เมื่อพูดถึงอาหารเสริมคอลลาเจนในท้องตลาด ณ ตอนนี้อาจมีตัวเลือกมากมายให้คุณเลือกซื้อ ทั้งคอลลาเจนเปปไทด์, ผงคอลลาเจน, เครื่องดื่มคอลลาเจน, ยาเม็ดคอลลาเจน ไปจนถึงคอลลาเจนไฮโดรไลซ์และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่าเป็นยุคทองของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนจริง ๆ ค่ะ

เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าคอลลาเจนทุกชนิดล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม ซึ่งแต่ละประเภทก็อาจมีสรรพคุณที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น ช่วยให้มีผิวที่เปล่งปลั่ง, ช่วยปรับปรุงสุขภาพข้อต่อและลดอาการปวดข้อ, ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อ เพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิวหนัง เป็นต้น
แต่จากตัวเลือกที่มีมากมายคุณอาจสงสัยว่าควรซื้ออาหารเสริมคอลลาเจนแบบไหนและสูตรไหนดี? เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ อาหารเสริมคอลลาเจน-ไดเปปไทด์ (Collagen Dipeptide) ที่มีความต่างจากคอลลาเจนทั่วไป แต่จะต่างกันอย่างไรบ้างนั้นต้องตามมาดูในหัวข้อถัดไปเลยค่ะ
ทำไมต้องทานอาหารเสริมคอลลาเจน ?
|
คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการสนับสนุนการทำงานของคอลลาเจนจึงสำคัญมาก มันถูกสร้างขึ้นจากสายโซ่ของกรดอะมิโนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก
แต่ทั้งนี้คอลลาเจนตามธรรมชาติจะลดลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดในข้อต่อและกระดูก ตลอดจนเพิ่มรอยเหี่ยวย่นบนผิวหนังของเรา แน่นอนว่าร่างกายของเราไม่สามารถหยุดการเสื่อมสภาพของการผลิตคอลลาเจนได้ แต่เราสามารถชะลอและซ่อมแซมความเสียหายบางส่วนที่เกิดจากคอลลาเจนได้ ด้วยการทานอาหารเสริมตัวคอลลาเจน |
Collagen Peptide, TriPeptide, DiPeptide ต่างกันอย่างไร ?
ทุกครั้งที่ซื้อคอลลาเจนมาทานหลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินคำโฆษณาของแต่ละแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น “คอลลาเจน-เปปไทด์” , “คอลลาเจน-ไตรเปปไทด์” , “คอลลาเจน-ไดเปปไทด์” ซึ่งจะว่าไปแล้วชื่อทั้ง 3 ตัวนี้ก็ออกเสียงคล้ายกันมาก จนทำให้หลายคนสับสนและคิดว่ามันเป็นคอลลาเจนที่ให้ผลลัพธ์เหมือนกัน แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดค่ะ
หากคุณอยากให้อาหารเสริมคอลลาเจนเข้าไปดูแลและแก้ปัญหาให้ตรงจุด คุณจะต้องแยกคลอลาเจนชนิดเหล่านี้ให้ออกและต้องจำให้ได้ว่าชนิดไหนเหมาะกับคุณ วันนี้เราจึงได้รวบรวมและข้อมูลมาสรุปให้คุณอ่านอย่างเข้าใจง่าย ๆ เพื่อที่เวลาซื้อคอลลาเจนมาทานจะได้เลือกสูตรที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด หากพร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ!!
Collagen Peptide (คอลลาเจน เปปไทด์)คอลลาเจนเปปไทด์มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุด ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ช้า มีราคาถูกที่สุด |
Collagen TriPeptide (คอลลาเจน ไตรเปปไทด์)คอลลาเจนไตรเปปไทด์มีขนาดโมเลกุลปานกลาง ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ระดับกลาง ๆ เท่านั้น ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าคอลลาเจนเปปไทด์ |
Collagen DiPeptide (คอลลาเจน ไดเปปไทด์)คอลลาเจนไดเปปไทด์มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด ทำให้ร่างกายดูดซึมได้เร็ว และจะมีราคาแพงที่สุดด้วย |
สรุป Collagen DiPeptide
เป็นคอลลาเจนที่มีขนาดเล็กและดูดซึมได้ดีที่สุดคอลลาเจนทั้ง 3 แตกต่างกันที่ขนาดโมเลกุล หากมีขนาดใหญ่ ร่างกายจะดูดซึมได้ช้า ในขณะเดียวกัน ยิ่งมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ ร่างกายของเราก็ยิ่งดูดซึมได้ไวมากขึ้น และย่อยได้ง่ายกว่ามาก ทำให้มันถูกส่งไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อซ่อมแซมผิวหนัง กระดูก และข้อต่อได้เร็วขึ้น รวมถึงพวกเซลล์ต่าง ๆ ก็สามารถนำกรดอะมิโนที่ได้จากคอลลาเจนไปใช้เป็นพลังงานได้โดยตรงอีกด้วย
คอลลาเจนประเภทที่ 1, 2 และ 3 ต่างกันอย่างไร ? (16-20)
หลังจากทำความรู้จักขนาดโมเลกุลของคอลลาเจนกันไปแล้ว ต่อมาเรามาดูประเภทของคอลลาเจนกันบ้างดีกว่าค่ะ เวลาซื้อคุณจะได้รู้ว่าคอลลาเจนชนิดไหนเหมาะสำหรับบำรุงผิวพรรณและชนิดไหนเหมาะสำหรับบำรุงกระดูกมากกว่ากัน
เพราะจริง ๆ แล้วคอลลาเจนนั้นมีหลายประเภทนะคะ แต่ส่วนใหญ่ที่มักพูดถึงมากที่สุด คือคอลลาเจนประเภทที่ 1, คอลลาเจนประเภทที่ 2 และคอลลาเจนประเภทที่ 3
Collagen Type 1 และ Collagen Type 3
คอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 มักจะถูกจัดในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่มีมากที่สุด คิดเป็น 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย อีกทั้งยังมีหน้าที่ที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย นั่นคือช่วยบำรุงรักษาผิวหนัง, เล็บ, เส้นผม, ฟัน, กระดูก และกล้ามเนื้อของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลลาเจนประเภทที่ 1 สามารถพบได้เกือบทุกที่ในร่างกาย (ยกเว้นเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนจะเป็นของคอลลาเจนประเภทที่ 2) ในความเป็นจริงแล้วคอลลาเจนประเภทที่ 1 มีมากถึง 70% ในผิวของคุณ คอลลาเจนประเภทนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการเติมเต็มผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความกระชับของผิว รวมทั้งลดเลือนริ้วรอยได้

ในทางกลับกันคุณสามารถพบคอลลาเจนประเภทที่ 3 ได้ในอวัยวะกลวง เช่น ผนังหลอดเลือดแดง อีกทั้งยังเป็นคอลลาเจนที่พบในผิวหนังที่มีการสร้างใหม่ ซึ่งพบได้มากในผิวของเด็ก ทั้งนี้คอลลาเจนทั้ง 2 ชนิดนี้ต่างอุดมไปด้วยกรดอะมิโนไกลซีน (มีหน้าที่สำคัญมากมายในร่างกาย) และกรดอะมิโนโพรลีน (กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน รวมทั้งยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระ) ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำหน้าที่หลัก ๆ ที่สำคัญในร่างกายทั้งสิ้น
ดังนั้นการเสริมด้วยคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายหลายประการ เช่น ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยลดริ้วรอย ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต สนับสนุนเมทริกซ์ของโครงสร้างกระดูก และเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เล็บของคุณ
Collagen Type 2

ส่วนคอลลาเจนประเภทที่ 2 นั้นสามารถพบได้ในกระดูกอ่อนเท่านั้น มีส่วนประกอบประมาณ 50 – 60% ของโปรตีนกระดูกอ่อนทั้งหมด ดังนั้นจึงมีประโยชน์มากในการรองรับข้อต่อและกระดูกอ่อนของคุณ คอลลาเจนประเภทที่ 2 จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาข้อต่อหรือข้อเข่าอย่างผู้สูงอายุเป็นต้น
สรุป คอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 ใช้ด้านความงาม
คอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 มีความคล้ายคลึงกันมาก เป็นคอลลาเจนที่มีมากที่สุดในร่างกายและเป็นกุญแจสำคัญในการบำรุงรักษาผิวหนัง เล็บ กระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นผม ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลัก 2 ชนิดที่สามารถสนับสนุนสุขภาพของคุณ ได้แก่ ไกลซีนและโพรลีน หากคุณให้ความสำคัญกับคุณประโยชน์ด้านความงามคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 จะเหมาะกับคุณ
สรุป คอลลาเจนประเภทที่ 2 บำรุงข้อต่อและกระดูกอ่อน
ส่วนคอลลาเจนชนิดที่ 2 สามารถพบได้ในเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนเท่านั้น ซึ่งมีมากกว่า 50% ของโปรตีนกระดูกอ่อน คอลลาเจนประเภทนี้อาจช่วยพยุงข้อต่อ กระดูกอ่อน กราม และหลังของคุณได้ หากคุณให้ความสำคัญกับสุขภาพข้อต่อและกระดูกอ่อนคอลลาเจนชนิดที่ 2 จะเหมาะกับคุณ
อาหารเสริมคอลลาเจนไดเปปไทด์ ยี่ห้อไหนดี?
- คอลลาเจน Dr.PONG มีโมเลกุลขนาดเล็ก ดูดซึมได้ดี: Dr.PONG Collagen Dipeptide + Vitamin C คอลลาเจนไดเปปไทด์
- คอลลาเจน Type 1, 2, 3 จบครบในซองเดียว: MATELL Collagen Dipeptide 100% คอลลาเจนไดเปปไทด์
- คอลลาเจนแบบซอง พกพาสะดวก รสชาติทานง่าย: ZEAVITA Collagen คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100%
- คอลลาเจนแบบแคปซูล ดูดซึมได้ไว สะดวกต่อการทาน: Vistra Pure Collagen Dipeptide คอลลาเจนไดเปปไทด์ ชนิดเม็ด
- คอลลาเจนไตรเปปไทด์ + คอลลาเจนไดเปปไทด์ + แคลเซียม ราคาไม่แพง: Donutt Collagen Dipeptide Plus Callium ผงคอลลาเจน
![]() Dr.PONG Collagen Dipeptide + Vitamin C คอลลาเจนไดเปปไทด์ | ![]() MATELL Collagen Dipeptide 100% คอลลาเจนไดเปปไทด์ | ![]() ZEAVITA Collagen คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100% | ![]() Vistra Pure Collagen Dipeptide คอลลาเจนไดเปปไทด์ ชนิดเม็ด | ![]() Donutt Collagen Dipeptide Plus Callium ผงคอลลาเจน |
|
|
|
|
|
Dr.PONG Collagen Dipeptide + Vitamin C คอลลาเจนไดเปปไทด์

ราคา 399 บาท*
คอลลาเจนประเภท | Type 1 |
---|---|
โมเลกุลคอลลาเจน | Dipeptide 100% |
ปริมาณ | 100.6 กรัม/ถุง |
ไร้สารเติมแต่ง |
MATELL Collagen Dipeptide 100% คอลลาเจนไดเปปไทด์

ราคา 299 บาท*
คอลลาเจนประเภท | Type 1, 2, 3 |
---|---|
โมเลกุลคอลลาเจน | Dipeptide 100% |
ปริมาณ | 100 กรัม/ถุง |
ไร้สารเติมแต่ง |
ZEAVITA Collagen คอลลาเจนไดเปปไทด์ 100%

ราคา 739 บาท*
คอลลาเจนประเภท | Type 1 |
---|---|
โมเลกุลคอลลาเจน | Dipeptide 100% |
ปริมาณ | 3 กรัม/ซอง (x30 ซอง/กล่อง) |
ไร้สารเติมแต่ง |
Vistra Pure Collagen Dipeptide คอลลาเจนไดเปปไทด์ ชนิดเม็ด

ราคา 380 บาท*
คอลลาเจนประเภท | Type 1 |
---|---|
โมเลกุลคอลลาเจน | Dipeptide 100% |
ปริมาณ | 30 เม็ด/กระปุก |
ไร้สารเติมแต่ง |
Donutt Collagen Dipeptide Plus Callium ผงคอลลาเจน

ราคา 179 บาท*
คอลลาเจนประเภท | Type 1, 2 |
---|---|
โมเลกุลคอลลาเจน | TriPeptide + Dipeptide |
ปริมาณ | 120 กรัม/กระเป๋อง |
ไร้สารเติมแต่ง |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
คอลลาเจนจากวัว VS คอลลาเจนจากปลา
|
คอลลาเจนจากวัวคอลลาเจนจากวัวประกอบด้วยคอลลาเจน Type 1 และ Type 3 สามารถพบได้ในกระดูกอ่อน กระดูก หรือหนังวัว การเสริมคอลลาเจนจากวัวจะจึงมีประโยชน์ต่อกระดูก, ข้อต่อ, ผิวหนัง และลำไส้ |
|
คอลลาเจนจากปลาคอลลาเจนจากปลา มักมีขนาดอนุภาคที่เล็กที่สุดและมีน้ำหนักโมเลกุลต่ำที่สุดในบรรดาคอลลาเจนชนิดอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถการเข้าถึงกระแสเลือดได้ง่าย ทำให้การซ่อมแซมเห็นผลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่คอลลาเจนจากปลาทะเลจำนวนมากจะมีเฉพาะคอลลาเจน Type 1 เท่านั้น ดังนั้นคอลลาเจนจากปลาทะเลจึงเป็นที่รู้จักในด้านประโยชน์ของการต่อต้านวัย รวมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอยและลดรอยแผลเป็น |
|
คอลลาเจนจากไก่, ไข่, หมูอย่างที่บอกไปแล้วว่าคอลลาเจนไม่ได้มาจากปลาและเนื้อวัวเท่านั้น แต่คอลลาเจนสามารถมาจากไก่ หมู และไข่ก็ได้ คอลลาเจนจากไก่มักจะสกัดจากกระดูกอ่อนของอกไก่ ซึ่งเป็นคอลลาเจน Type 2 ดังนั้นจึงมีประโยชน์สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้อต่อ กระดูก และกระดูกอ่อนของคุณ |
คอลลาเจนจากไข่สามารถพบได้ตามธรรมชาติทั้งในไข่แดงและเยื่อหุ้มของไข่ไก่ โดยจะมีคอลลาเจนทั้ง Type 1 และ Type 5 (คอลลาเจนชนิดที่ 5 มีความสำคัญต่อเส้นผม รก และพื้นผิวของเซลล์ของเรา) นอกจากนี้ในไข่ยังมีโปรตีนอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนของร่างกายอีกด้วย ส่วนคอลลาเจนจากหมู (ซึ่งพบมากในหนังหมู) เป็นคอลลาเจนที่มีไกลซีนสูง และเป็นที่ทราบกันดีว่ามีประโยชน์ต่อผิวมาก ๆ
วิธีเลือกซื้อคอลลาเจนที่ดีที่สุด
1. เลือกประเภทของคอลลาเจนที่คุณต้องการ
- คอลลาเจนสำหรับด้านความงาม บำรุงผิวพรรณ เล็บ เส้นผม : ควรเลือกคอลลาเจนประเภทที่ 1 หรือ 3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนจากวัว หรือปลาทะเล
- คอลลาเจนเพื่อทางการแพทย์ สำหรับบำรุงกระดูกอ่อน ข้อต่อ : ควรเลือกคอลลาเจนประเภทที่ 2 ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการสกัดกระดูกอ่อนของอกไก่
2. เลือกขนาดอนุภาคโมเลกุลของคอลลาเจน
อย่างที่บอกไปแล้วว่าคอลลาเจนจะแบ่งออกเป็น 3 ขนาด คือ Collagen Peptide, Collagen TriPeptide และ Collagen DiPeptide แต่โดยทั่วไปที่เรามักพบเห็นในท้องตลาดก็จะเป็น Collagen TriPeptide เนื่องจากมีคุณสมบัติระดับกลาง ๆ แต่มีราคาต้นทุนไม่แพง ทำให้ผู้บริโภคนิยมซื้อมาทานเป็นอาหารเสริมกันมาก
แต่ถ้าหากคุณอยากได้คอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วจริง ๆ คุณจะต้องเลือกซื้อ Collagen DiPeptide เท่านั้น แต่ก็จะแลกมากับราคาที่แพงขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้หลาย ๆ แบรนด์มีการผสมสูตรระหว่าง Collagen DiPeptide และ Collagen TriPeptide ขึ้นมาเพื่อลดต้นทุนและราคาที่ขาย ในกรณีนี้ให้คุณเลือก % ของ Collagen DiPeptide ที่สูงกว่า Collagen TriPeptide ไว้ก่อนค่ะ
3. เลือกคอลลาเจนแบบผงละลายน้ำหรือแบบเม็ด
โดยส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนแบบเม็ดหรือแบบผงก็มีคุณสมบัติที่คล้ายกันมาก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือความสะดวกในการทาน ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนแบบผงส่วนใหญ่จะแนะนำให้ทาน 1-2 สกู๊ปต่อวัน โดยจะผสมลงในเครื่องดื่มหรืออาหารบางชนิด แต่บางครั้งผงคอลลาเจนเหล่านี้ก็อาจเปลี่ยนรสชาติหรือเนื้อสัมผัสของอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยเฉพาะเวลาที่ผงคอลลาเจนละลายไม่ทั่วถึง นอกจากนี้คุณจะต้องใช้ตวงช้อนผงอย่างแม่นยำเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายจะได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสม

ในทางกลับกัน คอลลาเจนชนิดเม็ดจะให้ปริมาณที่แม่นยำและสม่ำเสมอแก่คุณ และค่อนข้างสะดวกสำหรับการเดินทาง นอกจากนี้หากคุณต้องทานวิตามินหรือยาตามใบสั่งแพทย์ทุกวันก็สามารถทานคอลลาเจนชนิดเม็ดร่วมกันได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนชนิดเม็ดก็มีคุณสมบัติเชิงลบหลายประการเมื่อเทียบกับแบบผง เพราะจะต้องใช้เวลาในการละลายและดูดซึมนานกว่า นอกจากนี้คอลลาเจนชนิดเม็ดที่มีปลอกที่เป็นเจลาตินก็อาจทำให้กลืนลำบาก ยิ่งคุณเป็นคนที่ไม่ชอบทานยาเม็ด มันอาจกลายเป็นฝันร้านยทันที เพราะในบางผลิตภัณฑ์ก็จะแนะนำให้ทานคอลลาเจนมากถึง 4-6 เม็ดต่อวันก็เป็นได้ค่ะ
คอลลาเจนสามารถใช้สำหรับการลดน้ำหนักได้หรือไม่ ? (1-8)
คุณรู้หรือไม่ว่าคอลลาเจนช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักได้? โครงสร้างที่โดดเด่นของคอลลาได้รับการศึกษาและพบว่าให้ความสามารถในการอิ่มมากกว่าโปรตีนบางชนิด รวมทั้งเวย์และโปรตีนถั่วเหลืองในปริมาณที่เท่ากัน กรดอะมิโนที่ได้จากคอลลาเจนจะช่วยในการระงับความอยากอาหาร และยังช่วยลดการเกิดผลข้างเคียงจากการลดน้ำหนักได้อีกด้วย คุณอาจประหลาดใจที่คอลลาเจนมีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักมากมายขนาดนี้ เรามาดูกันค่ะว่าจะมีประโยชน์อะไรน่าสนใจบ้าง ?!
1. คอลลาเจนให้ความอิ่มไม่เหมือนกับโปรตีนอื่น ๆ
การวิจัยพบว่าคอลลาเจนเปปไทด์สามารถทำให้อิ่มได้มากกว่าการทานผงโปรตีนบางชนิด จากการทดลองพบว่าคอลลาเจนมีปริมาณโปรตีนมากกว่าเวย์ เคซีน หรือถั่วเหลืองในปริมาณที่เท่ากันถึง 40% ซึ่งอาจทำให้คุณบริโภคอาหารมื้อถัดไปหลังจากทานคอลลาเจนไปแล้วได้น้อยลงถึง 20% หมายความว่าการทานคอลลาเจนช่วยทำให้เราบริโภคแคลอรี่ในแต่ละวันน้อยลงนั่นเองค่ะ
ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากใช้ผงโปรตีนเพื่อทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น แต่ผลิตภัณฑ์ผงโปรตีนบางชนิดก็มักผสมสารเติมแต่งที่ผิดธรรมชาติอื่น ๆ เข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติ จนทำให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมมื้ออาหารที่ให้แคลอรี่สูงเกินความจำเป็น แต่สำหรับคอลลาเจนที่อยู่ในรูปแบบผงสกัดบริสุทธิ์จะไม่มีสารให้ความหวานหรือสารเติมแต่งอื่น ๆ เข้ามา ดังนั้นผงคอลลาเจนบริสุทธิ์จึงสามารถช่วยให้คุณอิ่มท้องได้โดยที่ไม่มีสารไร้ประโยชน์อื่น ๆ เข้าสู่ร่างกายนั่นเองค่ะ
|
2. คอลลาเจนอาจช่วยระงับความอยากอาหารมีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าผู้ป่วยโรคอ้วนและเบาหวานเมื่อได้ทานคอลลาเจนไฮโดรไลซ์จะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้อิ่ม ทำให้น้ำหนักลดลง เพราะรับประทานอาหารได้น้อยลง เนื่องจากโปรตีนในคอลลาเจนมีส่วนสำคัญในการลดความอยากอาหารนั่นเองค่ะ |
3. คอลลาเจนอาจช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ
เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายของเราจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและมักจะถูกแทนที่ด้วยไขมัน การสูญเสียกล้ามเนื้อนี้จะไปสัมพันธ์กับการขับไนโตรเจนส่วนเกินออกทางปัสสาวะ มีงานวิจัยหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าการทานคอลลาเจนเพื่อใช้ลดน้ำหนักนั้นช่วยให้ผู้สูงอายุรักษามวลกล้ามเนื้อและรักษาความสมดุลของไนโตรเจนได้ดีกว่าผู้ที่ได้ทานอาหารเสริมเวย์โปรตีน
แม้ว่าการรักษามวลกล้ามเนื้อไว้จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่มีอายุ แต่โดยทั่วไปแล้วสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักอยู่นั้นก็มักมีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ตลอด คุณจะต้องมองหาตัวช่วยที่สามารถส่งเสริมการฟื้นตัว ทำใหุ้ณเคลื่อนไหวได้อย่างกระฉับกระเฉง ซึ่งอาร์จินีนก็เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยสนับสนุนความแข็งแรงโดยรวม ทั้งยังสามารถพบได้ในคอลลาเจนอีกด้วย |
|
4. คอลลาเจนอาจช่วยทำให้เซลลูไลท์เรียบเนียน
คอลลาเจนยังมีบทบาทสำคัญในการซ่อนเซลลูไลท์ด้วยการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับของชั้นหนังแท้ของคุณ! เพราะเซลลูไลท์จะมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อผิวหนังของเรามีการยืดออก บางลง หรือมีความหย่อนคล้อย อย่างที่ทราบกันดีว่าในผิวหนังมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบถึง 70% ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่การทานคอลลาเจนเสริมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความหนาให้กับผิวหนัง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการซ่อนเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังนั่นเองค่ะ
คอลลาเจนสำหรับบรรเทาอาการปวดข้อ ได้หรือไม่ ? (9-15)
เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายของเราจะเริ่มลดลง บวกกับการทำงานแบบล่วงเวลาหรือการทำงานที่หนักเกินไปอาจเป็นบ่อเกิดของการเสื่อมสลายของข้อและกระดูก และจะนำไปสู่โรคข้ออักเสบ โรคข้อเสื่อม รวมถึงโรคกระดูกพรุนได้ในที่สุด มีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่าการทานคอลลาเจนเสริมสามารถสนับสนุนการสร้างกระดูกและข้อต่อขึ้นใหม่ นอกจากนี้คอลลาเจนยังมีประโยชน์ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกาย รวมถึงกิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูงได้อีกด้วย
|
1. คอลลาเจนช่วย ลดอาการปวดข้อ ตึง และอักเสบการทานผงคอลลาเจนเพื่อรักษาสุขภาพข้อต่อนั้นสามารถช่วยได้จริง ๆ เพราะมีการศึกษาทางคลินิกหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการทานผงคอลลาเจนบริสุทธิ์จะช่วยลดอาการปวด ข้อแข็ง และการอักเสบที่เกิดจากโรคข้ออักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้คอลลาเจนยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพลดความเจ็บปวดและความแข็งของข้อเข่าเสื่อม เมื่อเทียบกับสารต้านการอักเสบอื่น ๆ อย่างกลูโคซามีน (Glucosamine) และคอนดรอยติน ซัลเฟต (Chondroitin sulfate) กลับพบว่าคอลลาเจนมีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 25% |
2. คอลลาเจนช่วย ปรับปรุงความคล่องตัวและความยืดหยุ่น
ประโยชน์อีกประการของผงคอลลาเจนสำหรับข้อต่อคือช่วยปรับปรุงการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่นของร่างกาย จากการศึกษาในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบที่ทานคอลลาเจนเป็นอาหารเสริม กลับพบว่าการเคลื่อนไหวเช่นการยืดเข่า, การเดิน, การนั่ง หรือการยืน มีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และไม่ค่อยแสดงอาการเจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อน
3. คอลลาเจนช่วยเสริมสร้าง กระดูก-ฟัน ให้แข็งแรงขึ้น

มีการศึกษาจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกของเราจะสูญเสียความแข็งแรงไป 50% และสูญเสียความยืดหยุ่นไปถึง 35% แม้ว่าแคลเซียมจะเป็นจะมีส่วนทำให้กระดูกของเราแข็งแรง แต่อย่างไรก็ตาม ก็อย่าลืมว่าในกระดูกประกอบด้วยคอลลาเจนด้วยเช่นกัน เพราะเส้นใยคอลลาเจนจะสร้างเมทริกซ์โปรตีนในกระดูกของเรา ดังนั้นเมื่อร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง บวกกับการสลายตัวของคอลลาเจนในกระดูกมากขึ้น ส่งผลให้กระดูกของเราสูญเสียความแข็งแรงได้ การทานคอลลาเจนเป็นอาหารเสริมในทุก ๆ วันจึงสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ขาดแคลเซียมหรือผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน ความหนาแน่นของกระดูกเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันกระดูกหักค่ะ

ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฟันนั้นคอลลาเจน Type 3 เป็นส่วนประกอบโปรตีนหลักของฟัน การสูญเสียคอลลาเจนเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันเพิ่มขึ้นได้ ทั้งยังทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลงอีกด้วย ดังนั้นแนะนำให้ทานคอลลาเจน Type 3 เสริมก็สามารถช่วยในการสร้างฟันที่แข็งแรงขึ้นได้ค่ะ
4. ประโยชน์ของคอลลาเจนสำหรับกิจกรรมและกีฬา
กิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง เช่น การวิ่ง, เล่นบาสเก็ตบอล, ตีเทนนิส, เล่นฟุตบอล, รวมถึงการออกกำลังกายซ้ำ ๆ อย่างเช่น การยกน้ำหนัก, เล่นโยคะ และปั่นจักรยาน ล้วนแต่ต้องออกแรงกดที่ข้อต่อและอาจทำให้เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อเสียหายได้ มีการศึกษาชิ้นหนึ่งได้นำผู้ทดสอบที่มีอาการปวดข้อที่เกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมและกีฬามาทดลอง โดยให้พวกเขาทานคอลลาเจนเสริมเป็นเวลา 4 เดือน พบว่าอาการปวดข้อนั้นค่อย ๆ ดีขึ้น และยังสามารถยืดหยุ่นร่างกายในขณะที่ออกกำลังกายได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระยะเวลาของการออกกำลังกายให้นานขึ้นอีกด้วย

การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าทานคอลลาเจนเสริมเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ เพราะการสังเคราะห์คอลลาเจนในร่างกายของมนุษย์เราจะเพิ่มขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์แรกหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อสร้างเส้นใยโปรตีนขึ้นใหม่ โดยในสัปดาห์แรกร่างกายของเราจะต้องการคอลลาเจน Type 3 เป็นจำนวนมากเพื่อสร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังร่างกายจะต้องการคอลลาเจน Type 1 เพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ดังนั้นผู้ที่อยากลดเวลาในการฟื้นตัวหรืออยากให้การรักษาเนื้อเยื่อที่เสียหายจากการออกกำลังกายหายเร็ว ๆ ก็ควรทานคอลลาเจนทั้ง Type 1 และ Type 3 ค่ะ
References :
- Diets with high or low protein content and glycemic index for weight-loss maintenance
- Single-protein casein and gelatin diets affect energy expenditure similarly but substrate balance and appetite differently in adults
- Amelioration of estrogen deficiency-induced obesity by collagen hydrolysate
- Effects of whey and fortified collagen hydrolysate protein supplements on nitrogen balance and body composition in older women
- Oral ingestion of a hydrolyzed gelatin meal in subjects with normal weight and in obese patients: Postprandial effect on circulating gut peptides, glucose and insulin
- Oral supplementation of specific collagen peptides has beneficial effects on human skin physiology: a double-blind, placebo-controlled study
- Collagen hydrolysate intake increases skin collagen expression and suppresses matrix metalloproteinase 2 activity
- A breakfast with alpha-lactalbumin, gelatin, or gelatin + TRP lowers energy intake at lunch compared with a breakfast with casein, soy, whey, or whey-GMP
- Age-related changes in the collagen network and toughness of bone
- Collagen hydrolysate for the treatment of osteoarthritis and other joint disorders: a review of the literature
- Safety and efficacy of undenatured type II collagen in the treatment of osteoarthritis of the knee: a clinical trial
- Undenatured type II collagen (UC-II®) for joint support: a randomized, double-blind, placebo-controlled study in healthy volunteers
- 24-Week study on the use of collagen hydrolysate as a dietary supplement in athletes with activity-related joint pain
- Osteoblast-related gene expression of bone marrow cells during the osteoblastic differentiation induced by type I collagen
- Collagen analysis in human tooth germ papillae
- Distributions of Types I, II and III Collagen by Region in the Human Supraspinatus Tendon
- Collagen Type 3
- Current Insights into Collagen Type I
- Effects of Native Type II Collagen Treatment on Knee Osteoarthritis: A Randomized Controlled Trial
- Type III collagen is crucial for collagen I fibrillogenesis and for normal cardiovascular development