แม้ว่าทุกวันนี้จะทางการประกาศยกเลิกการสวมแมสก์ไปแล้ว แต่ต้องยอมรับว่ายังมีอีกหลายคนที่เคยชินการสวมแมสก์จนเป็นเรื่องปกติและได้กลายเป็นอวัยวัยวะชิ้นที่ 33 ไปเสียแล้ว เพราะนอกจากแมสก์จะช่วยป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว ก็ยังป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก กลิ่นไม่พึงประสงค์ เชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียและอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงบางครั้งการสวมแมสก์ก็เป็นตัวช่วยดี ๆ ในกรณีที่เราไม่อยากแสดงสีหน้าทางอารมณ์ให้คนรอบข้างเห็น

แต่การสวมแมสก์ก็มาพร้อมกับอุปสรรคสำหรับสาว ๆ เหมือนกันค่ะ นั่นก็คือปัญหา “เครื่องสำอางติดแมสก์” โดยเฉพาะกับลิปสติกที่เป็นจุดสำคัญที่สุด แต่ไม่กังวลใจไปค่ะ เพราะปัจจุบันนี้มีแบรนด์เครื่องสำอางมากมายที่ผลิตลิปสติกติดทนนานโดยที่ยังคงให้ความชุ่มฉ่ำอยู่ในตัว ไม่ทำให้ปากแห้งแบบลิปสติกเนื้อแมตต์ ช่วยให้คุณสามารถสวมแมสก์ได้ตลอดวันโดยที่ลิปสติกไม่ติดแมสก์เลยสักนิด ในวันนี้เราจึงได้รวบรวม “ลิปไม่ติดแมสก์ ลิปติดทน ไม่แห้ง ไม่แมตต์” มาให้คุณได้พิจารณา ว่าแล้วก็มาดูกันเลยค่ะว่าจะมีของแบรนด์ไหนบ้าง?
ลิปไม่ติดแมสก์ ลิปติดทน ยี่ห้อไหนใช้ดีที่สุด
- สิปสติกที่ติดทนนานที่สุดสมคำร่ำลือ ฟินิชฉ่ำวาว ริมฝีปากดูอวบอิ่มสุขภาพดี : Maybelline Superstay Vinyl Ink ลิปติดทนเมย์เบลลีน
- ลิปสติกสีสดชัด ติดทนยาวนาน ใช้เทคนิคการทา 2 สเต็ป เนื้อสีแห้งไว ไม่เลอะเทอะ: KIKO MILANO Unlimited Double Touch ลิปกลอส
- ลิปทินท์ติดทนนาน เบาสบายเหมือนไม่ได้ทา เป็นลิปสติกที่สามารถทาได้ในทุก ๆ วัน: Bbia Water Velvet Tint เปียลิปทินท์เนื้อน้ำ
ลิปสติกแบบไหนเหมาะกับคุณ เลือกตามประเภทของลิปสติก
จริง ๆ แล้วประเภทของลิปสติกหากจะให้แบ่งออกง่าย ๆ ก็มีเพียง 2 ประเภทเท่านั้น นั่นคือลิปสติกแบบแท่งที่เป็นเนื้อครีมขึ้นรูป และลิปสติกเนื้อเหลวหรือที่เราเรียกว่าลิควิดลิปสติก แต่ทั้งนี้เนื้อสัมผัสของลิปสติกก็จะมีความต่างกัน ซึ่งความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ฟินิชลุคออกมาต่างกันด้วย ดังนั้นเรามาดูชนิดของลิปสติกกันสักหน่อยค่ะว่าแบบไหนจะเหมาะสำหรับคุณ
|
1. ลิปสติกเนื้อเชียร์หลาย ๆ คนอาจคิดว่าลิปเนื้อเชียร์ไม่สามารถทาแล้วติดทนได้นาน เพราะด้วยลักษณะของลิปประเภทนี้จะเน้นความแวววาว มีประกายเล็ก ๆ เนื้อสัมผัสนุ่มลื่น และค่อนข้างเกลี่ยทาง่าย อัดแน่นไปด้วยน้ำมันที่มอบความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก ทำให้ต้องเติมลิปทุก 3-4 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันนี้มีหลายแบรนด์ผลิตลิปสติก “เชียร์แมตต์ (Sheer Matt)” ขึ้นมา ลิปประเภทนี้ในตอนที่ทาจะรู้สึกทาง่าย มีสัมผัสลื่น ๆ แต่เมื่อเนื้อลิปเริ่มเซตตัวก็จะค่อย ๆ เพิ่มความแมตต์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนให้ผลลัพธ์ที่ติดทนยาวนานในที่สุด |
|
2. ลิปสติกเนื้อแมตต์เมื่อพูดถึงลิปสติกเนื้อแมตต์หลายคนอาจคิดว่ามีแต่ลิปสติกแบบแท่งใช่มั้ยคะ? แต่จริง ๆ คำว่าเนื้อแมตต์นั้นจะเป็นลิปแบบไหนก็ได้ ขอแค่ฟินิชลุคออกมาแมตต์แห้งกร้านและติดทนนานก็เรียกว่าลิปแมตต์ได้แล้วค่ะ สิ่งที่เป็นจุดเด่นของลิปแมตต์นอกจากออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ยาวนานแล้วก็คงจะเป็นเม็ดสีที่สดชัด ทำให้เราไม่จำเป็นต้องทาหลาย ๆ รอบก็สามารถกลบสีปากได้เนียนสนิท ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของลิปประเภทนี้คือมันค่อนข้างแห้งและตกร่องได้ง่าย ดังนั้นคุณจะต้องบำรุงริมฝีปากตัวเองก่อนทาลิปแมตต์ด้วยนะคะ และตอนเช็ดทำความสะอาดจะต้องใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ที่เป็นน้ำมันเพื่อลบออกเท่านั้น |
|
3. ลิปออยล์หลายคนในที่นี้มักสับสนระหว่างลิปออยล์และลิปกลอส ซึ่งจริง ๆ แล้วลิปทั้งสองชนิดนี้ต่างกันมาก จุดเด่นของลิปออยล์คือการใช้บำรุงริมฝีปากที่บอบบางให้ดูชุ่มฉ่ำและอวบอิ่ม เนื่องจากส่วนผสมลิปออยล์ก็คือน้ำมันเข้มข้นที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก เหมาะสำหรับคนที่มีริมฝีปากแห้งแตกง่ายมากที่สุด ในด้านของเม็ดสีนั้นอาจจะเป็นแบบสีใสที่ไม่มีสี หรือเป็นลิปที่สามารถให้สีสันก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับแต่ละสูตร ลิปออยล์สามารถมอบทั้งความเงางามและความติดทนนานได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนกับการทาลิปกลอสด้วยค่ะ |
|
4. ลิปทินท์ลิปทินท์เป็นลิปที่นิยมมากที่สุดในหมู่สาว ๆ เพราะใช้งานง่าย ทั้งยังมีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ลิปทินท์ลิควิด มีสีที่สวยงามและติดทนนาน แต่การปกปิดน้อยกว่า, ลิปทินท์เนื้อแมตต์ สามารถปกปิดได้ยาวนานที่สุด เนื้อสัมผัสบางเบาเหมือนไม่ได้ทาลิป ฟินิชลุคจะเหมือนมีชั้นเคลือบอีกชั้น, ลิปทินท์แบบเนื้อครีม มีน้ำหนักเบา ให้ความชุ่มชื่นได้มากกว่าแบบแมตต์ ริมฝีปากดูนุ่มและฟูขึ้นหลังทาเสร็จ และสุดท้ายคือลิปทินท์แบบลอกออก สามารถติดทนได้หลายวัน วิธีใช้งานง่ายดาย เพียงแค่ทาทิ้งไว้หนา ๆ สัก 10 นาที แล้วลอกออก |
|
5. ลิปกลอสลิปกลอสจะมีลักษณะที่จดจำง่าย เพราะเป็นลิปที่มีความเหนียวเหนอะหนะ ให้ความชุ่มชื่นสูง เหมาะสำหรับคนที่ริมฝีปากแห้งมาก ๆ ทั้งยังเป็นลิปที่สายฝอนิยมใช้มากที่สุด เพราะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มเหมือนฉีดฟิลเลอร์เลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งปัจจุบันก็มีลิปกลอสหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ลิปกลอสแบบใส, ลิปกลอสแบบมีสี, ลิปกลอสกลิตเตอร์ และลิปกลอสที่ให้ฟินิชลุคแบบแมตต์ หลายคนอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่เรากำลังบอก แต่เชื่อเถอะค่ะว่าลิปกลอสสามารถแมตต์ได้จริง ๆ โดยทางแบรนด์จะออกแบบลิปกลอส 2 ด้าน ด้านแรกเป็นสีลิปตามปกติใช้ทาเพื่อกลบสีปากของเรา ส่วนด้านที่สองจะเป็นลิปกลอสสีใสที่ทำหน้าที่เป็นชั้นฟิล์มเคลือบเนื้อลิปสติกชั้นแรกที่เราทาไว้ ซึ่งเมื่อชั้นที่สองแห้งแล้วมันไม่หลุดตลอดทั้งวันเลยค่ะ |
Maybelline Superstay Vinyl Ink ลิปติดทนเมย์เบลลีน

ราคา 269 บาท*

จุดเด่น
- ลิปสติกที่ติดทนที่สุดสมคำร่ำลือ ให้ฟินิชฉ่ำวาว ริมฝีปากดูอวบอิ่มสุขภาพดี ทางแบรนด์เคลมมาว่าติดทนนานถึง 16 ชั่วโมง แต่ตอนทาต้องทำให้ริมฝีปากแห้งสนิทก่อน เพื่อให้ลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปริมาณ | 4.2 มิลลิลิตร |
---|---|
รูปแบบ | ลิควิดลิปสติก |
จำนวนเฉดสี | 8 เฉดสี |
สีแนะนำ | 15 Peachy |
KIKO MILANO Unlimited Double Touch ลิปกลอส

ราคา 799 บาท*

จุดเด่น
- ลิปสติกสีสดชัด ใช้เทคนิคการทา 2 สเต็ป ติดทนยาวนาน เนื้อสีแห้งไว ไม่เลอะเทอะ มีความฉ่ำน้ำเป็นพิเศษ ทางแบรนด์เคลมว่าติดทนถึง 12 ชั่วโมงโดยไม่ทำให้สีเปลี่ยนหรือสีดร็อประหว่างวัน
ปริมาณ | 6 มิลลิลิตร |
---|---|
รูปแบบ | ลิควิดลิปสติก |
จำนวนเฉดสี | 19 เฉดสี |
สีแนะนำ | 103 Natural Rose |
Kate Lip Monster ลิปสติกสีสดชัด

ราคา 476 บาท*
จุดเด่น
- เมื่อความชุ่มชื่นระเหยออก เนื้อลิปสติกจะเปลี่ยนเป็นชั้นฟิลม์เคลือบริมฝีปาก เม็ดสีสวยชัด ติดทนยาวนาน
- แนะนำต้องให้เวลาลิปสติกเซตตัวสักหน่อย อย่าเพิ่งสวมแมสก์ทันทีที่ทาเสร็จ
ปริมาณ | 3 กรัม |
---|---|
รูปแบบ | ลิปสติกแท่ง |
จำนวนเฉดสี | 7 เฉดสี |
สีแนะนำ | 02-Pink Banana |
ETUDE Fixing Tint Bar ลิปสติกแท่ง ไม่ติดแมสก์

ราคา 580 บาท*
จุดเด่น
- เนื้อสิปสติกเป็นแบบ Hydro-Matte เบาสบาย ติดทนนานพอประมาณ ปากไม่แห้งระหว่างวัน
- เนื่องจากออกแบบมาให้เน้นเบลนสีฟุ้ง ๆ แบบเทรนด์สาวเกาหลี ดังนั้นเม็ดสีจะไม่ได้สดชัดมากนัก คนที่ต้องการซื้อมาทาเพื่อกลบสีปากอย่างเดียวไม่ใช้เทคนิคเบลนสี จะต้องทาซ้ำหลาย ๆ รอบหน่อยค่ะ
ปริมาณ | 3.2 กรัม |
---|---|
รูปแบบ | ลิปสติกแท่ง |
จำนวนเฉดสี | 5 เฉดสี |
สีแนะนำ | 05 Mauve Pink |
Bbia Water Velvet Tint เปียลิปทินท์เนื้อน้ำ

ราคา 355 บาท*
ลิปทินท์จากแบรนด์ Bbia เรียกว่าเป็นลิปม้ามืดสำหรับเราเลยค่ะ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าทางแบรนด์จะผลิตลิปสติกที่สีสวยโดนใจแถมยังมีคุณภาพดีสุด ๆ เนื่องจากน้องติดทนยาวนานมาก ๆ ทาเสร็จก็จะให้ฟินิชลุคปากสวยเหมือนไม่ได้ทา สวยแบบธรรมชาติ ให้อารมณ์ตื่นมาปากก็สวยอยู่แล้ว (อิอิ) สีลิปสติกคือดีมาก!! เหมือนเราไปสักปากถาวรมาอย่างนั้นเลยค่ะ ดูสมจริงไม่ดูหลอกตา สีจะออกนัว ๆ แม้ว่าเวลาเบลนสีอาจจะไม่ได้เลิศเท่าของ ETUDE แต่ก็ไม่ต้องซำ้หลายรอบนะคะเพราะเม็ดสีชัด ทาแล้วไม่เลอะเทอะแมสก์แน่นอนค่ะ ของมันต้องมีนะคะสาว ๆ ซื้อเถอะค่ะขอร้อง!!
จุดเด่น
- ติดทนนานตลอดทั้งวัน ให้ความรู้สึกเบาสบายเหมือนไม่ได้ทา แต่ฟินนิชลุคคล้ายกับกำมะหยี่ เนื้อลิปทาง่าย เหมือนสีปากจริง ๆ เป็นลิปสติกที่สามารถทาได้ในทุก ๆ วัน
ปริมาณ | 2.9 มิลลิลิตร |
---|---|
รูปแบบ | ลิควิดลิปสติก |
จำนวนเฉดสี | 5 เฉดสี |
สีแนะนำ | 05 Rose madder |
M040 Sensory party ลิปกลอส ติดทนนาน

ราคา 28 บาท*
จุดเด่น
- สีสวยเป็นธรรมชาติ กลิ่นหอมหวานเหมือนพีช ทารอบเดียวดูไม่ออกว่าทาเหมาะสำหรับน้อง ๆ นักเรียน ทา 2 รอบจะให้เม็ดสีสวยชัดขึ้นเหมาะสำหรับน้อง ๆ นักศึกษา สีติดทนพอประมาณ
ปริมาณ | ไม่ระบุ |
---|---|
รูปแบบ | ลิควิดลิปสติก |
จำนวนเฉดสี | 6 เฉดสี |
สีแนะนำ | 01 |
NYX Shine Loud High Shine Lip Color ลิปกลอสสีชัด

ราคา 540 บาท*
ทนกระแสรีวิวจากบิ้วตี้บล็อกเกอร์ต่างประเทศไม่ไหว แม้ว่า NYX จะเลิกขายในไทยไปแล้ว แต่เราสามารถ Pre-order ข้ามฟ้าข้ามน้ำทะเลมาใช้ได้อยู่ดีค่ะ สำหรับลิปกลอสรุ่นนี้มีเสียงลือหนาหูมากกว่าติดทนจริงไม่หลุดไม่จกตา รูปแบบการใช้งานจะเหมือนของ KIKO MILANO ที่เรารีวิวไว้แล้ว ซึ่งจะมี 2 ฝั่งคือด้านสีลิปและด้านกลอสใส แต่รุ่นนี้จะต้องรอเวลาให้ลิปแมตต์เซตตัวสักหน่อยค่ะ ระหว่างรอเราจะรู้สึกว่ามันเหนียว ๆ แต่เมื่อแห้งก็จะเริ่มอยู่ตัวแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ลงกลอสใสทับอีกทีความรู้สึกเหนียว ๆ จะหมดไป รู้สึกเหมือนมีชั้นฟิลม์เคลือบริมฝีปากแทนค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าชั้นฟิลม์นั้นทำให้ติดทนมาก ๆ ทานข้าวระหว่างวันไม่มีหลุดเลยค่ะ ใครที่ชอบลิปสติกติดทนนานและเป็นแฟนคลับ NYX อยู่แล้วต้องไปจัดค่ะ แต่แอบกระซิบหน่อยว่าหาซื้อยากมาก ส่วนใหญ่ต้อง Pre-order เอานะคะ
จุดเด่น
- ลิปสีสวย คุณภาพดี ติดทนยาวนาน ให้ฟินิชลุคเงางามฉ่ำวาว มีให้เลือกมากถึง 28 เฉดสี แต่สินค้าไม่มีขายในไทย ต้อง Pre-order เท่านั้น
ปริมาณ | 3.4 มิลลิลิตร |
---|---|
รูปแบบ | ลิควิดลิปสติก |
จำนวนเฉดสี | 28 เฉดสี |
สีแนะนำ | 02 Goal Crusher |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว ลิปไม่ติดแมสก์ ลิปติดทน ไม่แห้ง ไม่แมตต์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
วิธีทำให้เครื่องสำอางไม่ติดแมสก์
1. ทาไพรเมอร์
ขั้นตอนแรกของการแต่งหน้าคือทาไพรเมอร์สูตร Oil Free เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและเรียบเนียน นอกจากนี้ไพรเมอร์ยังช่วยลดเบลอรูขุมขนให้ตื้นขึ้นและปกปิดความไม่สมบูรณ์ของผิวได้ด้วย ไพรเมอร์คือตัวเชื่อมระหว่างผิวและเมคอัพของคุณ ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ยังช่วยให้เมคอัพติดแน่นกับผิวและติดทนนานอีกด้วย คำแนะนำให้ทาไพรเมอร์ทีละจุดแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าหรือบริเวณที่เป็นต้องการ เช่น บริเวณทีโซนและรูขุมขนตรงแก้ม จากนั้นให้เซ็ตไพรเมอร์ด้วยแป้งโปร่งแสง
2. เลือกรองพื้นที่ติดทนนาน

คุณควรใช้รองพื้นแบบแมตต์ที่ติดทนนานเพื่อลุคการแต่งหน้าที่ดูสมบูรณ์แบบมากที่สุดและเพื่อไม่ให้รองพื้นติดแมสก์ ดังนั้นรองพื้นของคุณควรเป็นสูตรที่ทนต่อเหงื่อ ความชื้น ความร้อน และที่สำคัญคือต้องกันน้ำได้ หากคุณใช้รองพื้นชนิดลิควิดมันจะช่วยปรับโทนสีผิวและปกปิดจุดบกพร่องต่าง ๆ ซึ่งการปกปิดจะอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก (แล้วแต่สูตรรองพื้นนั้น ๆ) เพื่อให้ฟินิชลุคจะไม่เยิ้มเป็นหน้าเค้กหรือตกร่องจนเห็นริ้วรอยและรูขุมขน แนะนำให้คุณใช้ฟองน้ำสำหรับแต่งหน้าแทนการใช้นิ้วเกลี่ยหรือใช้แปรงนะคะ ทั้งนี้หลาย ๆ คนก็ไม่ได้ต้องการแต่งหน้าจัดหนักจัดเต็ม หากคุณพอใจที่ใช้แค่บีบีครีม คุชชั่น หรือเมคอัพเบสเพื่อปรับสีผิวเท่านั้น ต้องบอกตามตรงว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเลอะแมสก์คุณอย่างแน่นอนค่ะ แต่อาจจะไม่เลอะมากนักถ้าคุณแป้งโปร่งแสงคุมมันทาทับอีกครั้ง เพราะตัวแป้งจะช่วยให้หน้าคุณแห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะมากเกินไป
3. ใช้เซ็ตติ้งพาวเดอร์สำหรับเมคอัพที่กันน้ำได้

เช่นเดียวกับไพรเมอร์ แป้งเซ็ตติ้งอาจเป็นขั้นตอนหนึ่งในการแต่งหน้าที่คุณมักมองข้ามไป แต่ถ้าคุณต้องการให้เมคอัพไม่เลอะติดแมสก์ การใช้แป้งเซ็ตติ้งจะกลายเป็นไอเทมจำเป็นทันที คุณสามารถเลือกแป้งเซ็ตติ้งแบบมีสีที่เข้ากับโทนสีผิวของคุณเพื่อเพิ่มการปกปิดได้เล็กน้อย หรือคุณสามารถเลือกแป้งเซ็ตติ้งแบบโปร่งแสงไปเลยเพื่อใช้เซ็ตรองพื้นของคุณอย่างเดียวก็ได้ ตัวแป้งเซ็ตติ้งจะมีน้ำหนักเบามาก ๆ แต่ก็สามารถสร้างความหนาให้กับใบหน้าเช่นกันนะคะ แนะนำให้ใช้แป้งเซ็ตติ้งกับแปรงแต่งหน้าคาบูกิเพราะมันจะฟุ้งกระจายและเบลนได้ง่ายกว่า ไม่ต้องลงแป้งเยอะเกินไป ลงเพียงบาง ๆ ก็พอค่ะ ไม่งั้นจะทำให้เกิดริ้วรอยและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ เน้นลงแป้งเซ็ตติ้งแค่ช่วงทีโซนและใต้ตาก็พอค่ะ ไม่จำเป็นต้องลงทั้งหน้านะคะ
4. ใช้สีทาลิปสติกแบบติดทนนาน

แม้เราจะสวมแมสก์แต่ริมฝีปากจะต้องมีลิปสติกอยู่เสมอนะคะสาว ๆ เพราะเวลาถอดแมสก์ออกจะได้ดูสวยงามน่ามอง แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าถ้าเราทาลิปสติกจะต้องเลอะแมสก์อย่างแน่นอน วิธีแก้ง่ายมากค่ะ ให้เราเลือกแมสก์ที่ลักษณะ 3 มิติ นูนตรงช่วงปากสักหน่อย นอกจากจะช่วยให้หายใจสะดวกแล้ว ยังช่วยลดโอกาสลิปสติกติดแมสก์ด้วยค่ะ แนะนำเป็นหน้ากากเกาหลีเลยค่ะรับรองไม่ผิดหวัง ต่อมาก็หลีกเลี่ยงการใช้ลิปกลอสหรือลิปสติกเนื้อฉ่ำ ๆ และเลือกลิปสติกที่ติดทนแทน อาจจะเป็นลิปแมตต์ก็ได้ค่ะ แต่อาจจะหนักริมฝีปากไปสักหน่อยนะคะ หรือหากคุณยังไม่มีตัวเลือกในใจ บทความของเราในวันนี้จะเป็นตัวเลือกให้คุณเองค่ะ เพราะลิปที่รีวิวทุกตัวให้ความฉ่ำได้แถมยังเบาสบายและไม่ติดแมสก์แน่นอนค่ะ
5. สเปรย์ล็อคเมคอัพ/สเปรย์เซ็ตติ้ง
นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการแต่งหน้าของคุณ ซึ่งก็คือการใช้สเปรย์ล็อคเมคอัพ แนะนำให้เลือกสเปรย์ที่ให้ผลลัพธ์แบบแมตต์นะคะ หากเป็นสูตร Oil Free ด้วยก็จะดีมาก ๆ เพราะจะช่วยไม่ให้เมคอัพหลุดออกจากใบหน้าจนไปติดแมสก์นั่นเองค่ะ
ทำไมทาลิปแล้วปากแห้งระหว่างวัน ?
สาว ๆ เคยเป็นเหมือนกันไหมคะ? ที่เวลาแต่งหน้าทาลิปสติกใหม่ ๆ ริมฝีปากของเราก็ยังดูอวบอิ่มสุขภาพดีอยู่ แต่พอระหว่างวันลิปสติกกลับตกร่องหรือเกิดอาการปากแห้งลอกเป็นแผ่น ซึ่งคุณอาจจะแพ้ลิปสติกยี่ห้อนั้นก็ได้ แต่ก็ยังมีหลายปัยจัยที่ทำให้ปากแห้งเหมือนกัน เพราะหากลิปสติกที่ใช้เป็นสูตรที่ให้ความชุ่มชื่น ก็มีโอกาสน้อยมากค่ะที่ริมฝีปากของเราจะแห้งขนาดนี้ ดังนั้นเราจะต้องลองมาสังเกตตัวเองดูก่อนค่ะว่ามีสาเหตุอะไรที่ทำให้ปากแห้งได้บ้าง?

อย่างแรกเลยคือคุณดื่มน้ำอย่างน้อย 1.8 ลิตรต่อวันหรือไม่? ก่อนทาลิปสติกคุณได้เคยบำรุงริมฝีปากก่อนไหม? ไม่ว่าจะเป็น การใช้ลิปมาสก์หรือการทาลิปมัน–ลิปบาล์มก่อนแต่งหน้า นอกจากนี้เวลาคุณแปรงฟัน คุณเคยสครับริมฝีปากบ้างหรือไม่? เพราะจริง ๆ แล้วหากเราไม่มีลิปสครับริมฝีปากเราสามารถใช้แปรงสีฟันถูเบา ๆ เพื่อสครับเอาเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วตรงริมฝีปากออกได้ด้วยนะคะ และที่สำคัญหากคุณไม่อยากให้ริมฝีปากดำคล้ำและปากแห้งหนักกว่าเดิม คุณต้องหยุดเอาน้ำลายเลียริมฝีปากได้แล้วนะคะ เพราะเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารในน้ำลายจะเป็นตัวทำให้ริมฝีปากของเราหมองคล้ำเป็นสีดำนั่นเองค่ะ