จุดเริ่มต้นของ หูฟัง เราต้องย้อนกลับไปไกลมากครับ ถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 นู้นเลย ซึ่งอาจจะไกลไปหน่อยครับ ดังนั้นเราขอตัดภาพมาในปี 1980 ซึ่งเป็นปีที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Sony ได้มีการเปิดตัวเครื่องเล่นเพลงพกพา ที่เรียกว่า Sony Walkman ออกมา จนฮิตมาก ๆ ในยุคนั้น มันจึงทำให้หูฟังได้รับความนิยมสูงขึ้นมากเช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเมื่อเพลงเข้าสู่ยุค MP3 อย่างเต็มตัว ทาง Apple ก็ได้เปิดตัว iPod ตามออกมา ซึ่งมันได้พลิกโฉมวงการเพลงไปอย่างสิ้นเชิงครับ ส่งผลให้การใช้หูฟังของผู้คนทั้งโลกเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มาจนทุกวันนี้หูฟังได้กลายเป็นส่วนสําคัญในชีวิตประจําของเราทุกคนไปเรียบร้อยแล้ว

หากคุณกําลังมองหา หูฟัง (Headphones) สักคู่หนึ่ง เพื่อนำมาใช้ดูหนัง ดูซีรี่ส์, ฟังเพลง รวมไปถึงเล่นเกม โดยไม่รบกวนผู้อื่น แต่ยังไม่รู้ว่า ตัวคุณเองเหมาะหูฟังประเภทใด ? มีสาย หรือไร้สาย ? คุณมาถูกที่แล้วครับ โดยในบทความนี้เรามาพร้อมกับข้อมูลดี ๆ ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับหูฟัง และเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเราได้คัดเลือก หูฟังที่ดีที่สุด ราคาไม่เกิน 500 บาท มารวมไว้ในบทความนี้ด้วย ซึ่งเราพยายามรวบรวมมาให้ครบทุกประเภทเลย เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้คนได้มากที่สุด
หูฟัง ราคาไม่เกิน 500 บาท ดีหรือไม่ คุ้มค่ารึเปล่า ?
หูฟัง เป็นหนึ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพียงไม่กี่อย่างครับ ที่สามารถทำงานได้ดี แม้ว่าจะเป็นรุ่นที่มีราคาถูกมาก ๆ เหตุผลก็ง่าย ๆ เพราะว่า ไดร์เวอร์ที่ขับเสียงดี ๆ ในปัจจุบัน มีทั้ง ราคาถูก และแพง ดังนั้นแบรนด์เล็ก ๆ ก็สามารถทำหูฟังราคาถูก ที่เสียงดี ๆ ได้ครับ ส่วนหูฟังราคาแพง ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงเลย แต่สิ่งที่จะได้มาเพิ่มก็คือ ฟังก์ชันเสริม คุณภาพวัสดุ รวมไปถึงงานประกอบที่ดี ซื่งจะส่งผลต่อความทนทาน ดังนั้นถ้าถามว่า หูฟังราคาถูก คุ้มค่ามั๊ย ? ขอตอบว่า คุ้มค่า หากว่าคุณเลือกรุ่นและยี่ห้อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ อ่านเพิ่มเติม วิธีเลือกซื้อ หูฟัง ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด

3 หูฟังไร้สาย ในงบ 5XX บาท ยี่ห้อไหนดี ?
หูฟัง ราคาไม่เกิน 500 บาท รุ่นไหนดี ?
- Lenovo LP40 PRO : หูฟัง TWS ทรง Earbuds ราคาประหยัดที่สุด แต่ได้เสียงที่ดีเกินราคา
- Baseus Bowie WM02 : หูฟัง TWS ทรง In-Ears ที่คุ้มค่าที่สุด สีสันสวยงาม แน่นกระชับ ใส่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้
- Lenovo thinkplus TH10 : หูฟังครอบหู Over-Ear ราคาประหยัดที่สุด ดีไซน์หรู เสียงกลาง ๆ แถมแบตฯ อึด
- Anker SoundCore Life U2i : หูฟังสปอร์ต In-Ears แบบมีสายคล้องคอ ที่คุ้มค่าที่สุด เสียงดี ไมค์ชัด วิ่งได้เต็มที่
- SoundPEATS Free2 Classic Black : หูฟัง TWS สายสปอร์ต ที่ดีที่สุด สำหรับคนที่รักการออกกำลังจริง ๆ จัง ๆ
- Xiaomi Redmi Buds 4 Lite : หูฟัง TWS ทรง Earbuds ที่ใส่สบายที่สุด คุณภาพสูง เสียงดี ใช้ได้หลากหลาย
- iSuper Evo Buds Plus : หูฟัง TWS ทรง In-Ears ที่อเนกประสงค์ที่สุด มีทั้ง เสียงที่ดี, ANC และ Game mode
- Monster XKT 12 : หูฟังเกมมิ่งไร้สาย ที่เหมาะใช้เล่นเกมที่สุด ด้วยโหมดเกมที่มีเวลาแฝงต่ำ ให้ภาพเสียงตรงกัน
- JBL Tune 110 : หูฟัง JBL แบบมีสาย ที่คุ้มค่าที่สุด เสียงดี แถมใช้งานได้หลากหลาย
![]() Lenovo LP40 PRO หูฟังไร้สาย ราคาหลักร้อย แต่เสียงดีมาก | ![]() Baseus Bowie WM02 หูฟัง TWS ใส่สบาย แน่นกระชับ แถมแบตอึด | ![]() Lenovo thinkplus TH10 หูฟังไร้สาย แบบครอบหู คุณภาพเสียงสูง | ![]() Anker SoundCore Life U2i หูฟังสปอร์ต หูฟังไร้สาย แบบคล้องคอ |
Lenovo LP40 PRO หูฟังไร้สาย ราคาหลักร้อย แต่เสียงดีมาก

ราคา 326 บาท*
เหตุผลที่เลือก Lenovo LP40 PRO : นี่คือหูฟังไร้สาย งบ 300 บาท แต่ได้คุณภาพเสียงที่ดี สามารถนำไปเทียบกับหูฟังแพง ๆ ได้สบาย ๆ การันตีคุณภาพเสียงด้วยยอดขายเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ชิ้น ในทุกช่องทาง
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังไร้สายราคาไม่แพง ที่ให้โทนเสียงกลาง ๆ เหมาะทั้ง ดูหนัง ฟังเพลง แถมมีดีไซน์สวย สวมใส่นาน ๆ ได้ โดยไม่ปวดหู
Lenovo LP40 Pro เป็นหูฟัง TWS ราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ณ ขณะนี้ครับ ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า รุ่นนี้วางขายมาระยะนึงแล้ว และเราก็ได้ซื้อมารีวิวไปแล้วตั้งแต่ปี 2022 แต่ปัจจุบันรุ่นนี้ก็ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่องครับ หากคุณเวลาว่างเราอยากให้คุณลองเข้าไปอ่านรีวิวในร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ คุณก็จะเห็นเลยว่า รีวิวไปในทิศทางบวกแทบทั้งหมดเลย และทุกคนยังบอกด้วยว่า เป็นหูฟังที่ให้เสียงดีเกินราคาจริง ๆ ซึ่งจากที่เราได้ทดสอบใช้งานมา เราก็เห็นด้วยมาก ๆ ครับ ดังนั้นใครงบน้อย แต่อยากได้หูฟังไร้สายเสียงดี ๆ ขอแนะนำรุ่นนี้เลย

ยอมรับเลยว่ารุ่นนี้ถูกดีไซน์มาดีมาก ๆ ครับ เรียบหรู ดูแพง มีหลายสีให้เลือก ส่วนตัวหูฟังก็เป็นลูกผสม ระหว่าง เอียร์บัด กับอินเอียร์ โดยจะมีจุกหูฟังเล็ก ๆ ใช้ ซึ่งใส่เข้าไปในช่องหูแค่นิดเดียวเท่านั้น ช่วยให้ใส่สบายมาก ๆ แถมยังมีความกระชับด้วย ด้านเสียงขับด้วยไดรเวอร์ขนาด 13 มม. ใหญ่พอตัวเลย พร้อมคุณภาพเสียงระดับ HI-FI ซึ่งมีโทนเสียงกลาง ๆ ฟังสบายเหมาะทั้ง ดูหนัง และฟังเพลงเลย
ส่วนการโทรรุ่นนี้มีไมค์แค่ตัวเดียว และการตัดเสียงรบกวนก็เป็นแบบพาสซีพ ซึ่งพอใช้งานได้ แต่แนะนำให้เอาหูฟังข้างนึงมาใช้เป็นไมค์จ่อที่ปาก จะทำให้พูดคุยได้ชัดขึ้น โดยเราได้ลองใช้ดูหนัง สลับกับฟังเพลง เราใช้ได้ประมาณ 3-4 ชม. เลยครับ โดยเปิดเสียง 70-80% ซึ่งถือว่า ใช้ได้เลยอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ [รีวิว] Lenovo LP40 Pro
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | Earbuds |
---|---|
ไดรเวอร์ | 13 mm. Diameter Driver |
Bluetooth | 5.1 |
ตัดเสียงรบกวน | Passive Noise-cancelling |
Game Mode | |
การกันน้ำ | IPX5 |
อายุการใช้งาน |
|
การชาร์จ |
|
Baseus Bowie WM02 หูฟัง TWS ใส่สบาย แน่นกระชับ แถมแบตอึด

ราคา 486 บาท*
เหตุผลที่เลือก Baseus WM02 : นี่คือหูฟังไร้สาย ที่มีดีไซน์สุดล้ำครับ ออกแบบมาเพื่อความกระชับ ใส่ง่าย และไม่หลุดแน่นอน ส่วนเสียงมาในโทนกลาง ๆ ออกครบทุกย่านเสียง ส่วนเบสก็กำลังดีครับ
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังไร้สายไปใส่ออกกำลังกาย เน้นความกระชับ ส่วนเสียงอยู่ในโทนกลาง ๆ ไม่มีเสียงไหนเด่นกว่ากัน
หากใครกำลังหาหูฟังที่กระชับ สำหรับใส่ไปออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เราขอแนะนำ Baseus WM02 หูฟังไร้สาย TWS ที่มาในดีไซน์ล้ำสมัย ขนาดเล็ก และเบามาก ๆ ช่วยให้ใส่สบาย ส่วนจุกหูฟังมีให้เลือก 3 ขนาด ออกแบบมาพอดีกับช่องหู ทำให้มันกระชับมาก ใครที่ไม่เคยใช้หูฟังแบบนี้มาก่อน แรก ๆ อาจจะรู้สึกปวดได้นะครับ แต่รับรองเลยว่า มันจะไม่หลุดระหว่างคุณออกกำลังกายแน่นอน โดยความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ที่ Baseus App ครับ ซึ่งช่วยให้เราทำได้หลายอย่างเลย ทั้ง ดูแบตเตอรี่, ปรับเสียง EQ, ค้นหาหูฟัง และอื่น ๆ แถมปุ่มสัมผัสที่ตัวหูฟังก็ทำได้หลายอย่างเลยครับ

หลังจากที่เราได้ทดลองใช้งานมา ส่วนตัวค่อนข้างพอใจกับหูฟังรุ่นนี้มาก ๆ ครับ และคิดว่า เหมาะมาก ๆ กับคนที่ไม่ชอบเสียงเบส ในส่วนของการควบคุมก็ใช้งานง่าย แถมสั่งการได้หลากหลายมาก ๆ แต่อาจจะมีอาการรวนบ้างเล็กน้อย เพราะใช้เป็นปุ่มสัมผัส ส่วนเสียงในย่านต่าง ๆ ก็ถือว่า มีคุณภาพดี ไม่แพ้แบรนด์ใหญ่ ๆ เลย โดยเสียงจะออกนุ่ม ๆ เน้นฟังสบาย ๆ ใครที่ไม่ชอบเบสรุ่นนี้เหมาะสุด ๆ ครับ และจุดเด่นอีกอย่างของรุ่นนี้คือ แบตที่อึดสุด ๆ ครับ ซึ่งเราเปิดเสียง 70% ใช้งานได้เกือบ 5 ชม. ตามที่แบรนด์ระบุมาเลย แถมการชาร์จก็รวดเร็วมาก ๆ ครับ ชาร์จ 10 นาที ใช้งานได้อีกเป็นชม. ๆ เลย ใครที่สนใจรุ่นนี้สามารถ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ [รีวิว] Baseus Bowie WM02
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | In-Ears |
---|---|
ไดรเวอร์ | N/a |
Bluetooth | 5.3 |
ตัดเสียงรบกวน | Passive Noise-cancelling |
Game Mode | |
การกันน้ำ | IPX5 |
อายุการใช้งาน |
|
การชาร์จ |
|
Lenovo thinkplus TH10 หูฟังไร้สาย แบบครอบหู คุณภาพเสียงสูง

ราคา 373 บาท*
เหตุผลที่เลือก Lenovo TH10 : นี่คือหูฟังไร้สาย แบบ Over-Ear หรือครอบหู ที่มีดีไซน์เรียบหรู ดูแพงมาก ๆ โทนเสียงมาแบบกลาง ๆ ไม่มีเสียงไหนโดดเด่นมากเกินไป
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังไร้สายแบบครอบหูที่ดูดี มีสไตล์ ให้เสียงดัง มาในโทนเสียงกลาง ๆ เบสไม่มาก เหมาะสำหรับดูซีรี่ส์ ฟังเพลงสบาย ๆ และยังมีโหมดเกมมาให้ด้วย
สำหรับใครที่ต้องการหูฟังที่สบายเสียงดี มีมิติเอา เหมาะสำหรับฟังเพลง ดูซีรี่ส์ เราขอแนะนำ Lenovo TH10 หูฟังครอบหูที่มาในดีไซน์สไตล์มินิมอล เรียบหรู ก้านคาดศีรษะแบบเรียบ ๆ ขนาดกำลังดี สามารถปรับระดับ และพับเก็บได้ด้วย ส่วนที่ครอบหู มีการออกแบบให้เอียงเล็กน้อย เพื่อสอดรับกับใบหู พร้อมกับบุฟองน้ำมาหนามาก ๆ และหุ่มด้วยหนัง ช่วยให้นุ่มสวมใส่สบายมาก สามารถใส่ต่อเนื่องได้ โดยไม่รู้สึกปวดหู แต่อาจจะมีอาการร้อนบ้างนะครับ เวลาใช้งานกลางแจ้ง ซึ่งเราอยากให้ลองไปอ่านรีวิวดูครับ จะเห็นเลยว่า คนที่ซื้อรุ่นนี้ไปต่างพอใจในคุณภาพมาก ๆ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันมีเสียงที่ดีจริง ๆ

โดยรุ่นนี้ขับเสียงด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 40 มม. พร้อมซัฟวูฟเวอ ซึ่งให้เสียงโดยรวมโทนกลาง ๆ เสียงแหลม เสียงกลางขับออกมาชัดเจน ส่วนเสียงเบสก็กำลังดี ไม่ได้ทุ้ม หรือโดดเด่นมากนัก โดยหลังจากที่ได้ฟังแล้ว เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันขาดอะไรไปครับ และเราคิดว่า สำหรับคนที่ชื่นชอบเสียงกลาง ๆ ไม่ได้ต้องการเบส น่าจะชอบรุ่นนี้ เหมาะจะใช้ทั้ง ดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงการเล่นเกมด้วย
ส่วนไมโครโฟนในตัว รุ่นนี้ทำได้ค่อนข้างดีครับ แต่ต้องคุยในที่เสียงรบกวนไม่มากนะครับ เพราะการตัดเสียงรบกวนแบบพาสซีพของรุ่นนี้ ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ และถ้าเราเพิ่มระดับเสียงไปเกิน 50% คนข้าง ๆ จะได้ยินเสียงชัดมาก ๆ แต่สำหรับอายุการใช้งาน รุ่นนี้ทำได้ดีมาก ๆ ครับ จากที่เราใช้ดูหนัง สลับกับฟังเพลง เราใช้ต่อเนื่องได้ถึง 8-9 ชม. เลยทีเดียวครับ ใช้ได้ทั้งวันแน่นอน อ่านเพิ่มเติมได้ที่ [รีวิว] Lenovo TH10
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | Over-Ear |
---|---|
ไดรเวอร์ | 40 mm. Dynamic Driver |
Bluetooth | 5.0 |
ตัดเสียงรบกวน | Active Noice Cancelling |
Game Mode | |
การกันน้ำ | |
อายุการใช้งาน | 8-9 ชม. |
การชาร์จ | 2 ชม. |
Anker SoundCore Life U2i หูฟังสปอร์ต หูฟังไร้สาย แบบคล้องคอ

ราคา 499 บาท*
เหตุผลที่เลือก Anker SoundCore Life U2i : นี่คือหูฟังสปอร์ต ทรงอินเอียร์ที่มาพร้อมสายคล้องคอ ทำให้คุณไม่ต้องกลัวว่ามันจะหลุดหายไปไหน ส่วนเสียงถือว่าโดดเด่น ขับได้ครบทุกย่านเสียง พร้อมมีโหมด BassUP เพิ่มเบสให้หนักขึ้น
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังไปใส่ออกกำลังกายและทำกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกายสูง ในขณะเดียวกันก็ต้องการเสียงที่ดี เบสหนัก และเน้นการโทรด้วยเสียงที่คมชัด

หากคุณกำลังหาหูฟังไร้สาย ที่สามารถช่วยให้คุณเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวมันหล่นหาย เราขอแนะนำ Anker SoundCore Life U2i หูฟังสปอร์ตไร้สายแบบคล้องคอ (Neckband) ที่มีดีไซน์สปอร์ตสวยงาม ตัวหูฟังทรงอินเอียร์ที่ออกแบบตามหลัก Ergonomic 3D Comfort ช่วยให้แน่น กระชับพอดี สำหรับคนที่ไม่เคยใช้หูฟังทรงนี้ แรก ๆ อาจจะรู้สึกปวดนิดหน่อยนะครับ แต่รับรองเลยว่า มันจะไม่มีหลุดและหล่นหายแน่นอน ไม่ว่าคุณจะกระโดดโลดเต้นมากแค่ไหน แถมมีแม่เหล็กในตัวด้วย ช่วยให้ยึดติดกัน และลดโอกาสที่สายจะพันกัน
หลังจากที่เราได้ซื้อมาใช้งานมาสักพักแล้ว ส่วนตัวที่เป็นคนชอบเบสอยู่แล้ว เรารู้สึกพอใจมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะไดรเวอร์ 10 มม. ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Bio-Cellulose Diaphragm ที่ช่วยให้มันสามารถตอบสนองความถี่ได้ฉับไวในทุก ๆ ย่านเสียง แถมยังให้เสียงที่กว้างกว่าหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์ขนาดพอ ๆ กันด้วย พร้อมกับเพิ่มความมันส์ ด้วยโหมด BassUP ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังเบสขึ้นถึง 70% ขับเสียงเบสที่หนัก หนาเป็นลูก ๆ สูงสุด ส่วนเสียงกลาง และเสียงแหลม ก็นับว่าคมชัด เคลียร์ใสมาก ๆ ครับ

ส่วนการโทรศัพท์ รุ่นนี้จะมีไมค์ 1 ตัว ติดตั้งที่สายคล้องคอ พร้อมปุ่มควบคุม และใช้ AI ช่วยลดเสียงรบกวน พร้อม ๆ กับการเพิ่มเสียงพูดของคุณ ช่วยให้คุยสื่อสารด้วยเสียงพูดที่คมชัดขึ้น แต่อาจจะมีอาการดีเลย์อยู่บ้างนะครับ อีกทั้งตำแหน่งไมค์ซึ่งอยู่ใกล้กับปากกว่าหูฟัง TWS มันจึงเหมาะจะใช้โทรมากกว่าครับ และหลังจากที่ได้ลองมา ต้องยอมรับเลยว่า มันมีแบตที่อึดมาก ๆ ครับ โดยเราเปิดระดับเสียง 50-60% ทิ้งไว้ ตั้งแต่เช้าจนดึก มันก็ยังไม่หมดครับ แถมการชาร์จก็ทำได้เร็วมาก ๆ ด้วย ซึ่งมีการเคลมว่า ชาร์จ 10 นาที จะใช้ได้ 3 ชม. เลยทีเดียว อ่านรีวิวเต็ม ๆ ได้ที่ [รีวิว] ANKER Soundcore Life U2i หูฟังสปอร์ตคล้องคอ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | In-Ears (มีสายคล้องคอ) |
---|---|
ไดรเวอร์ | 10 mm. Dynamic Driver |
Bluetooth | 5.0 |
ตัดเสียงรบกวน | ANC (AI ลดเสียงรบกวน และปรับระดับเสียง) |
Game Mode | |
การกันน้ำ | IPX5 |
อายุการใช้งาน | 20~22 ชม. |
การชาร์จ | 2 ชม. (10 นาที ใช้ได้ 3 ชม.) |
SoundPEATS Free2 Classic Black True Wireless หูฟังบลูทูธ หูฟังออกกำลังกาย

ราคา 579 บาท*
เหตุผลที่เลือก SoundPEATS Free2 Classic : นี่คือหูฟังไร้สายที่หลายคนชื่นชอบในเสียงของมัน จนยกให้เป็นหูฟังที่เสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เรียกได้ว่า เสียงดีเป็นอันดับต้น ๆ ในระดับราคานี้เลยก็ว่าได้ บวกกับตัวหูฟัง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ที่กระชับ แต่ไม่อึดอัด ทำให้สามารถใส่ออกกำลังกาย และใส่ทำกิจกรรมหนัก ๆ ได้สบาย ๆ ส่วนฟีเจอร์ด้านอื่น ๆ รุ่นนี้จะไม่ได้เน้นครับ ดังนั้นถ้าใครเน้นเล่นเกม หรือฟังเพลง แนะนำรุ่นอื่นดีกว่า
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังไร้สายที่สามารถขับเสียงคุณภาพสูง ๆ ออกมาได้ ให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน ออกครบทุกย่านเสียง พร้อมตัวหูฟังที่มีความกระชับ ใส่ได้ทุกสถานการณ์
ถัดมาเป็นหูฟังไร้สายจาก SoundPEATS หนึ่งในแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในคุณภาพเสียง ซึ่งหูฟัง ในงบ 500 บาท ก็คือ รุ่นน้องเล็กสุด ในค่าย อย่าง Free2 Classic Black หูฟังไร้สายสุดคุ้ม ที่มาพร้อมเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ขับเสียงที่มีคุณภาพดีเกินหน้า เกินตา ตัวหูฟังมาในทรง In-Ear แบบไม่มีก้าน ออกแบบถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ โดยด้านหลังหูฟังจะทำมาอวบขึ้นเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความกระชับเวลาสวมใส่ บริเวณภายนอกของหู ทำให้คุณเลือกใช้จุกหูฟังที่มีขนาดเล็กกว่าช่องหูได้ ใส่ได้กระชับพอดี ไม่อึดอัด ทั้งยังป้องกันน้ำได้ที่ IPX5 อีกด้วย ช่วยให้ใส่ไปออกกำลังกายได้สบาย ๆ เลย ส่วนตัวเคสก็มีขนาดเล็ก ๆ พกพาง่าย พร้อมมีการตกแต่งด้วยการหุ่มหนังสังเคราะห์อย่างดี ช่วยให้สัมผัส และหน้าตาที่ดูเรียบหรูเกินราคาไปมากครับ
ในด้านคุณภาพเสียงก็ทำได้โดดเด่นสุด ๆ ถึงแม้จะได้พลังเสียงจากไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 6 มม. ที่มีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถขับเสียงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง โดดเด่นด้วยเสียงเบสที่พอดี ลงได้ลึก มีแรงปะทะ พร้อมมอบมีเสียงร้องที่คมชัด เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ของเสียงได้ครบ ส่วนเสียงสูงหรือเสียงแหลม รุ่นนี้ก็ขับออกมาได้ชัดและเคลียร์ใสมาก ๆ แถมยังฟังสบาย เพราะมันไม่ได้แหลมจนแสบหู ส่วนเวทีเสียงมันอาจจะไม่ได้กว้างมากครับ แต่ก็สามารถแยกตำแหน่งเสียง แยกเครื่องดนตรีได้ดี
ในส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ รุ่นนี้จะไม่ได้เน้นมากครับ มีแค่พอใช้งานได้เท่านั้น อย่างไมโครโฟน คุณอาจจะต้องเอาหูฟังข้างหนึ่ง มาเป็นไมค์จ่อที่ปาก เพื่อให้การพูดคุยคมชัดขึ้น และรุ่นนี้ก็ยังไม่มี Game Mode ให้ แต่จุดเด่นอีกอย่างนอกจากเสียงแล้ว คือ อายุการใช้งานที่ยาวนานครับ โดยเฉพาะตัวหูฟังสามารถฟังได้ยาวนานถึง 6-8 ชม. เลยทีเดียว แต่ถ้ารวมเคสมันจะฟังได้ถึง 30 ชม. เลยล่ะครับ เพราะงั้นใครที่เน้นการฟังเป็นหลัก ทั้ง ดูหนัง และฟังเพลง รุ่นนี้ต้องโจทย์ได้เกินราคามาก ๆ ครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | In-Ears |
---|---|
ไดรเวอร์ | 6 mm. Dynamic Driver |
Bluetooth | 5.1 |
ตัดเสียงรบกวน | Passive Noise-cancelling |
Game Mode | |
การกันน้ำ | IPX5 |
อายุการใช้งาน |
|
การชาร์จ |
|
Xiaomi Redmi Buds 4 Lite หูฟังไร้สายที่เสียงดี พร้อม AI ตัดเสียงรบกวน

ราคา 585 บาท*
เหตุผลที่เลือก Xiaomi Redmi Buds 4 Lite : แน่นอนครับ ทุกคนรู้จัก Xiaomi กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และเราก็เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต่างมั่นใจในชื่อนี้ด้วย ดังนั้นหูฟังในงบแค่ 500 กว่าบาท แต่มาจากแบรนด์ชั้นนำของโลกแบบนี้ เราจะได้ทั้ง คุณภาพเสียงที่ดี คุณภาพวัสดุที่มีมาตรฐาน และเรายังได้รับความคุ้มค่า ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้อย่างแน่นอนครับ
เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้อุปกรณ์ Android ที่ต้องการหูฟังไร้สาย คุณภาพสูง ๆ เสียงดี ไมค์ชัด ตอบโจทย์ได้ทั้ง การดูหนัง ฟังเพลง แถมยังมีโหมดเวลาแฝงต่ำ เพื่อรองรับเล่นเกมด้วย
Redmi Buds 4 Lite เอียร์บัดไร้สาย ราคาไม่แพง จากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Xiaomi ที่มาพร้อมความคุ้มค่าตามสไตล์ พร้อมอัดแน่นด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อม ทั้งเคส และหูฟัง มีการออกแบบที่เรียบง่าย เน้นขนาดที่กะทัดรัดและเบา เพื่อให้ง่ายต่อการพกพา ในขณะที่ตัวหูฟังมาพร้อมกับดีไซน์เอียร์บัดขนาดใหญ่ เพื่อให้มันมีความกระชับที่พอดี แต่ก็ไม่แน่นเกินไป จนรู้สึกอึดอัด ทำให้รุ่นนี้สวมใส่สบายมาก ๆ ครับ สามารถใส่ต่อเนื่องได้ทั้งวันเลย และกล่องสำหรับชาร์จก็เล็กพอที่จะพกไปทุกที่

ในแง่ของคุณภาพเสียง รุ่นนี้ถือว่าให้มาสมกับราคาครับ ขับด้วยไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 12 มม. พร้อมกับการปรับจูนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้ได้เสียงที่สมดุล ขับเสียงกลาง และเสียงสูง ได้คมชัด เคลียร์ใสมาก ๆ ส่วนเสียงเบส ถ้าคุณไปดูรีวิวจากผู้ที่ซื้อรุ่นนี้ไปใช้งานจะเห็นเลยว่า สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงสบาย ๆ และชอบดูซีรี่ส์ จะรู้สึกชอบเบสของรุ่นนี้มากครับ เพราะมันอยู่ในเกณฑ์กำลังดีเลย ไม่มากไป และไม่น้อยไป แต่สำหรับคนที่ชอบ เบสหนัก ๆ เน้นดูหนัง ฟังเพลงมันส์ ๆ อาจจะรู้สึกว่าเบสยังมาไม่เต็มสักเท่าไหร่ครับ
ส่วนการพูดคุยโทรศัพท์รุ่นนี้ก็ทำได้ดีครับ มาพร้อมไมค์และระบบ AI ที่สามารถจำแนกเสียงคุณ และเสียงรบกวนที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณได้ ช่วยให้ระบบปรับลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกคำพูดของคุณปลายสายจะได้ยินอย่างชัดเจนครับ ส่วนใครที่ต้องการนำไปเล่นเกม รุ่นนี้ก็มีโหมดเวลาแฝงต่ำมาให้ด้วย ช่วยลดอาการดีเลย์ลง ทำให้การตัดสินใจของคุณทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยพลังจาก Bluetooth 5.3 ตัวล่าสุด นอกจากนี้ยังให้การเชื่อมต่อที่เสถียร และให้อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นด้วย
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | Earbuds |
---|---|
ไดรเวอร์ | 12 mm. Dynamic Driver |
Bluetooth | 5.3 |
ตัดเสียงรบกวน | ANC (AI Noise-cancelling) |
Game Mode | (โหมดเวลาแฝงต่ำ) |
การกันน้ำ | IPX4 |
อายุการใช้งาน |
|
การชาร์จ |
|
iSuper Evo Buds Plus หูฟังไร้สาย เบสแน่น ไมค์ 4 ตัว แถมแบตอึด

ราคา 593 บาท*
เหตุผลที่เลือก iSuper Evo Buds Plus : นี่คือหูฟังไร้สายที่มีความคุ้มค่าสูงมาก ๆ ไล่ตั้งแต่ดีไซน์ที่กระชับ กันน้ำ มันจึงใส่วิ่งได้ ส่วนเสียงก็จูนมามาในโทนกลาง ๆ หนักไปที่เบส พร้อมปรับ EQ ผ่านแอป iSuper Play ได้ และจุดเด่นคือ ไมค์ 4 ตัว พร้อมการตัดเสียงรบกวนภายนอกที่ดีสุด ๆ ให้การโทรที่คมชัด นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดเวลาแฝงต่ำ สำหรับการเล่นเกม มาให้ใช้งานด้วย เรียกได้ว่า ครบเครื่องสุด ๆ
เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายที่อเนกประสงค์ มีความกระชับ ใส่ได้ทุกสถานการณ์ พร้อมขับเสียงที่มีคุณภาพ เบสแน่น และมีไมค์ที่คมชัด ช่วยให้ตอบโจทย์ทั้ง การดูหนัง-ฟังเพลง การเล่นเกม และการโทรฯ
มาต่อกันที่หูฟังไร้สายจากแบรนด์ของคนไทยกันบ้างครับกับ iSuper Evo Buds Plus หนึ่งในหูฟังไร้สาย ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ เนื่องจากสเปกต่าง ๆ ออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์คนไทยจริง ๆ โดยมาพร้อมคุณภาพเสียงที่ดี และอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ครบครัน ซึ่งหาได้ยากในหูฟังราคาประหยัด โดยตัวเคสมาในดีไซน์ที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ หูฟังมาในทรงอินเอียร์ เน้นความกระชับ มาพร้อมมาตราฐานกันน้ำ IPX5 ใส่ออกกำลังกายได้สบาย ๆ แถมยังมีแบตที่อึดสุด ๆ สามารถใส่ต่อเนื่องทั้งวันได้สบาย ๆ เลย
ส่วนคุณภาพเสียง รุ่นนี้ถือว่า เกินราคามาก ๆ ครับ ขับด้วยไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 7.2 มม. คุณภาพระดับ HI-FI พร้อมปรับจูนเสียงโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เสียงของรุ่นนี้มีเอกลักษณ์ เน้นมิติเสียงที่สมจริง กว้างกังวาน ช่วยให้คุณฟังง่าย ไม่อึดอัด โดยย่านเสียงกลาง และเสียงสูง รุ่นนี้ขับได้คมชัด และเคลียร์ใสมาก ๆ ครับ ส่วนเสียงเบสก็ลงลึกแบบพอดีไม่ได้กลบย่านเสียงอื่น ๆ แต่ถ้าใครรู้สึกชอบเสียงในย่านไหนเป็นพิเศษ รุ่นนี้ก็มีแอป iSuper Play ที่ให้คุณเข้าไปปรับ EQ หรือค่าอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ถ้าใครต้องการเล่นเกมรุ่นนี้ก็มี Game Mode มาให้ใช้ด้วย เพื่อลดดีเลย์ และให้เสียงแม่นยำขึ้น คุณจะสามารถเล่นเกมได้อย่างเพลิน
ด้านการโทรหรือการใช้พูดคุยผ่านไมค์ ก็เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เช่นกันครับ โดยมันมาพร้อมกับไมค์มากถึง 4 ตัว จับคู่กับระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก ENC ช่วยปรับลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทุกคำพูดของคุณ ปลายสายจะได้ยินเสียงของคุณได้อย่างคมชัด ใครที่เน้นโทรเน้นคุยสายสำหรับหูฟังไม่เกิน 500 บาท รุ่นนี้จัดว่าดีอันดับต้น ๆ เลยล่ะครับ ซึ่งหากคุณได้ไปอ่านรีวิวจากผู้ใช้ที่ซื้อรุ่นนี้ไปใช้งาน ส่วนใหญ่จะบอกว่า มันสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีในหลาย ๆ ด้านมาก ดังนั้นใครที่ต้องการความคุ้มค่า งบน้อยได้อยากได้หูฟังที่ครบเครื่อง เสียงดี ไมค์ชัด และเล่นเกมได้ แนะนำรุ่นนี้เลยครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | In-Ears |
---|---|
ไดรเวอร์ | 7.2 mm. Dynamic Driver |
Bluetooth | 5.1 |
ตัดเสียงรบกวน | ENC (Environmental Noise-Cancellation) |
Game Mode | (โหมดเวลาแฝงต่ำ) |
การกันน้ำ | IPX5 |
อายุการใช้งาน |
|
การชาร์จ |
|
Monster XKT 12 Gaming Earphones หูฟังเกมมิ่งไร้สาย เสียงดี ไมค์ชัด พร้อมโหมดเกม

ราคา 479 บาท*
เหตุผลที่เลือก Monster XKT 12 : นี่คือหูฟังเกมมิ่งไร้สาย รุ่นใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ จัดเต็มด้วยระบบเสียง HI-FI 360 องศา โหมดเกม และระบบลดเสียงรบกวนอัจฉริยะ ทำให้มันเป็นหูฟังอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับคำชมอย่างท่วมท้น จากรีวิวหลาย ๆ แหล่ง
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังไร้สาย ที่มีฟังก์ชันครบเครื่อง แต่ราคาประหยัด สามารถช่วยให้คุณเล่นเกมได้ดีขึ้น เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับเกมเมอร์คนไหนกำลังหาหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ราคาประหยัด ๆ อยู่ ขอแนะนำ Monster XKT 12 หูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นใหม่ ที่อัดแน่นด้วยคุณภาพในราคาไม่ถึง 500 บาท โดยรุ่นนี้โดดเด่นตั้งแต่ดีไซน์เลย ดูดี ไม่เหมือนใคร แถมมีสีสันให้เลือกเยอะด้วย ตัวหูฟังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ขนาดพอดี ช่วยให้กระชับขึ้น แต่ไม่รู้สึกอึดอัดนะครับ เมื่อบวกกับน้ำหนักที่เบา คุณจึงสวมใส่ต่อเนื่องได้สบาย ๆ หากคุณได้เข้าไปอ่านรีวิว ในร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ คุณก็จะเห็นเลยว่ารีวิวเกือบทั้งหมดไปในทิศทางบวก หลาย ๆ คนชอบดีไซน์ของตัวหูฟัง และหลาย ๆ คนก็ชอบเสียงครับ ซึ่งเสียงจะค่อนข้างกว้าง กังวาล และชัดเคลียร์ครับ

โดยรุ่นนี้ขับเสียงออกมาด้วยไดรเวอร์ขนาด 13 มม. พร้อมระบบเสียง HI-FI รอบทิศทาง 360 องศา ซึ่งช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับเสียงที่มีมิติ แยกซ้ายขวาได้ง่าย โดยโทนเสียงจะเด่นไปในโทนเสียงกลาง และเสียงแหลมครับ ช่วยให้เสียงที่คมชัด เคลียร์ใส ส่วนเสียงเบสเดิม ๆ จะออกกลาง ๆ ครับ ไม่ได้เด่นมาก แต่ก็ไม่ได้ขาด ซึ่งทำให้ได้ยินรายละเอียดมากขึ้น แต่ถ้าคุณต้องการเบสมากขึ้น เพื่อดูหนังมันส์ ๆ คุณสามารถแตะที่หูฟังข้างซ้ายค้างไว้ 3 วินาที มันจะเพิ่มเสียงเบสขึ้นได้ง่าย ๆ ครับ
ในส่วนของการโทร รุ่นนี้มาพร้อมไมค์และระบบลดเสียงรบกวนอัจฉริยะ ซึ่งก็ถือว่าทำได้งานดีเลย สามารถโทรคุยได้ และจุดเด่นของรุ่นนี้คือ โหมดเกม ครับ ซึ่งจะช่วยลดเวลาแฝงในการส่งสัญญาณ เสียงและภาพ ก็จะตรงกันมากขึ้น ช่วยมอบการเล่นเกมที่ราบรื่นขึ้น บวกกับบลูทูธ 5.3 ใหม่ล่าสุด ช่วยให้การเชื่อมต่อมีความเสถียร แถมกินแบตฯ น้อยลง คุณจึงสามารถดูหนัง ฟังเพลง หรือเกมได้นานขึ้น โดยไม่ต้องชาร์จใหม่
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | Earbuds |
---|---|
ไดรเวอร์ | 13mm PU+Wool Paper Composite Diaphragm |
Bluetooth | 5.3 |
ตัดเสียงรบกวน | ANC (Intelligent noise reduction) |
Game Mode | |
การกันน้ำ | IPX5 |
อายุการใช้งาน |
|
การชาร์จ |
|
JBL Tune 110 หูฟังอินเอียร์ แบบเสียบสาย เสียงดี เกินราคา

ราคา 392 บาท*
เหตุผลที่เลือก JBL Tune 110 : นี่คือหูฟังมีสายรุ่นเริ่มต้น จากแบรนด์ชั้นนำ JBL ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้น อีกทั้งฟังก์ชันต่าง ๆ ก็แทบไม่มีเลย แต่สิ่งที่หูฟังรุ่นนี้ทำได้ดีคือ คุณภาพเสียงที่ดีเกินราคา พร้อมไมโครโฟนในตัวที่สนทนาได้จริง
เหมาะสำหรับ : คนที่ต้องการหูฟังที่อเนกประสงค์ จะดูหนัง ใส่ไปฟังเพลงระหว่างออกกำลังกายก็ได้ แถมการเชื่อมต่อที่ใช้สาย ก็ช่วยให้รุ่นนี้มีเวลาแฝงที่ต่ำ มันจึงสามารถใช้เล่นเกมได้ด้วย
สำหรับ JBL T110 เป็นหูฟังอินเอียร์ แบบมีสาย จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง JBL ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นเริ่มต้นที่ได้รับความนิยม ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ผลิตด้วยวัสดุที่ทนทาน โดยสายทำเป็นแบบแบน ช่วยลดปัญหาสายพันกันได้ บนสายมีปุ่มควบคุมให้มา 1 ปุ่ม พร้อมมีไมค์ในตัว สำหรับใช้พูดคุยโทรศัพท์ ส่วนตัวหูฟังถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีครับ เล็ก กะทัดรัด แถมยังเบาอีกด้วย ช่วยให้สวมใส่สบายมาก ๆ แต่ช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกอึดอัดหน่อยนะครับ แนะนำให้คุณเปลี่ยนจุกหูฟังให้พอดีกับขนาดช่องหูของคุณเอง ซึ่งในกล่องมีจุกหูฟังให้มา 3 ไซส์ ได้แก่ S, M และ L ครับ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้รุ่นนี้ขายดีก็คือ คุณภาพเสียงที่ดีเกินราคาครับ โดยรุ่นนี้ขับเสียงด้วยไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 9 มม. ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี JBL Pure Bass ซึ่งเป็นจุดเด่นของ JBL อยู่แล้ว ช่วยขับเสียงเบสออกมาหนักแน่นขึ้น ออกเป็นลูก ๆ ฟังสนุก อิมเเพคถือว่ากำลังดี ส่วนเสียงกลาง และแหลมจะออกกลาง ๆ ครับ ให้รายละเอียดเสียงที่ดี แถมเเยกชิ้นดนตรีได้ครบเลย ส่งผลให้ ตอบโจทย์ทั้ง การดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมเลย
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ประเภทหูฟัง | In-Ears (มีสาย) |
---|---|
ไดรเวอร์ | 9 mm. Dynamic Driver |
Bluetooth | |
ตัดเสียงรบกวน | Passive Noise-cancelling |
Game Mode | |
การกันน้ำ IPX5 | |
อายุการใช้งาน | |
การชาร์จ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
วิธีเลือกซื้อ หูฟัง ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
เมื่อคุณต้องเลือกซื้อ หูฟัง คุณจะต้องเลือกตามไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเองครับ ซึ่งมีปัจจัยไม่กี่อย่างที่คุณต้องนำมาพิจารณาด้วยดังนั้นเพื่อให้ง่ายที่สุด เราได้สรุปมาเป็นข้อ ๆ ให้คุณแล้ว และนี่คือปัจจัยสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณได้หูฟังที่เหมาะกับคุณที่สุด เดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดในแต่ละข้อกันครับ
1. เลือกหูฟังให้เหมาะกับกิจกรรมที่คุณต้องการทําขณะใส่หูฟัง
การค้นหาหูฟังที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายครับ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่คุณสามารถใช้พิจารณาได้ เพื่อช่วยให้ตัวเลือกคุณแคบลง ซึ่งสิ่งแรกคุณต้องดูกิจกรรมที่คุณต้องการทำขณะที่สวมใส่หูฟัง อย่างเช่น
คุณต้องการหูฟัง ไปฟังเพลงขณะออกกำลังกาย สิ่งสำคัญคุณต้องหาหูฟังที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ และดีไซน์ก็ต้องกระชับพอดี เพื่อป้องกันไม่ให้หูฟังหลุดออก เช่น Anker SoundCore Life U2i หรือ JBL Tune 110 ครับ
แต่ถ้าคุณคิดจะใช้ในระหว่างเดินทาง หรือใช้ตอนทำงาน หูฟังที่ใส่สบาย ๆ และมีระบบตัดเสียงรบกวนดี ๆ เช่น Redmi Buds 4 lite หรือ Lenovo TH10 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมครับ เพื่อกันเสียงรบกวนจากสิ่งที่อยู่รอบตัว
2. เลือกรูปแบบ หรือดีไซน์ตัวหูฟัง ที่คุณใส่แล้วรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด

ประการถัดมา คุณต้องพิจารณารูปแบบของหูฟังที่คุณต้องการครับ โดยเราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเคยใช้งานหูฟังกันมาอยู่แล้ว ทั้ง หูฟังแบบมีสายที่มาพร้อมกับมือถือรุ่นเก่า ๆ หรือหูฟังอันเก่าที่คุณซื้อมาใช้เอง หากดีไซน์ของหูฟังอันเก่าคุณสามารถสวมใส่นาน ๆ ได้ โดยที่รู้สึกสบาย ไม่มีอาการปวด หรือเจ็บที่หู คุณสามารถเลือกหูฟังที่มีดีไซน์ใกล้เคียงกับรุ่นเดิมได้ แต่ถ้าอยากจะเปลี่ยนดีไซน์ดู แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีจุกหูฟังหลาย ๆ ขนาดนะครับ และนอกจากการสวมใส่ที่สบายแล้วอย่าลืมดูเรื่องการพกพาด้วยนะครับ ถ้าหากเน้นพกติดตัวหูฟัง In-ears หรือ Earbuds ที่มีขนาดเล็ก ก็จะช่วยให้คุณพกได้ง่ายขึ้น แต่หากคุณเน้นใช้งานที่บ้านหรือที่ทำงาน หูฟังครอบหู และหูฟังแนบหู ก็จะมีเสียงที่ดีกว่า
3. คุณภาพเสียง หรือโทนเสียงที่คุณชื่นชอบ
แน่นอนครับ การเลือกซื้อหูฟัง สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทำ หากเป็นไปได้ก็คือ การทดลองฟังเสียง เพื่อค้นหาเสียงที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ใช่ครับ การเลือกซื้อทางออนไลน์ เราไม่สามารถทดลองฟังเสียงได้ ดังนั้นวิธีที่ง่ายสุดก็คือ การอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง ยิ่งคุณอ่านรีวิวเยอะ คุณก็จะได้ข้อสรุปที่แม่นยำขึ้น เนื่องจากผู้ใช้แต่ละคนมีโทนเสียงที่ชื่นชอบต่างกัน ดังนั้นการมีรีวิวจากหลาย ๆ คนมายืนยัน เราก็จะมั่นใจได้มากขึ้นครับ นอกจากนี้คุณยังเลือกหูฟังรุ่นที่มีระบบเสียงมาตรฐานสูง ๆ ใส่มาด้วยได้ อย่างหูฟังที่มีการรองรับ Hi-Fi หรือระบบเสียงคุณภาพสูงอื่น ๆ
และคุณต้องนึกถึงแนวเพลง หรือภาพยนตร์ ที่คุณชื่นชอบด้วยว่าเหมาะกับย่านเสียงใด ? ถ้าคุณชอบเพลงร็อค และหนังแอคชันมันส์ ๆ หูฟังที่มีเสียงเบสหนัก ๆ ก็จะเพิ่มอรรถรสให้กับคุณได้ แต่ถ้าคุณชื่นชอบเพลงป๊อป หรือเน้นดูซีรี่ส์รักโรเมนติก หูฟังที่ให้เสียงกลาง ๆ มีความสมดุลก็จะเหมาะกับคุณครับ แต่สำหรับคนที่เลือกไม่ได้ว่า ชอบแบบไหนมากกว่ากัน หูฟังที่ปรับจูนเสียงได้อย่าง Baseus Bowie WM02 อาจจะเป็นคำตอบที่เหมาะกับคุณครับ
4. คุณต้องการเชื่อมต่อหูฟังแบบไหน มีสาย หรือไร้สาย ?

แน่นอนครับว่า หูฟังไร้สาย อาจจะดูดีกว่าในแง้ของการใช้งานที่สะดวกสบาย แต่สำหรับ หูฟังมีสาย มักจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า และให้การเชื่อมต่อที่เสถียรกว่า แถมคุณไม่ต้องกังวลในด้านอายุการใช้งานอีกด้วย
หูฟังมีสาย :
เป็นหูฟังที่อาจจะมีผู้ใช้เหลือน้อยมาก ๆ แล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีไร้สายมีการพัฒนาขึ้น จนมีประสิทธิภาพสูงพอ ๆ กันแล้ว แต่สิ่งที่หูฟังมีสายยังคงเหนือกว่าคือ คุณภาพเสียงที่ดีกว่า เพราะมันจะใช้แอมพลิฟายเออร์ของอุปกรณ์ที่มันเชื่อมต่ออยู่ แต่แบบไร้สายจะใช้แอมพลิฟายเออร์ในตัว ซึ่งด้วยขนาดที่จำกัด มันจึงมีคุณภาพด้อยกว่าครับ นอกจากนี้หูฟังมีสายยังได้เปรียบในเรื่องสัญญาณที่เสถียรกว่าด้วย เพราะการส่งสัญญาณทางอากาศ จะถูกรบกวนได้มากกว่า มันจึงมีอาการดีเลย์ ด้วยเหตุนี้เหล่าเกมเมอร์จึงชอบใช้แบบมีสายมากกว่าครับ
หูฟังไร้สาย :
เป็นหูฟังที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันมีจุดเด่นด้านความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งถือเป็นปัญหาหลักของหูฟังในอดีต แถมเทคโนโลยีไร้สายได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากครับ ทั้ง คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น สัญญาณที่เสถียร อาการดีเลย์น้อยลง เมื่อบวกกับการตัดสายที่น่ารำคาญทิ้งไป มันจึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ หากคุณต้องการหูฟังไปฟังเพลงขณะวิ่ง หรือทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย การไม่มีสายมาเกะกะ แน่นอนครับว่า มันช่วยให้คุณเคลื่อนไหวร่างกายได้เต็มที่มากขึ้น
6. คุณต้องการการตัดเสียงรบกวนในหูฟังหรือไม่ ?
ในปัจจุบัน หูฟังหลาย ๆ รุ่นมักจะบอกว่าตัวเองสามารถตัดเสียงรบกวนได้ดี แต่เราก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เนื่องจากทุกวันนี้ยังไม่มีมาตรฐานใดเลยที่สามารถใช้วัดประสิทธิภาพการทำงานของระบบตัดเสียงรบกวนว่า รุ่นไหนตัดเสียงได้ดี หรือไม่ดี ? ฉะนั้นมันจึงยากมาก ๆ ที่เราจะสรุปว่าการตัดเสียงรบกวนที่ดีควรเป็นแบบไหน ? ถึงแม้เราจะลองใช้มาบ้างแล้วก็ตาม แต่คุณก็สามารถเลือกหูฟังได้ง่าย ๆ จาก 2 รูปแบบ นี้ครับ
Active noise control :
เป็นการใช้ระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วย โดยหลักการคือมันจะแยกเสียงของคุณ กับเสียงรบกวนก่อน จากนั้นระบบจะลดระดับเสียงรบกวนลง ในขณะเดียวกันมันจะไปเพิ่มระดับเสียงของคุณให้ดังขึ้น ซึ่งปัจจุบันแต่ละแบรนด์ต่างก็มีการพัฒนาระบบตัดเสียงของตัวเองออกมา ทำให้มีหลายชื่อมาก ๆ แต่ลักษณะการทำงานจะยังคงคล้ายกันครับ
Passive Noise-cancelling :
เป็นการตัดเสียงที่ไม่มีระบบ หรือไฟฟ้าใด ๆ ช่วยเลย แต่จะใช้ดีไซน์ของตัวหูฟังแทน ซึ่งก็กลายมาเป็นหูฟัง In-ears (อินเอียร์) ที่จะมีจุกยางใส่เข้าไปในรูหู ลักษณะเหมือนกับเรา เอานิ้วอุดหูนั่นแหละครับ ดังนั้นหูฟังประเภทนี้จึงมีราคาถูกกว่า แต่ข้อเสียคือ ดีไซน์จะมีความกระชับมาก ทำให้แรก ๆ อาจจะรู้สึกอึดอัดได้ง่าย
หูฟังแต่ละรุ่นไม่จำเป็นจะต้องเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งเท่านั้นนะครับ หูฟังหลาย ๆ รุ่นถึงแม้จะมีดีไซน์มาเป็น หูฟัง In-ears อยู่แล้ว แต่ก็ยังใส่ระบบ Active noise control มาให้ด้วย ซึ่งมันก็จะช่วยให้ตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้น และเราก็ไม่ได้หมายความว่าหูฟังที่มีระบบ Active noise control จะตัดเสียงรบกวนได้ดีกว่านะครับ เพราะในบางรุ่นก็มีดีไซน์มาเป็นหูฟัง Earbuds (เอียร์บัด) ธรรมดา เน้นการสวมใส่สบาย ๆ ไม่อึดอัด
7. ข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ที่สามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คุณได้
ทุกวันนี้หูฟังเริ่มล้ำสมัยมากขึ้น แถมแต่ละรุ่นก็มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษที่ยอดเยี่ยมมากมาย เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้กับคุณ โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจมีอยู่หลายอย่างครับ อย่างเช่น การควบคุม ที่ปกติแล้ว หูฟังแบบไร้สาย จะมีตัวควบคุมอยู่บนหูฟัง ส่วนแบบมีสายก็จะมีรีโมทบนสาย โดยฟังก์ชันพื้นฐานในหูฟังรุ่นเก่า ๆ จะสั่ง เล่น-หยุด และรับสาย-วางสาย ได้เท่านั้น แต่หูฟังรุ่นใหม่ ๆ สามารถสั่งข้าม-ย้อนกลับแทร็ค, เรียกใช้ผู้ช่วยเสียง และเพิ่ม-ลดระดับเสียงได้ง่าย ๆ ด้วยปุ่มนี้ ช่วยให้ไม่ต้องนํามือถือออกจากกระเป๋าเลย ซึ่งต้องดูดี ๆ นะครับ โดยเฉพาะการเพิ่ม-ลดเสียง หูฟังบางรุ่นจะทำไม่ได้
นอกจากนี้ก็ยังมี การรองรับผู้ช่วยเสียง ซึ่งหูฟังรุ่นใหม่ ๆ บางรุ่น รองรับการเรียกใช้ผู้ช่วยอัจฉริยะต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น Google Assistant หรือ Amazon Alexa แต่หูฟังรุ่นแพง ๆ บางรุ่นก็จะมีการใส่ผู้ช่วยเสียงมาในตัวเลย ซึ่งแล้วแต่คุณครับว่า ต้องการใช้หรือไม่ แต่ถ้าใครต้องการนำไปเล่นเกมด้วย ขอแนะนำให้หาหูฟังที่รองรับ Game Mode ด้วย ซึ่งเป็นโหมดออกแบบมาเพื่อลดเวลาแฝง ช่วยให้อาการดีเลย์ลดลงครับ โดยหูฟังไร้สายที่มีโหมดนี้จะใช้เล่นเกมได้ดีขึ้น ภาพและเสียงจะตรงกันมากขึ้น
หูฟังมีอันตรายอย่างไร ? และต้องป้องกันอย่างไร
ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่ชื่นชอบการใช้ หูฟัง มากกว่า ลำโพง เนื่องจากการฟังด้วยหูฟังสามารถมอบอรรถรสในการฟังได้มากกว่า และด้วยลักษณะการสวมใส่ที่เอื้อต่อการป้องกันเสียงจากภายนอกได้ดี ทำให้รู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของเสียงได้จริง ๆ นอกจากนี้การใส่หูฟัง ผู้ใช้สามารถเปิดเสียงดังเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่รบกวนผู้อื่น ต่างจากการเปิดด้วยลำโพงปกติ ที่แม้มันจะขับเสียงได้ดังกว่าหูฟัง แต่รายละเอียดเสียงต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ได้ยิน อาจจะไม่ครบก็ได้ ทำให้หลาย ๆ คนขาดหูฟังไปไม่ได้เลย
แต่คุณรู้หรือไม่ ? องค์การอนามัยโลก มีการศึกษาการสวมใส่หูฟังของผู้คนทั่วโลกพบว่า มีคนกว่า 1 พันล้านคนจากทั่วโลกที่อายุระหว่าง 12 ถึง 35 ปี มีความเสี่ยงต่อที่จะสูญเสียการได้ยิน เนื่องจากพวกเขามีการใช้หูฟังต่อเนื่องเป็นเวลานาน แถมยังเปิดเสียงดังเป็นเวลานานเกินไปด้วย ซึ่งถ้าใครใช้งานหูฟังทุก ๆ วันอยู่แล้ว ก็น่าจะทราบดีว่า เรามักจะเปิดเสียงดังขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว เพราะบางคอนเทนต์เสียงมันเบามาก เราจึงต้องเปิดดังขึ้น แต่เมื่อเปลี่ยนคอนเทนต์ใหม่
ซึ่งแน่นอนครับการฟังเสียงดัง ๆ ผ่านหูฟังทุกวัน ๆ มันจะนําไปสู่อาการหูอื้อ และจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินอื่น ๆ ได้ และหนักสุดถึงขั้นการสูญเสียการได้ยินไปเลย ดังนั้นเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ องค์การอนามัยโลกจึงได้ออกมาตรฐานใหม่ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้หูฟังของคนส่วนใหญ่ เพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
การสูญเสียการได้ยิน เนื่องจากฟังเสียงดังเกินไป สามารถป้องกันได้
ปกติแล้ว เวลาเราได้ยินเสียงอะไรก็ตามที่ดังมาก ๆ จะทําให้เกิดการสูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือที่มักเรียกว่า หูอื้อ แต่สำหรับการฟังด้วยระดับเสียงที่ดังเป็นเวลานาน หรือซ้ำ ๆ กันทุกวัน อาจนําไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงขึ้น จนส่งผลให้เราสูญเสียการได้ยินไปแบบถาวร รักษาไม่ได้ ดังนั้นเพื่อปกป้องอันตรายเหล่านี้ มีคำแนะนำง่าย ๆ มาฝากกันดังต่อไปนี้ครับ
- ค่อย ๆ ปรับลดระดับเสียงของหูฟังลง เพื่อปรับการได้ยินของคุณ
- พยายามอย่าใช้หูฟังต่อเนื่องนานจนเกินไป (โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ที่มักจะเล่นเกมจนลืมเวลา)
- หากเป็นไปได้แนะนำใช้หูฟังที่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ช่วยให้คุณไม่ต้องเปิดเสียงดังขึ้น เพื่อกลบเสียงรบกวน)
- การตรวจสุขภาพการได้ยินเป็นประจํา
ซึ่งไม่เพียงแต่การฟังเสียงดัง ๆ ผ่านหูฟังเท่านั้นนะครับ ยังรวมถึงการฟังผ่านลำโพง ก็ส่งผลเสียได้ไม่ต่างกัน หากคุณไปอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีเสียงดังมาก ๆ อย่างเช่น สถานบันเทิง หรือเวทีคอนเสิร์ต โดยเฉพาะคนที่ชอบไปอยู่ติดขอบเวที ซึ่งก็หมายถึงหน้าตู้ลำโพงด้วย
บทส่งท้าย
แน่นอนครับ หูฟัง (Headphones) กลายเป็นส่วนสําคัญในชีวิตประจําวันของเราไปแล้ว โดยเฉพาะบางคนที่แทบจะใส่ตลอดเวลาเลย เพราะคนส่วนใหญ่ชื่นชอบการดูหนัง ฟังเพลง บางคนชอบเข้าไปฟังพอดแคสต์ ไปจนถึงการรับโทรศัพท์และเข้าร่วมการประชุมเสมือนจริงหูฟังเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์และสะดวกสบาย ในความเป็นจริงตามรายงานล่าสุดโดย Grand View Research ขนาดตลาดหูฟังทั่วโลกมีมูลค่า 15.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตในอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 20.3% ตั้งแต่ปี 2021 ถึง 2028 ในบทความนี้เราจะสํารวจหูฟังประเภทต่างๆคุณสมบัติที่สําคัญที่ต้องพิจารณาและมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับการใช้หูฟัง