อาหารเสริมเป็นส่วนสำคัญของชีวิตใครหลาย ๆ คน นั่นเป็นเพราะว่าอาหารหลายชนิดที่เราทานเข้าไป เช่น ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ อาจจะมีสารสกัดและวิตามินไม่เพียงพอที่ร่างกายของเราต้องการ นอกจากนี้สารอาหารบางชนิดร่างกายของเราไม่สามารถผลิตขึ้นมาเองได้ ดังนั้นอาหารเสริมจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ปัจจุบันอาหารเสริมมีหลายชนิดมากค่ะไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี, วิตามินซี, อาหารเสริมนมผึ้ง, อาหารเสริมโสม, อาหารเสริมไฟเบอร์, อาหารเสริมโอเมก้า, อาหารเสริมเมลาโทนิน, อาหารเสริมแมกนีเซียม, อาหารเสริมกลูตาไธโอน, อาหารเสริมธาตุเหล็ก,วิตามินรวม และยังมีอีกหนึ่งอาหารเสริมที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดีนั่นก็คือ “น้ำมันตับปลา” ค่ะ
น้ำมันตับปลาเป็นน้ำมันที่สกัดจากตับของปลาคอด สารธรรมชาตินี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย (1,2) หลายปีที่ผ่านมาน้ำมันตับปลาได้รับการขนานนามว่าเป็นอาหารเสริมที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ เนื่องจากมีประโยชน์ เช่น ช่วยลดความดันโลหิตและช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ เช่นเดียวกับน้ำมันปลาอื่น ๆ น้ำมันตับปลามีวิตามิน A และวิตามิน D ในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งวิตามินเหล่านี้หลายคนอาจไม่ได้รับอย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สามารถช่วยป้องกันโรค ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ และยังช่วยในการจัดการกับอาการอักเสบของร่างกายได้ดีมาก (1,2) หากวันนี้คุณกำลังมองหาอาหารเสริมอย่างน้ำมันตับปลาอยู่ก็ไม่ต้องไปที่ไหนไกลค่ะ เราจะเป็นคนที่ให้คำแนะนำกับคุณเอง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย
น้ำมันตับปลา คืออะไร ? (1,2)

น้ำมันตับปลาเป็นน้ำมันที่สกัดจากตับของปลาคอดแอตแลนติก มักถูกนำมาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันตับปลาเต็มไปด้วยสารอาหารและเป็นหนึ่งในแหล่งที่ดีที่สุดของโอเมก้า 3 รวมถึงกรดไขมัน (EPA และ DHA) นอกจากนี้ยังมีวิตามิน A และวิตามิน D ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ความเข้มข้นของสารอาหารในน้ำมันตับปลานั้นขึ้นอยู่กับชนิดของปลาคอด
ตับปลาถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคไขข้อและรักษาโรคกระดูกอ่อน โดยผู้คนมักให้เด็ก ๆ ทานน้ำมันตับปลาเพื่อช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนและภาวะอื่น ๆ ที่เกิดจากการขาดวิตามินดี ส่วนน้ำมันปลาอื่น ๆ นั้นสกัดจากเนื้อเยื่อของปลาน้ำเย็นในทะเลลึก ได้แก่ ปลาทูน่า, ปลาเทราท์, ปลาแมคเคอเรล, ปลาแฮร์ริ่ง, ปลาแซลมอน และปลาคอด แต่น้ำมันตับปลาผ่านการสกัดมาจากตับปลาคอดเท่านั้น แน่นอนว่าน้ำมันตับปลาจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 น้อยกว่าน้ำมันปลาทั่วไป แต่จะมีวิตามิน A และ D มากกว่าค่ะ
น้ำมันตับปลา VS น้ำมันปลา เหมือนกันหรือไม่? (3,4)
ถึงแม้เราจะเคยพูดถึงหัวข้อนี้ในบทความของน้ำมันปลาแล้ว แต่วันนี้เราจะเจาะลึกถึงความแตกต่างของน้ำมันตับปลากับน้ำมันปลาให้มากขึ้นค่ะ ก่อนอื่นเราขอบอกเลยว่าน้ำมันตับปลาและน้ำมันปลาเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 ที่สำคัญ โอเมก้า 3 เป็นกลุ่มของกรดไขมันที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์ โอเมก้านั้นมีกรดทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ กรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA) กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) และกรดอีโคซะเพนตะอีโนอิก (EPA) ประโยชน์ของกรดแต่ละชนิดอาจแตกต่างกันเล็กน้อย แต่การได้รับกรดทั้ง 3 อย่างพร้อมกันในทุกวันอาจทำให้สุขภาพดีขึ้น กรดเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วได้มาจากอาหาร นั่นเป็นเพราะร่างกายของเราไม่สามารถสร้างกรดเองได้
ต่อไปนี้เป็นความแตกต่างที่สำคัญระหว่างน้ำมันตับปลาและน้ำมันปลาค่ะ
- ให้วิตามินที่แตกต่างกัน : น้ำมันตับปลาประกอบด้วยวิตามิน A และ D
- ปริมาณโอเมก้า 3 : น้ำมันตับปลามาจากตับของปลาคอดซึ่งมีไขมันน้อยกว่าปลาชนิดอื่น เช่น ปลาทูน่าและปลาทู ด้วยเหตุนี้น้ำมันตับปลาจึงให้โอเมก้า 3 ในปริมาณที่ต่ำกว่าน้ำมันปลา
- ประโยชน์ต่อสุขภาพอื่น ๆ : นอกจากประโยชน์ของโอเมก้า 3 แล้วน้ำมันตับปลายังเป็นยาพื้นบ้านที่ใช้ในการจัดการอาการท้องผูกและอาการชักนำคลอด (Inducing labor)
รูปแบบของน้ำมันตับปลา
1. น้ำมันตับปลาในรูปแบบอาหาร
คนเราสามารถรับน้ำมันตับปลาได้โดยการกินตับปลา อาหารหลายชนิดรวมถึงปลาส่วนใหญ่เป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีและอาจให้ประโยชน์ที่เหนือกว่าสำหรับอาหารเสริม หากคุณต้องการทานปลาที่มีสารอาหารครบถ้วนให้ทานปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาทูน่าและปลาแมคเคอเรลเพราะปลาทั้ง 2 ชนิดนี้มีโอเมก้า 3 สูงที่สุด
2. น้ำมันตับปลาในรูปแบบน้ำ
บริษัทจำนวนมากผลิตน้ำมันปลาออกมาในรูปแบบน้ำ บางยี่ห้ออาจเป็นน้ำมันปลาบริสุทธิ์หรือน้ำมันปลาที่มีอาหารเสริมอื่น ๆ น้ำมันเหล่านี้มักมีน้ำมันปลาที่มีความเข้มข้นสูงกว่า แต่อาจมีรสชาติคาวทานแล้วไม่อร่อย หากคุณต้องการทาน้ำมันตับปลาในรูปแบบน้ำ เราขอแนะนำให้เลือกน้ำมันตับปลาที่ผ่านการแต่งรสชาติแล้วเพราะจะสามารถทานได้ง่ายกว่าน้ำมันปลาแบบธรรมดา
3. น้ำมันตับปลาในรูปแบบเม็ด

น้ำมันตับปลาในรูปแบบเม็ดอาจเป็นตัวเลือกที่ถูกปากกว่าสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทานน้ำมันตับปลาในรูปแบบน้ำและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทานตับปลาจากปลาสด ๆ น้ำมันตับปลาในรูปแบบเม็ดมักจะไม่มีกลิ่นคาวหลงเหลืออยู่ในคอหลังจากที่ทาน นอกจากนี้ยังทานได้ง่าย ละลายน้ำได้เร็ว แต่หากคุณต้องการรับวิตามินแบบเต็ม ๆ แนะนำให้ทานในรูปแบบน้ำหรือรูปแบบอาหารจะดีกว่ามากค่ะ
สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อน้ำมันตับปลา
น้ำมันตับปลาส่วนใหญ่ในอาหารเสริมมาจากตับของปลาคอดแอตแลนติก เช่นเดียวกับน้ำมันปลาอื่น ๆ น้ำมันตับปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 จำนวน 2 ชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่ กรด Eicosapentaenoic (EPA) และกรด Docosahexaenoic (DHA) ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับไขมันที่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้เพียงพอในอาหาร และอาจจะไม่รู้ว่าสารอาหารเหล่านี้สามารถช่วยลดการอักเสบ เพิ่มสุขภาพของหัวใจให้แข็งแรง ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการปวดข้อและทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น (1,2,3)

น้ำมันตับปลาสามารถให้วิตามินเอได้มากถึง 90% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมสุขภาพการมองเห็นและการผลิตฮอร์โมนที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งวิตามินดีที่มีศักยภาพซึ่งเป็นสารอาหารหลักสำหรับสุขภาพ กระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน การทานวิตามินเอ วิตามินดี ร่วมกับกรดไขมันโอเมก้า 3 มักจะได้ผลดีกว่าเพราะจะช่วยให้วิตามินดูดซึมได้ง่ายขึ้น (3,5,6) หากคุณต้องการได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพของน้ำมันตับปลา คุณสามารถเลือกน้ำมันตับปลาได้ 2 รูปแบบ นั่นก็คือน้ำมันตับปลาชนิดน้ำ ที่เป็นตัวเลือกแบบคลาสสิกและมาในขวด สามารถผสมลงในเครื่องดื่ม เช่น สมูทตี้เพื่อช่วยกลบกลิ่นคาว น้ำมันตับปลาชนิดน้ำต้องแช่เย็นเมื่อเปิดแล้ว โดยปกติแล้วน้ำมันตับปลาชนิดน้ำจะมีวิตามิน A และ D มากกว่าและมี DHA และ EPA ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า (1,3,5,6)
รูปแบบต่อมาเป็นน้ำมันตับปลาชนิดเม็ด น้ำมันตับปลาชนิดเม็ดจะช่วยให้คุณทานน้ำมันได้โดยไม่มีรสคาว น้ำมันตับปลาชนิดเม็ดไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น ใครก็ตามที่กังวลเกี่ยวกับรสชาติของน้ำมันตับปลา (แม้แต่น้ำมันตับปลาในรูปแบบเม็ดก็อาจมีรสคาวที่ค้างอยู่ในคอได้ในบางครั้ง) ดังนั้นควรพิจารณาตัวเลือกน้ำมันตับปลาที่ผ่านการปรุงแต่งมาแล้ว ผู้ผลิตน้ำมันตับปลาบางบริษัทได้ปรุงแต่งรสมินต์ มะนาว ส้มและรสชาติอื่น ๆ เพื่อปกปิดรสชาติของน้ำมันตับปลาและทำให้ถูกปากมากขึ้น แต่ต้องมองหาสูตรที่ใช้สารสกัดจากรสชาติตามธรรมชาติเท่านั้นเพื่อให้เราสามารถทานได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้คุณจะต้องตรวจสอบว่าปลาคอดที่นำมาผลิตน้ำมันตับปลานั้นมาจากไหน ปลาที่จับได้ตามธรรมชาติมักมีกรดไขมันโอเมก้า 3 มากกว่าปลาที่เลี้ยงในฟาร์ม ดังนั้นน้ำมันตับปลาที่ใช้ปลาธรรมชาติจะมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า อีกทั้งควรตรวจสอบฉลากเพื่อยืนยันว่าน้ำมันตับปลาที่คุณเลือกไม่ได้มีสารปรอทหรือสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นอันตราย (7)
Cody Plus น้ำมันตับปลา รสส้ม

ราคา 55 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดน้ำ |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 120 มล. x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอด |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 31.5 มิลลิกรัม / 39 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 1 ช้อนชาพร้อมมื้ออาหาร |
Scott's Emulsion Cod Liver Orange Flavor น้ำมันตับปลา รสส้ม

ราคา 99 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดน้ำ |
---|---|
ชนิดน้ำ | ขวดละ 200 มล. x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอด |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 31.5 มิลลิกรัม / 39 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 1 ช้อนชาพร้อมมื้ออาหาร |
21st Century Norwegian Cod Liver Oil น้ำมันตับปลาค็อด

ราคา 219 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 110 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอดนอร์เวย์ |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 28 มิลลิกรัม / 24 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานครั้งละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร |
น้ำมันตับปลา Puritan's Pride Flaxseed & Cod Liver Oil

ราคา 485 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 100 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอด |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 35 มิลลิกรัม / 50 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานครั้งละ 1 เม็ด 2 - 3 ครั้งพร้อมมื้ออาหาร |
Nature’s Truth Cod Liver Oil น้ำมันตับปลา

ราคา 526 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 100 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอดนอร์เวย์ |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 37 มิลลิกรัม / 36 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานครั้งละ 1 เม็ด 2 - 3 ครั้งพร้อมมื้ออาหาร |
น้ำมันตับปลา Auswelllife Pure Squalene Tasmanian

ราคา 750 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 60 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ฉลามน้ำลึก |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | - |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 1 - 2 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร |
Now Foods Cod Liver Oil น้ำมันตับปลา

ราคา 750 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 90 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอด |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 70 มิลลิกรัม / 100 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร |
ORIHIRO Squalene น้ำมันตับปลาฉลามน้ำลึก

ราคา 832 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 360 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ฉลามน้ำลึก |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 6 มิลลิกรัม / 6 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 6 เม็ดหลังมื้ออาหาร |
น้ำมันตับปลา Carlson Wild Norwegian Cod Liver Oil Minis

ราคา 998 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดซอฟต์เจล |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 250 เม็ด x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอดอาร์กติก |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) : |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 3 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร |
น้ำมันตับปลา Nordic Naturals Arctic Cod Liver Oil Strawberry

ราคา 1,490 บาท*
รูปแบบของน้ำมันตับปลา | ชนิดน้ำ |
---|---|
ปริมาณ | ขวดละ 237 มล. x 1 ขวด |
สกัดน้ำมันตับปลามาจาก | ปลาคอดอาร์กติก |
ปริมาณ EPA / DHA (ต่อ 1 เม็ด) | 340 มิลลิกรัม / 510 มิลลิกรัม |
วิธีรับประทาน | รับประทานวันละ 1 ช้อนชาพร้อมมื้ออาหาร |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว น้ำมันตับปลา ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
น้ำมันตับปลา Nordic Naturals Arctic Cod Liver Oil Strawberry |
|
ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา (1,2,3,5,6)
น้ำมันตับปลามี EPA และ DHA ในปริมาณสูง นอกจากจะมีสารอาหารอย่าง EPA และ DHA แล้ว น้ำมันตับปลายังมีวิตามิน A และ D ที่มีประโยชน์อีกมากมาย เชื่อกันว่าน้ำมันตับปลามีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ดีต่อร่างกายมาก จุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำมันตับปลากับน้ำมันปลาน่าจะเกิดจากการมีวิตามิน A และ D นอกจากมีฤทธิ์ต้านการอักเสบแล้ว น้ำมันตับปลาอาจมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

- ลดการอักเสบทั่วร่างกาย
- ลดอาการปวด
- ลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
- ช่วยส่งเสริมทารกในครรภ์ให้แข็งแรง เร่งการทำงานของสมองและสายตา
- รักษาความหนาแน่นของกระดูก
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 1
- สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
- ป้องกันความเจ็บป่วยทางเดินหายใจส่วนบน
- ทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง
- ลดความดันโลหิต
- ป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์ ในหลอดเลือดแดง
References: