ไฟไหม้ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์หรือรู้ได้เลยครับว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่ เพราะเหตุการณ์นี้สามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า, เตาแก๊ส, น้ำมัน หรือการจุดธูปเทียน ซึ่งเมื่อทราบอย่างนี้แล้ว แน่นอนว่าความปลอดภัยหรือเซฟตี้นั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องคำนึงถึงมาเป็นอันดับแรก โดยอุปกรณ์ที่จะช่วยเราได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นนั่นคือ “ถังดับเพลิง” ที่ทุกบ้านและทุกครอบครัวควรจะมีติดไว้

เมื่อเกิดไฟไหม้เราสามารถนำมันมาฉีดเพื่อที่จะดับไฟได้แบบทันท่วงที หรืออย่างน้อยก็สามารถควบคุมไม่ให้มันลุกลาม ในขณะที่รอรถดับเพลิงมาช่วยเหลือ เนื่องจากหากปล่อยไว้ไฟอาจจะลามจนไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นการมีถังดับเพลิงไว้ในบ้านย่อมเป็นผลดีกว่าการที่ไม่มีแน่นอน อย่างไรก็ดีรายละเอียดเกี่ยวกับถังดังเพลิงถือเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับใครหลายคน อีกทั้งมันยังมีรายละเอียดที่ยิบย่อยมากในการเลือกซื้อ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ เพราะวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลสำคัญและถังดับเพลิงคุณภาพดีมาฝากกัน
ประสิทธิภาพในการดับไฟของถังดับเพลิง (Fire Rating)

หากใครเคยอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับถังดับเพลิงหรือเคยซื้อถังดับเพลิงมาแล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นโค้ดหรือรายละเอียด Fire Rating อย่างแน่นอนเช่น 2A2B, 4A5B หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งคงมีคนสงสัยใช่ไหมครับว่ามันคืออะไร ? ทั้งนี้ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายคือมันเป็นการบอกประสิทธิภาพของถังดับเพลิงว่ามันสามารถดับไฟมากน้อยแค่ไหนและดับเพลิงชนิดไหนได้บ้าง อีกทั้งค่าตัวเลขมากเท่าไหร่ ตัวถังดับเพลิงยิ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น โดย Fire Rating จะแบ่งออกเป็น Class A – F ดังนี้
- Class A – เชื้อเพลิงที่มาจากพลาสติก, กระดาษ, ไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์นุ่ม อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์ห้องนอน หรือ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน
- Class B – ไฟที่มาจากของเหลวชนิดติดไฟ เช่น น้ำมัน (ที่ไม่ใช่น้ำมันทำกับข้าว), พาราฟิน, ดีเซล, แก๊สโซลีน
- Class C – ก๊าซไวไฟ เช่น มีเทน, บิวเทน, โพรเพน
- Class D – ไฟจากเหล็ก เช่น แมกนีเซียม, ไทเทเนียม หรืออลูมิเนียม
- Class F – น้ำมันทำกับข้าว หรือ ไขมัน
- Electrical – ไฟที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้า
ถังดับเพลิงมีกี่ประเภทและใช้ยังไง ?

1. ถังดับเพลิงชนิดน้ำ
ถังดับเพลิงชนิดนี้จะใช้ในการดับไฟได้เฉพาะ Class A และ B เท่านั้น โดยมันเป็นถังดับเพลิงพื้นฐานและมีราคาที่ไม่ได้แพงมาก ทั้งนี้บางยี่ห้ออาจจะมีการใส่สารดับไฟเพิ่มเติมลงไปเพื่อทำให้มันสามารถดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงมีขนาดถังที่เล็กลง นอกจากนี้การดูแลรักษาถังก็ง่ายมาก เหมาะสำหรับการใช้งานภายใน ออฟฟิศ, โรงเรียน, โรงแรม, โกดัง, ร้านสะดวกซื้อ หรือสถานที่ค้าปลีก
2. ถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์
ข้อดีของถังดับเพลิงประเภทนี้มันจะไม่ทิ้งสารตกค้างเอาไว้ ซึ่งประสิทธิภาพของถังดับเพลิงจะสามารถดับไฟ Class B และ Electrical ได้ อย่างเช่น คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ดังนั้นมันจะเหมาะสำหรับการใช้ในออฟฟิศเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อฉีดลงไปแล้วมันจะไม่ทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหาย
3. ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้งจะใช้ดับไฟได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Class A, B และ C นอกจากนี้ในบางยี่ห้ออาจใส่สารเคมีเพิ่มเติมลงเพื่อใช้ดับไฟประเภท D ได้อีกด้วย ดังนั้นถังดับเพลิงประเภทนี้ถือว่าดีมาก ๆ เพราะดับไฟได้หลากหลายประเภท อย่างไรก็ดีมันก็มีข้อเสียอยู่บ้างครับ เพราะเมื่อฉีดไปแล้วมันจะทิ้งคราบผงเคมีเอาไว้ ซึ่งเราจะต้องทำความสะอาดหลังจากใช้งาน รวมไปถึงอีกหนึ่งข้อที่ควรพิจารณาคือมันไม่สามารถดับไฟในประเภท Class F ได้ครับ
4. ถังดับเพลิงชนิดเคมีเหลว
ประสิทธิภาพในการดับไฟของถังดับเพลิงชนิดเคมีเหลว จะใช้ในการดับไฟ Class F ซึ่งเป็นไฟที่มาจากไขมันหรือน้ำมันทำอาหาร ดังนั้นมันจะเหมาะสำหรับการใช้ในห้องครัวเป็นอย่างมาก
5. ถังดับเพลิงชนิดโฟม
โฟมภายในถังเมื่อฉีดออกมาแล้วจะสามารถดับไฟประเภท Class A และ Class B แต่ไม่สามารถดับไฟที่มาจากไขมันหรือน้ำมันทำอาหารได้ (Class F) ทั้งนี้ในระหว่างการใช้งานจะต้องยืนอยู่ห่างประมาณ 1 เมตร โดยข้อเสียของมันคือต้องทำความสะอาดหลังฉีดและมีราคาที่ค่อนข้างแพงกว่าถังดับเพลิงประเภทนอื่น
6. ถังดับเพลิงสารระเหย
ถังดับเพลิงประเภทนี้ถือเป็นถังชนิดใหม่ล่าสุด ถึงแม้ว่าจะมีขนาดที่เล็ก แต่ประสิทธิภาพการดับไฟถือว่ายอดเยี่ยม ซึ่งไฟที่สามารถดับได้จะอยู่ในประเภท Class A, B, C และ F โดยการทำงานของมันคือการให้ความเย็นและลดออกซิเจนที่ทำให้ไฟเกิดลุกขึ้น แต่อย่างไรก็ดีมันอาจมีราคาที่แพงกว่าถังดับเพลิงชนิดน้ำและไม่สามารถใช้ดับไฟประเภท Class D ได้
คำแนะนำ วิธีการเลือกซื้อถังดับเพลิง
1. ขนาดของถังดับเพลิง
ขนาดของถังเป็นตัวที่บ่งบอกได้ถึงปริมาณเคมีหรือสารต่าง ๆ ดังนั้นหากใครที่อยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ อาจจำเป็นต้องใช้ถังที่มีขนาดใหญ่ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เราอาจจะใช้สารเคมีที่ค่อนข้างเยอะในการดับไฟ นอกจากนี้ขนาดถังก็เกี่ยวข้องกับน้ำหนักด้วย ดังนั้นยิ่งขนาดถังใหญ่มากเท่าไหร่ ถังก็จะหนักมาขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราจะต้องดูรายละเอียดตรงนี้ด้วยครับ ทั้งนี้แต่ละขนาดก็จะเหมาะกับสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป โดยผมจะแนะนำดังนี้ครับ
-
- ถังขนาด 2 ปอนด์ – เหมาะสำหรับรถยนต์
- ถังขนาด 5 ปอนด์ – เหมาะสำหรับห้องครัวหรือห้องซัก
- ถังขนาด 10 ปอนด์ – เหมาะสำหรับสวนหรือบ้าน
2. เช็กประสิทธิภาพในการดับไฟ (Fire Rating)
เราจะต้องดูด้วยว่าถังดับเพลิงสามารถดับไฟได้มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ? รวมไปถึงดับไฟประเภทไหนได้บ้าง ? โดยการเช็กง่าย ๆ ก็คือการดูตัวอักษรและตัวเลขบนถัง เช่น 4A5B หรือ 2A2B เป็นต้น ซึ่งยิ่งมีตัวเลขมากเท่าไหร่มันจะดับไฟได้มีประสิทธิภาพมากเท่านั้น นอกจากตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่าง A, B, C, D หรือ F ก็จะเป็นการบอกว่ามันสามารถดับไฟประเภทไหนได้บ้าง ซึ่งถ้าอยากทราบว่าแต่ละตัวอักษรคืออะไร สามารถขึ้นไปอ่านรายละเอียดด้านบนได้ครับ
3. เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
ด้วยถังดับเพลิงเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความเซฟตี้ ดังนั้นมาตรฐานของสินค้าจะต้องสูงมาก เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เราจะได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนั้นการเลือกถังดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพ เราก็ควรเลือกยี่ห้อหรือแบรนด์ที่น่าเชื่อถือครับ
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง XFIRE 2A2B 10 ปอนด์

ราคา 679 บาท*
ขนาด | 10 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 2A2B |
ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง DIFF 2A2B 2.2ปอนด์

ราคา 690 บาท*
ขนาด | 2.2 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 2A2B |
ถังดับเพลิง เคมีแห้ง FIREMAN PRO เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง 4A5B 15 ปอนด์

ราคา 740 บาท*
ขนาด | 15 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 4A5B |
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง IMPERIAL 2A2B 2.2 ปอนด์

ราคา 790 บาท*
ขนาด | 2.2 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 2A2B |
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง เครื่องดับเพลิง FIRE MAX Firemax

ราคา 890 บาท*
ขนาด | 2.2 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | Class A,B และ C |
ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง BYTORA 4A5B 15 ปอนด์

ราคา 899 บาท*
ขนาด | 15 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 4A5B |
ถังดับเพลิงสารเคมี สูตรน้ำ IMPERIAL 6A20B 10LB

ราคา 2,499 บาท*
ขนาด | 10 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงชนิดน้ำ |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 6A20B |
ถังดับเพลิงเคมีสูตรน้ำ IMPERIAL 4A5B 5 ปอนด์

ราคา 2,500 บาท*
ขนาด | 5 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงชนิดน้ำ |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | 4A5B |
ถังดับเพลิง SATURN CO2 10 ปอนด์

ราคา 2,590 บาท*
ขนาด | 10 ปอนด์ |
---|---|
ประเภท | ถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ |
ประสิทธิภาพในการดับไฟ | Class B และ C |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ แนะนำ ถังดับเพลิง ซื้อติดบ้านไว้เพื่อความปลอดภัย ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
ถังดับเพลิง เคมีแห้ง FIREMAN PRO เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง 4A5B 15 ปอนด์ |
| |||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
วิธีการใช้ถังดับเพลิงอย่างถูกต้อง
ขั้นตอนที่ 1 : ก่อนที่จะใช้ถังดับเพลิง คุณควรที่จะต้องหาช่องทางออกหรือทางเพื่อหลีกหนีไฟด้วย อีกทั้งการเก็บถังดับเพลิงก็จะต้องพิจารณาในการนำไปวางตามจุดที่ปลอดภัยและหยิบมาใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยครับ
ขั้นตอนที่ 2 : ยืนให้ห่างจากบริเวณที่ไฟลุกประมาณ 6 – 8 ฟุต อีกทั้งควรยืนอยู่ในจุดที่สามารถเดินทางออกไปได้ด้วยครับ ไม่ควรยืนตรงที่เป็นทางตัน เพราะไฟอาจไม่สามารถควบคุมได้ครับ
ขั้นตอนที่ 3 : เตรียมการใช้ถังดับเพลิง โดยการจำหลักง่ายคือ ‘PASS’ ดังนี้
- P – Pull หรือดึงสลักถังด้านบนเพื่อทำการปลดล็อกหัวถัง
- A – Aim หรือเล็งหัวถังไปตรงบริเวณที่ไฟลุกโชน
- S – Squeeze กดก้านฉีดเพื่อให้สารเคมีด้านในถังออกมาเพื่อดับเพลิง
- S – Sweep ส่ายหัวฉีดซ้ายขวา เพื่อให้สารเคมีกระจายตัว ทั้งนี้ควรยืนห่างประมาณ 2 – 4 เมตร

ขั้นตอนที่ 4 : หลังจากฉีดไปแล้วยังคงต้องสังเกตว่าไฟดับทั้งหมดแล้วหรือไม่ เพราะในบางครั้งไฟอาจจะติดขึ้นมาอีกครั้งได้
ขั้นตอนที่ 5 : หากไฟดับสนิทแล้ว ควรไปยืนบริเวณที่ปลอดภัย เพราะควันและสารเคมีต่าง ๆ อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ หลังจากนั้นจึงค่อยมาทำความสะอาด อย่างไรก็ดีถ้าสถานที่ได้รับความเสียหายหรือไฟลุกโชนจนเอาไม่อยู่ ควรแจ้งรถดับเพลิงโดยทันทีครับ