่ที่มีส่วนผสมของวิตามินดี

เหตุผลที่ผมอยากแนะนำให้เลือกแคลเซียมเม็ดฟู่ที่มีส่วนผสมของวิตามินดี เพราะร่างกายของเราจะดูดซึมได้ดีกว่า รวมไปถึงยังส่งผลดีต่อกระดูกของเรามากกว่าเม็ดฟู่ที่มีเพียงแค่แคลเซียมอย่างเดียวครับ

2. เช็กปริมาณแคลเซียมในเม็ดฟู่

ปริมาณแคลเซียมภายในเม็ดฟู่แนะนำให้อยู่ในช่วง 400 – 800 มิลลิกรัม (หรืออาจจะลดหลั่นลงมาเล็กน้อย) เพราะปริมาณระดับนี้จะดูดซึมได้ดีกว่าการพยายามรับประทานแคลเซียมในปริมาณมาก ๆ

3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย.

อย่าลืมนะครับว่าแคลเซียมเม็ดฟู่เป็นอาหารเสริมที่เรารับประทานเข้าร่างกาย ดังนั้นความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. ก็เป็นการการันตีอย่างหนึ่งว่ามันมีความปลอดภัยต่อร่างกายของเราครับ

DAS Gesunde Plus สูตรสีขาว แคลเซียม Calcium รสส้มเม็ดฟู่

ราคา 58 บาท*

DAS Gesunde Plus สูตรแคลเซียมผลิตออกมาให้รับประทานง่ายครับ เพราะรสชาติจะเป็นส้มรับรองว่าถูกปากอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันประโยชน์อื่นก็ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันกระดูกพรุน ลดความเสี่ยงเรื่องกระดูกหักหรือกระดูกเสื่อมให้กับผู้สูงอายุ อีกทั้งหากเปรียบเทียบกับแคลเซียมแบบเม็ดที่ไม่ละลายน้ำ ก็ต้องบอกว่าแบบเม็ดฟู่จะทำให้ร่างกายดูดซึมดีกว่ามาก ๆ ทั้งนี้ผมรับประกันได้เลยว่าปลอดภัย

ปริมาณ	20 เม็ด / หลอด
สารอาหาร	แคลเซียม
วิธีใช้	1 เม็ด / วัน

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

Demosana Effervescent ดีโมซานา แคลเซียมเม็ดฟู่

ราคา 95 บาท*

Demosana เป็นแบรนด์ที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมัน โดยตัวเม็ดฟู่ตอบโจทย์กับคนในหลายกลุ่ม ทั้งคนชอบออกกำลังกาย, ผู้หญิงวัยกำลังจะหมดประจำเดือน และผู้สูงอายุทุกเพศทุกวัยครับ เพราะโภชนาการหรือคุณค่าทางอาหารที่ใส่ลงไปมีความจำเป็นต่อร่างกายมาก ช่วยเสริมสร้างทั้งในเรื่องของกระดูก และป้องกันไม่ให้กระดูกของเราเสื่อมเร็วจนเกินไป

ปริมาณ	20 เม็ด / หลอด
สารอาหาร	แคลเซียม
วิธีใช้	1 เม็ด / วัน

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

CDR calcium d redoxon ซีดีอาร์ แคลเซียม เม็ดฟู่ละลายน้ำ

ราคา 120 บาท*

หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับ CDR เพราะมันหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง สำหรับเด็กคนไหนอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต CDR ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงและเจริญตามวันของเด็ก รวมไปถึงคุณแม่ซึ่งกำลังตั้งครรภ์, ให้นมบุตร หรือผู้ป่วยพักฟื้น เม็ดฟู่ของ CDR ก็จะช่วยป้องกันการขาดแคลเซียม และเสริมวิตามินสำคัญอย่าง ดี, ซี และบี 6 เข้าไปด้วย

ปริมาณ	15 เม็ด / หลอด
สารอาหาร	แคลเซียม และ วิตามิน
วิธีใช้	1 เม็ด / วัน

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

แคลเซียมเม็ดฟู่ Effer Calcium + Vitamin D

ราคา 135 บาท*

Effer มาจากประเทศเยอรมันเหมือนกับ ‘Demosana’ ทั้งนี้แคลเซียมเม็ดฟู่ไม่ได้มีส่วนผสมของแคลเซียมเพียงอย่างเดียว แต่ทางแบรนด์ยังใส่วิตามินดีลงไปเพื่อให้ร่างกายของเราดูดซึมง่ายขึ้น ส่วนประโยชน์อื่น ๆ ที่จะได้ไปก็จะมีทั้งการเพิ่มความแข็งแรงให้กระดูก ป้องกันกระดูกเปราะกระดูกพรุน ป้องกันข้อเสื่อม ปรับฮอร์โมนในผู้หญิงวัยทอง และหากใครนอนไม่หลับ Effer ก็ช่วยเรื่องการนอนหลับเช่นกัน

ปริมาณ	15 เม็ด / หลอด
สารอาหาร	แคลเซียม และ วิตามิน
วิธีใช้	1 เม็ด / วัน

ดูได้ที่ Shopee

Nutrakal Deli Cal-D-C 1000 แคลเซี่ยมเม็ดฟู่ รสเลมอน

ราคา 220 บาท*

เพียงแค่นำ Nutrakal Deli Cal-D-C 1000 1 เม็ดเข้าไปละลายในน้ำสะอาด 1 แก้ว ร่างกายของเราก็เฟรชและมีแรงต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าร่างกาย เนื่องจากทางผู้ผลิตมีการใส่วิตามินซีเข้าไปในอาหารเสริม ในขณะเดียวกันยังมีวิตามินบี 16 ที่ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ป้องกันไม่ให้เกิดตะคริวกินขาของเรา และที่ช่วยแน่นอนคือกระดูกและฟัน ภายในเม็ดฟู่มีทั้งแคลเซียมและวิตามินดี ถือว่าเป็นแคลเซียมเม็ดฟู่ที่บำรุงร่างกายค่อนข้างครอบคลุม ได้ทั้งในเรื่องกล้ามเนื้อและกระดูก

ปริมาณ	30 เม็ด (3 หลอด)
สารอาหาร	แคลเซียม และ วิตามิน
วิธีใช้	1 เม็ด / วัน

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

CalSource แคลซอส แคลเซียมเม็ดฟู่

ราคา 305 บาท*

CalSource เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะการขาดแคลเซียมในร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปมันจะช่วยเสริมสร้างให้กระดูกและฟันของเราแข็งแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ ทั้งนี้ปริมาณแคลเซียมในระดับ 500 มิลลิกรัมก็ถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ปลอดภัยต่อการรับประทานเข้าร่างกาย นอกจากนี้ผมอยากแนะนำให้ทานร่วมกับวิตามินดี 3 แล้วการดูดซึมจะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ

ปริมาณ	20 เม็ด / หลอด
สารอาหาร	แคลเซียม และ วิตามิน
วิธีใช้	เด็ก รับประทาน 1 เม็ด (วันละ 1 - 2 ครั้ง) / ผู้ใหญ่ 1 เม็ด (วันละ 1 - 3 ครั้ง)

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

Swiss Energy Kids Calcium + Multivitamins วิตามินเม็ดฟู่ แคลเซียม

ราคา 1,350 บาท*

แคลเซียมไม่ได้สำคัญต่อผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียวครับ แต่สำหรับเด็กเองก็สำคัญไม่แพ้กัน หากน้อง ๆ หนูคนไหนมีอาการแพ้นมวัวหรือเบื่ออาหาร คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยเสริมโภชนาการด้วยเม็ดฟู่ของทาง Swiss Energy ได้ครับ อย่างแรกเลยคือแคลเซียมที่ใส่ลงไปกว่า 500 มิลลิกรัม ซึ่งช่วยทั้งกระดูกและระบบประสาทให้แข็งแรง ทำงานได้อย่างเต็มที่ ส่วนวิตามินที่ใส่ลงไปจะเป็นวิตามินรวม ช่วยเสริมภูมิต้านทาน, การมองเห็น, พัฒนาสมอง และการขับถ่ายได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้ท้องผูก

ปริมาณ	20 เม็ด / หลอด (3 หลอด)
สารอาหาร	แคลเซียม, วิตามินรวม, ไบโอติน และกรดโฟลิค
วิธีใช้	1 เม็ด / วัน

ดูได้ที่ Lazada

ดูได้ที่ Shopee

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการรับแคลเซียมในปริมาณที่มากจนเกินไป

1. อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ (7-11) การรับประทานแคลเซียมเข้าไปในร่างกายมากจนเกินไปอาจเข้าไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ครับ แต่ข้อสรุปตรงนี้ยังคงต้องมีงานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อมาเชื่อมโยง หรือซัพพอร์ตอีกหลายปีและหลายงานวิจัย

2. อาจทำให้แคลเซียมในเลือดสูงจนเกินไป ⁽¹²⁾

ศัพท์ทางการแพทย์จะเรียกสั้น ๆ กันว่า ‘ไฮเปอร์แคล’ หรือ ‘hypercalcemia’ ซึ่งตรงนี้อาจทำให้เกิดอาการหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อาการหงุดหงิดฉุนเฉียว, ซึมเศร้า, ปวดท้อง หรือคลื่นไส้

3. อาจมีความเสี่ยงต่อนิ่วในไต ⁽¹³⁾

จริง ๆ แล้วมีอาหารเสริมแคลเซียมเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อนิ่วในไต เพราะความเสี่ยงจะเกิดขึ้นเมื่อรับประทานแคลเซียมในปริมาณมากในระดับ 1,200 – 1,500 มิลลิกรัม ซึ่งโดยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมโดยส่วนใหญ่ไม่ถึงอยู่แล้วครับ

References :

1. Dietary Reference Intakes for Calcium and Vitamin D
2. Calcium revisited: part II calcium supplements and their effects
3. Dietary calcium intake and overweight: an epidemiologic view
4. Calcium plus vitamin D3 supplementation facilitated fat loss in overweight and obese college students with very-low calcium consumption: a randomized controlled trial
5. Dairy food, calcium, and risk of cancer in the NIH-AARP Diet and Health Study
6. Dairy foods, calcium, and colorectal cancer: a pooled analysis of 10 cohort studies
7. Calcium supplements and cardiovascular risk: 5 years on
8. Use of calcium supplements and the risk of coronary heart disease in 52-62-year-old women: The Kuopio Osteoporosis Risk Factor and Prevention Study
9. Effect of calcium supplements on risk of myocardial infarction and cardiovascular events: meta-analysis
10. Prospective study of calcium, potassium, and magnesium intake and risk of stroke in women
11. Calcium supplementation, cardiovascular disease and mortality in older women
12. Hypercalcemia
13. Calcium plus vitamin D supplementation and the risk of fractures