อาการท้องผูกเป็นอะไรที่ไม่มีใครอยากจะพบเจอเลยครับ เพราะเมื่อถึงเวลาขับถ่ายในแต่ละครั้งจะทรมานมาก ๆ เนื่องจากอุจจาระมีความแข็ง จำเป็นต้องออกแรงเบ่งถ่ายและอาจเกิดแผลบริเวณทวารหนักจนอาจกลายเป็นริดสีดวงทวารได้ โดยการป้องกันไม่ให้ปัญหาท้องผูกรุกรามกลายเป็นปัญหาใหญ่อย่างริดสีดวง เราก็จะต้องรับประทานอาหารสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น เมนูผักบุ้ง, เมนูผักทั่วไป, น้ำผัก หรือน้ำผลไม้

แต่ในบางครั้งการรับประทานผักและผลไม้ก็อาจมีกากใยไม่เพียงพอที่จะช่วยให้อาการท้องผูกเรื้อรังของเราดีขึ้น ดังนั้นคุณอาจต้องมีตัวช่วยเพื่อให้ระบบการขับถ่ายของเรากลับมาเป็นปกติ นั่นคือ อาหารเสริมไฟเบอร์, เครื่องดื่มระบายท้อง และช้อยส์ที่เห็นผลมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น ‘ยาระบาย แก้ท้องผูก’ เพราะตัวยาจะเข้าไปออกฤทธิ์ทำให้ลำไส้ของเราเกิดการบีบตัว ในขณะที่ยาบางตัวจะเพิ่มน้ำให้กับอุจจาระมีความนิ่ม จนในที่สุดการขับถ่ายก็จะกลับมาปกติดังเดิม ช่วยให้ปัญหาท้องผูกเรื้อรังได้รับการรักษา
อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าหลายคนอาจไม่มีข้อมูลหรือไม่แน่ใจว่าควรจะรับประทานยาระบายตัวไหนดี ดังนั้นวันนี้ผมจึงอยากจะมาแชร์ความรู้และยาระบายชนิดต่าง ๆ ที่ปลอดภัยต่อการรับประทานมาฝากกันครับ
ยาระบาย แก้ท้องผูก แบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
- ยาระบายสมุนไพร :: ยาธรณีสันฑะฆาต อุทัยประสิทธิ์
- ยาระบายไฟเบอร์ : Nakiz Lively Fiber ไฟเบอร์ ดีท็อกซ์ มีใยอาหารสูง แก้ท้องผูก
- ยาระบายมะขามแขก: ยาระบาย ใบ มะขามแขก Senokot
- ยาระบาย แมกนีเซีย :: ยาระบาย มิลค์ ออฟ แมกนีเซีย ซี.บี.
- ยาระบาย hepalac :: HEPALAC เฮพพาแลค บรรเทาอาการ ท้องผูก
ยาระบาย แก้ท้องผูก คืออะไร ? (1)
ยาระบายเป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อการขับถ่ายของเรา ดังนั้นใครกำลังพบเจอกับปัญหาท้องผูกหรือขับถ่ายไม่ปกติ อาจจะต้องรับประทานยาระบายเพื่อช่วยให้ลำไส้เกิดการบีบตัว และถ่ายอุจจาระออกมาในที่สุด แต่ในขณะเดียวกันยาระบายในท้องตลาดก็มีการออกฤทธิ์แตกต่างกัน ทั้งยังมีหลากหลายประเภทและหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อเยอะมาก ดังนั้นก่อนที่จะไปซื้อยาระบายมารับประทาน เราก็ควรทำความเข้าใจกับยาระบายแต่ละประเภทกันก่อนครับ
ยาระบายประเภทไหนปลอดภัยในการใช้บ้าง ?
1. ยาช่วยหล่อลื่นอุจจาระ (2)
ตัวยาจะเข้าไปในลำไส้เพื่อทำให้อุจจาระมีความหล่อลื่นและนิ่มกว่าเดิม ดังนั้นการขับถ่ายก็จะง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ส่วนประกอบที่นิยมใช้ในยาระบายประเภทนี้จะเป็น ‘น้ำมันแร่’ ซึ่งโดยปกติแล้วตัวยาจะมาในรูปแบบของน้ำ หรือยาสวนทวารหนัก
2. ยาระบายออกฤทธิ์เพิ่มปริมาณอุจจาระ (3)
ส่วนประกอบที่ใช้กันบ่อยในยาระบายประเภทนี้คือ เมตามิวซิล (Metamucil) และ ยาเมทิลเซลลูโลส (Citrucel) ซึ่งจะมีทั้งแบบผงและแคปซูล โดยเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว อุจจาระภายในลำไส้จะดูดซับน้ำเข้าไปมากกว่าเดิม พร้อมกันนี้ยังกระตุ้นการบีบตัวของล้ำไส้ เพื่อให้อุจจาระที่ตกค้างอยู่ภายในออกมาจนหมด
* เป็นยาที่ค่อนข้างจะปลอดภัย เพราะกากใยจะไม่มีผลข้างเคียงอันตราย หากรับประทานในปริมาณที่ถูกต้อง หรือตามที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ *
3. ยาดูดซับน้ำกลับเข้าไปในลำไส้ (4)
ยาในกลุ่มนี้จะเรียกว่า ‘ออสโมซิส’ ที่จะออกฤทธิ์ให้น้ำภายในลำไส้กลับเข้าไปยังอุจจาระเหมือนเดิม และเพิ่มการการเคลื่อนตัวของลำไส้ ช่วยให้คนที่มีอาการท้องผูกหรือไม่ถ่าย สามารถจะขับถ่ายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยชื่อยาที่ใช้กันเยอะและถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้คือ ‘มิลค์ออฟแมกนีเซีย’ และ ‘กลีเซอรอล’ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบ น้ำ, สวนทวาร หรือยาเหน็บ
4. ยาเพิ่มการอ่อนตัวของอุจจาระ (4)
ปกติแล้วยาประเภทนี้จะมีส่วนประกอบของ ‘ด็อกคิวเสต’ และ ‘ไดออกทิลโซเดียมซัลโฟซักซิเนต’ มีการออกฤทธิ์ให้อุจจาระเกิดความนิ่มตัว ขับออกจากลำไส้ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยตัวยาจะผลิตออกมาวางขายในรูปแบบของยาเม็ดซะเป็นส่วนใหญ่
5. ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (4)
การออกฤทธิ์เป็นตามชื่อประเภทของยาเลยครับ เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วมันจะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ และยังทำให้ระบบการย่อยอาหารเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรูปแบบของยาก็มีให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ยาเม็ด, ยาเคี้ยว, ยาเหน็บ, ยาผง และยาน้ำ โดยแบรนด์ยาที่เห็นกันบ่อย ๆ ก็จะมี Dulcolax และ Senokot
* สามารถใช้ได้ แต่ไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อตับและเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้ *
6. ยาระบายแบบเกลือ (4)
ตัวยาจะเข้าไปเพิ่มน้ำให้กับลำไส้เล็กเพื่อช่วยให้ลำไส้เกิดการบีบตัว ซึ่งตัวยาที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้จะมีเพียงแค่ ‘แมกนีเซียมซิเตรต’ และจะผลิตมาในรูปแบบของยาเม็ดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ยาระบายประเภทไหนออกฤทธิ์เร็วที่สุด ?
ยาระบายแต่ละชนิดหรือแต่ละประเภทจะใช้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์แตกต่างกันออกไป
- ยาออกฤทธิ์เร็ว : ยาระบายแบบเกลือ
- ยาออกฤทธิ์เร็วระดับปานกลาง : ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
- ยาออกฤทธิ์ออกฤทธิ์ช้า : ไฟเบอร์ หรือ ยาช่วยให้อุจจาระนิ่ม
จากผลงานวิจัยในปี 2015 ได้ผลออกมาว่าระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของยาระบายจะมี ดังนี้ (1-5)
- ยาดูดซับน้ำกลับเข้าไปในลำไส้ : ประมาณ 30 นาที – 6 ชั่วโมง (ในบางรายอาจกินเวลาไปถึง 24 – 48 ชั่วโมง)
- ยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ : ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 6 – 12 ชั่วโมง
- ยาเพิ่มการอ่อนตัวของอุจจาระ : ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 24 – 48 ชั่วโมง
- ไฟเบอร์ : ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 12 – 72 ชั่วโมง
ยาระบายผลิตออกมาในรูปแบบไหนบ้าง ?
ยาช่วยให้อุจจาระนิ่มตัว
|
ยาระบายชนิดอื่น ๆ
|
รีวิว ยาระบาย มิลค์ ออฟ แมกนีเซีย ซี.บี.

ราคา 50 บาท*
เมื่อรับประทาน มิลค์ ออฟ แมกนีเซีย ซี.บี. ในปริมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะก่อนเข้านอน ตัวยาจะเข้าไปเพิ่มปริมาณน้ำให้กับอุจจาระที่ตกค้างอยู่ภายในลำไส้ เมื่อตื่นมาในตอนเช้าร่างกายของเราก็จะขับถ่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนอีกข้อหนึ่งที่ดีมาก ๆ เลยคือเราจะไม่ปวดมวนท้องหรือเกิดอาการท้องบิดแต่อย่างใด ถือว่าเป็นยาระบายที่รับประทานง่ายและแทบจะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายน้อยมาก
บรรจุ | 240 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | Magnesium Hydroxide |
วิธีรับประทาน | 2 - 3 ช้อนโต๊ะ (ก่อนนอน) |
รีวิว HEPALAC เฮพพาแลค บรรเทาอาการ ท้องผูก

ราคา 90 บาท*
HEPALAC มีฤทธิ์ในการดึงน้ำจากร่างกายของเราเข้าสู่ลำไส้ เพื่อทำให้อุจจาระเกิดการนิ่มตัว จนในที่สุดการขับถ่ายก็จะง่ายยิ่งขึ้น เพราะส่วนประกอบของตัวยาจะเป็นน้ำตาลสังเคราะห์อย่าง แลคตูโลส ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยแก้ไขเรื่องท้องผูกโดยเฉพาะ ในขณะเดียวกันส่วนประกอบภายในยาน้ำยังมีจุลินทรีย์ชนิดดีอย่างโพรไบโอติก เพื่อเข้าไปปรับระบบทางเดินอาหารให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ตัวยาสามารถใช้ได้กับทั้งเด็ก, ผู้ใหญ่ และผู้หญิงตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียงอันตรายครับ
บรรจุ | 100 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | แลคตูโลส |
วิธีรับประทาน | 2 - 3 ช้อนโต๊ะ (3 เวลาหลังอาหาร) |
รีวิว ยาระบาย ใบ มะขามแขก Senokot

ราคา 98 บาท*
บรรจุ | 60 เม็ด |
---|---|
ส่วนประกอบ | สารสกัดจากมะขามแขก |
วิธีการใช้ | 2 เม็ด / ครั้ง (ก่อนนอน) |
รีวิว ดูฟาแลค ยาระบายชนิดน้ำเชื่อม Duphalac Syrup

ราคา 160 บาท*
Duphalac Syrup เป็นอีกหนึ่งตัวที่มีความปลอดภัยสูง สามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยรูปแบบของยาจะเป็นน้ำเชื่อม มีฤทธิ์ในการช่วยให้อุจจาระอ่อนนิ่มขึ้น และภายในตัวยายังมีส่วนประกอบอย่างพรีไบโอติก ซึ่งเพิ่มจุลินทรีย์และเป็นการปรับสมดุลให้กับลำไส้ไปด้วยในตัว หากใครกำลังเจอกับปัญหาขับถ่ายได้ยาก (แต่ยังพอขับถ่ายได้) รวมไปถึงคนที่อุจจาระแข็ง เป็นริดสีดวงทวารและมีอาการท้องผูก Duphalac Syrup สามารถช่วยคุณได้ครับ
บรรจุ | 100 มิลลิลิตร |
---|---|
ส่วนประกอบ | ฟรักโทส, แล็กโทส และ กาแล็กโทส |
วิธีรับประทาน | 1 - 3 ช้อนโต๊ะ / วัน (ผู้ใหญ่) |
รีวิว ยาธรณีสันฑะฆาต อุทัยประสิทธิ์

ราคา 195 บาท*
ยาธรณีสันฑะฆาตของทางแบรนด์อุทัยประสิทธิ์จะเน้นการใส่ส่วนประกอบที่เป็นสมุนไพร อย่างเช่น ลูกจันทร์, กานพลู หรือรากเจตมูลเพลิงแดง โดยสมุนไพรต่าง ๆ ที่ใส่ลงไปล้วนแล้วแต่มีฤทธิ์ในการดีท็อกซ์ลำไส้ สามารถแก้อาการท้องผูกเรื้อรังรวมไปถึงชำระเมือกมันที่ตกค้างในลำไส้ เมื่อรับประทานตามปริมาณที่แนะนำ ระบบการขับถ่ายจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ทั้งนี้ยังได้ข้อดีในเรื่องของการลดหน้ามันและสิวอุดตันบนผิวหน้าอีกด้วย
บรรจุ | 75 แคปซูล |
---|---|
ส่วนประกอบ | กานพลู, ดอกจันทน์, ลูกจันทน์ และอื่น ๆ |
วิธีรับประทาน | 3 - 5 แคปซูล (ก่อนนอน) |
รีวิว Nakiz Lively Fiber ไฟเบอร์ ดีท็อกซ์ มีใยอาหารสูง แก้ท้องผูก

ราคา 490 บาท*
Nakiz Lively Fiber ถือว่าเป็นไฟเบอร์อีกหนึ่งตัวที่ขายดีมาก เพราะกากใยในแต่ละซองจะเทียบเท่ากับการรับประทานมะละกอถึง 50 ชิ้น อีกทั้งยังมีทั้งพรีและโพรไบโอติก ซึ่งมีความสำคัญต่อลำไส้ของเรามาก ๆ สามารถแก้ไขปัญหาท้องผูกและช่วยให้เราขับถ่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังไม่ทำให้เราเกิดอาการปวดมวนท้องอีกด้วย ในขณะเดียวกันผิวของเราก็จะสวย, พุงยุบและลำไส้มีความสะอาด เนื่องจากอุจจาระที่ตกค้างภายในล้ำไส้ได้ถูกกำจัดออกไปอย่างหมดจด
บรรจุ | 7 ซอง |
---|---|
ส่วนประกอบ | ไฟเบอร์ |
วิธีรับประทาน | ละลายกับน้ำเย็น 150 มิลลิลิตร |
รีวิว Infolife Fiber ไฟเบอร์เด็กแก้ท้องผูก

ราคา 590 บาท*
สำหรับผู้ปกครองคนไหนที่มีลูกน้อยเกิดอาการท้องผูกหรือขับถ่ายลำบาก ผมอยากจะแนะนำ Infolife Fiber ครับ เพราะผลิตภัณฑ์ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ โดยไฟเบอร์ล้วนแล้วแต่มีส่วนผสมทางธรรมชาติแบบ 100% เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วร่างกายจะได้ทั้งกากใยและจุลินทรีย์ในลำไส้ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาแบบตรงจุด ช่วยแก้อาการท้องผูกและปรับความสมดุลของล้ำไส้ มีความปลอดภัยสูงสามารถรับประทานได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
บรรจุ | 120 กรัม / กระปุก |
---|---|
ส่วนประกอบ | ไฟเบอร์ |
วิธีรับประทาน | ½ ช้อนตวง ต่อวัน (น้ำหนัก 10 กิโลกรัม), 1 ช้อนตวง ต่อวัน (น้ำหนัก 10 - 20 กิโลกรัม) และ 1.5 ช้อนตวง ต่อวัน (น้ำหนัก 20 กิโลกรัม) |
รีวิว Lactis Apple Cider Vinegar อาหารเสริม เพิ่มจุลินทรีย์ดีในลำใส้

ราคา 3,600 บาท*
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาในรูปแบบของอาหารเสริมจากประเทศญี่ปุ่นครับ โดยจุดเด่นของมันคือจุลินทรีย์กว่า 16 สายพันธุ์ และส่วนสกัดทั้งหมดเป็นธรรมชาติแบบ 100% เมื่อรับประทานต่อเนื่องตามคำแนะนำ ภายในระเวลา 30 วัน จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนเลยครับว่าระบบขับถ่ายกลับมาเป็นปกติ ชนิดที่อาการท้องผูกเรื้อรังหายไปแบบปลิดทิ้ง รวมไปถึงอาการท้องอืด, ท้องเฟ้อ และผิวก็จะดีขึ้นตามไปด้วย หากเปรียบเทียบกับการรับประทานโยเกิร์ตแล้ว Lactis Apple Cider Vinegar ถือว่าได้ผลลัพธ์ดีและเร็วกว่าหลายเท่า นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยสูง คุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และมีอาการท้องผูก สามารถรับประทานอาหารเสริมตัวนี้เพื่อแก้ไขอาการข้างต้นได้ครับ
บรรจุ | 30 ซอง |
---|---|
ส่วนประกอบ | สารสกัดจากแบคทีเรียชนิดดี |
วิธีรับประทาน | ผสมกับน้ำ 1 แก้ว |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ ยาระบาย แก้ท้องผูก ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
Lactis Apple Cider Vinegar อาหารเสริม เพิ่มจุลินทรีย์ดีในลำใส้ |
|
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาระบาย (5)
จริง ๆ แล้วถ้าหากใช้ยาระบายอย่างถูกต้องและไม่บ่อยจนเกินไป โดยส่วนใหญ่จะไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นครับ แต่ในบางเคสก็อาจเกิดได้เช่นกัน (แต่โอกาสเกิดค่อนข้างน้อย) ทั้งนี้ผลข้างเคียงก็จะมีทั้งผลข้างเคียงเล็กน้อยไปจนถึงผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อรักษาโดยทันที
ผลข้างเคียงเล็กน้อย | ยาช่วยให้อุจจาระนิ่ม | ยาระบายชนิดอื่น ๆ |
ปวดท้อง | ✔ | ✔ |
คลื่นไส้ | ✔ | ✔ |
เจ็บคอ | ✔ | |
ท้องอืด | ✔ | |
อ่อนล้า | ✔ |
ผลข้างเคียงรุนแรง | ยาช่วยให้อุจจาระนิ่ม | ยาระบายชนิดอื่น ๆ |
อาการแพ้ | ✔ | ✔ |
อาเจียน | ✔ | ✔ |
ถ่ายเป็นเลือด | ✔ | |
อุจจาระเฉียบพลัน | ✔ |
วิธีการหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกในอนาคต

- หากมีการรับประทานยาที่ส่งผลต่อการระบบขับถ่ายหรือเกิดอาการท้องผูก คุณอาจจะต้องปรึกษาคุณหมอเพื่อลดปริมาณของยา เพื่อทำให้ขับถ่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น
- พยายามรับประทานผลไม้และผักใบเขียวมากขึ้น เพื่อเพิ่มกากใยให้กับร่างกาย
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว / วัน เพื่อเพิ่มน้ำให้อุจจาระเกิดการนิ่มตัวยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น

- พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลปริมาณมาก เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่าการที่เรารับแคลอรีเข้าไปเยอะ ๆ จนน้ำหนักเพิ่มขึ้น อาจมีผลต่อเนื่องถึงและเพิ่มโอกาสเกิดอาการท้องผูก
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง พยายามออกกำลังกายหรือจะเดินให้มากขึ้นก็ได้ เพราะทั้งสองอย่างนี้ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ทั้งยังป้องกันอาการท้องผูกได้เช่นเดียวกัน
References :