ด้วยพฤติกรรมและการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นเพื่อนคู่ใจ ชนิดที่ไม่สามารถขาดได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมสมาร์ทโฟนในทุกวันนี้ถึงมีให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Vivo, Oppo, Samsung, Realme, Huawei และที่หนีไม่พ้นเลยคือ Apple หรือหลายคนรู้จักกันดีอย่าง iPhone ที่ได้ปล่อยออกมาจนถึง iPhone 13 แต่ยอดขายยังคงดีและครองใจผู้ใช้หลายคน

ทั้งนี้ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงในระดับหลักหมื่นหรือในรุ่น Pro ที่มีราคาในระดับครึ่งแสน ทำให้หลายคนจำเป็นต้องใช้เคส, ฟิล์มมือถือตัดแสงสีฟ้าหรือฟิล์มกันรอย เพื่อป้องกันและระมัดระวังไม่ให้ไอโฟนเครื่องโปรดของตัวเองได้รับความเสียหายจากการกระแทกหรือตกจากที่สูง โดยอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่จะต้องติดหลังจากซื้อในทันทีคือฟิล์มกันรอย ซึ่งฟิล์มกันรอยยอดนิยมคงจะหนีไม่พ้น ‘ฟิล์มกระจก iPhone’
ส่วนใหญ่แล้วกระจกที่ใช้ผลิตจะเป็นกระจกนิรภัย มีคุณสมบัติในการกันกระแทกและกันรอยนิ้วในระดับ 9H ในขณะเดียวกันความใสของกระจกยังทำให้เรามองเห็นหน้าจอได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการกันน้ำและรอยนิ้วอีกด้วยครับ เมื่อเห็นถึงข้อดีของการติดฟิล์มกระจกขนาดนี้แล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมฟิล์มกระจก iPhone ถึงขายดีและสาวกไอโฟนหลายคนถึงเลือกใช้กัน
ฟิล์มกระจก แบบไหนดี เหมาะกับคุณมากที่สุด
- ฟิล์มกระจกไอโฟนเต็มจอ : ฟิล์มกระจก iPhone แบบเต็มจอ JITTRAPORN
- ฟิล์มกระจก iPhone 13: Hishield Selected ฟิล์มกระจก เต็มจอ iPhone ทุกรุ่น
- ฟิล์มกระจก iPhone 12: ฟิล์มกระจก ROCCO Apple iPhone
- ฟิล์มกระจก iPhone 11 : ฟิล์มกระจก OG ฟิล์ม IPHONE เต็มจอ ไอโฟน
- ฟิล์มกระจก iPhone 6s: ฟิล์มกระจกเต็มจอใส ABLEMEN iPhone
- ฟิล์มกระจกไอโฟน se: nuglas ฟิล์มกระจก สำหรับ iPhone
- ฟิล์มกระจก focus: ฟิล์มกระจก Focus iPhone
- ฟิล์มกระจก Gorilla: Gorilla ฟิล์มกระจกนิรภัย ฟิล์มกระจก
ฟิล์มกันรอย iPhone มีทั้งหมดกี่ประเภท ?
พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET)
พลาสติกชนิดนี้พบได้บ่อยในการผลิตขวดน้ำหรือกล่องใส่อาหารทั่วไป โดยคุณสมบัติของพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลตสามารถที่จะป้องกันรอยขีดข่วนและการกระแทก แต่ข้อเสียของมันคือความบางเบาและน้ำหนักที่ค่อนข้างจะน้อย ดังนั้นจึงป้องกันได้ไม่ดีเท่ากับฟิล์มชนิดอื่น
เทอร์โมพลาสติก โพลียูรีเทน (TPU)
TPU ขึ้นชื่อในเรื่องของความยืดหยุ่น ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถป้องกันหน้าจอของเราได้อย่างครอบคลุม และป้องกันได้ดีกว่า PET อย่างแน่นอน ซึ่งจุดนี้ทำให้มันมีราคาที่แพงกว่า แต่ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือผิวสัมผัสของมันอาจจะไม่ค่อยสมูธสักเท่าไหร่นัก
กระจกนิรภัย (T/P)
เมื่อก่อนฟิล์มกระจกนิรภัยมีราคาที่แพงอยู่พอสมควร เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันของมันค่อนข้างจะดี สามารถทนทานต่อรอยขีดข่วนและการกระแทกได้แบบดีเยี่ยม เนื่องจากตัววัสดุและความหนาของกระจก ทั้งนี้ความใสของมันก็ดีมาก และถึงแม้ว่าเราจะแปะลงไปบนหน้าจอของมือถือความชัดของแสงก็ยังคงดีอยู่ สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเหมือนเดิม แต่ปัจจุบันนี้ฟิล์มกระจกนิรภัยมีราคาที่ถูกมากครับจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้
นาโนลิขวิด (Nano Liquid)
จุดเด่นของทางฟิล์มนาโนลิขวิดคือมันติดตั้งได้ง่ายมาก ไม่ทำให้เกิดฟองอากาศและยังมีคุณสมบัติการป้องกันแบคทีเรียอีกด้วย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับฟิล์มชนิดอื่นแล้ว นาโนลิขวิดถือว่ากินขาดในคุณสมบัติเหล่านี้ ส่วนการป้องกันแรงกระแทกและรอยขีดข่วนก็ดีมาก เพราะคุณภาพของมันจะอยู่ในระดับ 9H ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมฟิล์มชนิดนี้ถึงมีราคาแพงที่สุด
วิธีการเลือกเลือกฟิล์มกระจก iPhone
1. วัสดุที่ใช้ผลิตฟิล์ม
อย่างที่ได้บอกไปครับว่าฟิล์มจะมีหลากหลายประเภทให้เราได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น PET, TPU, T/P และ Nano Liquid ดังนั้นก่อนจะซื้อคุณต้องเช็กให้มั่นใจก่อนว่าฟิล์มเหล่านั้นเป็นฟิล์มกระจกจริงไหม และกระจกที่ว่าทำมาจากวัสดุอะไร เพราะในบางแบรนด์อาจมีการระบุว่าเป็นฟิล์มกระจก แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะทำมาจากพลาสติก ซึ่งทริคที่ผมแนะนำคือให้เช็กว่าบนผลิตภัณฑ์มีเขียน ‘Tempered Glass’ หรือ ‘กระจกนิรภัย’ หรือไม่ ? เนื่องจากกระจกประเภทนี้เป็นกระจกจริง 100%
2. พื้นผิวของฟิล์ม
สมาร์ทโฟนในทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าจอ Touch Screen ทั้งหมด ถ้าหากฟิล์มที่ติดลงไปทำให้หน้าจอมือถือทำงานได้ไม่สมูทหรือสัมผัสแล้วไม่ไป แน่นอนว่าการใช้งานก็จะลำบากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีถ้าหากฟิล์มกระจกมีการระบุว่า ‘Tempered Glass’ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยเกิดปัญหาเหล่านี้ครับ เพราะฟิล์มกระจกค่อนข้างจะมีคุณภาพ ไม่มีผลหรือเอฟเฟคต่อการทำงานของมือถือ
3. เช็กว่าฟิล์มติดตั้งเข้ากับรุ่นมือถือของเราได้หรือไม่ ?
ข้อนี้ถือว่าสำคัญมากที่สุดเลยครับ เพราะต่อให้ฟิล์มคุณภาพดีสักเท่าไหร่ แต่หากมันไม่สามารถติดบนมือถือได้พอดี ประสิทธิภาพของการป้องกันก็จะลดลง และจริง ๆ แล้วไม่ควรจะติดลงไปบนหน้าจอเลยครับ ควรจะเลือกฟิล์มที่ออกแบบมาสำหรับมือถือรุ่นนั้น ๆ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญมากคือการเช็กว่าฟิล์มตรงกับรุ่นมือถือของเราหรือไม่
ฟิล์มกระจก OG ฟิล์ม IPHONE เต็มจอ ไอโฟน

ราคา 35 บาท*
ฟิล์มกระจก OG มีการดีไซน์แบบใหม่ครับ โดยในรุ่นหรือเวอร์ชันก่อน ๆ จะมีความโค้งประมาณ 7D - 9D เมื่อติดฟิล์มลงไปแล้วมันจะไม่ครอบคลุมทั้งหน้าจอ แต่สำหรับรุ่นนี้จะโค้งแนบไปกับทั้งส่วนบนและส่วนปลายของมือถือ นอกจากนี้ระดับการป้องกันแรงกระแทกยังมีประสิทธิภาพกว่ารุ่นก่อนถึง 5 เท่า ที่สำคัญคือราคาค่อนข้างจะย่อมเยา เหมาะมากสำหรับคนที่ต้นทุนน้อย แต่อยากได้ฟิล์มกระจกดี ๆ ไปใช้งาน
จุดเด่น
- ป้องกันแรงกระแทกได้ดีกว่าฟิล์มปกติถึง 5 เท่า
- ความโค้งของฟิล์มเรียบไปกับหน้าจอและส่วนเว้าได้เป็นอย่างดี
- ราคาค่อนสบายกระเป๋า
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 5 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
ฟิล์มกระจก iPhone แบบเต็มจอ JITTRAPORN

ราคา 50 บาท*
จุดเด่นของฟิล์มกระจก JITTRAPORN คือผิวที่เป็นแบบ Oleophobic นั่นหมายความว่าตัวฟิล์มสามารถป้องกันน้ำได้อย่างดีเยี่ยมและสัมผัสได้แบบลื่นไหลไม่มีสะดุด รวมไปถึงการลดรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือกว่าฟิล์มปกติถึง 10 เท่าเลยละครับ ส่วนสีของฟิล์มเองก็จะไม่บดบังแสงของมือถือ สามารถมองเห็นได้ชัดจนในระดับ HD และที่ผมชอบมากเลยคือเมื่อติดลงไปแล้วจะไม่มีกาวหรือฟองน้ำให้กวนใจ
จุดเด่น
- ผ่านการเคลือบ Oleophobic ทำให้ป้องกันน้ำได้ดี
- ลดรอยขีดข่วนดีกว่าฟิล์มปกติถึง 10 เท่า
- ให้ความชัดกับหน้าจอมือถือในระดับ HD
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 6 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
ฟิล์มกระจก Focus iPhone

ราคา 55 บาท*
Focus เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ขายดีที่สุดเลยละครับ เพราะระดับการป้องการรอยขีดข่วนสูงถึง 9H อีกทั้งขอบของมันยังมีความมนแบบ 2.5D พร้อมด้วยการเคลือบ Coating พิเศษ ดังนั้นหน้าจอจะใสและคมชัดมาก ๆ อีกทั้งสีบนหน้าจอจะไม่เพี้ยนอย่างแน่นอน เป็นรุ่นที่เรียกว่า ‘Ultra Clear’ ออกแบบและวางขายมาในหลากหลายขนาดใช้กับ iPhone ได้เกือบทุกรุ่นเลยครับ
จุดเด่น
- ผ่านการเคลือบพิเศษ ทำให้หน้าจอสว่างใสและมองเห็นได้ชัดเจน
- สามารถป้องกันรอยขีดข่วนและการกระแทกในระดับ 9H
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 6 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
Hishield Selected ฟิล์มกระจก เต็มจอ iPhone ทุกรุ่น

ราคา 59 บาท*
Hishield ดังไม่แพ้ไปกว่า ‘Focus’ เลยครับ เนื่องจากราคาของฟิล์มไม่ได้สูงมาก แต่ในทางกลับกันคุณภาพของฟิล์มกระจกถือว่าดีมาก อย่างแรกเลยคือตัวกระจกที่ใช้เป็นระดับพรีเมียมเกรด A จากญี่ปุ่น ซึ่งกันรอยได้ในระดับ 99H เนื่องจากมีความหนาสูงถึง 0.33 mm นอกจากนี้ยังทัชสกรีนง่าย, ภาพมีความคมชัด และเมื่อติดไปแล้วจะไม่ทิ้งคราบกาวหรือฟองอากาศอะไรไว้อย่างแน่นอน
จุดเด่น
- กระจกเกรด A จากประเทศญี่ปุ่น
- ป้องกันรอยขีดข่วนได้ในระดับ 99H
- ไม่ทิ้งคราบฟองอากาศและกาวทิ้งไว้หลังจากติดเสร็จ
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 7 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
ฟิล์มกระจก ROCCO Apple iPhone

ราคา 117 บาท*
ROCCO จะใช้กระจก Tempered Glass ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบใสและด้าน โดยกระจกจะอิมพอร์ตมาจากญี่ปุ่นและอเมริกา ซึ่งไฮไลท์โดดเด่นของมันคือการกันกระแทก แม้ว่าจะตกลงมาจากความสูง 3 เมตร ตัวฟิล์มก็ยังสามารถป้องกันได้ ทั้งนี้ด้วยลักษระของฟิล์มเป็นแบบ Full screen ก็ทำให้มันป้องกันได้อย่างครอบคลุม ส่วนผิวสัมผัสที่ลื่นก็ทำให้เราเล่นมือถือสะดวกและไม่เกิดรอยนิ้วให้ฟิล์มดูไม่สวยงาม
จุดเด่น
- กระจกมีมาตรฐานสูง นำเข้าจากทั้งญี่ปุ่นและอเมริกา
- สามารถกันกระแทกได้แม้ว่าจะตกมาจากความสูงระดับ 3 เมตร
- ฟิล์มเป็นแบบ Full Screen ป้องกันหน้าจอแบบเต็มจอ
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 6 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
Commy กระจกนิรภัย เต็มจอ iphone

ราคา 119 บาท*
ฟิล์มกระจกของ Commy ผลิตออกมาได้อย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มจะผ่านการอบด้วยอุณหภูมิสูงนานกว่า 5 ชั่วโมง ดังนั้นความแข็งแรงของมันจึงดีกว่าฟิล์มปกติถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอย่าง Oil Vacuum Plating ซึ่งกันรอยนิ้วมือและน้ำมันได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนความใสของฟิล์มจะอยู่ในระดับ Crystal Clear คือมองเห็นได้อย่างชัดแจ๋วตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงเทคโนโลยี CNC ที่เข้ารูปกับหน้าจอมือถือได้แบบเต็มจอและเรียบสนิท
จุดเด่น
- เมื่อติดฟิล์มลงไปแล้ว ภาพยังคงชัดแจ๋ว ไม่มีสีผิดเพี้ยน
- ผ่านการอบมาอย่างดี ทำให้ฟิล์มแข็งแรงกว่าฟิล์มปกติถึง 2 เท่า
- มีเทคโนโลยี Oil Vacuum Plating กันได้ทั้งความมันและน้ำ
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 6 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
nuglas ฟิล์มกระจก สำหรับ iPhone

ราคา 189 บาท*
nuglas เป็นกระจกนิรภัยเหมือนกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง ‘Gorilla’ หรือ ‘Ablemen’ แม้ว่าจะเกิดการกระแทกอย่างหนักจากค้อน, ของมีคม หรือกุญแจ ตัวฟิล์มเองก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันหน้าจอของมือถือให้ปลอดภัยหายห่วง นอกจากนี้ยังมีการเคลือบ Oleophobic ที่ทัชหน้าจอได้แบบลื่นมือไม่มีสะดุด รวมไปยังมีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดข่วนและรอยกระแทกในระดับ 9H รับรองว่าถ้าติดลงไปแล้วหน้าจอมือถือเครื่องโปรดจะปลอดภัยอยู่กับเราไปได้อีกนาน
จุดเด่น
- มีการเคลือบ Oleophobic ทำหน้าจอทัชสกรีนง่าย
- รองรับแรงกระแทกในระดับ 99H
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone SE ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
Gorilla ฟิล์มกระจกนิรภัย ฟิล์มกระจก

ราคา 350 บาท*
Gorilla อาจมีราคาค่อนข้างจะแพง แต่บอกได้เลยครับว่าคุณสมบัติของฟิล์มกินขาดจากลิสต์ทั้งหมดที่ผมแนะนำเลยครับ ซึ่งจุดเด่นของมันคือการใช้เทคโนโลยี ‘Nano’ ดังนั้นฟิล์มจึงมีความละเอียดสูง เมื่อติดลงไปแล้วจะเรียบเป็นผิวเดียวกันกับหน้าจอมือถือ อีกทั้งตัวกระจกจะมาจากทาง AGC Asahi ที่เป็นเกรดระดับพรีเมียมจากญี่ปุ่น มีความแข็งแรงระดับ 9H และสัมผัสได้อย่างแม่นยำสูง รวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่ายสุด ๆ เลยละครับ
จุดเด่น
- กระจกที่ใช้ผลิตมาจาก AGC Asahi ซึ่งเป็นกระจกคุณภาพของประเทศญี่ปุ่น
- มีความแข็งแรงสูงในระดับ 9H
- มีเทคโนโลยี Nano ที่ให้ฟิล์มเรียบไปกับหน้าจอทั้งแผ่น
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 6 ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
ฟิล์มกระจกเต็มจอใส ABLEMEN iPhone

ราคา 790 บาท*
Ablemen ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในฟิล์มกระจกที่แข็งแรงที่สุดของวงการนี้เลยละครับ เพราะตัวฟิล์มมีเทคโนโลยี Heavy Impact ไม่ว่าจะเป็น ตัวขอบฟิล์มจะทนทานแข็งแรงกว่าฟิล์มกระจกทั่วไปถึง 2 เท่า ! มีการป้องกันรอยขีดข่วนในระดับ 99H และผ่านการเคลือบ Oleophobic ซึ่งสามารถกันคราบสกปรกทั้งไขมันและน้ำได้อย่างดีเยี่ยม รับรองว่าไม่มีน้ำหรือความมันใด ๆ ทะลุเข้าไปสัมผัสกับหน้าของจริง ๆ ของมือถืออย่างแน่นอน นอกจากนี้ตัวฟิล์มก็มีสัมผัสนิ่ม ทัชได้แบบลื่นปรื๊ด ไม่เพียงเท่านั้นภายในกล่องยังแถมอุปกรณ์อย่างผ้าไมโครไฟเบอร์, อุปกรณ์ช่วยเก็บฝุ่น และสติ๊กเกอร์สำหรับบอกตำแหน่งติดตั้ง บอกได้เลยว่าไม่มีอะไรคุ้มไปกว่านี้แล้วครับ
จุดเด่น
- กันกระแทกได้ดีกว่าฟิล์มปกติถึง 2 เท่า
- มีการเคลือบ Oleophobic กันได้ทั้งน้ำและไขมัน
- ทำความสะอาดง่าย
- ผิวของฟิล์มค่อนข้างลื่น ทำให้ทัชสกรีนได้สบาย
วัสดุ | กระจกนิรภัย (Tempered Glass) |
---|---|
รองรับมือไอโฟน | ตั้งแต่ iPhone 7+ ไปจนถึง iPhone 13 Pro max |
รองรับแรงกระแทก 9H |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ข้อดีของติดฟิล์มกันรอยบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
1. ป้องกันรอยขีดข่วนและน้ำ
ฟิล์มกระจกมีคุณสมบัติที่สามารถจะป้องกันรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ไปจนถึงรอยขีดข่วนขนาดใหญ่ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วมือถือของเรามีโอกาสเกิดรอยได้อยู่เสมอแม้จะใส่ไว้ในกระเป๋าก็ตาม เพราะอย่าลืมว่าภายในกระเป๋ามีสิ่งของอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปากกา, เหรียญ หรือกุญแจ ซึ่งของเหล่านี้จะกระแทกหรือทำให้หน้าจอของเราเป็นรอยได้ แต่หากมีฟิล์มป้องกันไว้อยู่ ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับหน้าจอชั้นในของเรา

2. ลดแรงกระแทกและการตกจากที่สูง
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเคยมีประสบการณ์ในการทำมือถือตกไม่มากก็น้อย ยิ่งใครที่ไม่ได้มีการใส่เคสมือถือหรือติดตั้งฟิล์มไว้เลย บอกได้เลยครับว่าหน้าจอของเราต้องเกิดรอยร้าวอย่างแน่นอน ซึ่งค่าเปลี่ยนจอในแต่ละครั้งนั้นเรียกว่าทำเอากระอักเลือดอยู่พอสมควร หรือถ้าแย่หน่อยอาจต้องซื้อมือถือใหม่กันเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากได้มีการติดฟิล์มคุณภาพดีเอาไว้ แน่นอนว่าบนตัวฟิล์มอาจเกิดการแตกหรือรอยร้าว อย่างไรก็ดีหน้าจอจริง ๆ ของมือถือจะไม่ได้รับความเสียหาย หรือถ้าหากตกมาจากที่สูงมาก ๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดรอยนิดหน่อย แต่เปอร์เซ็นต์ที่จะต้องเสียเงินซื้อมือถือใหม่ถือว่าน้อยมาก
3. ลดการสะท้อนแสง
คุณสมบัติของฟิล์มในเกือบทุกตัวจะมีอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ‘Anti-glare’ ซึ่งหมายความว่ามันช่วยลดการสะท้อนของแสงบริเวณหน้าจอ ทำให้เรามองหน้าจอได้ชัดและเคลียร์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการเล่นมือถือบริเวณที่แดดจ้าอย่างสระว่ายน้ำหรือทะเลก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
วิธีการทำความสะอาดฟิล์มกระจก
- ขั้นตอนที่ 1 : ให้เริ่มจากการทำความสะอาดง่าย ๆ คือการเช็ดฟิล์มกระจกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ก่อนครับ เพราะโดยปกติแล้วฟิล์มกระจกมีการเคลือบด้วยสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘oleophobic’ ทำให้มันมีคุณสมบัติในการป้องกันสิ่งสกปรก ดังนั้นเพียงแค่เช็ดคราบด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์คราบสกปรกก็จะหลุดออกไปได้ไม่ยาก

- ขั้นตอนที่ 2 : หากยังคงมีคราบติดแน่นอยู่ ผมแนะนำให้คุณเตรียมน้ำยาล้างจานยี่ห้อไหนก็ได้ หลังจากนั้นนำไปผสมกับน้ำเปล่าเพื่อลดความเข้มข้นของน้ำยา
- ขั้นตอนที่ 3 : นำผ้าไมโครไฟเบอร์มาชุบน้ำที่เตรียมไว้จากขั้นตอนที่ 2 จากนั้นให้นำไปเช็ดอย่างเบามือบนฟิล์มกระจกจนกว่าคราบสกปรกเหล่านั้นหายออกไป พยายามอย่าให้น้ำเข้าไปส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง ให้น้ำอยู่เพียงแค่บริเวณฟิล์มกระจก
- ขั้นตอนที่ 4 : นำผ้าแห้งมาเช็ดส่วนที่เปียกให้แห้งเพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ ทั้งนี้หากยังคงเหลือคราบอยู่ก็แนะนำให้ทำขั้นตอนที่ 3 และขั้นตอนที่ 4 อีกครั้ง