ยาสามัญประจำบ้านเป็นอะไรที่เราจะต้องมีติดไว้ภายในตู้ยาที่บ้านของเราครับ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้เลยว่า เราจะมีอาการไข้หรือเกิดอุบัติเหตุอะไรบ้าง โดยสิ่งที่เราควรจะต้องมีไว้ติดตัวคือ ยาหม่อง หรือ ยาดม สำหรับการแก้วิงเวียนศีรษะ ยาทาแผลสด ที่จะใช้ในกรณีที่เกิดแผลมีดบาดหรือการหกล้มต่าง ๆ ยาลดไข้และยาบรรเทาอาการปวดอย่าง พาราเซตามอล รวมไปถึงอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะต้องมีเลยคือ ‘ยาแก้ไอ’
เนื่องจากอาการไอที่เกิดขึ้นจากการระคายเคือง จากการเป็นหวัดหรือติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียภายในลำคอ จะทำให้เราเสียบุคลิกภาพภายในสังคม ยิ่งในสถานการณ์ที่เกิดโรคระบาดอย่างโควิด 19 ก็อาจทำให้คนรอบข้างกลัว ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเราอาจจะไม่ได้ติดโรคนี้ซะด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังทำให้เรานอนหลับได้ยากและเกิดความเหนื่อยจนเพลียได้เลยทีเดียว ซึ่งการแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้คือการใช้ ยาแก้ไอ เข้าไปช่วยในการบรรเทาให้คอมีความชุ่มชื้น และในหลายผลิตภัณฑ์ยังมีฤทธิ์ในการขับเสมหะ ส่งผลให้อาการไอของเราหายได้เร็วยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้ร่วมกับ สเปรย์แก้เจ็บคอ จะช่วยให้บรรเทาอาการได้เป็นอย่างดี
อาการไอเกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง ?
1. ไวรัส / แบคทีเรีย (1)
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดการไอจะเกิดจากการติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจ อย่างเช่น ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่ โดยระยะเวลาในการติดเชื้อจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 วัน หรือบางคนอาจกินเวลานานถึง 1 สัปดาห์ ในกรณีที่ติดไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นในบางกรณีจะต้องมีการใช้ยาปฏิชีวนะ (ต้องตรวจเช็กและได้รับยาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
2. สูบบุหรี่ (2)
อีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้ค่อนข้างบ่อยคือการสูบบุหรี่ ที่จะทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง เนื่องจากควันของบุหรี่จะทำให้เกิดโรคปอดและระบบทางเดินหายใจที่แย่ลง
3. หอบหืด (3)
สำหรับคนที่เป็นโรคหอบหืด โดยปกติแล้วจะมีการไอร่วมด้วย แต่เสียงไอจะมีลักษณะเฉพาะ เพราะมันจะมีเสียงวี๊ด.. ร่วมด้วย ดังนั้นจึงง่ายต่อการจำแนกสาเหตุของอาการไอ
4. สาเหตุอื่น ๆ
- เส้นเสียงได้รับความเสียหาย
- น้ำมูกไหลลงคอ หรือ เสมหะภายในลำคอ
- การติดเชื้อแบคทีเรีย อย่างเช่น โรคปอดบวม, โรคไอกรน และโรคครู้ป
- ภาวะหรือโรคร้ายแรง อย่างเช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว และ เส้นเลือดอุดตันที่ปอด
นอกจากนี้ยังมีอาการทั่วไปที่ส่งผลให้เกิดการไอเรื้อรังอีกด้วย อย่างเช่น โรคกรดไหลย้อน ที่มันจะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการไอ
ยาอมแก้ไอออกฤทธิ์อย่างไรบ้าง ? (3)
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาอมแก้ไอที่ขายในท้องตลาดนั้นส่วนใหญ่จะมีการใช้ตัวยาสำคัญอยู่ประมาณ 2 ตัวนั่นคือ
- เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) ที่จะช่วยในการลดอาการไอให้ดีขึ้นได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่ไอแบบไม่มีเสมหะ
- แอมบรอกซอล ไฮโดรคลอไรด์ (ambroxol hydrochloride) ออกฤทธิ์ในการช่วยละลายเสมหะ ดังนั้นมันจึงเหมาะกับไอแบบมีเสมหะ นอกจากนี้ทางการแพทย์ยังมีการนำเอาไปใช้รักษาระบบทางเดินหายใจอีกด้วย
* อย่างไรก็ดีปริมาณของยา 2 ตัวข้างต้นที่อยู่ภายในยาอมแก้ไอจะน้อยกว่ายาเม็ดทั่วไปที่แพทย์จ่าย *
ใครบ้างที่ต้องแจ้งแพทย์ก่อนรับประทานยาอมแก้ไอ ?
กรณีที่เคยมีประวัติในการแพ้ยาอมแก้ไอหรือยาอมแก้เจ็บคอ รวมไปถึงอาหาร, ยา และสารอื่น ๆ คุณควรจะแจ้งแพทย์และอาการที่เกิดขึ้น เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจสอบและให้คำแนะนำกับเราได้ว่าสามารถรับประทานยมอมแก้ไอได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ? นอกจากนี้คุณเองก็ควรจะเช็กรายละเอียดข้างผลิตภัณฑ์ด้วยว่าตัวยาอมแก้ไอมีการใส่ส่วนประกอบหรือส่วนผสมอะไรลงไปบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงสารหรือตัวยาที่เราแพ้
ควรทราบก่อนที่จะรับประทานยาอมแก้ไอ ?
- หากมีการตรวจเช็กสุขภาพหรือตรวจโรคอะไรก็แล้วแต่ แนะนำให้บอกแพทย์หรือพยาบาลในการบอกข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยา เพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบหรือรักษา
- หากคุณมีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาเหวาน คุณควรจะเช็กส่วนประกอบของยาอมว่ามีน้ำตาลหรือไม่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการรับประทาน
- ไม่ควรรับประทานยาอมเป็นระยะเวลานานกว่าที่แพทย์ได้แจ้งไว้ (ในกรณีที่คุณหมอจ่ายยาให้รับประทาน)
- หากใช้ยาอมแก้ไอแล้วยังมีอาการเจ็บคอหรือไอต่อเนื่องกว่า 2 วัน โดยที่อาการไม่ได้บรรเทาหรือดีขึ้น คุณควรจะพบแพทย์เพื่อเช็กอาการและรักษา
- ในกรณีที่ต้องการให้เด็กรับประทานยาแก้ไอ คุณควรเช็กข้อมูลข้างผลิตภัณฑ์ว่าสามารถให้เด็กอายุตั้งแต่กี่ขวบรับประทานได้ หรือถ้าได้รับยาอมแก้ไอจากคุณแพทย์ ก็สามารถถามจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง
- หากมีการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
รีวิว ยาอมตราตะขาบ 5 ตัว

ราคา 13 บาท*
บรรจุ | 3.0 กรัม |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 2 - 4 เม็ด (วันละ 4 ครั้ง) |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว ยาอม ตรามังกรทอง เม็ดเล็ก แก้ไอ ขับเสมหะ ชุ่มคอ

ราคา 15 บาท*
บรรจุ | 100 เม็ด |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 2-3 เม็ด เมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว PROPOLIZ LOZENGE โพรโพลิซ ชนิดเม็ดอม

ราคา 17 บาท*
บรรจุ | 8 เม็ด |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 เม็ดเมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว อุทัยประสิทธิ์ ยาอม ฟ้าทะลายโจร ไม่ขม อาการเจ็บคอ แก้ไอ

ราคา 23 บาท*
บรรจุ | 3 กรัม / ซอง (12 ซอง) |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 เม็ด เมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว ยาอมโกลเด้น โธรท โลเซ็น Golden Throat Lozen

ราคา 31 บาท*
บรรจุ | 12 เม็ด |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 เม็ด เมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว ยาอมกำกิกเผียง 12 กล่อง

ราคา 44 บาท*
บรรจุ | 20 เม็ด / กล่อง |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 เม็ด (วันละ 3 - 4 ครั้ง) |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว ยาอมแก้ไอ อารุยเวทศิริราช

ราคา 45 บาท*
บรรจุ | 140 เม็ด |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 - 2 เมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว Koflet Himalaya ยาอมแก้ไอ

ราคา 50 บาท*
บรรจุ | 10 / 50 / 75 / 100 / 200 เม็ด |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 เม็ด (3 - 4 ครั้งต่อวัน) เมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว ยาอมมะแว้ง แก้ไอ ขับเสมหะ 20 ซอง

ราคา 129 บาท*
บรรจุ | 20 เม็ด / ซอง (20 ซอง) |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 3 - 5 เมื่อมีอาการไ |
ผ่านมาตรฐาน |
รีวิว Mega wecare Eugica Coff ยูจิกา ยาอมแก้ไอ 15 แผง

ราคา 290 บาท*
บรรจุ | 8 เม็ด / แผง (15 แผง) |
---|---|
วิธีรับประทาน | อมครั้งละ 1 เม็ดเมื่อมีอาการไอ |
ผ่านมาตรฐาน |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
วิธีการเลือกยาอมแก้ไอ
1. ควรมีการระบุวิธีการรับประทานอย่างชัดเจน
ด้วยยาอมแก้ไอมีการใส่ตัวยาลงไปภายในเม็ด โดยการรับประทานที่มากจนเกินไป ก็อาจหมายความว่าคุณอาจได้รับยาที่เกินปริมาณ ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่องร่างกายของเราได้ ดังนั้นยาแก้ไอที่เราจะซื้อควรระบุการรับประทานไว้อย่างชัดเจน
2. เช็กวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์
ยาอมแก้ไอทุกแบรนด์จะมีวันหมดอายุครับ ดังนั้นทุกครั้งที่จะซื้อควรเช็กวันหมดอายุให้เรียบร้อย เพราะการรับประทานยาแก้ไอที่หมดอายุเป็นอันตรายและอาจไม่ได้รับการบรรเทาอาการแต่อย่างใดอีกด้วย
3. ต้องเป็นยาอมแก้ไอที่ผ่านมาตรฐาน
แนะนำให้เลือกซื้อยาอมแก้ไอที่ผ่านมาตรฐานจากองค์กรที่น่าเชื่อถือมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณสามารถตรวจเช็กได้จากเลขทะเบียนหรือเลขที่ได้รับอนุญาตจากบนผลิตภัณฑ์ครับ
วิธีการเก็บยาอมแก้ไออย่างถูกต้อง
- เก็บยาอมแก้ไอไว้ในอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด
- เก็บให้พ้นจากแสงแดด และ ความร้อน เนื่องจากยาอมอาจจะละลายหรือยาภายในเม็ดอาจระเหยไปด้วย
- แนะนำให้เก็บยาไว้ในบริเวณที่ไม่มีความชื้นหรือเป็นพื้นที่แห้ง ไม่ควรนำไปตั้งไว้ภายในห้องน้ำ
- เก็บยาอมไว้ภายในที่ปลอดภัย ให้พ้นจากการหยิบจับของเด็กและสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เพราะการรับประทานยาแก้ไอที่มากจนเกินไป อาจส่งผลต่อสุขภาพและอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้
- หากยาอมแก้ไอหมดอายุ แนะนำให้นำไปทิ้งให้เรียบร้อย ไม่ควรทิ้งลงในชักโครกหรือเทลงท่อระบายน้ำ ควรจะใส่ถุงดำและมัดให้เรียบร้อยจะดีที่สุด
References :