สำหรับใครที่ทำอาหารเป็นประจำจะรู้ดีว่าน้ำมันเป็นส่วนผสมหลักที่ขาดไม่ได้ในการทำอาหารค่ะ แน่นอนว่าน้ำมันสามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนู ใช้ย่างก็ได้ ผัดก็ได้หรือทอดก็ดีค่ะ แน่นอนว่าน้ำมันในท้องตลาดมีหลายชนิด แต่น้ำมันที่ได้รับความนิยมมาก ๆ คือน้ำมันจากพืชอย่างน้ำมันปาล์ม น้ำมันดอกทานตะวันและน้ำมันถั่วเหลืองค่ะ แต่สำหรับใครที่รักสุขภาพและคาดหวังสารอาหารจากน้ำมัน การเลือกซื้อน้ำมันมะกอกจึงเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่ค่อยได้ซื้อน้ำมันมะกอกมาใช้บ่อยนักซื้อบ้างบางครั้งในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักเพราะน้ำมันมะกอกมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักมาก ๆ ด้วย

น้ำมันมะกอกมีหลายชนิดค่ะทุกคนซึ่งทางเบสท์รีวิวของเราก็ได้แนะนำกันไปบ้างแล้ว แต่หากใครที่อยากได้น้ำมันมะกอกแบบคุณภาพจริง ๆ ต้องเลือกซื้อ “น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin)” เท่านั้นค่ะ น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นเป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพสูงสุดและมีสารอาหารมากกว่าน้ำมันมะกอกทั่วไป ในการใช้งานเราสามารถใช้น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นสำหรับการทำอาหารประเภทต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายหรือจะทานเพียว ๆ เพื่อสุขภาพก็ได้เหมือนกันค่ะ หากวันนี้คุณกำลังหาซื้อน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อยู่ต้องห้ามพลาดเลยค่ะเพราะเรามีสินค้าและความรู้มาแนะนำกัน หากพร้อมแล้วก็ไปเลือกซื้อกันได้เลยค่ะ
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin) จากแบรนด์ไหน คุณภาพดี เหมาะสำหรับใช้ทำอาหารมากที่สุด ?
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองจาก USDA: Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก
- น้ำมันมะกอกคุณภาพพรีเมียม ปริมาณเยอะ เหมาะสำหรับใช้ในร้านอาหาร: Alianza Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก
- น้ำมันมะกอกจากสเปน ทนความร้อนสูงใช้ทำอาหารได้หลายเมนู: La EsPanola Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก
- น้ำมันมะกอกสูตรพิเศษ เหมาะสำหรับเมนูอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน: Romulo Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก
- น้ำมันมะกอกสูตรฮาลาล ราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่าย: Naturel Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก
- น้ำมันมะกอกรสชาติเข้มข้น เหมาะสำหรับน้ำสลัดและซอส: Filippo Berio Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก
![]() Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก | ![]() Alianza Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก | ![]() La EsPanola Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก | ![]() Romulo Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก | ![]() Naturel Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก | ![]() Filippo Berio Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก |
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin) เป็นน้ำมันแบบไหน แตกต่างจากน้ำมันมะกอกอื่น ๆ อย่างไร ?
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นหรือ Extra Virgin Olive Oil (EVOO) เป็นน้ำมันมะกอกที่บริสุทธิ์ที่สุด ปราศจากสารเคมีและสารเติมแต่ง ในการสกัดน้ำมันจากมะกอกบริสุทธิ์จะใช้วิธีการ “สกัดเย็น” โดยที่ไม่ใช้ความร้อนเพื่อคงรสชาติตามธรรมชาติของมะกอกไว้ ด้วยเหตุนี้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จึงมีรสชาติที่แตกต่างกับน้ำมันมะกอกชนิดอื่น ๆ มีราคาแพงกว่าและมีประโยชน์มากกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่น ๆ ด้วย น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความที่มันไม่ผ่านความร้อน ทำให้น้ำมันมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอีสูงน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นมีจุดเกิดควันที่ 325-375°F (ประมาณ 162-190°C) ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำน้ำสลัด ซอสจิ้มหรือจะใช้สำหรับเมนูอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้ก็มีน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์หลายแบรนด์ที่ทนความร้อนได้สูงเหมือนกัน (แต่ไม่ได้สูงเท่าน้ำมันปาล์ม) ต้องอ่านฉลากให้ดีก่อนซื้อนะคะ ต่อไปนี้เป็นความแตกต่างของน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นกับน้ำมันมะกอกชนิดอื่นค่ะ
|
|
- ความแตกต่างของน้ำมันมะกอกเวอร์จิ้น (Virgin Olive Oil) และน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin Olive Oil) น้ำมันมะกอกเวอร์จิ้นเป็นน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพต่ำกว่าน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นหนึ่งระดับ ตัวน้ำมันมะกอกเวอร์จิ้นจะมีปริมาณกรดโอเลอิก 1.5% แต่น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นมีกรดโอเลอิกไม่เกิน 0.8% กระบวนการผลิตของน้ำมันทั้งสองแบบมีความคล้ายกันค่ะแต่น้ำมันมะกอกเวอร์จิ้นสามารถใช้ผัดอาหารได้
- ความแตกต่างของน้ำมันมะกอก (Olive Oil) และน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin Olive Oil) น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันได้มาจากการกลั่นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์และจะมีกรดโอเลอิกไม่เกิน 1% แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ของกรดจะต่ำกว่าน้ำมันมะกอกเวอร์จิ้น (Virgin Olive Oil) แต่คุณค่าทางโภชนาการส่วนใหญ่ของน้ำมันมะกอกทั่วไปจะสูญเสียไปในกระบวนการกลั่นน้ำมัน ความแตกต่างของน้ำมันมะกอกทั่วไปกับน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นคือมันสามารถใช้ทอดได้เนื่องจากมีจุดเกิดควันสูง
เคล็ดลับในการเลือกซื้อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (Extra Virgin)
1. เลือกบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วเพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชัน

น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นสามารถออกซิไดซ์ได้ง่ายมากเมื่อสัมผัสกับอากาศและแสง ดังนั้นเมื่อซื้อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นให้เลือกบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วค่ะ ทางเราแนะนำให้ซื้อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นที่อยู่ในขวดสีเข้มเพราะขวดแบบนี้แสงทะลุผ่านได้ยากและออกซิเจนก็ผ่านไม่ได้ง่าย ๆ ด้วย นอกจากนี้เรื่องของปริมาณก็สำคัญค่ะเพราะปกติแล้วคุณภาพของน้ำมันจะลดลงเมื่อเราเปิดขวดน้ำมันใช้ ดังนั้นให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการเสมอ ทางเราไม่อยากแนะนำให้ซื้อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นขวดใหญ่หากไม่ได้ใช้น้ำมันเป็นประจำเพราะน้ำมันจะเสียหายได้หากไม่ได้ใช้น้ำมันทันที สำหรับข้อมูลในปัจจุบันแบรนด์ที่ผลิตน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นเกือบทั้งหมดมักจะบรรจุในขวดแก้วสีเข้มและเหมาะสำหรับใช้ในบ้านเป็นหลักค่ะ แต่ก็ยังมีน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นอีกหลายยี่ห้อที่ผลิตบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่สำหรับใช้ในร้านอาหารหรือโรงแรม ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ใช้มักจะเป็นขวดหรือแกลลอนพลาสติก หากคุณซื้อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวควรถ่ายโอนน้ำมันไปยังขวดแก้วสีเข้มเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าค่ะ
2. ตรวจสอบโลโก้และการรับรองของน้ำมันมะกอกก่อนเสมอ
ตามที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ค่ะว่าไม่ใช่น้ำมันมะกอกทุกชนิดจะเรียกว่าบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin) ได้ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจสอบความถูกต้องของน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นคือต้องมีโลโก้การรับรองจากองค์กรที่มีชื่อเสียง โดยทั่วไปแล้วน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นที่วางตลาดทั่วโลกจะมีโลโก้ IOC (สภาน้ำมันมะกอกนานาชาติ/International Olive Council) เพื่อรับประกันความถูกต้อง การมีโลโก้ IOC บนบรรจุภัณฑ์แสดงว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นผ่านการตรวจสอบแล้ว ดังนั้นผู้บริโภคจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการบริโภค นอกเหนือจากโลโก้ IOC แล้วยังมีสถาบันอื่น ๆ ที่ออกโลโก้รับรองเพื่อรับประกันความถูกต้องของน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น ตัวอย่างเช่น California Olive Oil Council (COOC) และ North American Olive Oil Association (NAOOA) ค่ะ แน่นอนว่าแม้มาตรฐานการทดสอบจะแตกต่างกันเราก็สามารถมั่นใจได้กับคุณภาพของสินค้า ดังนั้นให้เลือกน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นที่มีโลโก้การรับรองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
3. แหล่งกำเนิดของน้ำมันมะกอก คำว่า “ผลิตใน” “ผลิตภัณฑ์จาก” “บรรจุใน”

คือฉลากบางส่วนที่เราจะเห็นในขวดน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอกที่มาจากแหล่งเดียวหมายความว่ากระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการบรรจุขวดจะทำในประเทศเดียวกัน แต่ก็ยังมีน้ำมันมะกอกที่ใช้มะกอกจากประเทศต่าง ๆ ผสมกันผ่านการผลิตและบรรจุในที่ที่แตกต่างกันด้วย โดยทั่วไปแล้วน้ำมันมะกอกเหล่านี้มักจะมีความสดน้อยกว่าน้ำมันมะกอกที่มาจากแหล่งเดียวค่ะ ปกติแล้วน้ำมันมะกอกถูกผลิตในหลาย ๆ ประเทศค่ะไม่ว่าจะเป็น สเปน อิตาลี กรีซและประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย จำไว้นะคะว่าน้ำมันมะกอกของแต่ละประเทศจะมีรสชาติและสีของน้ำมันมะกอกที่แตกต่างกัน สำหรับน้ำมันมะกอกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือน้ำมันมะกอกจาก “สเปน” ค่ะ เพราะสเปนเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมะกอกชั้นนำและได้รับรางวัล น้ำมันมะกอกของเขาจะมีรสชาติของผลไม้และมีสีเหลืองทอง ส่วนน้ำมันมะกอกของอิตาลีจะมีกลิ่นของหญ้าและสมุนไพร ส่วนสีของน้ำมันมะกอกมักจะเป็นสีเขียวเข้ม ในขณะเดียวกันน้ำมันมะกอกของกรีกจะมีสีเขียวและมีกลิ่นมะกอกชัด ในขณะที่น้ำมันมะกอกของฝรั่งเศสมักจะมีรสชาติที่อ่อนกว่าและมีสีซีดกว่าน้ำมันมะกอกจากที่อื่น ๆ ค่ะ ในการเลือกซื้อสามารถเลือกซื้อตามรสชาติที่ชอบได้ตามสบาย ๆ เลยค่ะ
4. ตรวจสอบข้อมูลบนฉลากอย่างละเอียด
น้ำมันมะกอกมีหลายชนิดและความต้องการในการใช้งานจะแตกต่างกันไปค่ะ ขอบอกเลยว่าการตรวจสอบข้อมูลและฉลากเป็นเรื่องสำคัญมาก หากคุณอยู่ในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพก็ยิ่งต้องเช็กฉลากค่ะ แน่นอนว่าฉลากที่ติดอยู่กับขวดน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นโดยทั่วไปจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังซื้อ โดยเราสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต้นกำเนิด ประเภทของวัตถุดิบ ระดับความเป็นกรด วิธีการจัดเก็บและข้อมูลอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ในฉลากยังมักจะแสดงใบรับรองการรับรองความปลอดภัยของน้ำมันด้วยค่ะ นอกจากนี้เมื่อซื้อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นมาแล้วอย่าลืมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวันที่บรรจุน้ำมัน วันที่ผลิตและวันหมดอายุด้วยเพื่อให้เราใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 519 บาท*
Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกที่เราอยากแนะนำค่ะ หลายคนที่ซื้อน้ำมันมะกอกจะรู้ดีว่าเบอร์ทอลลี่เป็นแบรนด์ที่ผลิตน้ำมันมะกอกหลายสูตรซึ่งแต่ละสูตรก็มีคุณภาพมาก สำหรับน้ำมันมะกอกสูตรนี้ที่เราแนะนำเป็นสูตรออร์แกนิกค่ะ โดยทางแบรนด์เคลมมาว่าน้ำมันจะมีความเป็นกรดเพียง 0.3% และมีรสชาติที่เข้มข้นสามารถทำได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ พาสตา ผักหรือจะใช้ทำน้ำสลัดก็ได้เหมือนกันค่ะ
สำหรับในเรื่องคุณภาพน้ำมันมะกอกจากเบอร์ทอลลี่ได้รับการรับรอง USDA ออร์แกนิก ซึ่งหมายความว่าทางแบรนด์ได้ใช้เฉพาะมะกอกออร์แกนิกและใช้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในการผลิตน้ำมันมะกอกเท่านั้น ใครที่รับประทานมังสวิรัติ อาหารเจหรือทานคีโตก็สามารถใช้น้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์ได้ค่ะ เพราะน้ำมันมะกอกมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพและมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
ปริมาณ | 1 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | อิตาลี |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Alianza Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 1,959 บาท*
แนะนำน้ำมันมะกอกจากอิตาลีอย่าง Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil กันไปแล้วถึงเวลาแนะนำน้ำมันมะกอกจากกอร์โดบาร์ ประเทศสเปนกันบ้างค่ะ สำหรับยี่ห้อนี้มีชื่อว่า Alianza Extra Virgin Olive Oil จากข้อมูลที่พบมาจะเห็นได้ว่าเมืองกอร์โดบาร์ของประเทศสเปนเป็นแหล่งผลิตมะกอกที่ดีที่สุดในโลก แต่น้ำมันมะกอกสูตรนี้ไม่ได้เป็นสูตรออร์แกนิกนะคะเป็นสูตรเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นธรรมดาที่เหมาะสำหรับหลากหลายเมนูจะใช้ย่างก็ได้ ทำสลัดก็ได้หรือจะใช้ทำอาหารอิตาเลียนก็ได้เหมือนกันค่ะ
สำหรับเรื่องรสชาติน้ำมันมะกอกจากอลิเอนซามีรสชาติที่เข้มข้นค่ะ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือกลิ่นของน้ำมันมะกอกค่ะ ว่ากันว่าน้ำมันมีกลิ่นของมะกอกและแทรกไปด้วยกลิ่นผลไม้ที่ชัดเจนมากช่วยชูให้อาหารมีกลิ่นหอมและอร่อยมากขึ้น สำหรับปริมาณของน้ำมันอยู่ที่ 5 ลิตรค่ะเหมาะสำหรับใช้ในร้านอาหาร บรรจุภัณฑ์จะเป็นแกลลอนพลาสติกทึบค่ะช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันได้
ปริมาณ | 5 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | สเปน |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดพลาสติกทึบ |
La EsPanola Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 489 บาท*
La EsPanola Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกจากสเปนอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีคุณภาพค่ะ อีกทั้ง La EsPanola ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ผลิตน้ำมันมะกอกที่เก่าแก่ที่สุดในสเปนด้วย น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษจากทางแบรนด์จัดอยู่ในประเภทน้ำมันมะกอกที่มีคุณภาพสูงสุด เพราะมีกลิ่นหอมเข้มข้น แทรกด้วยกลิ่นผลไม้ มีความฉุนของพริกไทยเล็กน้อยและมีรสขมที่ปลายลิ้นค่ะ ใครที่กำลังมองหาน้ำมันมะกอกจากสเปนที่มีคุณภาพสูงต้องห้ามพลาดค่ะ
หากถามว่าน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์เหมาะกับเมนูไหนมากที่สุด ขอตอบเลยว่าเหมาะสำหรับใช้ในการย่างและทอด เรื่องคุณภาพสามารถการันตีได้เลยค่ะเพราะน้ำมันมะกอกจาก La EsPanola เป็นที่นิยมในร้านอาหารระดับไฮเอนด์ด้วย จุดพิเศษอีกหนึ่งอย่างที่หลายคนชอบเกี่ยวกับน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์คือสามารถใช้ในการปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูงได้โดยไม่สูญเสียรสชาติโดยรวมและคุณค่าทางธรรมชาติจากน้ำมัน อีกทั้งยังสามารถใช้ทำอาหารที่บ้านได้ทุกวันเพื่อให้อาหารที่เราทำมีคุณค่าทางโภชนาการและพิเศษมากยิ่งขึ้นค่ะ
ปริมาณ | 1 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | สเปน |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Romulo Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 265 บาท*
Romulo Organic Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกที่ผลิตจากสเปนเช่นเดียวกับ La EsPanola Extra Virgin Olive Oil ค่ะ ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าคนที่ชอบทำซอสหรือสลัดจะต้องชอบน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์อย่างแน่นอน เหตุผลก็คือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษจากทางแบรนด์สามารถใช้สำหรับการทำอาหารแบบไม่ผ่านความร้อนได้ดี นอกจากจะทำให้อาหารอร่อยขึ้นแล้ว ปริมาณวิตามินอีและกรดไขมันไม่อิ่มตัวในน้ำมันยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
น้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์มีรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับของมะกอก สำหรับเรื่องของคุณภาพไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะเพราะน้ำมันของทางแบรนด์เป็นสูตรออร์แกนิก ผลิตจากน้ำมันมะกอกพันธุ์ Arbequina แบบออร์แกนิกแท้ ๆ เลยค่ะ ใครที่อยากซื้อน้ำมันมะกอกออร์แกนิกต้องห้ามพลาดนะคะเพราะคุณภาพดีมากf
ปริมาณ | 0.5 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | สเปน |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Basso Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 480 บาท*
Basso Organic Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกเกรดบริสุทธิ์พิเศษและเป็นสูตรออร์แกนิก ทางแบรนด์เคลมมาว่าน้ำมันมะกอกมีระดับกรดโอลิอิกต่ำกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุตามธรรมชาติมากมายค่ะ สำหรับแหล่งผลิตของน้ำมันมะกอกอยู่ที่อิตาลีค่ะ สามารถใช้ผัดได้ หมักได้ ทำซอสก็ได้หรือจะทานเปล่า ๆ ก็ได้เหมือนกันค่ะ หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับแบรนด์บาสโซ่แต่แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ดังมากค่ะ
สำหรับเรื่องคุณภาพบาสโซ่เป็นหนึ่งในไม่กี่ยี่ห้อที่ผลิตน้ำมันมะกอกออร์แกนิก 100% แน่นอนว่าตอนนี้หลาย ๆ คนเปลี่ยนมาทานอาหารออร์แกนิกมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันมะกอกออร์แกนิกจึงเป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะดีต่อสุขภาพมากกว่า ปริมาณของน้ำมันมะกอกอยู่ที่ 1 ลิตรค่ะ ราคาไม่ได้แพงมาก หากคุณกำลังมองหาน้ำมันออร์แกนิกในราคาที่เหมาะสมน้ำมันมะกอกจากบาสโซ่เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ค่ะ
ปริมาณ | 1 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | อิตาลี |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Alce Nero Organic Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 499 บาท*
Alce Nero Organic Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกที่ใช้มะกอกคุณภาพดีและผ่านการคัดสรรแล้ว แหล่งกำเนิดของน้ำมันมะกอกคือประเทศอิตาลีผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงและใช้เครื่องมือที่ถูกสุขอนามัย หากคุณให้ความสำคัญกับคุณภาพเมื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จาก Alce Nero เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างแน่นอนค่ะ น้ำมันมะกอกสูตรนี้เป็นสูตรออร์แกนิกนะคะผ่านการรับรองจากสมาคมออร์แกนิกแห่งสหภาพยุโรปเรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นคุณภาพของน้ำมันไว้วางใจได้แน่นอน
นอกจากน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์จะอุดมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว รสชาติยังมีเอกลักษณ์ช่วยชูรสชาติของอาหารได้ดีมากอีกด้วย กลิ่นของน้ำมันมะกอกมีความเด่นชัดค่ะแทรกได้กลิ่นผลไม้นิด ๆ สามารถนำไปทำน้ำสลัดได้หรือจะใช้จิ้มกับเนื้อสัตว์ก็ได้เหมือนกันค่ะ ขวดบรรจุภัณฑ์ของน้ำมันมะกอกเป็นขวดแก้วค่ะช่วยเก็บคุณภาพของน้ำมันมะกอกได้นานค่ะ
ปริมาณ | 0.5 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | อิตาลี |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Naturel Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 125 บาท*
Naturel Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในไทยไม่แพ้กับ Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil เลยค่ะ โดยแหล่งผลิตของน้ำมันมะกอกเนเชอเรลคือแคว้นอันดาลูซิอา ประเทศสเปนค่ะ แน่นอนว่าประเทศสเปนเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมะกอกรายใหญ่ที่สุดในโลก สายพันธุ์ของมะกอกที่ทางแบรนด์ที่ใช้คือพันธุ์ Hojiblanca & Picual เป็นพันธุ์มะกอกที่ดีที่สุด ดังนั้นคุณภาพของน้ำมันที่ได้จะพรีเมียมแน่นอนค่ะ
ทางแบรนด์เคลมมาว่าน้ำมันมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่และมีวิตามินมากมาย อีกทั้งยังได้รับการรับรองฮาลาลทำให้เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ กลิ่นของน้ำมันมะกอกชัดมากช่วยชูความหอมของอาหารได้ดี โดยน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์จะเหมาะที่สุดสำหรับการใช้ทำน้ำสลัดหรือจะใช้กับสูตรอาหารอื่น ๆ ก็ได้ตามความชอบค่ะ
ปริมาณ | 0.25 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | สเปน |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้ว |
Ybarra Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 266 บาท*
Ybarra Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกที่มีถิ่นกำเนิดในแคว้นอันดาลูซิอา ประเทศสเปนเช่นเดียวกับ Naturel Extra Virgin Olive Oil ทางแบรนด์ได้ใช้มะกอกที่ดีที่สุดเท่านั้นสำหรับการผลิตน้ำมันบริสุทธิ์พิเศษระดับพรีเมียม น้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์จะช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารโดยให้รสชาติมะกอกที่เข้มข้นและให้กลิ่นหอมกับอาหารค่ะ
สีของน้ำมันมะกอกเป็นสีเหลืองทองสวยงาม สำหรับเรื่องคุณภาพทางแบรนด์เคลมมาว่าน้ำมันมะกอกของเขามีวิตามินอีสูง ในการใช้งานสามารถใช้สำหรับเมนูสลัด พาสตาหรือจะใช้ในซอสจิ้มก็ได้ค่ะ บรรจุภัณฑ์ของน้ำมันมะกอกเป็นขวดแก้วทึบค่ะช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันมะกอกได้ดี ใครที่อยากซื้อน้ำมันมะกอกสูตรพรีเมียมต้องห้ามพลาดนะคะ
ปริมาณ | 0.5 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | สเปน |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Fragata Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 150 บาท*
Fragata Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกจากสเปนค่ะ โดยสายพันธุ์ของมะกอกที่ใช้คือมะกอกโฮจิบลังกาและปิคูด้าที่คัดสรรด้วยมือจากแคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน ตามที่เราได้บอกไว้ค่ะว่าที่แคว้นนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในน้ำมันมะกอกที่ดีที่สุดในโลก น้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์ไม่มีไขมันทรานส์และนำเสนอรสชาติของน้ำมันมะกอกแท้ ๆ ค่ะ
หากถามว่าน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์มีกลิ่นไหม ตอบเลยว่าไม่มีกลิ่นค่ะเพราะผ่านกระบวนการพิเศษกำจัดกลิ่นมะกอกออกไปแล้ว น้ำมันมะกอกเหมาะสำหรับทำเมนูสลัดและเมนูที่ไม่ผ่านความร้อนมากที่สุดค่ะ น้ำมันมีสีเหลืองทองสวยงามและมีคุณภาพดี ใครที่กำลังหาซื้อน้ำมันมะกอกดี ๆ อยู่ห้ามพลาดนะคะรับรองว่าจะไม่ผิดหวังค่ะ
ปริมาณ | 0.25 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | สเปน |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
Filippo Berio Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอก

ราคา 160 บาท*
Filippo Berio Extra Virgin Olive Oil เป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อีกหนึ่งแบรนด์ที่คุณไม่ควรพลาดค่ะ เพราะน้ำมันมะกอกของเขาผ่านการรับรองจาก North American Olive Oil Association (NAOOA's) ดังนั้นน้ำมันมะกอกจากทางแบรนด์จึงมีความบริสุทธิ์และมีคุณภาพดีค่ะ ทางแบรนด์เคลมมาว่าน้ำมันมะกอกสามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวันและใช้ในอาหารได้เกือบทุกชนิด สามารถช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารได้ดีเพราะมีกลิ่นมะกอกเข้มข้นค่ะ
แหล่งกำเนิดของน้ำมันมะกอกคืออิตาลีเช่นเดียวกับ Bertolli Organic Extra Virgin Olive Oil ค่ะแต่น้ำมันมะกอกจากฟิลิปโป เบอร์ริโอไม่ได้เป็นสูตรออร์แกนิก รสชาติที่โดดเด่นของมะกอกทำให้อาหารทุกจานมีรสชาติอร่อยและน่ารับประทาน จากข้อมูลที่ทางแบรนด์เคลมมาพบว่าน้ำมันมะกอกจากฟิลิปโป เบอร์ริโอ ปราศจากคอเลสเตอรอลและปราศจากกลูเตน เหมาะสำหรับใช้ทำน้ำสลัด ซอส น้ำเกรวี่หรือจะราดบนพาสตาก็ได้เหมือนกันค่ะ
ปริมาณ | 0.25 ลิตร |
---|---|
แหล่งผลิตน้ำมันมะกอก | อิตาลี |
บรรจุภัณฑ์ | ขวดแก้วทึบ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นเหมาะสำหรับการทอดหรือไม่?
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นไม่เหมาะสำหรับการทอดค่ะ จากมุมมองด้านสุขภาพหากน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นผ่านความร้อนสารอาหารในน้ำมันจะลดลง ส่วนในด้านรสชาติเมื่อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นโดนความร้อนรสชาติของมะกอกจะระเหยออกไปและขาดเอกลักษณ์ของน้ำมันมะกอกไป นอกจากนี้ราคาของน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นจะค่อนข้างแพงค่ะ เมื่อเราทอดอาหารเราจะต้องใช้น้ำมันค่อนข้างมาก ดังนั้นการใช้น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นในการทอดจึงไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งและยังสิ้นเปลืองอีกด้วย
เคล็ดลับในการแยกประเภทของน้ำมันมะกอก
แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน แต่น้ำมันมะกอกธรรมดาและน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นนั้นแตกต่างกันมากค่ะ เราสามารถแยกความแตกต่างได้จากรูปลักษณ์ กลิ่นและรสชาติของน้ำมัน น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นจะมีสีเขียวทองและโดยทั่วไปมีสีเข้มกว่าน้ำมันมะกอกชนิดอื่น ยิ่งน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นมีสีเข้มเท่าไหร่รสชาติของมะกอกก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าความเข้มข้นของน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นจะเป็นตัวกำหนดแร่ธาตุตามธรรมชาติอยู่ในนั้นค่ะ
จำไว้นะคะว่ายิ่งน้ำมันมะกอกผ่านกระบวนการแปรรูปมากเท่าไหร่สีก็จะยิ่งจางลงเท่านั้น ดังนั้นหากผู้บริโภคต้องการน้ำมันมะกอกที่บริสุทธิ์ที่สุดให้เลือกน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นที่มีสีเข้มที่สุด นอกจากนี้น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นยังมีกลิ่นที่เข้มข้นไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ เมื่อน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นได้รับความร้อนที่อุณหภูมิสูงกลิ่นหรือรสชาติที่โดดเด่นของมันจะหายไปค่ะ อีกทั้งน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นยังมีราคาสูงกว่าน้ำมันมะกอกทั่วไปด้วย