ผมพลิ้วปลิวไสวตรงสวย เหมือนดั่งนางเอกโฆษณาแชมพูสระผมนี่เป็นเหมือนความฝันของสาว ๆ เราเลยนะคะ การที่มีผมที่ตรงเงางาม เรียงเส้นสวย หันซ้ายทีขวาทีผมก็ปลิวตามเป็นอะไรมันจะช่างเพอร์เฟกต์เสียจริง ๆ เราเชื่อว่าสาว ๆ ทุกคนก็อยากมีผมที่ตรงสวยแข็งแรงและผมไม่ชี้ฟูแห้งเสียก็เพราะเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองและก็แอบอยากมีผมยาวสวยไว้มัดใจหนุ่ม ๆ ด้วยใช่ไหมละคะ วันนี้เราก็เลยมีตัวช่วยดี ๆ อย่างเครื่องหนีบผมตรงมาฝากกันค่ะ

แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ!!! ก่อนจะไปเริ่มบทความกัน เราขอบอกก่อนเลยว่าเครื่องหนีบผมที่เรานำมาเสนอกันวันนี้จะไม่ใช่เครื่องหนีบผมขนาดพกพาหรือเครื่องหนีบผมธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะเครื่องหนีบผมที่เราหมายถึงก็คือ “เครื่องหนีบผมไร้สาย” นั่นเองค่ะ
เครื่องหนีบผมไร้สาย ยี่ห้อไหนดีที่สุด คุ้มค่าคุ้มราคา ซื้อมาไม่ผิดหวังแน่นอน
- เครื่องหนีบผมไร้สาย ที่ดีที่สุด: DYSON Corrale Straightener เครื่องหนีบผมไร้สาย
- เครื่องหนีบผมไร้สาย ราคากลาง ๆ คุณภาพดี น่าลงทุน: VODANA Professional Cordless Lovely Styling Hair Iron เครื่องหนีบผมไร้สาย
- เครื่องหนีบผมไร้สายดีไซน์น่ารักที่สุด: Bellygom X Wiggle Wiggle Wireless Mini Hair Styler เครื่องหนีบผมไร้สาย
- เครื่องหนีบผมไร้สาย ปรับความร้อน 4 ระดับ: DEMUXI เครื่องหนีบผมไร้สาย
![]() DYSON Corrale Straightener เครื่องหนีบผมไร้สาย | ![]() VODANA Professional Cordless Lovely Styling Hair Iron เครื่องหนีบผมไร้สาย | ![]() Bellygom X Wiggle Wiggle Wireless Mini Hair Styler เครื่องหนีบผมไร้สาย | ![]() DEMUXI เครื่องหนีบผมไร้สาย |
ทำไมต้องใช้เครื่องหนีบผมไร้สาย ?
เราเข้าใจดีว่าการจะพกพาเครื่องหนีบผมไปไหนสักทีแล้วต้องมานั่งหาปลั๊กเสียบนั้นมันไม่ค่อยจะสะดวกเอาซะเลย แถมจะมานั่งปวดหัวอยู่กับสายไฟระโยงระยางอยู่ทำไมกันละคะ ในเมื่อเครื่องหนีบผมแบบไร้สายสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ของคุณได้ เพราะไม่ว่าจะขึ้นรถลงเรือ จะขึ้นเหนือล่องใต้ หรือหากวันไหนคุณรู้สึกไม่มั่นใจในผมหน้าม้าของตัวเองหรือปอยผมช่อเล็ก ๆ บางช่อ ก็เพียงเดินตรงเข้าไปจัดแต่งทรงผมในห้องน้ำสาธารณะ ที่ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็ออกมาสวยเหมือนเดิมแล้วค่ะ เรียกได้ว่าสะดวกสบายจบปิ๊งสวยในเวลาอันรวดเร็วสุด ๆ
แต่เพื่อน ๆ จะต้องทำความกันก่อนซื้อเครื่องหนีบผมไร้สายนะคะว่าจุดประสงค์ที่ทางแบรนด์ผลิตมานั้นเพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายเน้นความเป็นอเนกประสงค์ หากคุณต้องการให้เครื่องหนีบผมไร้สายที่สามารถทำงานได้ดีเทียบเท่ากับแบบมีสาย 100% เราไม่แนะนำให้คุณซื้อเครื่องหนีบผมไร้สายค่ะ เพราะเครื่องหนีบผมไร้สายไม่สามารถทำความร้อนได้สูงมากนัก อีกทั้งยังร้อนช้าด้วยค่ะ โดยส่วนตัวเราคิดว่ามันเหมาะสำหรับใช้งานในกรณีจำเป็นหรือฉุกเฉินมากกว่า
DYSON Corrale Straightener เครื่องหนีบผมไร้สาย

ราคา 18,900 บาท*
เครื่องหนีบผมจาก Dyson รุ่นนี้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายในตัวเลยค่ะ เรียกว่าตอบโจทย์ทุกการใช้งานเป็นอย่างมาก ในกรณีที่คุณต้องการใช้แบบไร้สายก็สามารถใช้งานได้นานถึง 30 นาที มาพร้อมกับแท่นชาร์จแม่เหล็กที่มีขาตั้งในตัว ที่เด็ดของ Dyson ตัวนี้คือ ‘Flexing Plate Technology’ ที่มีเฉพาะในแบรนด์ของ Dyson เท่านั้น ตัวแผ่นความร้อนสามารถปรับยืดหยุ่นได้กระจายความร้อนได้ทั่วแผ่น ส่วนที่เป็นซี่ ๆ ด้านข้างจะช่วยล็อกไม่ให้ผมลื่นหลุดจากแพลท ดังนั้นมันจึงทำได้ทั้งหนีบตรงและดัดลอนเก๋ ๆ โดยให้ความร้อนได้ถึง 210 °C สำหรับคนที่ชอบหลงลืมบ่อย ๆ ก็สบายใจได้เลยค่ะเพราะว่า หากภายใน 10 นาทีไม่มีการใช้งาน มันก็จะตัดอัตโนมัติไฟให้เอง ดีงามพระรามแปดสมกับราคาจริง ๆ ค่ะ

ข้อดี
- ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ
- ตั้งค่าความร้อนได้ 3 ระดับ 165°C, 185°C และ 210 °C
- ความจุแบตเตอรี่ 2,200 mAh ใช้งานสูงสุด 30 นาที ใช้เวลาในการชาร์จไฟเพียง 70 นาที
- สายชาร์จ Magnetic 360°
ข้อควรพิจารณา
- ราคาค่อนข้างสูง
ขนาด | 29 x 4.5 x 4 เซนติเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 5.6 กรัม |
ใช้งานไร้สาย | 30 นาที |
ตั้งค่าความร้อน | 165 - 210 °C |
ปิดอัตโนมัติ | |
รับประกัน | 2 ปี |
VODANA Professional Cordless Lovely Styling Hair Iron เครื่องหนีบผมไร้สาย

ราคา 2,369 บาท*

ข้อดี
- พอร์ตชาร์จ USB Type-C
- เลือกความร้อนได้หลากหลายตั้งแต่ 160 - 200 °C
- ความจุแบเตอรี่ 4,000 mAh ใช้งานได้ 40 นาที โดยจะใช้เวลาในการชาร์จ 180 นาที
- มีฝาปิด (ปลอก) ป้องกันความร้อน
- ขนาดเล็กที่สะดวกในการพกพา
ขนาด | 19.3 x 3 x 3 เซนติเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 267 กรัม |
ใช้งานไร้สาย | 40 นาที |
ตั้งค่าความร้อน | 160 - 200 °C |
ปิดอัตโนมัติ | |
รับประกัน |
Bellygom X Wiggle Wiggle Wireless Mini Hair Styler เครื่องหนีบผมไร้สาย

ราคา 2,490 บาท*
Bellygom X Wiggle Wiggle Wireless Mini Hair Styler เครื่องหนีบผมไร้สาย จากเกาหลีอีกหนึ่งแบรนด์ที่ดีไซน์น่ารักมากค่ะ เพราะสำหรับสายเที่ยว ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด สะดวกต่อการพกพามาก ๆ ตัวเครื่องทำความร้อนได้เร็วในเวลาภายใน 1 นาทีเท่านั้น สามารถใช้งานแบบไร้สายได้นานสุด 45 นาทีเลยค่ะ ที่สำคัญชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆ ก็เต็มแล้วค่ะ สามารถใช้งานได้ประมาณ 3-4 ครั้งเลยจ้า สิ่งที่เราชอบมาในรุ่นนี้คือปลอกหุ้มป้องกันความร้อนที่มีสีสันและลวดลายสดใสสะดุดตามาก สำหรับคุณถาพของ Wiggle Wiggle โดยส่วนตัวเราคิดว่าพอ ๆ กับ VODANA เลยค่ะ ราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดีไซน์ความชอบของแต่ละคนแล้วค่ะ

ข้อดี
- พอร์ตชาร์จ USB Type-C
- เลือกความร้อนได้หลากหลายตั้งแต่ 160, 180, 200 °C
- มีฝาปิด (ปลอก) ป้องกันความร้อน
- ขนาดเล็กที่สะดวกในการพกพา
ขนาด | 19.3 x 2.7 x 3.6 เซนติเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | ไม่ระบุ |
ใช้งานไร้สาย | 45 นาที |
ตั้งค่าความร้อน | 160 - 200 °C |
ปิดอัตโนมัติ | |
รับประกัน |
DEMUXI เครื่องหนีบผมไร้สาย

ราคา 585 บาท*
เครื่องหนีบผมจาก Professional Hair เป็นอีกแบรนด์ที่หลายคนอาจไม่คุ้นมากนัก แต่ทว่ารุ่นนี้ค่อนน่าสนใจหลายจุดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตชาร์จ USB Type C ที่ทันสมัย อีกทั้งยังสามารถใช้สายชาร์จจาก Power Bank ได้ด้วย บวกกับความจุของแบตเตอรี่ที่มากถึง 3000 mAh แถมยังปรับระดับความร้อนได้มากถึง 4 ระดับ แม้ว่าอุณหภูมิสูงสุดอาจจะร้อนไม่เพราะ Max อยู่ที่ 180°C เท่านั้น แต่ก็ถือว่ามากพอที่จะช่วยให้คุณหนีบปลายวอลลุมได้อย่างแน่นอนเหมาะสำหรับใช้เวลาฉุกเฉินมากค่ะ

ข้อดี
- ความจุ 3,000 mAh ใช้งานได้สูงสุด 20-30 นาที
- ปรับอุณหภูมิได้ 4 ระดับ 120, 140, 160, 180 °C
- สายชาร์จ USB Type C ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์
- ราคากลาง ๆ
ข้อควรพิจารณา
- ร้อนไว แต่ไม่ร้อนมาก ความร้อนสูงสุดเพียง 180 °C ไม่เหมาะสำหรับคนที่เส้นผมหนาหรือหยิกเป็นพิเศษ
ขนาด | 21 x 3 x 3 เซนติเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 1.68 กรัม |
ใช้งานไร้สาย | 20-30 นาที |
ตั้งค่าความร้อน | 120 - 180 °C |
ปิดอัตโนมัติ | |
รับประกัน |
CkeyiN ที่หนีบผมตรงไร้สาย

ราคา 324 บาท*

ข้อดี
- ราคาไม่แพง
- ดีไซน์สวย
- ขนาดเล็ก พกพาสะดวก
- ทำความร้อนได้สูงถึง 200 ℃
ข้อควรพิจารณา
- ควบคุมความร้อนได้ 3 ระดับ แต่ไม่ได้ระบุอุณหภูมิ สูงสุดคือ 200 ℃
- พอร์ตชาร์จเป็นแบบ USB DC Cable
ขนาด | 20 x 2.8 x 2.8 เซนติเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | ไม่ระบุ |
ใช้งานไร้สาย | 20 นาที |
ตั้งค่าความร้อน | สูงสุด 200 ℃ |
ปิดอัตโนมัติ | |
รับประกัน |
Cnaier รุ่น AE-507 เครื่องหนีบผมไร้สาย

ราคา 680 บาท*
ข้อดี
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ 160℃ ผมธรรมดา, 180 ℃ ผมหยาบและแข็ง, 200 ℃ เหมาะสำหรับการจัดแต่งทรงผมระดับมืออาชีพ
- แบตเตอรี่ความจุ 4800 mAh ใช้งานได้ 40 นาที
- ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สามารถพกพาไปในกระเป๋าได้
ขนาด | 22 x 4 x 3.5 เซนติเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 206 กรัม |
ใช้งานไร้สาย | 40 นาที |
ตั้งค่าความร้อน | 160 - 200 ℃ |
ปิดอัตโนมัติ | |
รับประกัน |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
การเลือกซื้อเครื่องหนีบผมไร้สาย
1. ขนาด
ขนาดเป็นสิ่งที่สำคัญเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราเลือกซื้อเครื่องหนีบผมแบบไร้สายก็เพราะคุณจะได้สามารถนำไปใช้ได้สะดวกในทุกที่ที่คุณเดินทาง ขนาดจึงสำคัญเพราะถ้าใหญ่ไปก็จะพกพาใส่กระเป๋าเดินทางไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เพราะมันจะเปลืองพื้นที่พร็อพในการถ่ายรูปของเรา ดังนั้นหากจะเลือกซื้อเครื่องหนีบผมไร้สาย เราก็อยากจะแนะนำให้เลือกขนาดที่พอดีไม่เล็กไม่ใหญ่ไป เพราะถ้าเล็กไปก็จับไม่ค่อยถนัดมือหรือใหญ่ไปก็ดูเทอะทะใช้งานลำบาก
- ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับสาวผมสั้นที่ต้องการจะม้วนปลายงุ้มหรือผู้ที่ต้องการใช้หนีบเฉพาะส่วน อย่างเช่นการม้วนผมหน้าม้า
- ขนาดกลาง เหมาะสำหรับสาว ๆ ทุกคนทั้งผมสั้นและยาว ขนาดนี้ถือเป็นขนาดอเนกประสงค์กำลังดี
- ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับสาวที่มีผมที่ยาวหรือหนามาก ๆ เพราะตัวหนีบจะมีหน้าที่กว้างและใหญ่กว่าแบบอื่น ๆ

2. แผ่นทำความร้อน
ข้อนี้คือต้องอ่านเยอะ ๆ เลยค่ะ ตัวนี้แหละมีความสำคัญมาก ๆ เพราะมันจะเป็นตัวที่ให้ความร้อนกับผมเราโดยตรง โดยจะต้องให้ความร้อนได้ดีเพื่อให้หนีบออกมาแล้วผมตรงสลวยสวยเก๋ ยิ่งถ้าหากให้การปกป้องผมจากความร้อนด้วยก็จะดีมาก ๆ แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่เราต้องนำมาพิจารณาคือปัญหาการดึงผมหรือที่หลายคนเรียกว่าเครื่องหนีบผมกินผม ซึ่งถ้าหากว่าคุณเลือกแผ่นทำความร้อนที่ไร้คุณภาพ จะทำให้ขณะที่คุณหนีบตัวแผ่นทำความร้อนก็จะกินผม คุณจะรู้สึกฝืดมือ ผมคุณก็จะออกมาไม่สวยแถมขาดหลุดร่วง และมันยังเป็นความรู้สึกที่เจ็บจนเล่นเอาน้ำตาซึมเลยอีกด้วย
- แผ่นเคลือบเซรามิก : ส่วนใหญ่เครื่องหนีบผมพวกนี้จะมีราคาถูก แผ่นเคลือบเซรามิกแบบนี้จะให้ความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอหรือบางครั้งอาจจะให้อุณหภูมิที่สูงเกินไปจนทำให้ผมของคุณไหม้ได้เลย ดังนั้นจะต้องใช้ความระมัดระวังกันด้วยค่ะ
- แผ่นเทฟลอน : แผ่นทำความร้อนจากเทฟลอนนั้นมีราคาถูก ซึ่งข้อเสียของแผ่นทำความร้อนประเภทนี้คือสารที่เคลือบอาจจะหลุดและสลายตัวได้ หากคุณมีการใช้ผลิตภัณฑ์กันความร้อนร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพผมของคุณค่ะ
- แผ่นเซรามิก : แผ่นทำความร้อนประเภทนี้จะเป็นแผ่นความร้อนจากเซรามิก โดยจะให้ระดับความร้อนที่ค่อนข้างคงที่ ในบางยี่ห้อก็จะเพิ่มการกันความชื้นด้วยค่ะ จึงทำให้ผมที่คุณตรงสวยและเงางาม
- แผ่นทัวร์มาลีน : จะเป็นแบบที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมาก แผ่นทำความร้อนประเภทนี้มีส่วนช่วยป้องกันผมเสีย อีกทั้งสารทัวร์มาลีนจะคอยปล่อยประจุไอออนลบออกไป ช่วยทำให้ผมคุณนั้นไม่แห้งกรอบ
- แผ่นไทเทเนียม : ข้อดีของตัวนี้คือน้ำหนักจะเบา ให้ความร้อนได้สูง ทั้งยังปล่อยประจุไอออนลบเพื่อขจัดไฟฟ้าสถิต และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นไว้ด้วย
3. ระดับความร้อน
หากคุณจะเลือกซื้อเครื่องหนีบผมไร้สายสักชิ้น ก็ต้องตรวจสอบระดับความร้อนกันด้วยว่าเจ้าตัวเครื่องหนีบผมที่คุณสนใจนั้นสามารถให้ความร้อนสูงสุดได้เท่าไหร่ ? เพราะถ้าหากน้อยมาก ๆ ความร้อนไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้ผมคุณไม่ตรงได้ และในขณะเดียวกันถ้าหากร้อนเกินไปก็จะทำให้ผมเสียได้เช่นกัน คุณต้องประเมินดูสภาพเส้นผมของคุณก่อน จากนั้นจึงค่อยมองหาเครื่องหนีบผมที่จะให้ความร้อนกับผมของคุณได้พอดีค่ะ
4. รูปทรง
- ทรงแบน เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการผมที่ตรงสวย เน้นให้ความตรง แต่จะไม่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการปลายงุ้มหรือผู้ต้องการให้ผมดูโค้งเป็นลอน
- ทรงโค้ง เหมาะสำหรับการหนีบม้วนปลายและการม้วนผมลอน ซึ่งเครื่องหนีบผมบางตัวที่โค้งมาก ๆ ก็สามารถทำให้ผมดูเป็นลอนสวย โดยไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องม้วนผมให้เปลืองเงินเลยค่ะ
5. ที่จับขณะใช้งาน
อีกอย่างที่เราอยากให้คุณลองเลือกพิจารณานั่นก็คือที่จับค่ะ เนื่องจากในขณะที่คุณใช้งานจริง ๆ นอกจากจะหนีบด้วยเครื่องอย่างเดียวเรา บางครั้งเราก็จะต้องใช้มือช่วยกดและค่อย ๆ ดึงใช่ไหมละคะ หากจะมีที่จับเสริมให้ก็จะทำให้เราใช้งานสะดวกมากขึ้น แถมยังไม่ร้อนมืออีกต่างหาก ดังนั้นก่อนจะซื้อก็ลองมองหาดูว่าทางแบรนด์ได้มีการเว้นที่หรือทำที่จับเสริมไว้ตรงไหนให้เราได้จับได้บ้าง
6. การใช้งานอื่น ๆ
สำหรับข้อสุดท้ายคือฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ที่มีมาในตัวเครื่องอยู่แล้ว อย่างเช่นระยะเวลาในการใช้งานว่าสามารถใช้งานได้นานเพียงใด การปรับเปลี่ยนระดับความร้อนว่าสามารถปรับได้กี่ระดับและมีมากน้อยแค่ไหน โหมดสลีปที่จะคอยตัดความร้อนหากไม่มีการใช้งาน หรือบางยี่ห้ออาจจะมีปลอกกันความร้อนสำหรับเครื่องหนีบผมแถมมาให้ด้วย สำหรับข้อนี้ถือตัวเลือกเสริมให้ไว้ประกอบการพิจารณาก่อนกดสั่งซื้อนะคะ
![]() DYSON Corrale Straightener เครื่องหนีบผมไร้สาย | ![]() VODANA Professional Cordless Lovely Styling Hair Iron เครื่องหนีบผมไร้สาย | ![]() Bellygom X Wiggle Wiggle Wireless Mini Hair Styler เครื่องหนีบผมไร้สาย | ![]() DEMUXI เครื่องหนีบผมไร้สาย |
วิธีการป้องกันผมเสียจากความร้อน
อาการผมแห้งกรอบจากความร้อน หรืออาการที่ผมเกิดการแตกปลายแห้งเสียก็ล้วนมาจากสาเหตุหลัก ๆ นั่นก็คือความร้อน ซึ่งไม่ว่าจะทั้งจากแสงแดดหรืออุปกรณ์จัดแต่งทรงผมอย่างเครื่องหนีบผมเองก็ตาม นอกจากการเลือกซื้อเครื่องหนีบผมที่ต้องพิถีพิถันมากเป็นพิเศษแล้ว คุณเองก็ต้องเตรียมหาวิธีรับมือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาผมของคุณด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันวันนี้นั้นก็ง่ายดายและมีไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้นค่ะ

1. เลือกใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม
ก่อนจะเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมในการหนีบผมนั้น คุณเองจะต้องประเมินสภาพเส้นผมของคุณก่อนค่ะ ซึ่งต้องดูจากสภาพเส้นผม สภาพความเสียหาย และรวมถึงขนาดของเส้นผมด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถใช้ระดับความร้อนเดียวกันได้ สำหรับผมธรรมดาคุณอาจจะใช้อุณหภูมิที่ 140 – 160 องศา แต่ถ้าหากว่าเป็นผมที่หนาอาจจะใช้อุณหภูมิที่สูงขึ้นแต่ไม่ควรเกิน 200 องศา เพราะถ้าหากสูงมากกว่านี้อาจจะทำให้สารป้องกันความร้อนที่เราใส่ไปนั้นมีประสิทธิภาพน้อยลง
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันความร้อน
ผลิตภัณฑ์กันความร้อนนั้นเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ที่จะช่วยปกป้องผมของคุณ เนื่องจากสารกันความร้อนที่อยู่ภายในผลิตภัณฑ์นั้นจะเป็นเสมือนเกราะป้องกันระหว่างความร้อนจากที่หนีบผมและเส้นผมของคุณ ไม่ทำให้ผมเสียแห้งกรอบ สารกันความร้อนจะเข้าไปทำให้ผิวด้านนอกของเส้นผมดูเงางามและแข็งแรงมากขึ้น แล้วก็ยังเป็นการป้องกันผิวด้านในของเส้นผมไม่ให้เกิดการแตกหักด้วยเช่นกันค่ะ

3. บำรุงผมหลังจากการใช้ความร้อน
ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนของการบำรุง เพราะหลังจากที่ผมของเราผ่านสมรภูมิความร้อนกันมานานก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องเร่งฟื้นฟูบำรุงเส้นผมกันบ้างแล้วนะคะ ซึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมนั้นเราก็ได้ทำการรีวิวไปแล้วหลายประเภทเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งก็มีทั้งผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูและบำรุงผมเสีย, ครีมนวดผม, น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบำรุงผม, ทรีตเมนต์หมักฟื้นฟูผมแห้งเสีย และเซรั่มและน้ำมันบำรุงผม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองค่ะที่จะเข้าไปทำหน้าที่ฟื้นฟู ซ่อมแซมและดูแลผมของคุณเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น อย่าลืมนะคะว่าหลังจากที่ผมเราโดนความร้อนมาแล้วก็ต้องบำรุงเพราะไม่อย่างนั้นฝันร้ายของสาว ๆ ทุกคนจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้นะคะ