ปัญหาฝ้า, กระ และจุดด่างดำบนหน้าใบหน้าสำหรับผู้หญิงแล้วเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่รักษายากมาก ๆ บางคนยอมลงทุนเสียเงินไปกับค่าคอร์สทำเลเซอร์หลักแสนหรือยอมซื้อครีมบำรุงผิวกระปุกละเป็นหมื่นเพื่อที่จะทำให้ฝ้าจางลง แต่ทั้งนี้ก็ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่ไม่ได้มีบัดเจทสำหรับใช้รักษาฝ้ามากขนาดนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถรักษาฝ้าหรือทำให้ฝ้าดูเลือนลางได้ด้วยครีมเพียงหลักร้อยเท่านั้นค่ะ แต่การซื้อครีมรักษาฝ้าทั้งทีจะเลือกส่ง ๆ แบบที่ไม่มีการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือก็ไม่ได้ ดังนั้นบทความในวันนี้เราจึงอยากแนะนำ “ยารักษาฝ้าที่มีในร้านขายยา” ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน และได้มีตัวเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีของยี่ห้ออะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลยค่ะ
ฝ้าเกิดจากอะไร? ทำไมถึงทำให้หน้าดำหมองคล้ำ? รักษาฝ้าอย่างไร? (1-3)
ฝ้าหรือที่เรียกว่า Melasma มีลักษณะเป็นปื้นสีคล้ำ มักพบได้บนผิวหน้า และจะมีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตรงบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และช่วงเหนือริมฝีปาก พบได้บ่อยในผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีผิวคล้ำ (ฝ้าพบในเพศหญิงมากกว่าชาย 90%) สำหรับฝ้าในวัยรุ่นนั้นพบได้น้อยมาก ๆ ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงอายุช่วงประมาณ 30-40 ปี แม้ว่าฝ้าจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็สร้างความกังวลใจให้แก่สาว ๆ ได้เช่นกัน สีของฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งเป็นสีที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังของเราสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไป จนทำให้เกิดรอยฝ้าอย่างที่เห็น

สาเหตุที่เซลล์ผิวของเราสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมา ก็มาจากการที่ผิวหนังของเราได้รับการกระตุ้นมากเกินไป ซึ่งสิ่งที่กระตุ้นเซลล์ผิวก็คือ “แสงแดด” นั่นเองค่ะ เมื่อเราสัมผัสโดนแสงแดดบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหนังเปลี่ยนการผลิตเม็ดสีขาวธรรมชาติไปเป็นสีที่เข้มขึ้นเพื่อปกป้องผิวของเราจากแสงแดด เพราะหากผิวของเราผลิตแต่เซลล์เม็ดสีขาวมากเกินไปก็จะไม่สามารถป้องกันผิวจากแสงแดดได้ ทำให้ผิวของเราแสบร้อน บวมแดง หรือเกิดอาการผิวไหม้ได้ง่าย และเมื่อสัมผัสโดนแสงแดดบ่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังในที่สุด

และนอกจากแสงแดดแล้ว การฝ้าก็ยังมีสาเหตุและปัจจัยอีกหลายอย่างที่สามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กรรมพันธุ์, ยาคุมกำเนิด, ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง, ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์, ผู้หญิงที่การเข้าสู่วัยทองและวัยหมดประจำเดือนก็อาจทำให้เกิดฝ้าได้ทั้งสิ้น ซึ่งความรุนแรงของการสร้างเม็ดสีเข้มนั้นอาจเกิดขึ้นได้หลายระดับ บางคนก็มีฝ้าสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงเทาเลยก็มีค่ะ ดังนั้นการรักษาฝ้าให้ได้ผลจึงต้องอาศัยสารที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินให้ลดลง เมื่อกระบวกการผลิตเม็ดสีเมลานินลดลงแล้วก็จะทำให้ฝ้าจางลงได้ระดับหนึ่งค่ะ
ซึ่งการรักษาด้วยยาทาเฉพาะที่ส่วนใหญ่จะใช้ Hydroquinone, Tretinoin, Corticosteroids, Azelaic acid, Kojic acid, Niacinamide, Cysteamine, Tranexamic acid หรือ Rucinol ตัวยาเหล่านี้ทำงานโดยลดการผลิตเม็ดสีและการอักเสบ นอกจากนี้ในปัจจุบันก็เริ่มการใช้สารสกัดจากธรรมชาติมาช่วยรักษาฝ้ามากขึ้นอีกด้วยนะคะ ส่วนการรักษาทางช่องปากหรือยากินนั้นก็อาจเป็นยา Tranexamic acid, Polypodium leucotomos หรือ Glutathione ก็ได้ค่ะ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำเลเซอร์หรือใช้การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีอย่าง Glycolic acid, Alpha-hydroxy acids และ Salicylic acid เป็นต้นก็ได้เช่นกัน
ยาทารักษาฝ้า ส่วนใหญ่มีตัวยาอะไรบ้าง ?
จริง ๆ แล้วฝ้ามีหลายชนิดมากค่ะ อาทิเช่น ฝ้าตื้นหรือฝ้าลึก ดังนั้นการรักษาก็จะขึ้นอยู่ชนิดของฝ้าด้วย ซึ่งอาจใช้วิธีรักษาฝ้ามากกว่า 1 วิธี ไม่ว่าจะเป็น การกินยา, ยาทารักษาฝ้า และการใช้เลเซอร์เข้าช่วย แต่วิธีที่นิยมมากที่สุดก็คือการใช้ครีมรักษาฝ้า เพราะใช้งานง่ายและมีราคาไม่แพงเกินไป
1. ตัวยา Hydroquinone (ไฮโดรควิโนน)
Hydroquinone เป็นกลุ่มยาช่วยลดการสร้างเม็ดสีเข้มและอาจทำให้เม็ดสีเข้มที่อยู่ใต้ผิวหน้าจางลงได้ แต่มีผลข้างเคียงสูง อาทิเช่น ทำให้เกิดผิวอักเสบ แสบร้อน ระคายเคือง และลอกเป็นขุย ๆ ดังนั้น % ความเข้มข้นของ Hydroquinone ที่ใช้จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรที่จ่ายยาให้ หากเราซื้อมาใช้เองและใช้เป็นระยะเวลานานเกินไปก็จะทำให้เกิดฝ้าถาวรไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ทั้งนี้ Hydroquinone ก็ยังไม่ถึงกับเป็นสารต้องห้ามหรือสารอันตรายนะคะ เพราะยังเป็นตัวยาที่นิยมใช้ในครีมทาหน้าขาว เพียงแต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้นค่ะ
2. ตัวยา Retinoic Acid (อนุพันธ์วิตามินเอ)
Retinoic Acid ตัวนี้เป็นตัวยาที่มักใช้ในผลิตภัณฑ์รักษาสิว เพราะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งสามารถนำมาใช้รักษาฝ้าได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นบนที่มีเม็ดสีเมลานินให้หลุดลอกไปด้วย ทำให้ผิวในส่วนนั้นมีสีที่จางลง แต่ระหว่างที่ใช้ยาพวกพวกวิตามินเอคุณจะต้องทาครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอ เพราะกรดพวกนี้จะทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดดเป็นพิเศษค่ะ
3. ตัวยา Steroid (สเตียรอยด์)
หลาย ๆ คนเมื่อได้อ่านมาถึงสารสเตียรอยด์ก็อาจจะตกใจ เพราะเป็นสารต้องห้ามที่เห็นได้ในข่าวบ่อย ๆ แต่สารสเตียรอยด์ในที่นี้คือเป็นสารสเตียรอยด์ความเข้มข้นไม่สูงค่ะ อยู่ในการดูแลของแพทย์ หากเลิกใช้ไปแล้วก็ไม่มีผลข้างเคียง โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้ในระยะสั้น ๆ โดยสารสเตียรอยด์จะช่วยทำให้ฝ้าจางลงได้ เพราะมันจะเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน แต่ไม่ควรใช้สเตียรอยด์ในปริมาณที่เข้มข้นเกินไป และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไปด้วยนะคะ เพราะจะทำให้หน้าติดสารสเตียรอยด์ได้ แถมยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาด้วยนะคะ
นอกจากนี้ก็จะมีพวกสารสกัดจากธรรมชาติต่าง ๆ สามารถรักษาฝ้าได้ด้วย ซึ่งถือว่าค่อนข้างปลอดภัยค่ะ
1. Delanin Cream (ครีมทาฝ้า ดีลานิน)
![]() |
Delanin ครีมทารักษาฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ ประกอบด้วย Hydroquinone 4% ที่ช่วยยับยั้งกระบวนการการสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง เป็นสารเคมีที่นิยมใช้เป็นส่วนผสมในครีมที่ทําให้หน้าขาว แนะนำให้ใช้บริเวณที่เป็นฝ้าบาง ๆ เพียงวันละ 1 ครั้งก่อนนอนก็พอค่ะ แต่เมื่อทาแล้วควรปิดไฟทันที เพราะตัวยาจะทำงานได้ดีในที่ไม่มีแสง นอกจากใช้รักษาฝ้าแล้วก็ยังช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติด้วยนะคะ แต่เมื่อการรักษาเริ่มดีขึ้นหรือได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ให้คุณค่อย ๆ ลดจำนวนการใช้ยาลง อย่าหยุดการทายาโดยทันที โดยเริ่มจากทายาวันเว้นวัน แล้วจากนั้นจึงค่อยเพิ่มเป็นทายาทุก 3 วัน แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนวันที่เว้นไปเรื่อย ๆ ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง จึงค่อยหยุดทายา ที่สำคัญต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดและแสงไฟโดยตรง แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF50+ และ PA +++ ขึ้นไป |
2. Skinoren Cream (ครีมทาฝ้า สกินอเรน)
![]() |
สำหรับตัวนี้เราเคยรีวิวไว้แล้วในบทความยารักษาสิว แน่นอนว่า Skinoren Cream นั้นสามารถใช้ได้ทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน เพราะมีส่วนผสมที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ แต่ทั้งนี้ตัวยาในครีมก็ยังมี Azelaic acid ช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกได้ด้วย รวมถึงยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำให้เกิดสีเข้มที่ผิวหนังหรือ “ฝ้า” นั่นเองค่ะ ดังนั้นเพียงแค่คุณใช้ Skinoren Cream หลอดเดียว ก็ช่วยรักษาได้ทั้งสิวและฝ้า แต่ทั้งนี้ด้วยสรรพคุณที่ครอบคลุมจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ช้าสักหน่อยนะคะ สำหรับรักษาสิวจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน และสำหรับรักษาฝ้าจะใช้เวลานานถึง 6 เดือนขึ้นไป แนะนำให้ทาวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าเย็น และจะต้องใช้ครีมกันแดดที่ให้การป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB ด้วยนะคะ |
3. Melloderm-HQ 4% (ครีมทาฝ้า เมลโลเดิร์ม-เอชคิว 4%)
![]() |
สำหรับ Melloderm-HQ ตัวนี้ ก็มีส่วนผสม Hydroquinone 4% เหมือนกับของ Delanin Cream ตัวแรกที่เรารีวิวไว้เลยค่ะ ดังนั้นจึงสามารถรักษาได้ทั้งฝ้า กระ ลดรอยดำ รอยแดงต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างแน่นอน เพราะตัวยาจะทำหน้าที่ขับเม็ดสีเมลานินที่เข้มผิดปกติจากชั้นใต้ผิวหนังให้ขึ้นมาอยู่ชั้นขี้ไคล ช่วยทำให้หน้าหมองคล้ำกลับมาขาวใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ แนะนำให้ทาบาง ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียวบริเวณที่เป็นฝ้าก่อนนอน นอกจากนี้หลังจากทา Melloderm-HQ เสร็จแล้ว แนะนำให้คุณหามอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนต่อผิวมาทาทับอีกครั้ง เนื่องจากตัวยาอาจทำให้ระคายเคืองผิวได้ และหลังเสร็จควรหลีกเลี่ยงแสงไฟด้วยนะคะ ที่สำคัญคือคุณควรทาครีมกันแดดที่มี SPF50+ และ PA +++ ขึ้นไปในทุก ๆ เช้าก่อนออกจากบ้าน และควรใช้ Melloderm-HQ ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนถึงจะเห็นผลลัพธ์ว่าฝ้าจางลงค่ะ |
4. Vitara TX PPE Cream (ครีมทาฝ้า ไวทาร่า-ทีเอ๊กซ์ พีพีอี)
![]() |
สำหรับตัวนี้จะแตกต่างจาก Delanin Cream และ Melloderm-HQ ตรงที่ทางแบรนด์ไม่ได้ใช้สาร Hydroquinone เป็นส่วนผสมเลยค่ะ แต่จะใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ แทน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวค่อนข้างบอบบางแพ้ง่าย โดย Vitara TX PPE Cream จะเข้าไปรับสภาพผิวหน้าและปกป้องผิวจากความหมองคล้ำไปพร้อม ๆ กัน ส่วนผสมที่ทางแบรนด์ใช้ก็คือ Palmaria Palmata Extract หรือสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง, Tranexamic Acid, Niacinamide และ Alpha-Arbutin ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าให้สีผิวสม่ำเสมอกัน เผยเซลล์ผิวใหม่ที่เนียนนุ่มสุขภาพดี มาพร้อมกับส่วนผสม Bio-White ที่ให้ความขาวกระจ่างใส แต่จะไม่สร้างความระคายเคืองให้แก่ผิวหน้า แนะนำให้ทาครีมบาง ๆ ตรงบริเวณที่เป็นฝ้าหรือรอยดำทุกเช้าและก่อนนอน ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดควบคู่กันไปด้วยนะคะ |
5. Concept Anti-Melasma Cream (ครีมทาฝ้า คอนเซ็ปท์)
![]() |
ครีมรักษาฝ้า Concept เป็นครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผู้ที่เป็นฝ้าโดยเฉพาะ เพราะสามารถช่วยลดเลือนฝ้า, กระ, จุดด่างดำ, รอยแดง, และรอยดำต่าง ๆ ให้ดูจางลงได้อย่างเห็นได้ชัดภายใน 3 สัปดาห์เท่านั้น โดยส่วนผสมที่ทางแบรนด์ใช้จะไม่มี Hydroquinone เลยค่ะ แต่จะเน้นไปที่สารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Alpha-Arbutin ที่ช่วยลดรอยฝ้าให้จางลง ทั้งยังมีสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายตัวที่ช่วยปรับสภาพผิวหน้าของคุณให้สว่างกระจ่างใสและมีความชุ่มชื้นในตัว โดยไม่ทำร้ายผิวหน้า ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ยังได้รับการรับรองจากสถาบัน SpinControl จากฝรั่งเศส ทำให้มั่นใจได้ทุกครั้งทา สามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน แต่อย่าลืมใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ UV มาทำปฏิกิริยากับผิวหน้าด้วยนะคะ |
6. Tri Luma Cream (ไตรลูม่า ครีม)
![]() |
Tri Luma Cream เป็นครีมทารักษาฝ้าที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone 4%, Tretinoin 0.05% และ Fluocinolone Acetonide 0.01% สำหรับ Hydroquinone นี่เราคงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมแล้วนะคะเป็นส่วนผสมยืนพื้นของครีมหน้าขาว ช่วยลดการสร้างเม็ดสี ส่วน Tretinoin หรือกรดวิตามินเอ ตัวนี้เป็นส่วนผสมที่ใช้รักษาสิวอุดตันและช่วยผลัดเซลล์ผิว เร่งให้เซลล์ผิวหนังชั้นบนที่มีเม็ดสีเมลานินหลุดลอกเร็วขึ้น ซึ่งเป็นส่วนผสมตัวเดียวกันกับที่ Retin-A ใช้ สุดท้ายคือ Fluocinolone ใช้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินและใช้บรรเทาอาการอักเสบผิวหนัง ทั้งนี้ Tri Luma Cream จัดว่าเป็นยาแรงมีผลข้างเคียงสูง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้จนถึงขั้นแสบร้อน, บวมแดง และผิวลอกเป็นขุย ดังนั้นการใช้ Tri Luma Cream จัดเป็นยาควบคุมพิเศษต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น ห้ามซื้อมาทาเองโดยเด็ดขาด |
เพราะบางครั้งเราอาจจะกะปริมาณและระยะเวลาที่ใช้ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เกิดฝ้าถาวรไม่สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ ที่สำคัญระหว่างที่ใช้จะต้องทาครีมกันแดดด้วยเสมอ เพราะผิวหน้าของเราจะไวต่อแสงมากกว่าปกติ สำหรับการใช้นั้น ให้ทาบาง ๆ ในปริมาณยาเท่าเม็ดถั่วเขียว และอย่าลืมทามอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนต่อผิวตามไปด้วยนะคะเพื่อลดการระคายเคืองผิว
7. Smooth E White Babyface Serum (สมูทอี ไวท์เบบี้เฟซ เซรั่ม)
![]() |
สำหรับตัวสุดท้ายนี้เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดมาก ๆ และผู้คนต่างให้มั่นใจที่จะเลือกใช้ โดยครั้งนี้เราได้หยิบเอา Smooth E White Babyface Serum มารีวิว เพราะตัวส่วนผสมหลักที่ทางแบรนด์ใช้คือ Alpha-Arbutin สารสกัดจากธรรมชาติที่ปลอดภัย ช่วยลดเลือนรอยฝ้าหรือจุดด่างดำให้จางลงโดยที่ไม่ทำให้ผิวบางกว่าเดิม นอกจากนี้ก็ยังมี Natural Vitamin E ที่ช่วยให้คอลลาเจนในชั้นผิวของเราแข็งแรงขึ้น กระตุ้นให้เซลล์ผิวที่ตายหลุดออกและสร้างเซลล์ผิวใหม่มาทดแทน มาพร้อมกับสารบำรุงอีกมากมายที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยสูตรนี้มีความปลอดภัยสูงมาก เพราะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือคุณแม่ที่ให้นมบุตรก็สามารถใช้ได้ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดค่ะ |
สามารถป้องกันฝ้าได้หรือไม่?

ปัจจุบันนี้ฝ้าไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ 100% และไม่มีวิธีใดทำให้ฝ้าหายขาดได้ ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นฝ้า จะเกิดจากพันธุกรรม, ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง หรือการโดนแสงแดดบ่อย ๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10:00 – 16:00 น. ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการทานยาที่ปรับฮอร์โมนอย่างเช่นยาคุมกำเนิดเป็นต้น แต่โดยทั่วไปแล้วฝ้ามักเกิดจากแสงแดดเป็นหลัก ดังนั้นการป้องกันแสงแดดคือหัวใจหลักของการรักษาฝ้ามากค่ะ แนะนำครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB เลยนะคะ ซึ่งในเว็บไซต์ของเราก็มีบทความรีวิวครีมกันแดดไว้เยอะมาก ๆ อาทิเช่น ครีมกันแดดทาหน้า, ครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบาง, ครีมกันแดดสำหรับผิวมัน, ครีมกันแดดสำหรับผิวแห้ง, ครีมกันแดดสําหรับคนเป็นสิว, ครีมกันแดดสำหรับคนท้อง, ครีมกันแดดสำหรับวัยรุ่น, ครีมกันแดดเคาน์เตอร์แบรนด์, ครีมกันแดดแบรนด์ไทย และ ครีมกันแดดชนิดกายภาพ ให้คุณได้เลือกตามสูตรที่คุณชอบได้เลยค่ะ แค่เน้น SPF50+ และ PA +++ ไว้ก่อนก็ถือว่าเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดดได้แล้วค่ะ
บทสรุป
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับ 7 ครีมลดฝ้า-รักษาฝ้าที่เราแนะนำกันไป มีตัวไหนที่ถูกใจคุณบ้างไหมคะ? จริง ๆ ยังมีตัวยาอีกเยอะแยะมากมายที่สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานีนได้เหมือนกัน รวมถึงการทำหัตถการที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็สามารถช่วยลดฝ้าสลายฝ้าได้ด้วยนะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณสะดวกใช้แบบไหน หากยังไม่มั่นใจเราแนะนำให้คุณลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทางดูก่อน แต่หากใครเคยใช้ยารักษาฝ้าตัวไหนมาก่อนแล้ว ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ เพราะแม้ว่าเราจะหายจากการเป็นฝ้าจนหน้ากลับมาขาวกระจ่างใสแล้ว แต่พึงจำไว้เสมอว่ามีโอกาสที่หน้าของเราจะกลับมาเป็นฝ้าได้อีกถ้าเราไม่รู้จึกป้องกันตัวเองจากแสง UV นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้เกิดฝ้าได้ ดังนั้นหากสาว ๆ ไม่อยากให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำก็จงดูแลรักษาผิวของตัวเองให้ดีนะคะ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
![]() | ครีมรักษาฝ้า Delanin Cream (ดีลานิน ครีม) | |
![]() | ครีมรักษาฝ้า Vitara TX PPE (ไวทาร่า-ทีเอ๊กซ์ พีพีอี) | |
![]() | รักษาฝ้า Concept Anti-Melasma Cream | |
![]() | Smooth E White Baby Face Serum เซรั่มลดฝ้า | |
![]() | ยารักษาสิวและฝ้า Skinoren Cream |
References :