10 เกม Playstation 5 ที่น่าเล่น กราฟิกสวย ปี 2023

แม้ว่า Playstation 5 จะวางขายมาแล้ว 3 ปี แต่ด้วยความต้องการที่สูงมากและจำนวนการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกหลายคนต้องแย่งโควต้าในการซื้อและจองกันทุกเดือน บางคนถึงขั้นต้องรอเครื่อง 1 – 2 ปี กว่าจะได้ PS5 มาครอบครอง โชคดีที่ในปี 2023 สถานการณ์โควิดดีขึ้น ทำให้ทางผู้ผลิตสามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการ จนตอนนี้เราสามารถเดินเข้าห้างเพื่อเลือกซื้อเครื่องได้แล้วครับ อย่างไรก็ดียอดขายของเครื่อง PS5 และเกมยังคงเยอะอยู่จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อเอาใจคนกำลังหา PS5 สนุก ๆ เล่น วันนี้ผมจึงรวบรวม ‘10 เกม Playstation 5 ที่น่าเล่นที่สุด ปี 2023’ มาฝากกันครับ

1. Marvel’s Spider-Man 2 – สไปเดอร์แมน มาร์เวล

Spider-Man 2 ค่อนข้างเหนือความคาดหมายเลยละครับเพราะกระแสตอบรับดีมาก ทั้งกราฟฟิกและเนื้อเรื่องถือว่าทางผู้ผลิตทำออกมาได้ดีมาก ต้องยกความดีความชอบให้กับ Insomniac ของทางโซนี่ ทั้งนี้ตัวละครหลักภายและเนื้อเรื่องในเกมจะมี Peter Paker ซึ่งเป็นสไปเดอร์-แมน เวอร์ชันคลาสสิก ในขณะเดียวกันยังมีไมลส์ก็เป็นสไปเดอร์แมนเวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับชุดวีนอมซึ่งจะมีพลังพิเศษมากขึ้นกว่าเดิม โดยทั้งคู่จะต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องนิวยอร์กจากภัยอันตราย เกมจะให้ภารกิจในการกอบกู้เมืองที่เราจะต้องต่อสู้กับบอสเจ๋ง ๆ อย่าง นักล่าเครเวน, ลิซาร์ด และวีนอม ให้เราได้ต่อสู้ หากใครชอบเกมแอคชันภาพสวยสมจริงเหมือนหลุดเข้าไปในเกมต้องเลือก ‘Spider-Man 2’ มาเป็นตัวเลือกแรกครับ

PlayStation : PS5 Marvel's Spider-Man 2 - สไปเดอร์แมน มาร์เวล

2. Resident Evil 4 – เรซิเดนต์อีวิล

แม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปี Resident Evil ก็ยังคงครองใจเหล่าเกมเมอร์เสมอมาครับ จริง ๆ แล้วโดยส่วนตัวผมคิดว่าเกมนี้ไม่จำเป็นต้อง Remake หรือทำใหม่อะไร เพราะเกมมีความคลาสสิกแม้ว่าจะเป็นเวอร์ชันเก่าแต่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังคงสนุกเหมือนเดิม แต่เมื่อทาง Capcom ประกาศออกมาว่าจะ Remake เกม Resident Evil ภาค 4 ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอกันแบบสุด ๆ ว่าทางผู้ผลิตจะปรับเกมระดับตำนานให้เป็นแบบไหน โดยหลังจากปล่อยออกมาตัวเกมก็ได้รับคำชมกันอย่างหนาหู เพราะ Capcom ปรับให้ภาพสวยขึ้นตามยุคสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ของความสนุกไว้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเหล่าซอมบี้หรือการยิงอย่างเมามันส์ ซึ่งเนื้อเรื่องคือการที่ Leon S. Kennedy ต้องเข้าไปในเมืองลึกลับของ Spanish เพื่อช่วยเหลือลูกสาวของประธานาธิบดีจากผู้ติดเชื้อ ถือเป็นเกมที่ไม่ควรพลาดในปีนี้ เพราะการรีเมคในครั้งนี้ถือได้ว่ายกระดับเกมขึ้นไปอีกเลเวลหนึ่ง

Resident Evil 4 - เรซิเดนต์อีวิล

3. Street Fighter 6 – สตรีทไฟเตอร์

อีกหนึ่งเกมที่ปล่อยออกมาจากค่าย Capcom และได้รับคำชมอย่างล้นหลามคือ ‘Street Figher 6’ ซึ่งเกมแนวนี้จริง ๆ แล้วเป็นเกมที่ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แม้แต่เด็ก ๆ ในรุ่น 90 ก็เคยเล่นเกมสไตล์นี้ตามตู้เกมในห้าง โดยเกมจะเป็นแนวต่อสู้แบบ 1 vs 1 มีท่าทางต่อสู้หลากหลายและเอฟเฟคสวย ๆ ให้เราได้ลุ้นระทึกในทุกนาที นอกจากนี้ความสนุกของเกมก็ไม่ได้จำกัดแค่เพียงการเล่นสองคนหรือต่อสู้กับระบบ AI ของเกมเท่านั้น แต่ทางผู้ผลิตยังสร้าง Community หรือระบบออนไลน์ให้เราได้ต่อสู้กับคนอื่น ๆ ที่เล่นเกมนี้ทั่วโลก ได้เพื่อนใหม่และมีความท้าทายอยู่ในตัว ในขณะที่ฉากจะเป็น Street เหมือนต่อสู้กันอยู่ท่ามกลางถนนในเมือง หากใครชอบแนวเกม Fighter ต้องเปิดใจครับรับรองว่าไม่ผิดหวัง

Street Fighter 6 - สตรีทไฟเตอร์

4. Ratchet & Clank: Rift Apartt – ผจญภัยปราบวายร้ายข้ามมิติ

‘Ratchet & Clank: Rift Apartt’ จริง ๆ แล้วถูกปล่อยออกมาให้แฟนเพลงได้เล่นกันตั้งแต่ในปี 2021 แต่แม้ว่าจะก้าวเข้าสู่ปี 2023 เกมนี้ก็ยังคงเป็นที่พูดถึงกันอยู่ โดยตัวเกมเป็นแนว Adventure ผสมกับความเป็น Action ที่เราจะต้องต่อสู้กับบอสและลูกสมุนของศัตรูในด่านต่าง ๆ ซึ่งทำออกมาได้เหมือนกับเราเป็นส่วนหนึ่งของการ์ตูนแอนิเมชันฟอร์มยักษ์เลยครับเพราะเอฟเฟคของเกมอลังการงานสร้างมาก หลายคนกำจัดความเกมนี้ว่าเป็นเกมสุดยอดของเกมยุคใหม่ (Next Gen) เลยครับ ทั้งนี้ด้วยคาแรกเตอร์ที่มีความน่ารักไม่ดุเดือดเลือดสาดจนเกินไป ก็ทำให้น้อง ๆ หนู ๆ สามารถเล่นเกมนี้ไปพร้อมกับการฝึกภาษาได้อีกด้วยครับ หากใครมี PS5 ไว้ในบ้านผมไม่อยากให้พลาดเกมนี้เลย

Ratchet & Clank: Rift Apartt - ผจญภัยปราบวายร้ายข้ามมิติ

5. Horizon Forbidden West – ผจญภัยสุดเขตแดนต้องห้าม

Horizon Forbidden West เป็นเกมที่เปิดมุมมองและภาพสวย ๆ ให้กับวงการเกมเมอร์ ถือได้ว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานของเกมไปอีกหนึ่งเท่าตัว ทำให้เราเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอนาคต ซึ่งเกมนี้เป็นเกมแนว Adventure ท่ามกลางป่าและทะเลทราย แต่ยังผสมผสานโลกแห่งยุคใหม่ที่บอสและสัตว์ในเกมจะเป็นหุ่นยนต์ทำให้การออกอาวุธและการต่อสู้มีความเป็นไซไฟเหนือจินตนาการ มีเนื้อเรื่องและการเดินทางเป็นขั้นเป็นตอนคล้าย ๆ กับภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีความเป็น Open World ที่แผนที่ในเกมจะกว้างมาก ทำให้เราได้เดินไปทำภารกิจหรือเดินไปสำรวจความศิวิไลซ์ของเกมได้อย่างอิสระ ใครชื่นชอบการสำรวจ ความมันส์ในการต่อสู้ และกราฟฟิกจัดหนักจัดเต็มต้องซื้อเกมนี้ไปเล่นกันครับ

Horizon Forbidden West - ผจญภัยสุดเขตแดนต้องห้าม

6. Hogwarts Legacy –  ฮอกวอตส์ เลกาซี

หลังจากเกมแนว Wizarding World หรือเกมร่ายมนต์พ่อมดแม่มดหายไปนาน ในที่สุด ‘Hogwarts Legacy’ ก็ปล่อยออกมาให้แฟน ๆ Harry Potter ได้หายคิดถึงกัน เพราะเกมนี้ดึงเสน่ห์ของโรงเรียน Hogwarts กลับมาอีกครั้ง ความสนุกของเกมนี้คือเราจะได้สำรวจและทำภารกิจรอบรั้วโรงเรียน ทั้งยังมีการเข้าไปในเมืองมังกร, ก็อบลิน หรือเวทมนต์ร้าย ซึ่งจะต้องต่อสู้และทำภารกิจให้สำเร็จ ในขณะเดียวกันการเล่นก็จะไต่ระดับความยากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ เพราะในเกมจะมีคลาสให้เราได้เรียนรู้คาถาเวทมนต์ต่าง ๆ ในการใช้เพื่อควบคุมวัตถุและการต่อสู้ก่อนจะเข้าสู่การต่อสู้ในสังเวียน หากใครเป็นแฟนคลับ Harry Potter ไม่ควรพลาดเกมนี้เพราะปราสาทและเรื่องราวภายในเกมถอดออกมาจากนิยายแบบใกล้เคียงมาก ๆ เหมือนสร้างตัวหนังสือให้มีชีวิตขึ้นมา

Hogwarts Legacy - ฮอกวอตส์ เลกาซี

7. Dead Island 2 – ตะลุยเกาะมรณะ

Dead Island ภาค 2 เป็นเกมแนวซอมบี้ยุคใหม่ที่มีภาพสมจริงมาก !! ทำให้การต่อสู้และความเลือดสาดค่อนข้างดุเดือดเหมือนกับเราต่อสู้กับซอมบี้จริง ๆ เลยครับ ถ้าหากเปรียบเทียบกับเกมซอมบี้อื่น ๆ ในวงการเกม เกมนี้ถือว่าความสมจริงเป็นอันดับแรก ๆ ของวงการเลยละ ความสนุกของเกมคือมันไม่เป็นเกมที่เล่นไปเรื่อยแต่มีเนื้อเรื่องให้เราเล่นไปตามสตรอรี่จนจบเกม ในขณะเดียวกันเกมยังมีสกิลให้เราปรับได้ตามใจเพื่อจำกัดซอมบี้ มีอาวุธทั้งมือ, ขวาน, ปืน และอื่น ๆ ให้กับเรา ทั้งนี้ซอมบี้ในเกมก็จะมีหลายเลเวลครับมีทั้งที่เป็นลูกสมุนสามารถกำจัดได้ภายในไม่กี่วินาทีจนไปถึงบอสที่ต้องต่อสู้กันหลายสิบนาที สร้างความท้าทายและความตื่นเต้นได้ตลอดทั้งเกม

Dead Island 2 - ตะลุยเกาะมรณะ 2

8. Final Fantasy XVI –  ไฟนอลแฟนตาซี

Final Fantasy เป็นเกมที่อยู่คู่กับวงการเกมมาอย่างยาวนาน สิ่งที่ยังทำให้เกมนี้ยังคงขายได้ทุกภาคคือความสวยของกราฟฟิกและเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้อย่างเพอร์เฟคแบบไร้ที่ติ มีหลายสำนักวิจารณ์ให้เกมนี้เป็นเกมกราฟฟิกระดับท็อปของโลกทั้งสีแฟนตาซีและภาพออกแนวไซไฟแบบไม่มีกั๊ก ทั้งนี้เนื้อเรื่องของเกมคือการกอบกู้ราชวงศ์และอาณาจักรของตัวเองในการโดนศัตรูยึดครอง ซึ่งเราจะเล่นเป็นตัวละครพระเอกสุดหล่ออย่าง Clive Rosfield หนึ่งในตระกูลราชวงศ์ที่รอดจากโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ ภารกิจหลักคือการล้างแค้นด้วยการจำกัดศัตรูและปีศาจภายในเมือง มีบอสมากมายหลากหลายชนิดให้เราได้ต่อสู้กันอย่างสนุกไม่รู้จบ โดยเกมนี้ค่อนข้างมีเนื้อเรื่องยาวหากใครเป็นสายเล่นเกมสตอรี่ยาว ๆ และมีฉากแอคชันแบบถึงใจรับรองว่าต้องประทับใจเกมนี้แน่นอน

Final Fantasy XVI - ไฟนอลแฟนตาซี

9. Diablo 4 –  ดิอาโบล

Diablo 4 โดดเด่นในเรื่องของสตอรี่ที่มีความน่าสนใจ เพราะเราจะไม่ทราบเลยว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายดีหรือฝ่ายร้ายจนกว่าจะเล่นจบเกม แม้ว่าเกม Diablo 4 จะมาในมุมสูง (ฟิลลิ่งคล้าย ROV) กราฟฟิกอาจจะสู้เกมแนวแฟนตาซีใหญ่ยักษ์อลังการได้ แต่บอกเลยว่าเกมนี้จะดูดให้คุณอยู่กับเก้าอี้ได้นานหลายชั่วโมงเลยละ เพราะเสียงประกอบทั้งช่วงการฟันและต่อสู้กับศัตรูจะดุเดือดมาก เสียงช่วงเลือดกระฉูดหรือหั่นอวัยวะค่อนข้างหลอนและสมจริงไม่ต่างไปจากการดูหนังเลยครับ มีหลายฉากและหลายบทให้เราได้ตีมอนสเตอร์และบอส ทั้งยังมีเควสต่อเนื่องเป็นสตอรี่ให้เราไม่หลงทาง แม้ว่าราคาเกมจะสูงหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนกับความสนุกที่ได้อย่างแน่นอนครับ

Diablo 4 - ดิอาโบล

10. Stray – น้องเหมียวผจญภัยในโลกอนาคต

Stray ถ้าแปลเป็นภาษาไทยจะหมายความว่าพเนจรหรือร่อนเร่ ถ้าใช้กับสัตว์เลี้ยงอย่างน้องแมวน้องหมาก็จะหมายถึงน้อง ๆ ที่จรจัดพลัดพรากจากเจ้าของนั่นละครับ ดังนั้นตัวละครในเกมที่เราจะเล่นคือการเป็น ‘แมวจรจัด’ ซึ่งเป็นแมวส้มที่จะต้องเดินทางผจญภัยในโลกกว้างตัวคนเดียว แต่โลกนี้แปลกประหลาดคือทุกคนในเมืองกลายเป็นหุ่นยนต์ทั้งหมด หากใครเป็นทาสแมวรับรองว่าคุณจะติดเกมนี้อย่างงอมแงมเลยครับ เพราะทางผู้ผลิตใส่ใจรายละเอียดของแมวไม่ว่าจะเป็นการลับเล็บนอนกลิ้ง หรือการปีนป่ายไปตามบ้านเรือนต่าง ๆ ออกแนว Survival ทั้งนี้ภารกิจหลักในการเล่นเป็นแมวคือเราจะต้องเดินทางค้นหาความจริง มีหลายฉากที่เราจะต้องค้นหาปริศนา และเดินทางกลับบ้านไปหาเจ้าของให้ได้ หากใครเป็นทาสแมวรับรองว่าเกมนี้คุณจะให้คะแนนแบบ 10/10 ครับ

Stray - น้องเหมียวผจญภัยในโลกอนาคต