ผิวหนังและขนเป็นจุดหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้บ่อยกับสุนัข เนื่องจากมันมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศ, ความสะอาด, อาหาร หรือโรคส่วนตัวของน้องหมาในแต่ละตัว ดังนั้นการดูแลน้องหมาจึงจำเป็นต้องดูแลในหลายเรื่องไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น การอาบน้ำด้วยแชมพูสุนัข หรือการใช้ครีมนวดขนเพื่อบำรุงขนเพิ่มให้เกิดความนิ่มยิ่งขึ้น

การบำรุงขนก็ไม่ได้มีเพียงแค่แชมพูหรือครีมนวดเท่านั้น แต่ยังมีโลชั่นบำรุงขนให้เจ้าของได้เลือกใช้ให้กับสุนัขอีกด้วย โดยโลชั่นจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงขนหลังจากการอาบน้ำ เพื่อเป็นการบำรุงผิวหนังและขนถึงรากลึก ช่วยให้ขนเกิดความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย อีกทั้งปัญหาขนพันกันที่เป็นอยู่ก็ตะคลายตัวทำให้สามารถหวีง่ายกว่าเดิม ขนมีความนุ่มและเงางามดูสุขภาพดี รวมไปถึงผิวหนังกลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง เพิ่มความสบายตัวให้กับสุนัขแม้อากาศจะเปลี่ยนแปลง
โลชั่นบำรุงขนสุนัข ยี่ห้อไหนดี?
- โลชั่นบำรุงขนสุนัข peach: PEACH โลชั่นบำรุงขนสำหรับสุนัขและแมว
- โลชั่นบำรุงขนสุนัขสายพันธุ์ขนยาว : Paully โลชั่นบำรุงขนสุนัขและแมว
- โลชั่นบำรุงขนสุนัข ลดอาการขนพันกัน: Bearing สเปรย์โลชั่น บำรุงขน/ผิวหนังสุนัข
- โลชั่นบำรุงขนสุนัข สารสกัดธรรมชาติ ไม่เกิดอาการระคายเคือง: Chorus โลชั่นบำรุง ปรับสภาพขนสุนัขและแมว
- โลชั่นบำรุงขนสุนัข กลิ่นหอมติดทนนาน: SLEEKY สลิคกี้ กรูมมิ่ง โลชั่น กลิ่นสดชื่น โลชั่นบำรุงขนสุนัข
วิธีการเลือกโลชั่นบำรุงขนสุนัข
1. เช็กส่วนประกอบของโลชั่น
ส่วนประกอบที่ใส่ลงไปในโลชั่นมีผลมาก ๆ ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพในการบำรุง ทำให้ขนนุ่มสลวยและกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง ในขณะเดียวกันหากส่วนประกอบของโลชั่นมีส่วนผสมของสารเคมี แน่นอนว่าผลเสียจะเกิดขึ้นกับผิวหนังอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากให้แนะนำผมอยากให้เลือกโลชั่นที่มีส่วนผสมทางธรรมชาติเป็นหลักครับ

2. เลือกให้เหมาะกับสายพันธุ์ของสุนัข
โลชั่นบำรุงขนในแต่ละสูตรหรือแต่ละแบรนด์ไม่ได้เหมาะกับสุนัขทุกตัวเสมอไป เนื่องจากในบางสูตรอาจเหมาะกับสุนัขสายพันธุ์ยาว แต่ในบางสูตรก็อาจจะเหมาะกับสุนัขสายพันธุ์ขนสั้นมากกว่า ดังนั้นก่อนซื้อผลิตภัณฑ์มาใช้ลองเช็กให้ดีก่อนครับว่าโลชั่นเหมาะกับน้องหมาของคุณหรือเปล่า ?
3. กลิ่นของโลชั่น
จริง ๆ แล้วกลิ่นของโลชั่นนี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสุนัข แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าของล้วน ๆ หากเจ้าของคนไหนอยากให้น้องมีกลิ่นตัวหอม ผมก็แนะนำให้เลือกสูตรที่มีการผสมน้ำหอมหรือกลิ่นลงไป แต่หากเจ้าของรู้สึกว่าไม่อยากให้เขามีกลิ่นติดตัว ก็แนะนำให้เลือกสูตรที่ปราศจากน้ำหอมครับ
Petwill Hair Lotion โลชั่นบำรุงขน สุนัข แมว

ราคา 98 บาท*
กลิ่นของโลชั่นสุนัขตัวนี้จะมีความเป็น Fancy คือความหอมกำลังพอดีและไม่ฉุนมากจนเกินไป ส่วนในเรื่องของคุณสมบัติการบำรุงก็ถือว่าดีมาก ๆ เพราะ Petwill จะเข้าไปจัดการถึงต้นตอหลักของปัญหานั่นคือรากขน โดยถ้าหากเจ้าของใช้อย่างต่อเนื่องขนจะแข็งแรง เมื่อหวีแล้วไม่เกิดการร่วงติดออกมา ส่วนขนที่เป็นสังกะตังก็จะหวีออกจนกลับมาเป็นปกติ ทั้งนี้สูตรของโลชั่นก็ใช้ได้กับสุนัขทุกสายพันธุ์หรือจะเรรียกว่าทุกตัวก็ได้
ขนาด | 100 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
Chorus โลชั่นบำรุง ปรับสภาพขนสุนัขและแมว

ราคา 139 บาท*
Chorus เป็นอีกหนึ่งตัวที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติเป็นส่วนผสมของโลชั่น ทั้งนี้สารอาหารของขนและผิวหนังที่อยู่ภายในจะมีหลัก ๆ อยู่ 2 ตัวนั่นคือ มอยเจอร์ไรเซอร์และวิตามินอี ซึ่งจะเข้าไปช่วยให้ขนมีน้ำหนัก, มีความเงา, ลดขนพันกัน และยังแก้ขนร่วงได้อีกด้วย นอกจากนี้ส่วนผสมของโลชั่นยังปราศจากน้ำมันและแอลกอฮอล์ ดังนั้นปลอดภัยแก่ตัวน้องหมารวมไปถึงเจ้าของด้วยเช่นกัน
ขนาด | 300 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
Paully โลชั่นบำรุงขนสุนัขและแมว

ราคา 150 บาท*
Paully ค่อนข้างเหมาะสำหรับสุนัขสายพันธุ์ขนยาว อย่างเช่น ชิสุ, พุดเดิ้ล หรือปอมเมอเรเนียน เนื่องจากส่วนผสมหรือสารอาหารที่ช่วยบำรุงขนค่อนข้างจัดเต็ม หากน้องหมาของใครกำลังประสบพบเจอกับปัญหาสังกะตัง โลชั่นสูตรนี้สามารถช่วยได้ โดยมันจะเข้าไปบำรุงให้เส้นขนมีรากที่แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดขนร่วง และเมื่อใช้นานเข้าขนที่เป็นสังกะตังจะค่อย ๆ หายไป เมื่อหวีแล้วรู้สึกว่าง่ายขึ้น รวมไปถึงกลิ่นตัวที่หอมทะลุมิติติดทนนานเลยละครับ
ขนาด | 250 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขสายพันธุ์ขนยาว |
No.99 โลชั่นบำรุงขนสุนัข ครีมนวดขนสุนัข

ราคา 159 บาท*
ข้อดีของโลชั่นตัวนี้คือมันสกัดมาจากวัตถุดิบทางธรรมชาติ ดังนั้นโอกาสการเกิดความระคายเคืองถือว่าเกิดขึ้นได้น้อยมาก ทั้งนี้สรรพคุณเด่น ๆ เลยคือการบำรุงให้ขนเกิดความชุ่มชื้นและเงางามของคุณ ขอเพียงแค่เจ้าของใช้เวลาหลังจากอาบน้ำเสร็จเพียงแค่ 5 นาที ในการใช้โลชั่นทาลงไปบนขนและผิวหนังของสุนัขให้ทั่วจากนั้นก็เป่าให้แห้ง รับรองเลยว่าตัวเขาจะหอมและมีสุขภาพขนที่ดีกว่าเดิม
ขนาด | 450 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
Bearing สเปรย์โลชั่น บำรุงขน/ผิวหนังสุนัข

ราคา 169 บาท*
Bearing มีส่วนประกอบสำคัญอย่างว่านหางจระเข้และคาโมไมล์ ถือว่าเป็นอะไรที่ดีมากสำหรับผิวหนังและขนของสุนัข เนื่องจากมีสารอาหารอย่างโปรวิตามิน B5 ดังนั้นผิวหนังของสุนัขจะเกิดความชุ่มชื้นขึ้น ในขณะเดียวกันขนจะสลวยและเงางามขึ้นหลังจากฉีดและหวีไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ยังสามารถนำไปสเปรย์ลงบนอุ้งเท้าได้อีกด้วย หากสุนัขตัวไหนอุ้งเท้าแตกแห้ง ผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถช่วยได้ดีเลยละครับ
ขนาด | 250 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
PEACH โลชั่นบำรุงขนสำหรับสุนัขและแมว

ราคา 250 บาท*
Peach โดดเด่นทั้งในเรื่องของกลิ่นและการบำรุงขนครับ เพียงแค่ทาไปให้ทั่วตัวกลิ่นของน้องสุนัขจะหอมติดทนนานไปอีกหลายวัน ทั้งนี้ในเรื่องของการบำรุงก็ดี เพราะทางแบรนด์มีการใส่วิตามิน E ผสมกับวิตามิน B5 รวมไปถึงมีการปรับค่า pH ให้เหมาะกับผิวหนังของสุนัข เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องขนจะเงา ไม่พันกัน และที่สำคัญคือแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ขนหวีง่ายยิ่งขึ้น
ขนาด | 100 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
Chic & Charm โลชั่นบำรุงขนสุนัข หมา

ราคา 255 บาท*
Chic & Charm เป็นอีกหนึ่งตัวที่ยอดขายค่อนข้างดีเลยทีเดียว เนื่องจากสามารถบำรุงไปได้ถึงระดับรากขน โดยส่วนประกอบของโลชั่นจะเป็นการรวบรวมวัตถุดิบทางธรรมชาติกว่า 10 ชนิด เมื่อทาลงไปให้ทั่วขนและผิวหนัง ขนจะหายจากการพันกัน, ไม่เกิดการหลุดร่วง และมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UV จากแสงแดดอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นกลิ่นก็หอมชื่นใจจนเจ้าของหลายคนพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าติดใจและอยากทาให้น้องหมาเรื่อย ๆ
ขนาด | 150 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
SLEEKY สลิคกี้ กรูมมิ่ง โลชั่น กลิ่นสดชื่น โลชั่นบำรุงขนสุนัข

ราคา 299 บาท*
Sleeky สามารถใช้ได้กับสุนัขทุกสายพันธุ์ โดยหลังจากอาบน้ำเสร็จก็ให้คุณทาลงไปให้ทั่วขน เมื่อทำอย่างต่อเนื่องขนจะเริ่มหนา, นุ่ม และเงา เรียกว่าสุขภาพโดยรวมของผิวหนังและขนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้กลิ่นก็ยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของทางแบรนด์ด้วยเช่นกัน มีให้ทั้งเลือกทั้งกลิ่นแบบสดชื่น, กลิ่นคล้ายน้ำหอม หรือสำคัญเจ้าของคนไหนที่ไม่ต้องการให้น้องหมามีกลิ่นติดตัวก็สามารถเลือกสูตรปราศจากกลิ่นได้
ขนาด | 250 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ส่วนผสมทางธรรมชาติ |
เหมาะสำหรับ | สุนัขทุกสายพันธุ์ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว โลชั่นบำรุงขนสุนัข ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
SLEEKY สลิคกี้ กรูมมิ่ง โลชั่น กลิ่นสดชื่น โลชั่นบำรุงขนสุนัข |
|
ทาโลชั่นบำรุงขนให้กับสุนัข ปลอดภัยหรือไม่?
การทาโลชั่นให้กับเขาก็เปรียบเสมือนกับการทาครีมบนใบหน้าของเรานั่นละครับ ถือเป็นการบำรุงให้สุขภาพผิวดีขึ้น ดังนั้นการทาโลชั่นให้กับเขาเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพียงแต่ส่วนประกอบของโลชั่นจะต้องมีความปลอดภัยต่อผิวหนังและขนของเขา ไม่ว่าจะเป็น ความเข้นข้น หรือค่า pH ดังนั้นสรุปได้ว่าการทาโลชั่นบำรุงขนส่งผลดีต่อสุนัขแน่นอน เพียงแต่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ปลอดภัยต่อสุขภาพผิวหนังของสุนัข
โลชั่นบำรุงขนสุนัข VS ครีมนวดขนสุนัข ต่างกันอย่างไร
เนื้อครีมนวดขนสุนัขจะมีความเข้มข้นกว่าโลชั่นบำรุง เนื่องจากโลชั่นมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากกว่า จึงทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่า คุณสามารถทาลงไปบนขนของเราแล้วทิ้งไว้ให้โลชั่นซึมเข้าเส้นขนและผิวหนังไปได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องล้างออก ดังนั้นตามร้านช่างตัดขนหรือคนทั่วไปจึงใช้กันหลังจากการอาบน้ำให้สุนัขเสร็จแล้วเรียบร้อย
อาการผิวหนังแห้งและขนสุขภาพไม่ดีเกิดจากอะไร ?
1. เกิดจากปรสิต
ปรสิตในที่นี้คือ เห็บ, หมัด และไร เมื่อสุนัขโดยสัตว์เหล่านี้กัดเข้า ผิวหนังจะเกิดเอฟเฟคขึ้นมาทำให้เกิดอาการแพ้หรือแสบผิวหนัง เมื่อเกิดอาการคันขึ้นมาแล้วสุนัขก็จะเกา เมื่อปล่อยไว้นานเข้าโดยไม่จัดการด้วย ปลอกคอกำจัดเห็บหมัด, สเปรย์กำจัดเห็บหมัด, ยาหยอดเห็บหมัด หรือแป้งกำจัดเห็บหมัด ปัญหาเหล่านี้ก็อาจกลายเป็นโรคร้ายแรงต่อไป

2. โรคภูมิแพ้
อาการแพ้บางอย่างจากสภาพอากาศหรืออาหารอาจทำให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ แต่อาการแพ้หรืออาการแห้งจากโรคภูมิแพ้จะมีระยะเวลาไม่นาน สามารถใช้โลชั่นบำรุงขนมาช่วยในการป้องกันผิวแห้งให้กับน้องหมาได้

3. รับประทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ
เมื่อสุนัขรับประทานอาหารคุณภาพต่ำหรือได้รับสารอาหารที่ไม่จำเป็นในปริมาณมากจนเกินไป แน่นอนว่ามันอาจเกิดผลเสียต่อผิวหนังและสุขภาพเส้นขนได้ อาจทำให้เกิดขนขาดร่วงหรือผิวหนังแห้งเกิดขึ้น ดังนั้นการเลือกอาหาร อาหารสุนัขสายพันธุ์เล็ก, อาหารสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ หรืออาหารลูกสุนัขคุณภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ
4. แชมพูมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
เชื่อว่ามีเจ้าของบางคนเลือกใช้แชมพูสุนัขไม่ตรงกับสายพันธุ์ของตัวเองหรือมีการนำแชมพูแมวหรือของคนมาใช้อาบน้ำให้กับน้องสุนัข ซึ่งในบางครั้งส่วนประกอบของแชมพูเหล่านี้อาจส่งผลต่อผิวหนังของสุนัขจนทำให้เกิดอาการระคายเคืองเกิดขึ้น
5. สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
สภาพอากาศหรืออุณหภูมิมีผลโดยตรงต่อผิวหนังต่อสุนัขครับ แม้แต่คนอย่างเรา ๆ เองก็สังเกตผิวได้เมื่ออยู่ในสภาพอากาศหนาว ๆ ผิวก็จะแห้งหรืออาจลอกออกมาเลยซะด้วยซ้ำ ซึ่งเช่นเดียวกันเองกับผิวหนังของสุนัขก็สามารถเกิดอาการนี้ได้เหมือนกัน
6. เชื้อราหรือแบคทีเรีย
การติดเชื้อราหรือแบคทีเรียบนผิวหนังของสุนัข อาจทำให้มันเกิดรอยแดง, ขนร่วง, แผล, อาการตกสะเก็ด หรือผิวแห้ง โดยอาการเหล่านี้ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าสาเหตุอื่น ๆ ถ้าหากปล่อยไว้ผิวหนังจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา
ทั้งนี้ไม่ว่าผิวหนังจะแห้งจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่การแก้ปัญหาผิวแห้งในเบื้องต้นสามารถใช้ ‘โลชั่นบำรุงขน’ มาใช้ได้
สารอาหารอะไรบ้างที่ช่วยทำให้ขนและผิวสุนัขมีสุขภาพดี
การบำรุงขนและผิวให้มีสุขภาพดีไม่ได้มีเพียงแค่การใช้ครีมนวดขนหรือโลชั่นบำรุงขนเพียงเท่านั้น แต่อาหารเองก็สำคัญมากเหมือนกัน เพราะสารอาหารที่รับประทานเข้าไปจะช่วยในการบำรุงผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ยิ่งถ้าควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงขนด้วยแล้วละก็จะดีมาก ๆ ครับ ทั้งนี้สารอาหารที่ช่วยให้บำรุงขนได้จะมี ดังนี้

- โอเมก้า 3 สารอาหารตัวนี้ช่วยให้ผิวหนังและขนเกิดความเงางาม นอกจากนี้ยังลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
- กรดลิโนเลอิก กรดชนิดนี้อยู่ในกรดไขมันโอเมก้า 6 ไม่ว่าจะเป็น ถั่ว, ข้าวโพด หรือเมล็ดแฟลกซ์ ซึ่งช่วยลดการพันกันของขนได้
- ซิงค์ มีสรรพคุณในการช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังเกิดอาการขาดน้ำ ทั้งนี้หากร่างกายขาดซิงค์สุนัขจะเกิดปัญหาผิวหนังติดเชื้อและหน้าตาหมองคล้ำอีกด้วย
- ไบโอตินและวิตามินบี สารอาหารทั้งสองอย่างนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะมันจะเชื่อมโยงกับกรดลิโรเอลิก ทำให้กรดชนิดนี้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น