การตกแต่ง “สวนหลังบ้าน” หรือ “สวนหน้าบ้าน” ให้เป็นระเบียบและสวยงามอยู่เสมอนั้น เป็นอีกเรื่องที่เราต้องให้ความใส่ใจเช่นเดียวกับการดูแลภายในบ้าน ซึ่งการตกแต่งสวนสวย ๆ ด้วย โต๊ะสวน (โต๊ะสนาม), ร่มสนาม, หญ้าเทียม หรือ ไฟโซล่าเซลล์ แล้ว การปลูกต้นไม้หรือพืชผักสวนครัวนั้นก็ถือว่าได้ประโยชน์ในแง่ของการตกแต่งบ้าน และยังสามารถใช้ประโยชน์การพืชและผักในการทำอาหารได้อีกด้วยนะครับ แต่อย่างไรก็ดีการที่จะปลูกต้นไม้ก็อาจจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ในการปลูกด้วย เพราะต้นไม้หรือพืชบางชนิดนั้นเหมาะสำหรับการปลูกใน กระบะปลูกผัก หรือ กระถางต้นไม้ มากกว่า

ทั้งนี้เมื่อพูดถึงกระถางต้นไม้ หลักแล้วมันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับคือ กระถางต้นไม้แบบตั้งพื้น ที่เราเห็นกันได้ทั่ว ๆ ไป และ “การถางต้นไม้แบบแขวน” ที่นอกจากจะสามารถปลูกพืชได้แล้ว มันยังสามารถนำไปใช้งานในการตกแต่งตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน และยังง่ายต่อการเคลื่อนย้ายอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อดีและสาเหตุที่คนรักต้นไม้ชอบซื้อกระถางต้นไม้แบบแขวนมาใช้กันครับ
ข้อดีของกระถางต้นไม้แบบแขวน
ข้อดีของกระถางต้นไม้แบบแขวนนั้นมีหลายอย่างมากครับ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนอาจไม่ทราบมาก่อนนั่นคือกระถางต้นไม้นอกจากที่จะดีต่อต้นไม้ มันยังดีต่อสุขภาพของเราได้ด้วย
- ทำให้ต้นไม้สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนได้มากขึ้น
- ทำให้อากาศรอบบ้านดีขึ้นกว่าเดิม
- ทำให้ต้นไม้บางประเภทช่วยลดฝุ่นในอากาศได้ดีขึ้น
- ทำให้อุณหภูมิบริเวณรอบบ้านดีขึ้นและไม่ร้อนจนเกินไป
วิธีการเลือกกระถางต้นไม้แบบแขวน
1. ความต้องการของตัวเอง
สิ่งแรกที่เราจะเลือกซื้อกระถางต้นไม้คือเราจะต้องรู้ว่าเราอยากได้กระถางต้นไม้แขวนแบบไหน เพราะก้นของกระถ่างจะมี 2 แบบ นั่นคือก้นกระถางแบบปิดและก้นกระถ่างแบบเปิด โดยถ้าหากคุณเป็นคนที่ไม่มีเวลาในการรดน้ำบ่อยสักเท่าไหร่นัก ผมจะแนะนำให้คุณซื้อแบบกระถางที่มีก้นแบบปิด เพราะมันจะสามารถกักเก็บน้ำเอาไว้ได้ แต่ในขณะเดียวกันหากคุณมีเวลาในการรดบ่อย ๆ ผมก็แนะนำให้คุณเลือกกระถางต้นแบบก้นเปิดครับ
2. เลือกกระถางที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย
ความหลากหลายในการใช้งานในที่นี้คือกระถางควรที่จะออกแบบมาให้สามารถวางหรือแขวนได้หลากหลายสถานที่ เพราะอย่าลืมว่าอากาศมีผลต่อการเจริญเติบโต รวมไปถึงความต้องการของพืชอีกด้วย ซึ่งอากาศและแสงในแต่ละสถานที่นั้นก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นกระถางต้นไม้ควรที่จะสามารถติดตั้งหรือใช้งานได้หลากหลายครับ
3. พิจารณาจากวัสดุที่ใช้ผลิตกระถาง
หลาย ๆ คนที่ชอบปลูกต้นไม้หรือปลูกผักน่าจะทราบกันดีว่าวัสดุที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตกระถางต้นไม้นั้นจะมีอยู่ 4 ประเภทนั่นคือ กระถางพลาสติก, กระถางดินเผา, กระถางเซรามิก หรือกระถางดิน ซึ่งการที่เราจะเลือกกระถางนั้นจะต้องทราบถึงคุณสมบัติของวัสดุก่อนครับ
3.1 กระถางพลาสติก
น้ำหนักเบาและรักษาเก็บรักษาความชื้นของน้ำได้ดี ดังนั้นหากคุณใช้กระถางประเภทนี้คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องรดน้ำบ่อย
3.2 กระถางเซรามิก / กระดินเผา
การดีไซน์ของกระถาง 2 ประเภทนี้จะสวยงาม แต่ก็จะมีข้อเสียอยู่ตรงที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะและราคาที่อาจจะแพงกว่ากระถางพลาสติกเล็กน้อย ทั้งนี้อาจจะต้องรดน้ำค่อนข้างบ่อย เพราะกระถางจะไม่ค่อยเก็บน้ำ แต่ข้อดีตรงนี้ก็มีเหมือนกันครับ เพราะมันจะเหมาะสำหรับต้นไม้ที่ไม่ชอบน้ำและต้องการความแห้งระดับหนึ่ง
3.3 กระถางดิน
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะกระถางดินนั้นทำมาจากดินธรรมชาติ ซึ่งจะดีต่อสภาพแวดล้อมและดีต่อต้นไม้เอง โดยกระถางจะสามารถระบายอากาศและน้ำได้ดี ทำให้น้ำที่เรารดลงไปจะไม่ท่วมขังต้นไม้ ในขณะเดียวกันต้นไม้ก็จะสามารถซึมซับน้ำได้ดี
4. ขนาดของกระถาง
ขนาดของกระถางสำคัญไม่แพ้กับวัสดุที่ใช้ผลิตกระถางเลยครับ เพราะหากเราเลือกขนาดของกระถางที่ใหญ่จนเกินไป กระถางจะกักเก็บน้ำไว้เยอะจนอาจทำให้รากต้นไม้ของคุณเน่าจนต้นไม้ตายได้ ในขณะเดียวกันถ้ากระถางต้นไม้เล็กจนเกินไป มันก็จะอาจจะทำให้กระถางเก็บน้ำได้น้อย ซึ่งทำให้เราต้องรดน้ำอยู่บ่อย ๆ เพราะถ้าหากรดน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอกับความต้องการของต้นไม้ มันก็อาจะทำให้ต้นไม้ตายได้
รีวิว กระถางต้นไม้พลาสติกแบบแขวน กระถางไม่ต้องรดน้ำบ่อย

ราคา 13 บาท*
สี | ขาว |
---|---|
ขนาด | 11 x 7 ซม. (ขนาดเล็ก) / 13 x 8.5 ซม. (ขนาดกลาง) |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้พลาสติกแบบแขวน

ราคา 35 บาท*
สี | ชมพู / ส้ม / ขาว / เหลือง / ฟ้า |
---|---|
ขนาด | 24 x 14 x 35 ซม. |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้แบบแขวน กระถางต้นไม้พลาสติก

ราคา 60 บาท*
สี | ขาว |
---|---|
ขนาด | 11.5 x 13 ซม. (ขนาดเล็ก) / 13.8 x 15 ซม. (ขนาดกลาง) / 19 x 20 ซม. (ขนาดใหญ่) |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้พลาสติกแบบแขวน พร้อมจานรอง

ราคา 94 บาท*
สี | ขาว / ฟ้า / แดง |
---|---|
ขนาด | 22 x 12 ซม. |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้แบบแขวน 2 ชั้น

ราคา 109 บาท*
สี | เขียว / น้ำตาล / ขาว |
---|---|
ขนาด | ไม่ระบุ |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้แบบแขวนสีอิฐ

ราคา 119 บาท*
สี | น้ำตาลอิฐ |
---|---|
ขนาด | 15 x 10 ซม. (ขนาดเล็ก) / 18 x 11 ซม. (ขนาดใหญ่) |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้แบบแขวน เก็บน้ำได้ รดน้ำอัตโนมัติ

ราคา 129 บาท*
สี | ขาว |
---|---|
ขนาด | 19 x 20 ซม. |
วัสดุ | พลาสติก |
รีวิว กระถางต้นไม้ กระถางต้นไม้ให้น้ำอัตโนมัติ ตั้ง/แขวน

ราคา 552 บาท*
สี | เขียวเข้ม / น้ำตาล / ขาว |
---|---|
ขนาด | 28 x 25 x 30 ซม. |
วัสดุ | พลาสติก |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว กระถางต้นไม้แบบแขวน ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2020 | ||||
---|---|---|---|---|
รูปภาพ | ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับกระถางต้นไม้แบบแขวนที่ผมได้แนะนำไป ผมหวังว่าทุกคนจะชอบและได้กระถางที่ถูกใจไปใช้งานกันนะครับ แต่อย่างไรก็ดีการที่จะปลูกต้นไม้ให้สวยงามและอยู่กับเราไปได้นาน ๆ เราก็จะต้องทราบถึงวิธีการรดน้ำที่ถูกต้อง ดังนั้นวันนี้ผมจึงนำความรู้เบื้องต้นในการรดน้ำ เพื่อให้ทุกคนนำเอาไปรดน้ำต้นโปรดของคุณได้ถูกต้องกันครับ
วิธีการรดน้ำต้นไม้ที่ถูกต้อง
1. รดตามความต้องการของต้นไม้
ต้นไม้แต่ละประเภทจะต้องการปริมาณน้ำที่แตกต่างกันออกไปครับ ยกตัวอย่างเช่น พืชประเภทอวบน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ว่านหางจระเข้, กุหลาบแพนด้า, ฮาโวเทีย หรืออากาเว ที่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำเยอะ เนื่องจากต้นไม้จำพวกนี้สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้นานมาก ๆ แต่สำหรับต้นไม้ทั่วไปก็อาจจะเป็นจะต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอครับ
2. รดน้ำบนดิน
การรดน้ำที่ถูกจุดคือการรดน้ำบริเวณดินเพื่อให้ต้นไม้ดูดซับน้ำด้วยตัวเองครับ เพราะถ้าหากคุณรดบริเวณใบไม้หรือลำต้น มันอาจทำให้ต้นไม้ของคุณเกิดโรคได้ เพราะแบคทีเรียจะสามารถเติบโตได้ดีบริเวณความชื้นของต้นไม้
3. รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้ต้นไม้ของคุณโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากคุณทราบความต้องการและวิธีการที่น้ำที่ถูกต้องแล้ว ก็ควรทำให้เป็นวินัยและติดจนเป็นนิสัย แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ขี้เกียจก็สามารถซื้อ เครื่องตั้งเวลาสำหรับรดน้ำอัตโนมัติ มาใช้งานได้ครับ
4. เทน้ำที่เป็นส่วนเกินออก
หากของต้นไม้ที่เราปลูกจมอยู่ในน้ำที่มากเกินไป มันจะทำให้ต้นไม้ของเราเน่าได้ ซึ่งถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับคนที่ใส่รองเท้าหรือถุงเท้าที่มีความอับชื้น เมื่อปล่อยไว้นานเข้ามันก็จะเกิดความอับจนในที่สุดก็เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั่นเอง ในต้นไม้ก็เหมือนกันครับ