นักดื่มกาแฟทุกคนย่อมทราบกันดีว่าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดีจะให้รสชาติของกาแฟได้ดีกว่ากาแฟซองสำเร็จรูปหรือกาแฟกระป๋องทั่วไป และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ “วิธีการชงกาแฟ” ในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้รสชาติกาแฟอร่อยยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่าหากคุณมี “เครื่องชงกาแฟที่ดี” คุณก็สามารถกำหนดรสชาติของกาแฟในรูปแบบที่คุณชอบได้
ปัจจุบันนี้มีเครื่องชงกาแฟหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องชงกาแฟสดที่ให้รสชาติเข้มข้นถึงใจแต่ต้องบดกาแฟด้วยตัวเอง, เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีการปรุงแต่งรสชาติมาแล้วในตัว จึงให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเหมือนเดิมทุกครั้งที่ทำ หรือจะเป็นเครื่องชงกาแฟแบบดริปที่ถึงแม้ว่ารสชาติอาจจะไม่ค่อยเข้มข้นถึงใจ แต่ขั้นตอนใช้งานไม่ยุ่งยาก แถมยังมีราคาที่ถูกอีกด้วย นอกจากนี้ก็มีวิธีการชงกาแฟอีกมากมายทั้ง เครื่องชงกาแฟสุญญากาศ รวมถึงเครื่องชงกาแฟแบบ French Press แต่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชงกาแฟรูปแบบไหนก็ตาม ก็สู้ “หม้อต้มกาแฟ / Moka Pot (โมก้าพอท)” ที่ทำให้กาแฟมีรสชาติที่ดี ทั้งยังเป็นวิธีชงกาแฟแบบดั้งเดิมที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์และขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกด้วย
|
โมก้าพอทเป็นหม้อต้มกาแฟที่กำลังในรับความนิยมอย่างมาก เพราะมันถูกออกมาแบบมาให้ใช้ง่าย, พกพาสะดวก, แข็งแรงทนทาน, มีราคาไม่แพง และดูแลรักษาทำความสะอาดง่ายสุด ๆ
หากคุณยังไม่มี Moka Pot ไว้ครอบครอง ขอให้บทความของเราในวันนี้เป็นผู้ช่วยในการเลือกซื้อหม้อต้มกาแฟที่เหมาะกับคุณดูไหมคะ? เรารับรองว่าคุณจะได้รับทั้งความรู้และสินค้าที่คุณถูกใจกลับไปหลังจากอ่านบทความของเราจบ 🙂 |
หม้อต้มกาแฟโมก้าพอท ยี่ห้อไหนดี?
- โมก้าพอทที่ดีที่สุด สร้างครีม่าเยอะ รสชาติออกมาอร่อยต่างจากหม้อทั่วไป: มอคค่าพอท Bialetti รุ่น New Brikka 2020 ขนาด 2 ถ้วย (เบียเล็ตติ้ บริกก้า)
- โมก้าพอท ทรงวินเทจฐาน 8 เหลี่ยม: หม้อต้มกาแฟ Moka Pot Bialetti รุ่น Moka Express ขนาด 2 ถ้วย
- โมก้าพอท คุณภาพระดับกลาง แข็งแรงทนทาน ราคาไม่ถึงพัน: Moka Pot หม้อต้มกาแฟ ATOM รุ่น Hybrids ด้ามจับเป็นพลาสติก ขนาด 4 ถ้วย
- โม้กาพอททำจากสแตนเลส ใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ราคาประหยัด: BLU SASTA มอคค่าพอท ทรงสูงทำจากสแตนเลส ขนาด 6 ถ้วย
- โมก้าพอทสีสันสดใส ราคาประหยัด: MOKA POT หม้อต้มกาแฟ ขนาด 6 ถ้วย สีสวย หูจับลายไม้
Moka Pot โมก้าพอท คืออะไร ? รสชาติกาแฟที่ได้เป็นอย่างไร ?
หม้อต้มกาแฟ หรือ Moka Pot (โมก้าพอท) เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ชงกาแฟที่เหล่าแคมป์ปิ้งทุกคนรู้จักกันดี เพราะโมก้าพอทจะเป็นตัวช่วยให้คุณดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของธรรมชาติด้วยรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากโมก้าพอทใช้วีธีในการชงกาแฟแบบดั้งเดิมที่ไม่ใช้ไฟฟ้า แต่จะเป็นการต้มบนเตาแก็สปิคนิคแทน (หรือเตาไฟฟ้าก็ได้ค่ะในกรณีที่ทำในบ้าน) โดยอาศัยระบบวาล์วสร้างแรงดันน้ำ ผ่านชั้นกรองตัวกรองกาแฟขึ้นมา จนกลายเป็นกาแฟสุดเข้มข้นพร้อมด้วยรสชาติที่ยอดเยี่ยม

ซึ่งกลไกของมันก็ทำงานเรียบง่ายมาก ๆ ในหม้อโมก้าพอท 1 ชุดจะประกอบไปด้วยตัวหม้อสำหรับใส่น้ำเปล่าเป็นฐานด้านล่างเรียกว่าหม้อไอน้ำ, ชั้นกรองใส่กาแฟบดที่มีรูเล็ก ๆ และมีท่อตรงกลางยื่นลงไปในหม้อไอน้ำอีกที และส่วนบนสุดจะเป็นหม้อสำหรับเก็บน้ำกาแฟที่ดันขึ้นมาจากข้างล่างค่ะ
รสชาติกาแฟที่ได้จะมีความใกล้เคียงกับเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ แต่โมก้าพอทสามารถสร้างแรงดันได้ประมาณ 1-2 บาร์เท่านั้น จึงทำให้นักดื่มพันธุ์แท้ทั้งหลายรู้สึกว่ากาแฟที่ได้ยังเข้มไม่ถึงใจเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ถือว่าโมก้าพอทได้ให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งเลยค่ะ ซึ่งกาแฟที่ได้นั้นก็สามารถทำต่อยอดได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ่, คาปูชิโน หรือลาเต้
หมายเหตุ : โดยปกติแล้วการเดินทางไปต่างจังหวัดหรือการตั้งแคมป์จะใช้เพียงแต่ตัว โมก้าพอท, กาแฟบด และเตาแก๊สพกพาเท่านั้น แต่สำหรับใครที่อยากได้ความสดใหม่ของกาแฟในทุก ๆ แก้วที่คุณดื่ม คุณอาจจะพกที่บดกาแฟแบบมือหมุนติดตัวไปด้วยก็ได้ค่ะ
หม้อต้มกาแฟ Moka Pot ใช้อย่างไร ?

เริ่มแรกให้ใส่น้ำลงไปในหม้อไอน้ำส่วนล่าง แต่อย่าใส่น้ำให้เกินวาล์วปล่อยไอน้ํานะคะ จากนั้นนำชั้นกรองวางลงไป และใส่กาแฟบดจนเต็ม ซึ่งกาแฟที่ใช้จะเป็นแบบบดพอดี ๆ ไม่ละเอียดหรือหยาบเกินไป เพราะหากละเอียดเกินไปจะทำให้น้ำกาแฟของเรามีผงกาแฟผสมอยู่ได้ ซึ่งการใส่กาแฟบดให้เต็มในชั้นกรองนั้นไม่จำเป็นต้องกดให้แน่นนะคะ จากนั้นให้นำหม้อส่วนบนมาปิดและขันสกรูให้แน่นสนิท ซึ่งในส่วนบนนั้นไม่ต้องใส่อะไรเลยค่ะ นำไปตั้งบนเตาและรอให้น้ำเดือด

เมื่ออุณหภูมิของน้ำร้อนได้ที่ น้ำจากด้านล่างจะดันขึ้นมาด้านบนพร้อมกับกลิ่นกาแฟหอม ๆ และเสียงวาล์วปล่อยไอน้ําที่ดังบอกเวลาให้เรารู้ว่าใกล้เสร็จพร้อมดื่มแล้ว โดยระยะในการชงทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้นค่ะ ด้วยเหตุนี้ Moka Pot จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคอคาเฟอีนในตอนเช้าที่เร่งด่วน หากเพื่อน ๆ นึกภาพไม่ออก สามารถเข้าไปดูคลิปวิธีการชงกาแฟด้วย Moka Pot ได้เลยค่ะ
วีดีโอสอนวิธีใช้งานหม้อต้มกาแฟ Moka Pot
วิธีเลือกซื้อหม้อต้มกาแฟ (โมก้าพอท)
1. ขนาดและน้ำหนัก
หม้อต้มกาแฟเป็นอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟที่มีจุดขายตรงที่การพกพาสะดวก ดังนั้นหากคุณตั้งใจจะนำมันติดตัวไปทุกที่ในทริปท่องเที่ยวของคุณ คุณจะต้องเลือกหม้อต้มกาแฟที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาไว้ก่อน เพื่อที่จะประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเป้เดินป่าของคุณ
2. ความจุ
นอกจากขนาดและน้ำหนักแล้ว ความจุของหม้อหรือปริมาณน้ำกาแฟที่จะได้ในแต่ละครั้ง ก็เป็นตัวกำหนดการตัดสินใจของผู้ซื้อได้ดีเช่นกัน หากคุณมีจุดประสงค์ที่จะใช้งานมากกว่า 1-2 คน ก็ควรจะดูจากขนาดความจุของเหยือกด้วยนะคะ เพราะบางรุ่นบางยี่ห้อก็ระบุว่าเป็น 2/4/6 cups แต่แก้วหรือถ้วยของแต่ละเจ้าก็มีความหมายที่ไม่เหมือน ดังนั้นควรจะตรวจสอบหน่วยปริมาณให้แน่ใจว่าขนาด cups หรือถ้วยที่ว่านั้น คือกี่ มล. เพื่อให้คุณสามารถคำนวณได้อย่างคร่าว ๆ ว่าคุณจะเลือกความจุขนาดไหน โดยรายการต่อไปนี้จะเป็นเพียงไกด์ไลน์อย่างคร่าว ๆ ที่แนะนำให้คุณเลือกซื้อค่ะ
- สำหรับชงดื่ม 1 คน ใช้ขนาด 1 / 2 / 3 cups
- สำหรับชงดื่ม 2 คน ใช้ขนาด 4 / 6 cups
- สำหรับชงดื่ม 3 คน ใช้ขนาด 6 / 9 cups
- สำหรับชงดื่ม 4 คน ใช้ขนาด 9 / 12 cup
3. วัสดุที่ใช้ผลิต
หม้อต้มกาแฟบางรุ่นก็อาจจะไม่ทนทานต่อการใช้งาน เมื่อโดนความร้อนบ่อย ๆ ก็อาจจะพังหรือเสียเอาง่าย ๆ เพื่อไม่ให้คุณต้องเสียอารมณ์และเสียเงินซื้อใหม่หลาย ๆ ครั้ง คุณควรจะมองหาหม้อต้มกาแฟที่มีวัสดุแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงกระแทกต่าง ๆ ได้ดี และรวมถึงหูจับต้องทนต่อความร้อนได้ด้วย ซึ่งเราขอแนะนำให้เลือกตัวหม้อเป็นวัสดุจาก “อะลูมิเนียม” หรือ “สแตนเลสสตีล” ค่ะ
อะลูมิเนียม | สแตนเลสสตีล |
ราคาถูกกว่า | ราคาแพงกว่า |
น้ำหนักเบากว่า | น้ำหนักเยอะกว่า |
นำความร้อนได้ดีกว่า | นำความร้อนได้ดีน้อยกว่า |
มีความทนทานน้อยกว่า | มีความทนทานมากกว่า |
ทนต่อการกัดกร่อนน้อยกว่า | ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่า |
ไม่ปลอดภัยต่อเครื่องล้างจาน | ปลอดภัยต่อเครื่องล้างจาน |
เนื่องจากสแตนเลสสตีลช่วยป้องกันในเรื่องของการเกิดสนิมและลดการกัดกร่อนได้ดี ทั้งยังมีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงไปด้วยในตัว ส่วนอะลูมิเนียมนั้นจะมีความแข็งแรงและทนต่อการกัดกร่อนเช่นกัน (แต่น้อยกว่าสแตนเลส) สามารถนำความร้อนได้ดีกว่าสแตนเลสทั้งยังมีน้ำเบากว่าอีกด้วยค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่คุณว่าต้องใช้งานแบบไหน แต่หากให้เราแนะนำการใช้หม้อต้มกาแฟแบบสแตนเลสสตีลจะช่วยทำให้อายุการใช้งานยาวนานกว่าอะลูมิเนียมค่ะ
4. จะใช้กับเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรือเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
วัตถุประสงค์ในการเลือกของข้อนี้ก็ดูจากวัสดุของหม้อที่ใช้นั่นเองค่ะ เพราะ Moka Pots ไม่สามารถใช้ได้กับเตาทุกประเภทเสมอไป บางชิ้นก็ใช้ได้สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้หรือบางชิ้นก็ใช้ได้กับเตาแบบเปลวไฟเท่านั้น ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกหม้อที่ถูกต้องสำหรับการใช้ของคุณ
- หากคุณอยากให้มันสามารถใช้กับพวกเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้า คุณก็ต้องเลือกหม้อต้มกาแฟที่ทำจากอะลูมิเนียม
- แต่หากคุณต้องให้มันครอบคลุมการใช้ที่รวมถึงเตาแม่เหล็กไฟฟ้าด้วย ก็ต้องเลือกสแตนเลสสตีลค่ะ
5. ความปลอดภัย
แน่นอนว่าหม้อต้มกาแฟใช้เทคนิคแรงดันจากไอน้ำเป็นตัวดำเนินการ ดังนั้นความปลอดภัยขณะที่ใช้เครื่องมือเหล่านี้จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ เพราะแรงดันที่สูงเช่นนี้อาจจะทำให้หม้อของคุณระเบิดได้ หรืออาจจะทำให้น้ำพุ่งจนหกเลอะเทอะ หากยี่ห้อไหนที่ไม่มีการรับรองด้านความปลอดภัยใด ๆ แต่คุณยังยืนยันว่าต้องการซื้อ คุณอาจจะต้องลองเสี่ยงดวงดูนะคะ นอกจากนี้คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าหม้อต้มกาแฟได้การปิดจนสนิทแล้วก่อนนำไปตั้งความร้อนหรือตั้งไฟ
มอคค่าพอท Bialetti รุ่น New Brikka 2020 ขนาด 2 ถ้วย (เบียเล็ตติ้ บริกก้า)

ราคา 2,850 บาท*
ยังคงอยู่กับแบรนด์ Bialetti จากอิตาลีในรุ่น Brikka 2020 ที่ยังคงรูปลักษณ์อันคลาสสิกได้ดีเช่นเดิม เพิ่มเติมคือความพิเศษของระบบวาล์วแบบใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความหนานุ่มของครีม่าให้มากขึ้น 20% และเพิ่มแรงดันภายในได้ดีกว่ารุ่นปกติถึง 2 เท่า ทั้งยังเพิ่มความร้อนของเครื่องดื่มให้สูงขึ้นอีก 5 °C

ผลิตจากอะลูมิเนียมเกรดอาหารที่แข็งแรงทนทานมีความปลอดภัยและนำความร้อนได้ดี ฝาหม้อออกแบบมาให้มองเห็นขั้นตอนการชงได้อย่างง่ายดาย ช่วยลดแรงดันภายในหม้อส่วนบน ทำให้กาแฟที่ไหลออกมามีความสม่ำเสมอไม่กระเซ็นจนเลอะเทอะ
และจากการใช้งานจริงก็พบว่ารุ่นนี้สามารถทำครีม่าออกมาเยอะกว่ารุ่นอื่นจริงค่ะ ทั้งความหนานุ่มที่ฟูสวยงาม ส่งผลให้รสชาติกาแฟกลมกล่อมและนุ่มนวลกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟพันธ์ุอาราบิก้าหรือโรบัสต้า Brikka 2020 ก็สามารถดึงจุดเด่นของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ออกมาได้ดีมาก ในเรื่องความหอมนั้นก็สามารถดึงเอากลิ่น Taste Note ของเมล็ดกาแฟออกได้เช่นกัน เรียกว่าชงหนึ่งครั้งหอมกรุนไปทั่วห้องเลยค่ะ

ข้อดี
- รสชาติกาแฟอร่อยนุ่มนวล สร้างครีม่ามากกว่าหม้อต้มกาแฟทั่วไป
- ตัวฐานทำจากวัสดุทนความร้อนอย่างดี ทำความสะอาดง่าย ไม่เกิดเป็นคราบสนิม
- หูจับออกแบบมาให้จับใช้งานถนัดมือ มาพร้อมกับที่ปิด-เปิดฝาหม้อที่ใช้งานสะดวกมาก ๆ โดยใช้เพียงแค่นิ้วโป้งเท่านั้น
ข้อควรพิจารณา
- เพื่อความปลอดภัย ควรบิดเกลียวตัวหม้อก่อนต้มให้แน่น เนื่องจากรุ่นนี้จะทำแรงดันได้สูงมากกว่ารุ่นอื่น ๆ
- ใช้ได้กับเตาแก๊สและเตาไฟฟ้าเท่านั้น เตาเเม่เหล็กไฟฟ้าใช้ไม่ได้
- ข้อเสียเปรียบเพียงประการเดียวคือรุ่นนี้ทำจากอะลูมิเนียม ดังนั้นมันอาจจะไม่ทนทานเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับสแตนเลสสตีลหากคุณเก็บรักษาไม่ดี
ทำจากวัสดุ | อะลูมิเนียม |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 2 cups / 100-120 มล. |
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) | 10 x 14 x 17 ซม. |
หม้อต้มกาแฟ Moka Pot Bialetti รุ่น Moka Express ขนาด 2 ถ้วย

ราคา 1,538 บาท*
ยังคงอยู่กับ Moka Pot จาก Bialetti แบรนด์ใหญ่ในอุตสาหกรรมกาแฟที่มีมาตั้งแต่ปี 1950 ซึ่งคราวนี้เป็นรุ่นขายดีอย่าง Moka Express สาเหตุที่รุ่นนี้เป็นนิยม เนื่องจากรูปลักษณ์สไตล์วินเทจและโครงสร้างอะลูมิเนียมขัดเงาที่ดูคลาสสิกและสวยงาม มาพร้อมกับขนาดเล็กที่แข็งแรงและทนทาน ทั้งยังมีฐานเป็น 8 เหลี่ยมที่ช่วยทำให้ความร้อนกระจายตัวได้ดี ส่งผลให้กาแฟที่ได้มีความเข้มข้นแต่แฝงไปด้วยสัมผัสที่นุ่มละมุน ซึ่งสามารถชงเอสเปรสโซนุ่ม ๆ ได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น

แม้ว่าตอนนี้จะมีรุ่นใหม่ออกมาแล้วมากมาย แต่หลาย ๆ คนอาจจะไม่ได้ลองเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างรุ่นนี้กับรุ่นใหม่อย่างจริงจัง ถ้าให้ผู้เขียนคิดว่ารุ่น New Brikka 2020 น่าจะเป็นตัวเลือกดีกว่า เพราะมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ ไว้เยอะมาก ทั้งด้านการใช้งานและรสชาติของกาแฟ แต่แน่นอนค่ะว่ามันก็มาพร้อมกับราคาที่แพงขึ้นเช่นกัน
ข้อดี
- เป็นหม้อต้มกาแฟจากแบรนด์คุณภาพดีที่มีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับชงดื่ม 1-2 คน
- ดีไซน์สวยงาม ดูวินเทจคลาสสิกในตัว
- ฐานเป็นแบบ 8 เหลี่ยมทำจากอะลูมิเนียม ช่วยให้กระจ่ายความร้อนได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- แน่นอนค่ะว่ารุ่น Moka Express ที่เป็นอะลูมิเนียม ก็ยังคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
- ส่วนมือจับเป็นพลาสติกที่อาจจะละลายได้ง่ายสักหน่อย ไม่แนะนำให้ต้มทิ้งไว้โดยไม่จับตามมองนะคะ แต่หากมีอุปกรณ์ต้องเปลี่ยนใหม่ ทางแบรนด์ Bialetti ก็มีอะไหล่เปลี่ยนได้ค่ะ
ทำจากวัสดุ | อะลูมิเนียม |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 2 cups / 90 มล. |
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) | 9 x 12.6 x 16 ซม. |
หม้อต้มกาแฟ Bialetti รุ่น Venus ขนาด 6 ถ้วย

ราคา 2,516 บาท*
หม้อต้มกาแฟ Moka Pot จาก Bialetti แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากนักชงกาแฟทั่วโลกว่าสามารถดึงรสชาติของกาแฟออกได้ดีมาก ๆ หากคุณกำลังมองหาหม้อต้มกาแฟที่สามารถใช้งานกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้ก็ต้อง Bialetti รุ่น Venus เลยค่ะ
เพราะตัววัสดุเป็นสแตนเลสสตีลเกรด 18/10 อย่างดี ทั้งยังจุได้มากถึง 400 มล. มาพร้อมการออกแบบที่ดูหรูหรามีสไตล์ ตรงที่จับมีฉนวนป้องกันความร้อนอย่างดี จับง่ายถนัดมือป้องกันการลื่น นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้ออกแบบให้เวลาเรายกเทกาแฟไม่หกเลอะเทอะด้วยนะคะ
ในส่วนของความหนาที่ส่วนล่างของหม้อก็ปรับใหม่เพิ่มเนื้อสแตนเลสสตีลให้หนาขึ้น 20 % เพื่อป้องกันความเสียหายจากความร้อน นอกจากนี้ทาง Bialetti ก็ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวังในเรื่องของรสชาติที่เข้มข้น อร่อย และละมุนเช่นเดิมเลยค่ะ
ข้อดี
- เป็นแบรนด์ที่ผลิต Moka Pot ได้มีคุณภาพมากที่สุดอีกหนึ่งแบรนด์
- ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับทำชงดื่ม 5-6 ถ้วยเล็ก
- ทำจากสแตนเลสสตีล จึงสามารถใช้ได้กับเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาแม่เหล็กไฟฟ้า
- ออกแบบที่เปิด-ปิดฝาให้ใช้งานง่ายด้วยนิ้วโป้งเท่านั้น
ข้อควรพิจารณา
- หากคุณกำลังใช้รุ่นนี้กับเตาแก๊ส ระวังอย่าให้หูจับโดนเปลวไฟ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันละลาย
- ขนาดไม่เหมาะสำหรับพกพาออกนอกสถานที่
ทำจากวัสดุ | สแตนเลสสตีล |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 6 cups / 400 มล. |
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) | 11 x 13.5 x 21 ซม. |
Bialetti หม้อต้มกาแฟ รุ่น Moka Express Natural Green Olive ขนาด 3 ถ้วย

ราคา 1,958 บาท*
สำหรับใครชอบหม้อต้มกาแฟจากแบบ Bialetti ในรูปทรงฐานด้านล่างแบบ 8 เหลี่ยมอย่าง รุ่น Moka Express ขนาด 2 ถ้วย แต่เบื่อสีเงินวาวที่ดูคลาสสิกมากเกินไป เนื่องจากเป็นวัสดุที่ดูแลยาก เราขอแนะนำ รุ่น Moka Express Natural Green Olive ตัวนี้เลยค่ะ เป็นหม้อต้มกาแฟจาก Bialetti ที่มาพร้อมกับเฉดสีใหม่ ทำให้บ้านของคุณดูทุมโทนมากขึ้น เหมาะสำหรับสายมินิมอลหรือคนที่ชอบสีเอิร์ธโทนมาก ๆ สวยสด มีสไตล์ และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
ข้อดี
- เป็นรุ่นพิเศษที่ดีไซน์ด้วยสี Green Olive ซึ่งผลิตออกมามีจำนวนจำกัด
- วัสดุเป็นอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบานำความร้อนได้ดี ใช้ได้กับเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า
- ด้ามจับเป็นพลาสติกทนความร้อน
- แบรนด์ดีมีมาตรฐานระดับโลกใช้ Inspection valve ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Bialetti
ทำจากวัสดุ | อะลูมิเนียม |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 3 cups / 130 มล. |
ขนาด(กว้างxยาวxสูง) | 10 x 14 x 17 ซม. |
Moka Pot หม้อต้มกาแฟ ATOM รุ่น Hybrids ด้ามจับเป็นพลาสติก ขนาด 4 ถ้วย

ราคา 862 บาท*
ข้อดี
- ทำจากอะลูมิเนียม สามารถใช้ได้กับเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า ยกเว้นเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
- คุณภาพของอะลูมิเนียมและความหนา ค่อนข้างดีกว่าโมก้าพอทตามท้องตลาดทั่วไป
ข้อควรพิจารณา
- แม้ว่าเรื่องความทนทานแข็งแรงจะเป็นจุดเด่นของ ATOM แต่หากให้เปรียบเทียบกับ แบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีราคาแพงกว่า ทำให้ ATOM สร้างแรงดันยังทำออกมาได้ค่อยดีเท่าไหร่
- ด้วยความหนาของอะลูมิเนียมจึงทำให้รุ่นนี้ค่อนข้างร้อนช้าสักเล็กน้อย เมื่อเทียบกับโมก้าพอทจากโนเนมจีนที่เป็นเหล็กแบบบาง
ทำจากวัสดุ | อะลูมิเนียม |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 4 cups / 200 มล. |
ขนาด | 10 x 14.5 ซม. |
หม้อต้มกาแฟสด เอสเพรสโซ่ ขนาด 6 ถ้วย

ราคา 129 บาท*
หม้อต้มกาแฟสดที่มีราคาประหยัดสบายกระเป๋า เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองใช้ Moka Pot แม้ว่าจะมีราคาที่จับต้องได้แต่ก็มาในความจุถึง 300 มล. เหมาะสำหรับ 3-4 คน วัสดุทำจากอะลูมิเนียม ตัวหูจับเป็นพลาสติกไนล่อนที่ทนต่อความร้อน ทำให้คุณมั่นใจได้ว่ามันจะไม่ทำให้คุณมือพองระหว่างการใช้งานแน่นอนค่ะ ทั้งยังมีขนาดเล็กน้ำหนักเบา ถือว่าตัวนี้สะดวกต่อการพกพาไปทุกที่จริง ๆ ค่ะ
ข้อดี
- ราคาถูกมาก เหมาะสำหรับมือใหม่หัดชงกาแฟด้วย Moka Pot
- ใช้งานได้ทั้งบนเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรือเตาถ่านก็ได้ แต่ไม่สามารถใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction) ได้
- ลิ้งก์ในร้านค้ามีหลายขนาดให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ขนาด 100 มล. , 150 มล. หรือ 300 มล.
- หูจับมีความโค้งที่ออกแบบมาให้จับถนัดมือ
ข้อควรพิจารณา
- คุณภาพของสินค้าเป็นไปตามราคา ดังนั้นหากคุณล้างทำความสะอาดไม่ดี หรือไม่เช็ดให้แห้งสนิท ก็จะเกิดเป็นสนิมได้ง่าย
- วัสดุที่ใช้ทำเป็นอะลูมิเนียมที่ค่อนข้างบาง ดูไม่ค่อยแข็งแรงทนทาน
ทำจากวัสดุ | อะลูมิเนียม |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 6 cups / 300 มล |
ขนาด (ความสูง) | 20 ซม. |
BLU SASTA มอคค่าพอท ทรงสูงทำจากสแตนเลส ขนาด 6 ถ้วย

ราคา 159 บาท*
หม้อต้มกาแฟขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 300 มล. เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์กับกลุ่มเพื่อนสนิทหรือครอบครัว ทำจากสแตนเลสที่แข็งแรงทนทานและสามารถใช้กับเตาประเภทไหนก็ได้ รวมถึงเตาแม่เหล็กไฟฟ้าด้วยเช่นกัน แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่เหมาะสำหรับพกพาสักเท่าไหร่ แต่ด้วยรูปทรงที่สวยงามทันสมัยและการออกแบบให้ใช้งานง่ายดาย ทำให้เราสามารถมองข้ามในเรื่องของขนาดไปได้ค่ะ อีกทั้งยังมีหูจับที่แข็งแรงใช้งานง่ายหยิบจับได้ถนัดมือ ทำจากพลาสติกที่ทนความร้อนได้ดี
ข้อดี
- ทำจากสแตนเลส + เหล็กจึงสามารถใช้กับเตาทำความร้อนได้หลากหลายประเภท
- ตัวหม้อมีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับชงดื่มครั้งละหลายแก้ว โดยประมาณจะทำได้ครั้งละ 5-6 ถ้วยอิตาลี (ถ้วยเล็ก)
ข้อควรพิจารณา
- วัสดุที่ใช้เป็นไปตามราคา ดังนั้นการสร้างแรงดันบาร์จึงทำให้รสชาติของกาแฟออกมาไม่ค่อยเข้มข้นเท่าที่ควร
ทำจากวัสดุ | สแตนเลส + เหล็ก |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 6 cups / 300 มล. |
ขนาด (กว้างxยาวxสูง) | 7.2 x 9.8 x 20 ซม. |
MOKA POT หม้อต้มกาแฟ ขนาด 6 ถ้วย สีสวย หูจับลายไม้

ราคา 218 บาท*
แม้ว่าหม้อต้มกาแฟตัวนี้จะไม่ได้มาจากยี่ห้อดังระดับโลก แต่ก็มีดีไซน์ที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร สิ่งที่ทำให้เราชอบมากคือสีสันและลายไม้ที่หูจับของตัวหม้อ นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกเฉดสีอื่นที่คุณชอบได้ ไม่ว่าจะเป็น สีขาว, แดง, ดำ, เขียว, เหลือง, เทา อีกทั้งยังมีขนาดให้เลือก 2 ไซส์ คือ 300 มล. และ 150 มล. ในส่วนของวัสดุก็ผลิตจากอะลูมิเนียมคุณภาพเกรดค่อนข้างดี มีความหนาพอประมาณ ส่วนที่จับก็ทำจากไม้ไบโอนิคที่ทนความร้อนสูง โดยรวมดีไซน์รุ่นนี้จะคล้ายกับ Brikka 2020 แต่เป็น MOKA POT ที่มีสีสันสดใสมากกว่าและมีราคาถูกกว่า แน่นอนว่าเรื่องรสชาตินั้นคงสู้ Brikka ไม่ได้ แต่ราคาก็เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการชงกาแฟค่ะ
ข้อดี
- ราคาถูก
- ทำจากอะลูมิเนียมค่อนข้างหนา สามารถใช้ได้กับทุกเตา (ยกเว้นเตาแม่เหล็กไฟฟ้า)
- มีขนาดให้เลือกระหว่าง 150 มล. หรือ 300 มล.
- หูจับเป็นลายไม้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ข้อควรพิจารณา
- คุณภาพของสินค้าเป็นไปตามราคา วัสดุอาจทำให้เกิดสนิทง่าย และดูไม่ค่อยแข็งแรงทนทานสำหรับบางท่าน
ทำจากวัสดุ | อะลูมิเนียม |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 6 cups / 300 มล. |
ขนาด | 19.5 x 9.7 ซม. |
หม้อต้มกาแฟ North Hill ผลิตจากสแตนเลสและแก้วหนาคุณภาพดี

ราคา 969 บาท*
ข้อดี
- ดีไซน์สวย มองเห็นระดับน้ำกาแฟ
- สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งเตาไฟฟ้า, เตาแม่เหล็กไฟฟ้า (เตา Induction) และเตาแก๊ส
ข้อควรพิจารณา
- ซีลยางภายในค่อนข้างบางไป ทำให้มีการซึมออกมาเล็กน้อย แต่คุณสามารถหาซื้อมาเปลี่ยนได้
ทำจากวัสดุ | สแตนเลสสตีล |
---|---|
ปริมาณการชงต่อครั้ง | 4 cups / 160 มล. |
ขนาด | 16.5 x 9 ซม. |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
Bialetti Moka Pot ดีกว่า Moka Pot ตัวอื่น ๆ อย่างไร
หลังจากที่อ่านรีวิวกันไปแล้ว หลาย ๆ คน อาจสงสัยว่าทำไมเราจึงมีรีวิวโมก้าพอทจากแบรนด์ Bialetti (บิอาเล็ตติ) หลายรุ่น นั่นเป็นเพราะว่า Bialetti ถือเป็นแบรนด์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องครัวจากประเทศอิตาลี ที่ยังควบตำแหน่งต้นตำรับหม้อต้มกาแฟ (Moka Pot) เจ้าแรกของโลก
|
ดังนั้นหากคุณอยากได้ Moka Pot ที่ให้รสชาติกาแฟอันยอดเยี่ยม มาพร้อมกับครีม่าหนานุ่ม และมีกลิ่นหอมรัญจวนใจ ทั้งยังสร้างความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพ, กระบวนการผลิต, วัสดุที่ใช้ รวมถึงเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามา คุณจะต้องเลือก Moka Pot จากแบรนด์ Bialetti (บิอาเล็ตติ) เท่านั้นค่ะ
เพราะ Moka Pot จาก Bialetti จะใช้วัสดุที่เป็นอะลูมิเนียมหรือสแตนเลสสตีลคุณภาพดีอย่างหนามากในการทำ เพื่อให้ตัวหม้อมีความแข็งแรงทนทนทาน แต่ความหนานั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อระยะเวลาในการชงแต่อย่างใด เพราะทาง Bialetti จะใช้เทคนิคพิเศษในการสร้างระบบวาล์วที่ดีที่สุด ทำให้ใช้เวลาในการชงไม่นานก็ถึงจุดเดือด แต่เมื่อเทียบกับหม้อทั่วไปที่มีอะลูมิเนียมแบบบางแล้ว แม้ว่ามันจะชงได้เร็วกว่า Bialetti ± ไม่เกิน 1 นาที แต่ในแง่ของอายุการใช้งานนั้น หม้อจาก Bialetti ทำออกมาได้ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย |
ส่วนผลลัพธ์ของกาแฟที่ได้จาก Moka Pot ของ Bialetti ก็คือจะมีครีม่าเยอะมาก ทั้งยังให้รสชาติอร่อยกลมกล่อม ไม่ได้ขมโดดหรือเปรี้ยวโดด สามารถดึงจุดเด่นของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ออกมาได้ดีกว่าหม้อทั่วไป ทั้งความเปรี้ยว ความเข้ม หรือแม้แต่กลิ่นของกาแฟ ที่ทาง Bialetti สามารถดึงเอากลิ่น Taste Note ของเมล็ดกาแฟออกมาได้ดี เรียกว่าแค่มี Moka Pot จาก Bialetti ตัวเดียว คุณก็สามารถชงกาแฟแบบง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมากมาย ถือเป็น Moka Pot คุณภาพดีอีกตัวที่ขอแนะนำเลยค่ะ

วีดีโอ เปรียบเทียบ Bialetti Moka Pot (รุ่น Brikka) ดีกว่า Moka Pot ตัวอื่น ๆ ยังไง
แต่ตอนนี้แบรนด์ใหญ่ในอุตสาหกรรมกาแฟอย่าง Bialetti ได้ย้ายฐานผลิตไปที่ประเทศจีนแล้วเพื่อลดต้นทุนด้านแรงงาน ทำให้บางครั้งหากคุณเลือกร้านที่ไม่ดีก็อาจจะได้สินค้าก็อปเกรด A มาแทน ดังนั้นโปรดอ่านรีวิวจากผู้ซื้อจริงในหน้าสินค้านั้น ๆ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจของคุณ เนื่องจากบางร้านก็เป็นแค่ผู้นำ Bialetti เข้ามาขายไม่ได้เป็นร้านของทางแบรนด์จริง ๆ ดังนั้นจึงควรอัปเดตรายละเอียดของสินค้าโดยการอ่านรีวิวจากผู้ใช้ด้วยนะคะ
สรุป : Moka Pot (โมก้าพอท) รุ่นไหนดีที่สุด
หากให้ตอบว่าหม้อต้มกาแฟตัวไหนดีที่สุด ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการลงทุนในระยะยาวหรือไม่? หากคำตอบของคุณคือต้องการลงทุนในระยะยาวเน้นใช้งานที่บ้าน เราแนะนำให้คุณเลือกใช้วัสดุที่ทำจากสแตนเลสสตีล อย่างของแบรนด์ Bialetti ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากคุณอยากได้แบบที่มีราคาไม่แพง และไม่เน้นผลลัพธ์เรื่องรสชาติมากนัก ดูเหมือนโมก้าพอทยี่ห้อทั่วไปก็สามารถตอบโจทย์คุณได้เช่นกัน
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น หากคุณต้องการพกพาไปข้างนอกด้วย คุณต้องเข้าใจว่าหม้อต้มกาแฟจะต้องออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา ดังนั้นมันจะต้องทำจากวัสดุอะลูมิเนียมเท่านั้น แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าอะลูมิเนียมมีความทนทานน้อยกว่าแบบสแตนเลสสตีล ดังนั้นได้อย่างก็ต้องเสียอย่างนะคะ อยู่ที่ว่าคุณสะดวกแบบไหนนะคะ
สำหรับใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับการเดินป่าหรือตั้งแคมป์ เรามีบทความรีวิวสินค้าไว้ให้คุณเลือก โดยคุณสามารถเข้าไปอ่านศึกษาวิธีการเลือกได้เลยค่ะ วิธีตั้งแคมป์สำหรับมือใหม่, วิธีเลือกเต็นท์ตั้งแคมป์ที่ดีที่สุด, เข็มทิศบอกทาง, โต๊ะพับได้ สำหรับกิจกรรมเอาท์ดอร์, เปลญวน เปลเดินป่า, ซื้อเก้าอี้สนามแบบไหนดี, ถุงนอนตั้งแคมป์, ซื้อเต็นท์นอน เต็นท์กันน้ำ แบบไหนดี