ต้องยอมรับว่าปัจจุบันนี้กล้องโทรศัพท์ได้มีการพัฒนาไปไกลมากเลยค่ะ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะมองหากล้องโทรศัพท์ที่ดีที่สุดเพื่อให้การถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอของพวกเขาออกมาดูดีมีคุณภาพ อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้มีโทรศัพท์มือถือหลายรุ่นที่มีความสามารถในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมจนทำให้คุณเกิดความสับสนและทำให้การเลือกสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดยากขึ้นไปอีก

หลายคนอาจยังคงยึดติดกับจำนวนตัวเลข “เมกะพิกเซล / Megapixel (MP) ของกล้อง” เป็นอันดับแรก ซึ่งในความเป็นจริงค่า MP ไม่ใช่ตัวกำหนดว่ากล้องโทรศัพท์รุ่นไหนดีที่สุด เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณควรนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนจะซื้อ
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับธรรมชาติ, ทิวทัศน์, ผู้คน หรือสิ่งอื่น ๆ เราขอต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของกล้องสมาร์ทโฟน คุณจะได้เรียนรู้รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการเลือกกล้องโทรศัพท์ที่ดีจากเนื้อหาของเว็บไซต์เรา เพื่อที่จะได้สมาร์ทโฟนที่ตอบสนองการใช้งานของคุณให้ตรงจุดมากที่สุดค่ะ
โทรศัพท์กล้องสวยระดับกลาง ราคาไม่เกิน 10000 บาท รุ่นไหนดีที่สุด
- โทรศัพท์กล้องสวยปี 2023 มีราคาถูกที่สุด: Samsung Galaxy A14 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
- โทรศัพท์ระดับกลาง รุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2023: Samsung Galaxy A34 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
- โทรศัพท์ซัมซุงในระดับกลาง มีกล้องสวย ที่ขายดีที่สุด: Samsung Galaxy A33 5G สมาร์ทโฟน
- โทรศัพท์กล้องหน้า-หลังยอดเยี่ยม รองรับการใช้ชาร์จไวภายใน 30 นาที: OPPO Reno7 5G สมาร์ทโฟน
- โทรศัพท์ออปโปในระดับกลาง มีกล้องสวย ที่ขายดีที่สุด ราคาไม่แพง: OPPO A74 5G สมาร์ทโฟน
- โทรศัพท์ถ่ายรูปเซลฟีที่ยอดเยี่ยม: Infinix Zero 20 สมาร์ทโฟน
- ตัวแทนกล้องถ่ายรูปพกพาขนาดเล็ก: Vivo V23e สมาร์ทโฟน
มือถือกล้องสวย ราคา 7,000-1,0000 บาท ควรมีกล้องกี่ตัว และควรเป็นกล้องประเภทใด ?
โดยส่วนใหญ่หากเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือในระดับกลางไม่จำเป็นต้องเลือกที่มีกล้องครบทุกตัวก็ได้ค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว หากคุณต้องการแค่ถ่ายรูปทั่วไป (ไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพ) พวกเรามักจะใช้กล้องแค่สองตัวเท่านั้นค่ะ นั่นคือ “กล้องหลัก” และ “กล้องอัลตร้าไวด์”
กล้องหลักก็คือกล้องหลังที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดดีที่สุดของเครื่องนั้น ๆ (นั่นจึงทำให้มันมีชื่อว่ากล้องหลัก) โดยส่วนใหญ่มันมักจะมาพร้อมกับจำนวนเมกะพิกเซล (MP) สูง ๆ เพื่อที่จะได้รูปที่มีความละเอียดคมชัด ในขณะที่กล้องอัลตร้าไวด์ก็คือกล้องที่มีเลนส์มุมกว้างเป็นพิเศษ ช่วยทำให้คุณเก็บทุกรายละเอียดของภาพได้มากกว่าปกติ ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับถ่ายภาพทิวทัศน์มากกว่า หรือหากคุณจะใช้ถ่ายเป็นตัวบุคคลก็จะช่วยทำให้ดูสูงขึ้นและเพรียวบางมากขึ้น

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากกล้องที่เราแนะนำไปแล้วก็ยังมี “กล้อง Macro” และ “กล้อง Depth” ให้คุณได้เลือกตามความชอบด้วยนะคะ กล้อง Macro จะเหมาะสำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้หรือโคลสอัพ ส่วนกล้อง Depth เป็นตัวกำหนดความชัดลึกและความชัดตื้นของรูปเหมาะสำหรับการถ่ายรูปหน้าชัดหลังเบลอ
หากถามว่ากล้อง Macro และกล้อง Depth มีความจำเป็นมากไหม ? เราคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นมากขนาดนั้นค่ะ สังเกตได้จากระยะหลังมานี้มีหลายแบรนด์เริ่มตัดกล้อง Macro และกล้อง Depth ออกไป (ตัดอย่างใดอย่างหนึ่ง) เพื่อทำให้สมาร์ทโฟนของพวกเขามีราคาถูกลงและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น
สรุป ดังนั้นหากคุณรู้ว่าตัวเองไม่เน้นการถ่ายรูปแบบมืออาชีพ แนะนำว่าควรมีแค่ 3 กล้องก็พอค่ะ นั่นคือ กล้องหน้าสำหรับถ่ายเซฟฟี่, กล้องหลังหลัก และกล้องหลังอัลตร้าไวด์ (กล้องหลังอัลตร้าไวด์ อาจจะมีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับแนวการถ่ายรูปของคุณมากกว่า)
กล้องมือถือที่มีความละเอียดสูงดีกว่าจริงหรือไม่ ?
กล้องที่มี 108MP ก็ไม่ได้ดีกว่า 12MP เสมอไปนะคะ การที่กล้องมีจำนวนเมกะพิกเซลสูงแบบเยอะมาก ๆ มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราเข้าไปตั้งค่าความละเอียดของกล้องก่อนเท่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วทางผู้ผลิตจะตั้งค่าเริ่มต้นมาให้ที่ประมาณ 12 MP ค่ะ ในขณะที่บางรุ่นมีเลนส์สูงสุดเพียง 12MP แต่พวกเขากลับใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าเพื่อผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นความละเอียดสูงสุดไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณภาพกล้องค่ะ
สิ่งที่ควรมีใน มือถือกล้องสวย ราคาไม่เกิน 10,000 บาท
- เมกะพิกเซลในช่วง 8 – 12 MP ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน
- รูรับแสงในช่วง ƒ/1.8 – ƒ/2.4 เป็นขนาดที่สมเหตุสมผลกับราคา
- ควรมีแฟลช LED เสริมเพื่อให้ภาพคมชัดมากขึ้น
- คุณภาพของวิดีโอประมาณ 1080p ก็ถือว่าเพียงแต่การใช้งานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเลือกระบบ 4K เสมอไป
- ควรมีออโต้โฟกัส (AF) หรือหากเป็นไปได้ก็ควรเลือกออโตโฟกัสแบบตรวจจับเฟส (Phase Detection Auto Focus / PDAF)
- ควรมีระบบกันสั่นสำหรับลดความเบลอของภาพ โดยส่วนจะราคามือถือที่ถูกเช่นนี้อาจจะหาได้ยากสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามคุณอาจจะพบได้ในบางรุ่นที่มีราคาเกิน 10,000 บาทนิด ๆ
- ความจุแบตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 5000 mA
- สมาร์ทโฟนควรรองรับระบบ 5 G เพื่อการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วขึ้น
กดเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของคุณสมบัติสมาร์ทโฟนระดับกลาง
Samsung Galaxy A14 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

ราคา 5,829 บาท*
ซัมซุง กาแลคซี่ A14 เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2023
นับว่าเป็นครั้งแรกที่ซัมซุงเปิดตัว Galaxy A14 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่มีการใช้ LTE และ 5G ของปี 2023 ในราคาไม่ถึง 6,000 บาท โดยรุ่นนี้จะเหมาะใช้งานทั่วไปสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด มาพร้อมกับหน้าจอ Full HD+ ที่ให้ความสว่างและความคมชัดในระดับที่คุณสามารถรับชมหนังซีรีส์ เล่นเกมออนไลน์ และท่องเว็บต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
ในด้านของกล้องถ่ายรูปก็มีคุณสมบัติไม่ธรรมดา เพราะ Galaxy A14 มีโมดูลกล้องมาให้ 3 ตัว คือกล้องหลัก, Macro และ Depth แม้ว่าเซ็นเซอร์กล้อง Macro และ Depth อาจจะดูไม่ค่อยหวือหวา แต่ก็เป็นสเปกที่สูงพอสมควรในราคาที่ถูกเช่นนี้ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียดที่สูงถึง 13 MP มาพร้อมกับรูรับแสงขนาด ƒ/2.0 ซึ่งจะช่วยให้คุณถ่ายรูปเซฟฟี่ได้ในทุก ๆ สภาพแสง
โดยรวมแล้วเราค่อนข้างประทับใจที่ทาง Samsung มอบคุณภาพทั้งกล้องหน้า-กล้องหลักในราคาประหยัด สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือกล้องโทรศัพท์ Samsung เกือบทุกรุ่นเป็นกล้องแบบเนทีฟที่ช่วยเติมชีวิตชีวาให้กับภาพถ่ายด้วยสีสันที่สดใส มันทำให้รูปภาพออกมาดูสวยและดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ แม้ว่า Galaxy A14 5G จะไม่มีกล้อง Ultrawide แต่เลนส์กล้องหลักที่ 50MP นั้นก็สามารถช่วยให้คุณเก็บวิวทิวทัศน์สวย ๆ ได้หมดอย่างแน่นอนค่ะ !!
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
สำหรับโหมดภาพถ่ายบุคคลนั้น กล้องโทรศัพท์จะช่วยให้คุณโฟกัสที่ตัวแบบและปรับเอฟเฟกต์ Bokeh ที่สวยงาม (Bokeh จะเน้นตัวของคุณในภาพให้โดดเด่นมากขึ้น) นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์ให้เล่นอีกมากมาย เช่น Blur, Spin, Zoom และ ColorPoint โดยเฉพาะกับ 'ColorPoint' เป็นลูกเล่นที่ผู้เขียนชอบมาก เพราะพื้นหลังจะเป็นสีขาวดำทั้งหมเด ส่วนวัตถุด้านหน้าจะเป็นเฉดสีที่สวยงามค่ะ
ในส่วนของกล้องหน้าก็ทำออกมาได้ดี คุณสามารถเซฟฟี่ได้ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่กลางแจ้งหรือพื้นที่แสงน้อย แต่แนะนำว่าถ่ายกลางแจ้งที่เป็นแสงธรรมชาติ รูปออกมาจะสวยจึ้งมากค่ะ แนะนำเลย!!
ด้านงานวิดีโอทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังรองรับ Full HD (1080p) ที่ 30 fps ภาพจากวิดีโอค่อนข้างเสถียรพอสมควร (แม้ว่าขณะที่เรากำลังบันทึกภาพอยู่นั้นมือจะสั่นอยู่ก็ตาม) แต่อย่างไรก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้ไม่มีระบบกันสั่นมาให้นะคะ ดังนั้นคุณภาพอาจเทียบกับรุ่นที่มี OIS ไม่ได้นะคะ
OS | Android 13, One UI 5 |
---|---|
กล้องหน้า | 13 MP, ƒ/2.0 |
Video กล้องหน้า | 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 50 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | ![]() |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP, ƒ/2.4 |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, LED flash, panorama, HDR |
Video กล้องหลัง | 1080p@30fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.6" |
5G | ![]() |
Samsung Galaxy A34 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

ราคา 11,999 บาท*
ซัมซุง กาแลคซี่ A34 เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2023
Galaxy A34 จัดว่าเป็นมือถือราคากลาง ๆ ที่อาจจะเกินงบ 1 หมื่นไปบ้าง แต่มีคุณสมบัติน่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผล Super AMOLED 120Hz, ลำโพงสเตอริโอ, ดีไซน์กันน้ำและฝุ่น, ชิปประมวลที่เร็วมากขึ้น และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 13 เวอร์ชั่นใหม่ที่มาพร้อม One UI 5.1 ในส่วนของงานกล้องทำออกมาได้ดี ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาสวยงาม แม้ว่าจะอยู่ในแสงจ้าหรือแสงน้อย ความสามารถกล้องโดยรวมเทียบเท่ากับแบรนด์คู่แข่งได้สมศักดิ์ศรี
สำหรับกล้องหลังนำทีมโดยกล้องหลัก กล้องอัลตร้าไวด์ และเสริมด้วยเซ็นเซอร์มาโคร มาพร้อมกับแฟลช LED ที่ช่วยให้ภาพออกมาสวยยิ่งขึ้น สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 30 fps และแบบสโลว์โมชั่น HD ที่ 480 fps ถือเป็นข้อดีเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่มีราคาในระดับเดียวกัน ในส่วนของกล้องหน้าระบบมีโฟกัสที่คงที่เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน รวมถึงคุณภาพวิดีโอ 4K / Full HD ที่ 30 fps ก็ทำออกมาได้ดีมากเช่นกันค่ะ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
กล้องหลังหลัก 48MP สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีมาก ๆ แถมยังมีช่วง Dynamic Range ที่ช่วยให้เราบันทึกภาพได้กว้างมากกว่าปกติ หากถ่ายในช่วงกลางคืนหรือที่มืด ๆ ก็อาจจะมีนอยส์ให้เห็นได้กันบ้างแต่ว่าน้อยมาก ๆ ค่ะ อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือรุ่นนี้มี OIS หรือระบบกันสั่นมาให้ แม้ว่า OIS จะเทียบกับรุ่นเรือธงไม่ได้แต่ก็ช่วยลดการสั่นไหวและความเบลอได้ดีเลยทีเดียว!!
ในส่วนของกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP อาจมีค่าไม่สูงพอที่จะเก็บรายละเอียดได้เหมือนรุ่นท็อป แต่ภาพออกมาก็โอเคทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนค่ะ ไม่แย่เลยสักนิด ส่วนกล้องมาโคร 5MP นั้นถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากนะคะหากเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาเท่านี้ เพราะส่วนใหญ่จะมีความละเอียดเพียง 2MP เท่านั้น (หรือบางรุ่นก็ไม่มีเลย)
สำหรับใครชอบถ่ายรูปเซลฟี่ A34 กล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ที่สูงมากถึง 13MP ให้เฉดสีที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่หลอกตาเกินไป โดยรวมแล้วถือว่ามีโหมดการใช้งานขั้นพื้นฐานทั้งหมดให้คุณได้เล่นแบบไม่มีเบื่อ ในส่วนของโหมดวิดีโอก็ยังสามารถถ่าย Hyperlapse ของท้องฟ้าได้ด้วยทำให้การถ่ายดวงดาวบนท้องฟ้าได้สวยมากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมลองใช้ฟีเจอร์ดูกันนะคะ!
OS | Android 13, One UI 5.1 |
---|---|
กล้องหน้า | 13 MP, ƒ/2.2 |
Video กล้องหน้า | 4K@30fps, 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 48 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 8 MP, ƒ/2.2 |
กล้องหลัง (Macro) | 5 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | ![]() |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, OIS, LED flash, panorama, HDR |
Video กล้องหลัง | 4K@30fps, 1080p@30/60fps, 720p@480fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.6" |
5G | ![]() |
Samsung Galaxy A33 5G สมาร์ทโฟน

ราคา 10,999 บาท*
ซัมซุง กาแลคซี่ A33 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022
Galaxy A33 5G มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ในอัตราการรีเฟรช 90Hz แม้ว่าความราบรื่นของจอภาพอาจจะสู้ Galaxy A34 ตัวใหม่ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ หากคุณต้องการมือถือที่มีกล้องสวยจบในเครื่องเดียว A33 จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เนื่องจากรุ่นนี้มี Depth Sensor (หน้าชัดหลังเบลอ) ที่รุ่น A34 ไม่มี สำหรับคุณสมบัติของกล้องที่เหลือใน A33 ก็มีสเปกที่คล้ายคลึงกับรุ่น A34 มาก ไม่ว่าจะเป็น กล้องหน้า, กล้องหลัก, กล้องอัลตร้าไวด์, เซ็นเซอร์มาโคร รวมถึงความสามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 30 fps เหมือนกันอีกด้วย นอกจากนี้ A33 ก็ได้อัปเกรด OS เป็น Android 13, One UI 5 ตัวล่าสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ
อย่างไรก็ตาม…สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องยอมรับให้ได้ในรุ่นนี้ก็คือชิปที่ใช้เป็น Exynos 1280 ซึ่งปัจจุบันนี้ในทางแบรนด์ได้เปลี่ยนใช้ Dimensity 1080 (SoC) ในรุ่น A34 แทนแล้ว ดังนั้นหากเทียบเรื่องความเร็วรุ่น A33 ก็คงสู้รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง เราคิดว่าหากคุณเพียงแค่ใช้งานทั่วไป ความเร็วก็ไม่ได้ต่างกันค่ะ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม (เปรียบเทียบ Galaxy A33 VS Galaxy A34)
จากที่เรากล่าวว่าฮาร์ดแวร์กล้องของ A33 คล้ายคลึง A34 นั้นเป็นเพราะว่ามันมีความละเอียด + รูรับแสงที่เท่ากัน แต่รุ่น A34 จะมีมุมที่กว้างขึ้นเป็น 1.5 องศา (แทนที่จะเป็น 0.95 องศา) ซึ่งหมายความว่า A34 สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวและในเวลากลางคืนได้ดีกว่า
นอกจากนี้ A34 ยังมีความสามารถในการจัดเฟรมอัตโนมัติอีกด้วย แม้ว่า A34 จะไม่มีกล้อง Depth มาให้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ หากคุณต้องการมือถือเครื่องใหม่ล่าสุดจริง ๆ การเพิ่มเงินอีกนิด Galaxy A34 จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าแน่นอน และสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสายตาทาง Samsung ยังได้เคลมมาด้วยว่ารุ่น A34 ได้รับการรับรองจาก SGS ด้วยการลดการปล่อยแสงสีฟ้าให้น้อยลงกว่ารุ่นก่อน
โดยรวมแล้วหากคุณซื้อ A34 คุณจะได้รับดีไซน์เครื่องที่สวยงามมากขึ้น, พร้อมกับขอบจอที่เล็กลง, จอแสดงผลที่ดีขึ้นมาก และชิปที่เร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้รวม ๆ กันแล้วทำให้ A34 ดีกว่า A33 อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าถ้าหากคุณมีความตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าต้องการโทรศัพท์ที่เน้นการใช้งานเรื่องกล้องเป็นหลักและอยากได้โหมด Depth Sensor (หน้าชัดหลังเบลอ) ในการถ่ายรูปจริง ๆ เราก็แนะนำให้เลือก Galaxy A33 ที่มีราคาถูกกว่าค่ะ
OS | Android 12, อัปเกรดเป็น Android 13, One UI 5 |
---|---|
กล้องหน้า | 13 MP, ƒ/2.2 |
Video กล้องหน้า | 4K@30fps, 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 48 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 8 MP, ƒ/2.2 |
กล้องหลัง (Macro) | 5 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP, ƒ/2.4 |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, OIS, LED flash, panorama, HDR |
Video กล้องหลัง | 4K@30fps, 1080p@30/60fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.4" |
5G | ![]() |
Samsung Galaxy A23 5G สมาร์ทโฟน

ราคา 9,999 บาท*
ซัมซุง กาแลคซี่ A23 เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2022
หลาย ๆ คนอาจมองว่ากล้องของ Galaxy A33 น่าจะดีกว่า A23 ในกรณีที่ราคาทั้งคู่ต่างกันไม่มาก แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกนะคะ เนื่องจาก A33 จะเน้นไปที่ความคมชัดของกล้องหน้ามากกว่า ในขณะที่ A23 กล้องหลังหลักมีความละเอียดสูงถึง 50MP มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่กว่า แถมยังมีราคาที่ถูกกว่าด้วย (ประมาณ 1,000 บาท)
แม้ว่า A23 จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 แต่ในเรื่องของคุณภาพของกล้องถ่ายรูปก็ถือว่ามีครบทุกตัวที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็น กล้องหน้า 8 MP, กล้องหลัก 50 MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 5 MP, กล้องมาโคร 2 MP และกล้อง Depth 2 MP ซึ่งต่างจากรุ่นใหม่ ๆ ของ Samsung ในปีนี้อย่าง Galaxy A14 และ Galaxy A34 ที่ทางแบรนด์ได้ตัดกล้องบางตัวออกไปเพื่อประหยัดต้นทุน
สำหรับ Galaxy A23 มีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1080x2408 อัตราการรีเฟรชที่ 120Hz โดยส่วนตัวแล้วเราคิดว่าเป็นจอภาพที่ให้เฉดสีสันที่สวยงาม ใช้งานได้ราบรื่น และมีความคมชัดมาก หน้าจอมีความสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นได้ง่ายดายท่ามกลางแสงแดดที่รุนแรงในช่วงเที่ยง ๆ หรือภายใต้แสงไฟในสตูดิโอที่เจิดจ้า บวกกับช่วงไดนามิกของ Galaxy A23 ค่อนข้างดูดีกว่าสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในราคานี้ด้วยนะคะ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
โปรดทราบไว้ว่าหากคุณไม่ตั้งค่าโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงไว้ก่อน โดยทั่วไปแล้วค่าเริ่มต้นของกล้องหลักจะเป็น 12.5 MP เท่านั้น ดังนั้นคุณจะต้องเข้าไปตั้งค่ากล้อง 50 MP ให้เรียบร้อย ส่วนรูรับแสง ƒ/1.8 นั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีงามพระรามแปด เพราะจะทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีแสงสว่างได้ดี แต่ก็ยังห่างไกลจากรุ่นเรือธงในสภาวะแสงน้อยอยู่มาก เนื่องจากมีนอยส์ให้เห็นอยู่บ้าง แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติตามคุณภาพของราคา
ในส่วนของกล้องเซฟฟี่นั้นถือว่าเป็นกล้องที่อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้ยอดเยี่ยมมากนัก เหมาะสำหรับการถ่ายรูปแบบทั่วไป หากคุณถ่ายในกณีที่แสงสว่างเพียงพอ รูปก็จะออกมาสวยดูเป็นธรรมชาติมาก แต่หากแสงมืด ๆ หน่อยก็จะทำให้ภาพไม่ชัดได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ขึ้นก็เกิดได้กับกล้องเซฟฟี่ในราคานี้กันทั้งนั้นค่ะ ดังนั้นคุณสามารถแก้ปัญหาได้โดยการใช้ AI ปรับภาพให้เรียบเนียนขึ้น จริง ๆ แล้วเราเชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนจะต้องใช้แอปหลังถ่ายรูปเซฟฟี่เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วนะคะ ดังนั้นความละเอียดกล้องหน้า 8 MP ถือว่าไม่ได้เป็นจุดด้อยอะไรเลยค่ะ
หมายเหตุ หากคุณอยู่ในระดับผู้ใช้มือถือถ่ายรูปเล่น ๆ แบบทั่วไป คุณอาจคิดว่าการที่ A23 มีกล้องมากถึง 4 ตัว ที่มาพร้อมกับแฟลชนั่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว โดยส่วนใหญ่ผู้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องกล้องจะใช้กล้องถ่ายรูปเพียง 2 ตัวเท่านั้นสำหรับการถ่ายรูปในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็คือกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ ดังนั้นหากคุณไม่ได้ต้องการใช้งานฟังก์ชันของกล้องให้ครบทุกตัวแบบจริงจัง เราแนะนำให้ซื้อรุ่นอื่น ๆ ที่ตัดกล้อง Macro หรือกล้อง Depth ออกดีกว่าค่ะ เพราะราคาจะได้ถูกกว่านี้
OS | Android 12, อัปเกรดเป็น Android 13, One UI 5 |
---|---|
กล้องหน้า | 8 MP, ƒ/2.2 |
Video กล้องหน้า | 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 50 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 5 MP, ƒ/2.2 |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP, ƒ/2.4 |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, OIS, LED flash, panorama, HDR |
Video กล้องหลัง | 1080p@30fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.6" |
5G | ![]() |
OPPO Reno7 5G สมาร์ทโฟน

ราคา 10,999 บาท*
ออปโป รีโน่ 7 เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022
Oppo Reno 7 ถือว่าเป็นโทรศัพท์กล้องสวยอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยค่ะในราคาที่ถูกเช่นนี้ เนื่องจากตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา มาพร้อมกับหน้าจอเป็น AMOLED 1080p 90Hz ตัวชิปของ Dimensity 900 รองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 (เป็นชิปสำหรับมือถือระดับกลาง) ดังนั้นรุ่น Reno 7 นอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้วก็ยังมีการระบายความร้อนที่เพียงพอสำหรับการเล่นเกมทั่วไป
ในส่วนของกล้องถ่ายรูปนั้น...ทางเราก็คงไม่ต้องอวยกันมาก เพราะว่าแบรนด์นี้เขาขึ้นชื่อเรื่องกล้องอยู่แล้วค่ะ หากจะกล่าวว่า Oppo ได้สร้างมาตรฐานสมาร์ทโฟนระดับกลางไว้สูงเกินหน้าเกินตาแบรนด์อื่น ๆ ก็คงไม่ผิดอะไร เพราะกล้องหลักที่ใช้มีความละเอียดถึง 64 MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 8 MP และกล้องมาโคร (ภาพระยะใกล้) 2MP ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียดสูงถึง 32 MP (ย้ำว่า 32 MP เลยจ้าาา) มาพร้อมกับรูรับแสง ƒ/2.4 และมีฟีเจอร์ Panorama ให้เล่นอีกด้วย ดังนั้น Reno 7 จึงเป็นโทรศัพท์ที่เหมาะใช้ถ่ายรูปเซฟฟี่มาก ๆ แต่สำหรับคนที่กลัวว่ารูปจะออกมาจนเห็นจุดบกพร่องบนใบหน้ามากเกินไปก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้เพราะโหมดบิวตี้สามารถช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ค่ะ
การถ่ายคลิปวิดีโอจากกล้องหน้า-กล้องหลังในรุ่นนี้ได้ใส่ฟีเจอร์ป้องกันการสั่นมาให้ด้วย แม้ว่ามันจะไม่ใช่การออกแบบด้านฮาร์ดแวร์อย่าง OIS ที่เราคุ้นเคย แต่ทางแบรนด์ได้ใช้ซอฟต์แวร์ EIS มาแทนที่ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนี้จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหากใช้ร่วมกับกล้องที่มีความละเอียดสูง ๆ ค่ะ ในส่วนการบันทึกวิดีโอของกล้องหลังนั้นก็ยังมีการรองรับ 4K ที่ 30fps อีกด้วยนะคะ (ไม่มี 4K กล้องหน้า)
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปที่ได้จาก Reno 7 ถือว่าเป็นภาพถ่ายที่มีความคมชัดสูง นอกจากนี้ Reno 7 ยังสามารถใช้การแก้ไขพิกเซลย่อยเพื่อตัดภาพ 108 MP จากเซ็นเซอร์ 64 MP ได้ด้วย ถือว่ากล้องของ Reno 7 เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนดีมากจริง ๆ เหมาะสำหรับใช้งานช่วงกลางวัน โดยเฉพาะกับการถ่ายให้เห็นฉากหลังของท้องฟ้า เพราะว่าช่วงไดนามิกของรุ่นนี้จะเน้นสีฟ้าโดยมีการจัดการค่าแสงที่ทำได้ค่อนข้างดี ทำให้ท้องฟ้าดูสดใส เห็นขอบสีเงินของก้อนเมฆ
ในส่วนของการโฟกัสก็ทำได้รวดเร็ว (เทียบเท่ากับรุ่น Reno 7 Pro เลยค่ะ) แม้ว่ากล้องอัลตร้าไวด์และเซ็นเซอร์มาโครอาจจะมีสเปกที่ไม่ได้เลิศเลอมากนัก แต่ก็เป็นกล้องที่มีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานในราคาประมาณนี้ โดยรวมภาพจาก Reno 7 มีความเป็นธรรมชาติดูสมจริง ในส่วนของการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยหรือตอนกลางคืนก็ทำได้ดีมากเช่นกัน
แต่สำหรับกล้องเซฟฟี่นั้นก็ต้องบอกตามตรงว่ามัน “ความคมชัดมากเกินไป” หากคุณเป็นคนที่ผิวดีอยู่แล้วก็อาจจะชอบรุ่นนี้ แต่ถ้าคุณมีจุดบกพร่องที่ใบหน้าเพียงเล็กน้อยรับรองเลยว่าจะต้องมองเห็นชัดเจนอย่างแน่นอนจ้าา
OS | Android 11, อัปเกรดเป็น Android 13, ColorOS 13 |
---|---|
กล้องหน้า | 32 MP, ƒ/2.4 + panorama |
Video กล้องหน้า | 1080p@30fps, gyro-EIS (ระบบกันสั่น) |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 64 MP, ƒ/1.7 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 8 MP, ƒ/2.2 |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | ![]() |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, LED flash, HDR, panorama |
Video กล้องหลัง | 4K@30fps, 1080p@30/60/120fps, gyro-EIS (ระบบกันสั่น) |
แบตเตอรี่ | 4500 mAh |
ขนาด | 6.43" |
5G | ![]() |
OPPO A74 5G สมาร์ทโฟน

ราคา 7,999 บาท*
ออปโป A74 เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2021
หากคุณชอบโทรศัพท์จากแบรนด์ OPPO เป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่ติดขัดในเรื่องของราคาที่ไม่สามารถซื้อ OPPO Reno 7 ได้ เราขอแนะนำโทรศัพท์กล้องสวยอีกรุ่นของ OPPO ในระดับรองลงมานั่นคือ OPPO A74 มือถือที่มีความครบเครื่องในตัวเอง เนื่องจากมีกล้องถ่ายรูปให้ใช้ถึง 4 ตัว โดยกล้องหน้ามีความละอียดที่ 16 MP, กล้องหลัก 48 MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 8 MP และมาโครกับ Depth อีกอย่างละ 2MP
แม้ว่าในแง่ของคุณภาพโดยรวมอาจจะสู้รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้ แต่ OPPO A74 ก็ไม่ถึงกับเป็นมือถือคุณภาพต่ำเสียทีดียว หากคุณยอมรับเงื่อนไขในเรื่องชิปก็จะช่วยประหยัดเงินได้เยอะเลยค่ะ นอกจากนี้ OPPO A74 ก็ยังมีราคาถูกมากเหมาะกับการใช้งานทั่วไป หากให้เทียบกับ Samsung Galaxy A14 ตัวใหม่ในปี 2023 ที่มีราคาใกล้เคียงกัน (แบบไม่นับความเร็วแรง) สำหรับตัวผู้เขียนแล้วคิดว่ารุ่นนี้น่าสนใจกว่าเพราะว่ามีกล้อง Ultrawide มาให้ด้วย ช่วยให้เราถ่ายรูปให้ดูสูงขึ้นได้ค่ะ (อิอิ) แถมความละเอียดของกล้องหน้าก็คมชัดกว่า
อันที่จริง หากคุณสังเกตดี ๆ จะรู้ว่ารุ่นนี้มีสเปกกล้องที่ต่ำก็กว่า Reno 7 ก็จริงค่ะ แต่ทางแบรนด์ได้ใส่กล้องหลัง Depth มาด้วย (ซึ่งไม่มีใน Reno 7) จึงเหมาะสำหรับการถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังเบลอมาก สำหรับการถ่ายภาพโดยปกติรุ่นนี้ไม่มีระบบกันสั่นมาให้นะคะ แต่สำหรับบันทึกวิดีโอจากกล้องหลังจะมีการใช้ซอฟต์แวร์ EIS มาช่วยลดความเบลอแทนค่ะ น่าเสียดายที่รุ่น OPPO A74 ไม่มีถ่ายคลิปแบบ 4K แถมยังเป็นรุ่นที่ออกมานานแล้วตั้งแต่ปี 2021 ดังนั้น OS ที่ใช้ก็คือ Android 11 ซึ่งชิปที่ใช้อาจไม่เร็วแรงมากพอเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ ๆ แถมอัตราการรีเฟรชก็มีเพียง 90Hz เท่านั้น
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
จากคุณภาพของกล้องที่กล่าวมาเรียกได้ว่า OPPO A74 เป็นโทรศัพท์ที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางวันโดยเฉพาะสีของท้องฟ้าหรือวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ เพราะสีรูปภาพจะมีความสวยงามและบาลานซ์กันมาก มันไม่ได้ให้เฉดสีที่ฉูดฉาดเกินไป แถมยังโฟกัสได้เร็ว ยิ่งแสงโดยรอบมีความสว่างที่เหมาะสมภาพที่ได้ก็จะมีคอนทราสต์ที่สดใสมากขึ้น
สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืน ภาพถ่ายที่ได้ดูมีความสมูทและนุ่มนวล รายละเอียดและสีสันจะดูซอฟต์ลงจากความเป็นจริงและมีนอยส์ให้เห็นอยู่บ้างแม้ว่าขณะที่ถ่ายรูปตอนนั้นเราจะให้ฟังก์ชันโหมดกลางคืนแล้วก็ตาม
ด้านกล้องเซลฟี่มีความละเอียด 16 MP เพียงพอต่อการถ่ายรูปในสภาพแสงสว่างพื้นที่กลางแจ้ง รูปที่ออกมาจะโฟกัสบุคคลได้โดดเด่นมาก ๆ เมื่อเทียบกับฉากพื้นหลังที่ดูยุ่งเหยิงนั้น มันช่วยให้ภาพออกมาดูเรียบง่ายขึ้น โดยจะมีเส้นขอบที่คมชัดรอบตัวเรา ทำให้ตัวเราในรูปดูโดดเด่นจากพื้นหลังอย่างชัดเจนเลยค่ะ ในส่วนของโทนสีผิวนั้น บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันดูซีดจางไปหน่อย แต่สำหรับสาว ๆ แล้ว เราคิดว่าคุณจะต้องชอบจุดนี้เพราะว่ามันปรับสีผิวจริง ๆ ของคุณให้สว่างขึ้นเล็กน้อยค่ะ
OS | Android 11, ColorOS 11.1 |
---|---|
กล้องหน้า | 16 MP, ƒ/2.0 + Panorama |
Video กล้องหน้า | 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 48 MP, ƒ/1.7 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 8 MP, ƒ/2.2 |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP, ƒ/2.4 |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, LED flash, panorama |
Video กล้องหลัง | 1080p@30fps, gyro-EIS (ระบบกันสั่น) |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.5" |
5G | ![]() |
Infinix Zero 20 สมาร์ทโฟน

ราคา 8,349 บาท*
อินฟินิกซ์ ซีโร่ 20 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022
หากให้มองจากสเปกกล้องเพียงอย่างเดียว เราคิดว่า Zero 20 เป็นโทรศัพท์กล้องสวยในระดับขั้นเทพอีกตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องจากคุณบัติของกล้องรุ่นนี้ล้ำหน้าไปไกลมาก โดยกล้องหน้าจะมีความละเอียดที่ 60 MP (ละเอียดเห็นชัดทุกอณูรูขุมขน) มาพร้อมกับระบบกันสั่นเพื่อนรู้ใจอย่าง OIS และแฟรชคู่หูที่ทำงานกันแบบเป็นทีม ช่วยให้คุณถ่ายเซฟฟี่ได้สวยสมใจ แถมยังสามารถบันทึกวิดีโอได้ละเอียดมาก ๆ 1440p@30fps (ปกติ 1080p@30fps)
ในส่วนของกล้องหลัง ตัวเลนส์หลักมีความละเอียดสูงมากถึง 108 MP (แน่นอนค่ะ คุณอ่านไม่ผิด เป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงมากในราคาระดับนี้) บวกกับกล้อง Ultrawide ความละเอียดอีก 13 MP (สูงอีกแล้วค่ะ) เห็นแล้วใช่มั้ยคะ? ว่าเรื่องกล้องของ Infinix Zero 20 นั้นเขาไม่ได้มาเล่น ๆ
แต่อย่างไรก็ตามรุ่นนี้มีทั้งข้อดีและข้อควรพิจารณาต่างกันไป สาเหตุที่เราจัดลำดับรุ่นนี้ไว้กลาง ๆ บทความรีวิว นั่นเพราะนอกจากความดีงามของกล้องแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก รุ่นนี้ไม่มีระบบกันสั่นมาให้, ไม่รองรับการถ่ายแบบ 4K, ไม่มีกล้องถ่ายมาโครสำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้, ในส่วนของอัตราการรีเฟรชหน้าจอก็ไม่โดดเด่นมากพอจะใช้เล่นแอปฯ แรง ๆ เพราะมีค่าที่ 90Hz เท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังไม่รองรับบริการเครือข่าย 5G อีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาคนเราใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันเราไม่ได้หยิบมันขึ้นมาเพื่อใช้ถ่ายรูปเพียงอย่างเดียวถูกต้องไหมคะ ? ดังนั้นหากคุณต้องการโทรศัพท์ที่กล้องสวยด้วย การใช้งานครอบคลุมด้วย แนะนำให้ข้ามไปรุ่นอื่นค่ะ (แต่บอกเลยว่าจะกล้องขั้นเทพในราคาเท่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ) แต่หากคุณตั้งใจแน่วแน่ว่าจะซื้อ Infinix Zero 20 เพื่อมาใช้ถ่ายรูปแบบจริงจัง ก็จัดมาเลยค่ะ รับประกันว่ารูปสวยจริงไม่มีโม้ 🙂
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
ต้องบอกเลยว่าผู้เขียนชอบกล้องเซฟฟี่ของรุ่นนี้มาก ๆ เพราะเป็นกล้องหน้าที่มีระบบ OIS ทำให้ช่วยลดความเบลอของภาพได้ดีจริง ๆ ภาพที่ออกมามีความละเอียดสวยงามและสมบูรณ์แบบสุด ๆ ด้วยความละเอียด 60 MP มันจึงค่อนข้างเก็บรายละเอียดบนใบหน้าได้ดีมากกกกกกกก (ดีมากจนแอบกลัวว่าเพื่อนจะเห็นจุดบกพร่องบนใบหน้าค่ะ ฮ่าๆ ) นอกจากนี้ตัวกล้องหน้ายังมีปรับการรับแสงได้ค่อนข้างดีอีกด้วยนะคะ แต่อย่างไรก็ตาม โปรดทราบไว้ว่าการใช้กล้องหน้าที่ความละเอียด 60 MP นั้น คุณจะต้องเข้าไปกำหนดการตั้งค่าก่อน เพราะว่าค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ 12 MP ค่ะ
OS | Android 12, XOS 12 |
---|---|
กล้องหน้า | 60 MP, ƒ/2.0 + AF, OIS, Dual-LED flash, HDR |
Video กล้องหน้า | 1440p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 108 MP |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 13 MP |
กล้องหลัง (Macro) | ![]() |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF + AF + Quad-LED flash, HDR, panorama |
Video กล้องหลัง | 1440p@30fps |
แบตเตอรี่ | 4500 mAh |
ขนาด | 6.7" |
5G | ![]() |
Vivo V23e สมาร์ทโฟน

ราคา 9,999 บาท*
วีโว่ V23e เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021
ต้องบอกก่อนว่า Vivo V เป็นซีรีส์ที่เน้นเรื่องกล้องมากที่สุดในกลุ่มมือถือระดับกลาง จุดเด่นของ V23e คือกล้องหน้าที่มีความละเอียดคมชัด 50 MP ซึ่งเป็นความละเอียดรองมาจาก Infinix Zero 20 ในบทความที่เรารีวิววันนี้เลยค่ะ มาพร้อมกับโหมดการบันทึกวิดีโอแบบ 4K ซึ่งรองรับการใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ดังนั้น V23e เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปและถ่ายคลิปเพื่อทําคอนเทนต์ต่าง ๆ ด้วย
ในทางกลับกัน เมื่อมีข้อดีที่เวอร์วังอลังการแล้ว ก็ย่อมมีข้อควรพิจารณาปะปนกันมาด้วย (เพื่อความสมดุลของราคามือถือในหลักหมื่น) นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ V23e ไม่จัดอยู่ในลำดับแรก ๆ ของบทความนี้ เนื่องจากหน้าจอของมันมีอัตราการรีเฟรชที่ต่ำมาก (60Hz) ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานแอปฯ หนัก ๆ สักเท่าไหร่ค่ะ อาจมีอาการกระตุกหรืออาจถึงขั้นค้างจนทำให้เสียอารมณ์ได้ ดังนั้นแนะนำให้คุณเลือกใช้งานแอปฯ ที่รองรับความการรีเฟรชต่ำ ๆ แทนค่ะ
ต่อมาก็คือรุ่นนี้ไม่มี OIS (ระบบกันสั่น), ไม่รองรับ 5G, ไม่มี Depth หน้าชัดหลังเบลอ และที่สำคัญคือค่าความจุแบตเตอรี่มีเพียง 4050 mAh เท่านั้น นอกจากนี้ระบบ OS ที่ใช้ยังคงเป็น Android 11 ที่ไม่ได้อัปเกรดเป็น Android 13 เรียกว่าได้อย่างเสียอย่างของจริงค่ะ ดังนั้นก็อยู่ที่ตัวคุณแล้วนะคะว่าชอบแบบไหน หากติดใจกล้องของ Vivo V ซีรีส์จริง ๆ ก็จัดมาเลยค่ะไม่เป็นต้องกังวล ขอแค่อย่าใช้งานน้องหนักเกินไปก็พอค่ะ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
Vivo V23e เหมาะสำหรับใช้เป็นกล้องพกพาขนาดเล็ก มันสามารถถ่ายภาพออกมาได้สวยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ท้องฟ้าเปิดอากาศแจ่มใส บวกกับประสิทธิภาพจของ AI และ HDR ยิ่งทำให้ภาพออกมาดูดี ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลักหรือกล้องอัลตร้าไวด์
แต่หากคุณอยากได้สีที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ เราขอแนะนำให้ใช้เลนส์หลักจะเหมาะมากกว่า เนื่องจากกล้องอัลตร้าไวด์ให้เฉดสีที่ดูฉูดฉาดเกินไป ยิ่งเป็นการถ่ายวิวทิวทัศน์ ภาพที่ได้จากกล้องอัลตร้าไวด์เหมือนไม่ใช่ความจริงเลยค่ะ อารมณ์เหมือนภาพที่ผ่านการโฟโต้ชอปมาอย่างดี ซึ่งบางคนก็อาจจะชอบแนวนี้ก็ได้ แต่สำหรับผู้เขียนคิดว่ามันค่อนข้างหลอกตาไปสักหน่อย
อย่างไรก็ดีในจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบแต่ละคนแล้วค่ะ หากคุณชอบภาพสีสด ๆ Vivo V23e เป็นสมาร์ทโฟนที่คู่ควรกับคุณมากเลยทีเดียว ในส่วนของกล้องหน้า ตัวกล้องจะโฟกัสที่บริเวณดวงตาโดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว และในโหมด Portrait จะให้คุณถ่ายภาพในสไตล์ต่าง ๆ โดยภาพถ่ายที่ได้มีรายละเอียดดีมาก มาพร้อมช่วงไดนามิกที่ดีเช่นกัน
OS | Android 11, Funtouch 12 |
---|---|
กล้องหน้า | 50 MP, ƒ/2.0 + AF, HDR |
Video กล้องหน้า | 4K@30fps, 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 64 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | 8 MP, ƒ/2.2 |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | ![]() |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, Dual-LED dual-tone flash, HDR, panorama |
Video กล้องหลัง | 4K@30fps, 1080p@30fps, gyro-EIS (ระบบกันสั่น) |
แบตเตอรี่ | 4050 mAh |
ขนาด | 6.44" |
5G | ![]() |
Infinix Note 12 Pro 5G สมาร์ทโฟน

ราคา 7,499 บาท*
อินฟินิกซ์ โน๊ต 12 โปร เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฏาคม 2022
Infinix Note 12 Pro เป็นมือถือที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ 5G หากคุณกำลังสนใจรุ่น Infinix Zero 20 ที่มีกล้องหลักสูงถึง 108MP แต่มันกลับไม่รองรับ 5G เราคิดว่ารุ่น Note 12 Pro นี้จะเป็นตัวเลือกเหมาะสมกับคุณ เนื่องจากรุ่นนี้มีกล้องหลัก 108MP เท่ากันเลยค่ะ แถมยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า มาพร้อมกับกล้องเซฟฟี่อีก 16MP แม้ว่าความละเอียดของกล้องหน้าจะสู้ Zero 20 ไม่ได้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าอย่างไรก็ตามความละเอียดที่ 16MP ก็สามารถช่วยให้คุณถ่ายรูปออกมาได้สวยไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ Note 12 Pro ยังขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 810 ควบคู่ไปกับแรม 8GB และที่เก็บข้อมูล 128GB ทำให้มันกลายเป็นมือถือที่เหมาะสำหรับใช้งานในกิจวัตรประจําวันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับชม YouTube หรือ Netflix พร้อมกับเช็กแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทุกอย่างถือว่าใช้งานได้อย่างราบรื่นดีค่ะ แต่อาจจะมีอาการกระตุกในขณะที่คุณเล่นเกมที่ใช้กราฟฟิกเยอะเกินไปเนื่องจากหน้าจอรองรับอัตราการรีเฟรชที่ต่ำเพียง 60Hz เท่านั้น แต่ในแง่ความอิ่มตัวของเฉดสี ระดับคอนทราสต์ และไวต์บาลานซ์นั้นถือว่าจอแสดงผลทำออกมาได้ดีค่ะ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
สำหรับกล้องหลักถือว่าเป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้เลยค่ะ ซึ่งมีค่าสูงถึง 108MP มาพร้อม Macro และ Depth อย่างละ 2MP ภาพที่ถ่ายออกมาในแง่ของรายละเอียดและช่วงไดนามิกถือว่าดีมาก แม้ว่าระดับความอิ่มตัวของสีจะดูสูงเกินเป็นจริงไปหน่อย (แต่บางคนก็ชอบในจุดนี้ค่ะ) ส่วนฟีเจอร์ HDR ทำงานอัตโนมัติได้เป็นอย่างดี ช่วยปรับระดับแสงให้สอดคล้องกับสถานการณ์รอบ ๆ
นอกจากนี้เรายังพอใจกับโหมดโฟกัสอัตโนมัติที่รวดเร็วและความเร็วของการกดชัตเตอร์ เพราะมันช่วยในเรื่องการถ่ายภาพเคลื่อนไวได้ง่ายขึ้น สำหรับการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อยก็ถือว่าทำออกมาได้ดี เนื่องจากรุ่นนี้มีโหมด Super Night มาให้ด้วย ดังนั้นรายละเอียดต่าง ๆ ในภาพตอนกลางคืนจึงอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ แถมยังให้สีที่เป็นธรรมชาติไม่ดูหลอกตาเกินไปด้วย แต่จะใช้เวลาในการประมวลโหมด Super Night ค่อนข้างนานไปหน่อยค่ะ
ในส่วนของกล้องเซลฟี่ 16MP แม้ว่าจะเป็นค่าสูงมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น แต่หากเทียบกับมือถือรุ่นอื่น ๆ ของ Infinix เองก็ถือว่าเป็นค่ามาตรฐานทั่วไปเลยค่ะ (เพราะรุ่น Infinix Zero 20 กล้องหน้า 60 MP) แต่ในสเปก 16MP นั้นก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก สามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วน แต่น่าเสียดายที่สีผิวจริงของคุณอาจดูผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย (แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ค่ะ) แต่สาว ๆ อาจจะชอบในความเพี้ยนของสีตรงจุดนี้มากกว่า เนื่องจากผิวของคุณจะดูขาวและสว่างขึ้นด้วยแสงแฟลช LED ที่นุ่มนวลนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตามหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราจัดลำดับรุ่นนี้ไว้ท้าย ๆ บทความ ก็เพราะมันไม่มีเลนส์มุมกว้างพิเศษดังนั้นการใช้งานก็อาจจะไม่ครอบคลุมสักเท่าไหร่ค่ะ
OS | Android 12, XOS 10.6 |
---|---|
กล้องหน้า | 16 MP, ƒ/2.0 + Dual-LED flash |
Video กล้องหน้า | 1440p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 108 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | ![]() |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP, ƒ/2.4 |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, Quad-LED flash, HDR, panorama |
Video กล้องหลัง | 1440p@30fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.7" |
5G | ![]() |
Vivo T1 5G สมาร์ทโฟน

ราคา 9,299 บาท*
วีโว่ T1 5G เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2022
Vivo T1 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพในระดับกลาง มาพร้อมกับกล้องเซลฟี่ที่ดีงาม (16MP) แถมยังอยู่ในงบประมาณที่ไม่แพงจนเกินไป นอกจากนี้ก็ยังเน้นไปที่คุณสมบัติของ SoC อันทรงพลัง, รองรับระบบเครือข่าย 5G, จอแสดงผลในอัตราการรีเฟรชที่สูงถึง 120Hz และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ทำให้มันกลายเป็นสมาร์ทโฟนอเนกประสงค์ที่เหมาะสำหรับใช้งานหลากหลาย
แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่มีกล้อง Ultrawide และความเร็วในชาร์จแบตเตอรี่ที่ช้าไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตามในคุณสมบัติของกล้องที่เหลือถือว่าทำออกมาได้เหมาะสมกับราคา โดยมีการติดตั้งกล้อง 3 ตัวที่ด้านหลัง ซึ่งจะเป็นกล้องหลักที่มีความละเอียด 50MP, กล้องมาโคร 2MP และเลนส์ Depth 2MP
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
แน่นอนค่ะว่าแอปฯ ตัวกล้องของ Vivo นั้นขึ้นชื่อว่าใช้งานง่ายมาก มันสามารถเปลี่ยนโหมดถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการปัดซ้ายขวาเท่านั้น อีกทั้งตัวกล้องก็ยังเหมาะสำหรับถ่ายรูปในแสงธรรมชาติสุด ๆ เฉดสีที่ได้ดูมีชีวิตชีวา มีการเล่นแสงและเงาทำให้ภาพมีมิติมากขึ้น
ในส่วนของการถ่ายรูปตอนกลางคืนก็ทำออกได้ดีเลยทีเดียวค่ะ เพราะว่าภาพออกมาคมชัดไม่พร่ามัว แต่จะต้องใช้โหมด Super Night เท่านั้นค่ะ ซึ่งจะใช้เวลาประมวลผลอยู่ประมาณ 5-6 วินาที ส่วนความสามารถในการบันทึกวิดีโอของกล้องหน้าและหลังอยู่ที่ 1080p ที่ 30/60fps แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีระบบกันสั่นมาให้ ไม่ว่าจะเป็น OIS หรือ EIS ดังนั้นคลิปที่ได้จะมีโอกาสสั่นไหวได้ค่ะ
Vivo T1 5G มีกล้องเซลฟี่ 16MP และต้องบอกว่าถ่ายภาพบุคคลได้ดีมาก ๆ มีรายละเอียดที่คมชัด แถมยังปรับโทนสีผิวเล็กน้อย เน้นให้ดูสมจริงมากกว่าปรับโทนสีผิวจนดูหลอกตา (ถือว่าเป็นจุดที่ผู้เขียนชอบมาก ๆ) นอกจากนี้มันยังสามารถจัดการช็อต HDR ในฉากที่สว่างได้ค่อนข้างดี แถมยังสามารถแยกตัวนางแบบและพื้นหลังได้ดี ทำให้ตรงพื้นหลังมีความเบลอที่นุ่มนวล ดูกลมกลืนกันมากค่ะ
OS | Android 11, Funtouch 12 |
---|---|
กล้องหน้า | 16 MP, ƒ/2.0 |
Video กล้องหน้า | 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก | 50 MP, ƒ/1.8 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | ![]() |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP, ƒ/2.4 |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP, ƒ/2.4 |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, Dual-LED flash, HDR, panorama |
Video กล้องหลัง | 1080p@30fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.58" |
5G | ![]() |
Infinix Zero 5G 2023 (รุ่น Turbo) สมาร์ทโฟน

ราคา 8,699 บาท*
อินฟินิกซ์ ซีโร่ 5G 2023 เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2022
Infinix Zero 5G 2023 เป็นมือถือรุ่นฉบับปรับปรุงของปี 2022 ที่มีชื่อเดียวกันและมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมมากขึ้น โดยปัจจุบันนี้จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่นปกติที่ใช้โปรเซสเซอร์ Dimensity 920 และรุ่น Turbo ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Dimensity 1080 (รุ่นที่เรารีวิวในวันนี้คือรุ่น Turboค่ะ)
Infinix Zero 5G 2023 เป็นโทรศัพท์ที่ดีสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีการออกแบบที่หรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการทำงานที่อัปเกรดให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีกล้องระดับโปรในคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา แม้ว่าตอนนี้ทางแบรนด์จะยังไม่ได้อัปเกรด OS จาก Android 12 ให้เป็น Android 13 (เช่นเดียวกับ Infinix Zero 20) แต่ทาง Inifnix ก็ได้ให้สัญญาไว้ว่าจะรีบแก้ปัญหาในจุดนี้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม หากตอนนี้คุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนกล้องสวยในราคาประหยัดที่สมเหตุสมผล โดยไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการอัปเกรดซอฟต์แวร์มากนัก Inifnix Zero 5G 2023 ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมันมีฟีเจอร์การถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับหน้าจอ LCD IPS FullHD+ และอัตราการรีเฟรช 120 Hz ดังนั้นจอแสดงผลจึงมีความคมชัดและให้เฉดสีถูกต้องดูเป็นธรรมชาติสมจริงมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
รายละเอียดเพิ่มเติม
Infinix Zero 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว แต่เอาจริง ๆ แบบไม่กั๊กเลยนะคะ มันจะมีเพียงกล้องเดียวที่มีประโยชน์ต่อการถ่ายรูปจริง ๆ เท่านั้น นั่นคือเลนส์หลักที่มีความละเอียด 50MP ส่วนกล้องมาโครและกล้อง Depth นั้นเหมือนเอาไว้ประดับเพื่อสร้างจุดขายมากกว่าค่ะ
ดังนั้นเราจึงค่อนข้างน่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่มีกล้อง Ultrawide มาให้ ทำให้คุณไม่สามารถ่ายรูปมุมกว้างแบบพิเศษได้ ใครที่อยากได้รูปตัวเองให้ดูตัวสูง ๆ หมดหวังไปได้เลยจ้าาา แต่อย่างไรก็ตามตัวกล้องหลักก็สามารถจับภาพด้วยรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมได้ดีจริง ๆ นะคะ แม้ว่าต้องใช้เวลาในการประมวล HDR อยู่สักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้เรารอนานจนรู้สึกหงุดหงิดใจ
ในส่วนของการควบคุมความสมดุลของเฉดสีและคอนทราสต์ในระดับที่ดี (แต่เฉพาะในเวลากลางวันเท่านั้นค่ะ) สำหรับการบันทึกวิดีโอนั้นก็จัดว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ (แต่ไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม) สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในรุ่นนี้ก็คือมีแฟลช LED คู่ที่ใช้สำหรับถ่ายรูปและคลิปต่าง ๆ ในพื้นที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่ารุ่นนี้จะเหมาะสำหรับกลางวันมากกว่า เพราะแม้ว่าจะมีแฟลช LED คู่ แต่มันก็เป็นเพียงแสงเทียม อย่างไรเสียก็ยังเกิดนอยส์ในรูปภาพให้เห็นอยู่บ้างค่ะ
สำหรับด้านหน้ามีกล้อง 16MP ที่ใช้ถ่ายภาพเซลฟี่แบบละเอียดยิบ แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะชัดจนดูน่ากลัวนะคะ เพราะระบบจะคอยปรับใบหน้าของคุณให้ดูเรียบเนียนและเพิ่มความสดใสทุกครั้งหยิบขึ้นมาถ่ายรูป แม้ว่าคุณจะปิดการตั้งค่าความงามทั้งหมดก็ตาม (ฮ่า ๆ) อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือกล้องหน้ายังมีแฟลช LED คู่มาให้ด้วยนะคะ เอาเป็นว่าใครที่ชอบเซฟฟี่อยากได้กล้องชัด ๆ แต่ขี้เกียจเข้าไปใช้แอปฯ แต่งรูปเพิ่มเติม ใช้ Infinix Zero 5G 2023 จบในขั้นตอนเดียวได้เลยค่ะ
OS | Android 12, XOS 12 |
---|---|
กล้องหน้า | 16 MP, ƒ/2.0 + Dual-LED flash |
Video กล้องหน้า | 1080p@30fps |
กล้องหลัง (เลนส์หลัก) | 50 MP, ƒ/1.6 |
กล้องหลัง (Ultrawide) | ![]() |
กล้องหลัง (Macro) | 2 MP |
กล้องหลัง (Depth) | 2 MP |
คุณสมบัติกล้องหลัง | PDAF, Quad-LED flash, HDR, panorama |
Video กล้องหลัง | 4K@30fps, 1080p@30/60fps |
แบตเตอรี่ | 5000 mAh |
ขนาด | 6.78" |
5G | ![]() |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
คุณสมบัติที่ควรมองหาเมื่อซื้อกล้องโทรศัพท์ที่ดีที่สุดในระดับกลางราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาท
1. เซนเซอร์ (ขนาดใหญ่)
กล้องโทรศัพท์ที่ดีควรมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ เพื่อที่จะจับแสงได้มากกว่าและให้ภาพถ่ายที่ดีกว่า
หลายคนอาจคิดว่าเซนเซอร์เกี่ยวข้องอะไรกับกล้องถ่ายรูป ? จริง ๆ แล้วการที่เราจะถ่ายรูปให้ออกมาสวยได้นั้นมันมีองค์ประกอบหลายอย่างมากค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือเราจะต้องใช้เซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ เพื่อช่วยให้รูปภาพออกมาสมบูรณ์แบบ เพราะเซนเซอร์ขนาดใหญ่จะมีความไวต่อแสงและยังสามารถจัดการกับสัญญาณรบกวนในภาพหรือที่เราเรียกกันว่า “นอยส์ (Noise)” ได้ทำให้ภาพของคุณออกมาคมชัดมากยิ่งขึ้น
สำหรับเซนเซอร์ของกล้องในโทรศัพท์มือถือนั้นจะมีตั้งแต่ 0.38 – 0.78 นิ้ว วัดจากมุมทแยง แม้ว่าตัวเซนเซอร์จะมีความสำคัญมากขนาดไหนแต่คุณควรคำนึงไว้เสมอว่ายิ่งเซนเซอร์ใหญ่ รูปลักษณ์ภายนอกของสมาร์ทโฟนก็จะยิ่งใหญ่ตามไปด้วย โครงสร้างที่ใหญ่จนเทอะทะและน้ำหนักที่มากขึ้นจะทำให้คุณพกพาสมาร์ทโฟนได้ลำบากมากขึ้น
สังเกตตัวอย่างได้จากมือถือรุ่นเรือธงของแต่ละแบรนด์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกปี และจากการสำรวจในปี 2022-2023 เซนเซอร์หลักของ Samsung Galaxy S23 Ultra มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว และเซนเซอร์หลักของ Apple iPhone 14 Pro Max มีขนาด 1/1.28 นิ้ว ทั้งสองรุ่นเป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้เลยค่ะ และก็มีราคาที่แพงมากเช่นกัน
2. เมกะพิกเซล (ไม่ต้องมีค่าสูงเสมอไป)
เมกะพิกเซลเป็นตัวกำหนดความละเอียดของภาพ ให้ความคมชัดที่ดีขึ้น
จริง ๆ แล้วการมองเห็นของมนุษย์เรามีขีดจำกัดนะคะ ดังนั้นไม่ว่าภาพที่อยู่ต่อหน้าคุณจะมีรายละเอียดคมชัดมากสักเพียงไหน ดวงตาของเราก็ไม่สามารถรับรู้ความละเอียดเหล่านั้นได้อย่างแน่นอนค่ะ ในความเป็นจริงแล้วสายตามนุษย์แทบจะแยกความแตกต่างระหว่างภาพ 4K และภาพ 1080-HD ไม่ออกด้วยซ้ำ (หากไม่นั่งสังเกตอย่างจริงจัง) ยิ่งไปกว่านั้นการแยกภาพ 4K และภาพ 8K นี่เรียกว่าเป็นงานหินที่เกินความสามารถของสายตามนุษย์ไปเลยค่ะ
ดังนั้นโทรศัพท์ที่มีกล้องเมกะพิกเซลในช่วง 8 – 12 MP ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้วค่ะ แต่หากคุณมีนิสัยชอบถ่ายรูปไกล ๆ จากนั้นก็มาครอบตัดรูปแยกอีกรอบ เราขอแนะนำให้เลือกกล้องที่สูงกว่า 12 MP ค่ะ เพราะวิธีนี้จะทำให้คุณได้ภาพที่คมชัดมากกว่า

3. รูรับแสง (ความสว่าง)
สิ่งที่สำคัญอีกประการในการเลือกกล้องโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดก็คือ “รูรับแสง” โดยทั่วไปผู้ผลิตแต่ละแบรนด์จะบอกว่าเซนเซอร์ตัวไหนสามารถรับแสงได้มากน้อยเพียงใด คุณควรพยายามเลือกกล้องโทรศัพท์มือถือที่มีรูรับแสงค่าน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะยิ่งค่าน้อยก็ยิ่งรูรับแสงก็จะยิ่งกว้างขึ้นทำให้เลนส์รับแสงได้จำนวนมาก ส่งผลให้คุณถ่ายรูปในพื้นที่แสงน้อยได้ดี
โดยส่วนใหญ่แล้วกล้องโทรศัพท์มือถือในราคาระดับกลางจะมีรูรับแสงประมาณ ƒ/1.8 – ƒ/2.4 ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของกล้องมือถือที่ดีค่ะ

4. แฟลช (มองหาแฟลช LED)
สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มีแฟลช LED (Light Emitting Diode) ที่ด้านหลังตัวเครื่องมาให้อยู่แล้วอย่างน้อยหนึ่งดวง แต่อย่างไรก็ตามแฟลช LED หนึ่งดวงอาจไม่เพียงพอเมื่อคุณกำลังถ่ายภาพวัตถุหรือบุคคลที่อยู่ห่างไกลจากกล้องมากเกินไป ดังนั้นการที่ผู้ผลิตมือถือบางยี่ห้อเพิ่มจำนวนแฟลช LED ให้เยอะขึ้นก็เป็นแผนการตลาดดึงดูดลูกค้าที่ดี เพราะจะช่วยทำให้คุณภาพของรูปออกมาคมชัดกว่าเดิม อาทิเช่น การใช้แฟลช Dual-LED ก็คือการใช้แฟลชคู่ หรือจะเป็นแฟลช Quad-LED ที่หมายถึงแฟลชจำนวน 4 ดวง นอกจากนี้หากคุณเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปเซฟฟี่ตอนกลางคืนก็ควรมองหาแฟลช LED ที่กล้องหน้าด้วยนะคะ
5. วิดีโอ (บันทึกวิดีโอ 4K)
จริง ๆ แล้วการจะหาสมาร์ทโฟนที่สามารถบันทึก 4K ในราคาที่ถูกเช่นนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ๆ ค่ะ เพราะโดยส่วนใหญ่การรองรับ 4K / 8K มักจะมีแค่ในรุ่นท็อปเท่านั้น (เรียกว่าเป็นคุณสมบัติมาตรฐานเลยก็ว่าได้) แต่อย่างไรก็ตามบทความในวันนี้ก็ยังพอมีการบันทึกวิดีโอ 4K มาให้คุณเลือกอยู่บ้างค่ะ
หากคุณมีคำถามว่าการบันทึกวิดีโอ 4K นั้นมีข้อดีอย่างไร ? ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วคุณภาพของวิดีโอ 1080p นั้นก็ดีเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติแล้วค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องเลือกสเปกวิดีโอ 4K แต่ที่เราแนะนำให้มองหา 4K ก่อน เนื่องจากปัจจุบันนี้มีผู้ผลิตหลายรายใส่เทคโนโลยี 4K เข้ามาในมือถือระดับกลางมากขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นข้อดีหากคุณจะเลือกมือถือรุ่นที่รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ได้ด้วย เพราะคุณสามารถแคปรูปจากวิดีโอ 4K มาโพสต์เป็นภาพได้แบบสบาย ๆ โดยที่ผู้อื่นก็แยกไม่ออกว่าภาพนี้มาจากการแคปจอ
นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้เราแนะนำให้คุณมองหาโทรศัพท์ที่มีฟีเจอร์สำหรับวิดีโอความเร็วสูงและวิดีโอสโลว์โมชั่นด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่มีก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะจริง ๆ ด้วยราคาที่ไม่แพงการบันทึกวิดีโอ 1080p ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้และมีความสมเหตุสมผลแล้วค่ะ อีกอย่างบางรุ่นต่อให้รองรับ 4K แต่ก็ใช่ว่าคลิปจะออกมาดีเสมอไป เนื่องจากมันขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยด้วยค่ะ
หมายเหตุ : ปัจจุบันนี้โทรศัพท์ที่มีกล้อง 8K กำลังจะมาแรงมาก แต่คุณไม่ควรหลงเชื่อแผนการตลาดเหล่านี้ เนื่องจากสายตาของมนุษย์ไม่สามารถเห็นความแตกต่างระหว่าง 4K และ 8K ได้ ยิ่งไปกว่านั้น วิดีโอ 8K มาพร้อมกับขนาดใหญ่ที่พิเศษมาก ๆ ซึ่งมีไม่กี่แพลตฟอร์มที่สามารถแสดงวิดีโอ 8K ได้ค่ะ อย่างไรก็ตามในส่วนนี้เป็นแค่เกร็ดความรู้เสริมเท่านั้นนะคะ จริง ๆ แล้วมือถือในราคาไม่เกิน 10,000 บาทไม่มีทางที่จะมีวิดีโอ 8K แน่นอนค่ะ
6. ออโต้โฟกัส (การตรวจจับใบหน้า)
ปัจจุบันนี้มีโฟกัสอัตโนมัติในสมาร์ทโฟนอยู่ 3 แบบได้แก่
- ออโตโฟกัสแบบตรวจจับคอนทราสต์ (Contrast-Detection Auto Focus)
- ออโตโฟกัสแบบตรวจจับเฟส (Phase Detection Auto Focus)
- ออโตโฟกัสแบบเลเซอร์ (Laser Detection Auto Focus)
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วในสมาร์ทโฟนระดับกลาง มักจะพบ “ออโตโฟกัสแบบตรวจจับเฟส (Phase Detection Auto Focus)” หรือ “PDAF” มากที่สุด เนื่องจากเป็นการปรับปรุงโฟกัสอัตโนมัติที่ดีกว่า มันจะคอยตรวจจับสิ่งต่าง ๆ ในระยะไกล แต่ในข้อดีก็ย่อมมีข้อพิจารณาตามมาด้วย เพราะมันราคาต้นทุนที่สูง ดังนั้นหากสมาร์ทโฟนที่มี PDAF ก็ไม่แปลกว่าทำไมจึงตั้งราคาแพงกว่ารุ่นที่เป็น AF แบบทั่วไป
7. ระบบกันสั่น ลดความเบลอของภาพ (OIS / EIS)
หลายต่อหลายครั้งที่คุณตั้งใจถ่ายรูปให้ออกมาสวยงาม แต่มันกลับเป็นภาพเบลอที่ดูพร่ามัวจนต้องเสียรูปดี ๆ ไปนั่นเป็นเพราะโทรศัพท์ที่คุณใช้ถ่ายรูปไม่มีระบบป้องกันการสั่นค่ะ โดยปกติแล้วมือของคนเราไม่ได้นิ่งมากพอเมื่อเทียบกับขาตั้งกล้อง ปัจจุบันสมาร์ทโฟนจะมีระบบกันสั่นให้เลือก 2 ประเภทคือ OIS และ EIS
- OIS ย่อมาจาก Optical Image Stabilization ระบบกันสั่นด้วยฮาร์ดแวร์
- EIS ย่อมาจาก Electrical Image Stablization ระบบกันสั่นอิเล็กทรอนิกส์
แม้ว่าทางเทคนิคแล้ว OIS จะมีประสิทธิภาพดีกว่า EIS แต่ OIS ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงกว่าด้วยนะคะ แต่อย่างไรก็ตามกล้องโทรศัพท์มือถือในราคาต่ำกว่า 10,000 บาทส่วนมากจะไม่มีระบบกันสั่นมาให้ หากคุณอยากได้ระบบกันสั่นด้วยแนะนำให้เพิ่มเงินอีกนิด เพื่อซื้อสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้น ๆ ก็จะได้ระบบ OIS หรือ EIS มาให้แล้วค่ะ
8. ตัวเลือกฟีเจอร์กล้องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- Panorama โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า : เป็นการถ่ายรูปในมุมกว้างที่เราจะค่อย ๆ เคลื่อนกล้องไปที่ละนิดจากนั้นระบบก็จะประมวลผลและนำภาพแต่ละชุดมาเรียงต่อกันอย่างกลมกลืนจนเป็นหนึ่งภาพใหญ่ที่ยาวมาก ๆ โดยสามารถถ่ายได้ทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้ง ให้คุณถ่ายภาพพาโนรามา 360 องศาได้เต็มรูปแบบ
- HDR โหมดถ่ายภาพช่วงการรับแสงสูง : HDR ย่อมาจาก High Dynamic Range ส่วนใหญ่สมาร์ทโฟนระดับกลางในปัจจุบันนี้จะมีฟีเจอร์ HDR มาให้เป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน HDR ช่วยให้คุณไม่ต้องถ่ายภาพหลาย ๆ รูปแล้วนำไปรวมกันเป็นภาพเดียว เนื่องจากโหมด HDR ในมือถือจะคอยประมวลผลให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็จะส่งภาพผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาให้คุณค่ะ
คุณสมบัติที่สำคัญอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับกล้อง แต่ก็ไม่ควรละเลย!
แม้ว่าคุณสมบัติอื่น ๆ อาจจะไม่ส่งผลโดยตรงต่อกล้องสมาร์ทโฟนของคุณ แต่อย่างไรก็ตามมันจะส่งผลทางอ้อมอย่างแน่นอน คุณสมบัติที่เราจะแนะนำต่อไปนี้เป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ทโฟน หากไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ไม่ว่ากล้องจะดีเพียงใด มันจะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ไร้ค่าทันที คุณสมบัติที่สำคัญ 3 ประการเหล่านั้นคือ
1. โปรเซสเซอร์
โปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังเป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกโทรศัพท์กล้องที่ดีที่สุด มิฉะนั้นโทรศัพท์ของคุณจะไม่สามารถประมวลผลภาพได้อย่างรวดแร็วและแม่นยำ ดังนั้นคุณต้องทำความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับโปรเซสเซอร์ของแต่ละแบรนด์ก่อนที่จะเลือกกล้องโทรศัพท์มือถือค่ะ
2. อายุการใช้งานแบตเตอรี่
การถ่ายภาพเป็น งานที่ต้องใช้แบตเตอรี่เยอะมาก ๆ และแน่นอนว่าคุณคงไม่อยากถ่ายภาพในขณะที่เสียบพาวเวอร์แบงค์ไปด้วยเพราะมันจะยิ่งทำให้เครื่องร้อนมากกว่าเดิม ดังนั้นในขณะที่ซื้อกล้องโทรศัพท์ที่ดีที่สุด คุณควรจะเลือกความจุแบตเตอรี่ที่สูงไว้ก่อน แต่แต่แต่!! ด้วยราคาที่จำกัดเป็นเรื่องยากมากที่คุณจะหาความจุแบตเตอรี่ที่สูง ๆ ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณพยายามเลือกความจุแบตเตอรี่ที่ไม่ต่ำกว่า 5000 mA
3. พื้นที่การจัดเก็บ
ยิ่งกล้องของสมาร์ทโฟนของคุณดีเท่าไร ภาพที่ถ่ายออกมาได้ก็จะยิ่งมีขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้นเท่านั้น แม้ว่าพื้นที่จัดเก็บ 64GB จะเพียงพอสำหรับความต้องการของผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ถ่ายภาพมากเกินไป แถมยังไม่ชอบลบภาพทิ้งอีกด้วย อย่าเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลโทรศัพท์ที่มีขนาดน้อยกว่า 128GB หรือไม่ก็ซื้อสมาร์ทโฟนที่มีช่องเสียบการ์ด MicroSD เสริมมาให้ก็ดีค่ะ