การวิ่งเป็นหนึ่งในการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานที่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมมากมายเมื่อเทียบกับกีฬาชนิดอื่น ดังนั้นหากคุณอยากจะเริ่มดูแลสุขภาพของตัวเอง ผู้เขียนคิดว่า “การวิ่ง” จะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดค่ะ แต่ทั้งนี้การวิ่งก็มีหลายแบบมากอย่างตัวผู้เขียนเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบออกกำลังกายเลยสักนิด แต่ก็พยายามหาเวลาว่างออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งบ่อย ๆ หรือหากวันไหนเหนื่อย ๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นการเดินเร็วแทน
แน่นอนว่าหากคุณได้ออกกำลังกายทุกวัน คุณจะเริ่มสนใจข้อมูลการออกกำลังกายของตัวเองมากขึ้น ว่าตอนนี้คุณได้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว ? คุณวิ่งได้เก่งขึ้นหรือไม่ ? คุณสามารถลงแข่งวิ่งมาราธอนได้หรือเปล่า ? ร่างกายของคุณสามารถรองรับการวิ่งที่หนักและไกลกว่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน ? คำตอบที่คุณกำลังสงสัยอยู่นี้คุณสามารถหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างง่ายดายด้วย “นาฬิกาวิ่ง” ที่คุณสวมติดตัวเสมอ

แต่ทุกวันนี้ “นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุด” ล้ำหน้าไปไกลมาก เพราะมักจะมีคุณสมบัติมากมายมาพร้อมกับการติดตาม GPS ที่ยอดเยี่ยม, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับกีฬาหรือกิจกรรมเฉพาะทางได้ด้วย
หากคุณต้องการใช้นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายการออกกำลังกายในปีนี้ เราสามารถช่วยคุณได้นะคะ!!! เพื่อให้คุณได้เลือกนาฬิกาวิ่งได้ง่ายยิ่งขึ้น วันนี้เราได้หา “นาฬิกาวิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด” มาให้คุณเรียบร้อยแล้วค่ะ มาดูกันว่าจะมียี่ห้อไหน แบรนด์ไหน หรือรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ?
นาฬิกาวิ่ง ยี่ห้อไหน/รุ่นไหน เหมาะสำหรับคุณมากที่สุด
- Garmin Forerunner 265 นาฬิกาวิ่งโดยรวมที่ดีที่สุด
- Garmin Forerunner 55 นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งระดับเริ่มต้น
- Garmin Forerunner 955 นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬาระดับสูง
- Apple Watch Ultra นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดของ Apple
- Garmin fenix 7 series นาฬิกามัลติสปอร์ตที่ดีที่สุด สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
- Garmin Venu 2 Plus นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ของการ์มินที่ดีที่สุด
- Samsung Galaxy Watch 5 Pro นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Wear OS
![]() Garmin Forerunner 265 นาฬิกาวิ่งโดยรวมที่ดีที่สุด | ![]() Apple Watch Ultra นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดของ Apple | ![]() Garmin fenix 7 series นาฬิกามัลติสปอร์ตที่ดีที่สุด สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง | ![]() Samsung Galaxy Watch 5 Pro นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Wear OS |
สมาร์ทวอทช์ ต่างจาก นาฬิกาวิ่ง อย่างไร ?
สมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) คืออะไร ?
หลาย ๆ คนที่เข้ามาอ่านบทความของเราในวันนี้อาจคิดว่า “นาฬิกาวิ่ง” ก็คือสมาร์ทวอทช์ประเภทหนึ่งที่เน้นฝึกฝนการวิ่งเป็นพิเศษใช่ไหมคะ ? สิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ไม่ใช่ข้อมูลที่ผิดแต่ก็ไม่ถูก 100% อันที่จริงแล้วผู้เขียนคิดว่ามีหลายคนที่ยึดติดกับคำว่า “สมาร์ทวอทช์ (Smart Watch)” มากเกินไปจนลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเอง การเฟ้นหานาฬิกาที่ชาญฉลาดเน้นเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนมากกว่าคุณสมบัติด้านฟิตเนส ก็ไม่ต่างอะไรจากการที่คุณซื้อรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าวิ่งที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเหมาะสม

แม้ว่าสมาร์ทวอทช์ในปัจจุบันนี้จะสามารถทำงานได้หลายอย่าง แต่จุดเด่นของมันคือการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ อาทิเช่น การแสดงข้อความแจ้งเตือนบนหน้าปัดนาฬิกา, ความสามารถในการตอบกลับ, การรับสายโทรเข้าและโทรออก แต่ในแง่ของเมตริกการติดตามขั้นสูงสำหรับกีฬาวิ่งนั้นสมาร์ทวอทช์ส่วนมากยังขาดฟังก์ชันเหล่านี้ไปเยอะพอสมควร ดังนั้นหากมีนาฬิกาวิ่งเรือนไหนที่เรารีวิวว่า “มีความสามารถด้านสมาร์ทวอทช์ที่จำกัด” นั่นหมายความมันยังขาดคุณสมบัติของสมาร์ทวอทช์บางอย่างไปแต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นนาฬิกาวิ่งที่ไม่ดี
นาฬิกาวิ่ง (Running watch) คืออะไร ?
สิ่งหลัก ๆ ที่นาฬิกาวิ่งจะต้องมีหรือเรียกว่าเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานเลยก็คือความแม่นยำของระบบ GPS, การคำนวณระยะทาง, เซ็นเซอร์สำหรับวัดข้อมูลทางชีวภาพ (Biometrics) อาทิเช่น เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจและเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด อย่างน้อยเซ็นเซอร์ทั้งสองตัวนี้ควรจะเป็นเซ็นเซอร์หลักที่มีในนาฬิกาวิ่ง และนาฬิกาวิ่งที่ดีไม่เพียงแต่จะกดดันให้คุณออกกำลังกายตามเป้าหมายเท่านั้น แต่มันควรจะมีฟังก์ชันดูแลการพักฟื้นหลังการออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและสร้างความบาลานซ์ให้แก่ร่างกายของคุณได้ด้วย

นอกจากนี้คำว่า “นาฬิกาวิ่ง” ควรจะรองรับกิจกรรมหลากหลายมากกว่าการวิ่งระดับไฮเอนด์ ในตัวนาฬิกาควรจะมีโหมดกีฬาอื่น ๆ ให้คุณได้เลือกฝึกฝนตามความต้องการ นั่นหมายความว่ามันมีกีฬาพื้นฐาน อาทิเช่น ขี่จักรยานหรือว่ายน้ำอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นหากจะเรียกนาฬิกาวิ่งว่า “นาฬิกามัลติสปอร์ต (Multisport watch)” ก็ได้ค่ะ
วิธีเลือก “นาฬิกาวิ่ง” ที่ดีที่สุด
1. รู้ว่าคุณเป็นนักกีฬาประเภทไหน ?
หากคุณรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีเวลาทุ่มเทให้การวิ่งอย่างเต็มที่อาศัยแค่หาเวลาว่างไปวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นครั้งคราวหรือวอร์มร่างกายด้วยเดินเสียมากกว่า เราคิดว่าคุณควรเริ่มต้นจากอุปกรณ์ติดตามฟิตเนส (Fitness Tracker) หรือ สมาร์ทแบนด์ก่อนจะดีกว่าค่ะ เพราะสมาร์ทแบนด์เป็นสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับสวมใส่ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีราคาไม่แพง ไม่ได้เน้นคุณสมบัติของสมาร์ทวอทช์และก็ไม่ได้ให้ข้อมูลด้านฟิตเนสแบบเชิงลึกมากเกินไป เหมาะสำหรับสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการเพิ่มทักษะด้านกีฬาของตัวเองให้สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณเป็นนักวิ่ง นักปั่นจักรยาน หรือนักไตรกีฬาที่มีความมุ่งมั่นอยากพัฒนาสกิลของตัวเองและอยากเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย ผู้เขียนคิดว่า “นาฬิกาสำหรับวิ่ง” จะเหมาะกับคุณมากกว่า “สมาร์ทแบนด์” อย่างแน่นอนค่ะ

สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ นาฬิกาวิ่งที่จะช่วยให้คุณวางแผนการฝึกซ้อมง่าย ๆ และทำให้การวิ่งของคุณมีความหลากหลายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ ตัวอย่างเช่น Garmin Forerunner 55 ที่คอยให้คำแนะนำการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ ๆ ดังนั้นคุณจะไม่ติดอยู่ในกิจวัตรเดิม ๆ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำตามแผนการฝึกที่เฉพาะเจาะจงก็ตาม นอกจากนี้ยังแนะนำระยะเวลาที่คุณควรพักฟื้นหลังจากจบแต่ละเซสชันเพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝึก
2. สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
หลายต่อหลายท่านที่มักจะดูแค่ว่านาฬิกาเรือนนี้มี GPS ในตัวหรือไม่ ? จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ผิดอะไรหรอกนะคะ เพราะปัจจุบันนี้ GPS กลายเป็นคำเรียกสำหรับระบบนำทางด้วยดาวเทียมไปแล้ว แต่ใครจะทราบบ้างว่าจริง ๆ แล้วนั้น GPS ที่พวกเราเรียกกันนั้นย่อมาจาก Global Positioning System ที่สร้างโดยประเทศสหรัฐอเมริกา (อารมณ์เหมือนเวลาเราเรียกน้ำยาล้างจานทุกแบรนด์ว่า “ซันไลต์” หรือ เรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้ออื่น ๆ ว่า “มาม่า”)

ดังนั้น GPS เป็นเพียงหนึ่งชื่อของระบบนำทางที่บอกพิกัดด้วยดาวเทียม ซึ่งจริง ๆ แล้วนั้นยังมีอีกหลายระบบที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพเช่นกัน อาทิเช่น GLONASS ที่ย่อมาจาก Global Navigation Satellite System เป็นระบบนำทางของรัสเซีย ซึ่งค่อนข้างแม่นยำกว่า GPS (เล็กน้อย), ระบบ Galileo เป็นระบบนำทางของสหภาพยุโรป, QZSS ย่อมาจาก Quasi-Zenith Satellite System เป็นระบบนำทางด้วยดาวเทียมของประเทศญี่ปุ่น หรือจะเป็น BDS (BeiDou) ที่เป็นของประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องซื้อนาฬิกาวิ่งที่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียมทุกแห่งบนโลกใบนี้ เพียงแต่เราขอแนะนำว่าควรมีระบบนำทางด้วยดาวเทียมอย่างน้อย 2 ระบบ เนื่องจากจุดประสงค์หลักของการวิ่งก็คือการติดตามว่าคุณวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน ? ซึ่งระบบนำทางด้วยดาวเทียมจะมีความแม่นยำมากกว่าอัลกอริทึมที่ใช้ติดตามในสมาร์ทแบรนด์ทั่วไป แต่ข้อเสียเปรียบเพียงอย่างเดียวที่คุณจะต้องทราบก็คือ การใช้ระบบนำทางด้วยดาวเทียมนั้นค่อนข้างกินแบตเตอรี่มาก ๆ ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ ก็ควรเลือกนาฬิกาวิ่งที่มีโหมดประหยัดพลังงานด้วย หรืออาจจะเป็นนาฬิกาวิ่งที่สามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิยต์ได้ อย่างเช่น นาฬิกาวิ่งแบรนด์การ์มิน (Garmin) เป็นต้นค่ะ
หมายเหตุ Multi-GNSS หมายถึงนาฬิกาวิ่งที่รองรับระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่มีทั้ง GPS, GLONASS และ Galileo
3. ทำความรู้จักกับแบรนด์ใหญ่ ๆ
ในวงการนาฬิกามัลติสปอร์ตนั้นมีผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ หลายเจ้ามากค่ะ อาทิเช่น Garmin, Polar, Suunto, Coros หรือ Amazfit รวมถึงสมาร์ทวอทช์ที่โดดเด่นในด้านกีฬาอย่าง Apple Watch และ Samsung Watch ในบางรุ่น อย่างไรก็ตาม แต่ละแบรนด์จะมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งราคาก็ไม่ใช่ตัวกำหนดว่านาฬิกาเรือนไหนดีที่สุด เนื่องจากความต้องการของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น Garmin Forerunner รุ่น 265 และ Forerunner 955 จะเหมาะกับนักวิ่งโดยเฉพาะ ในขณะที่ Garmin Fenix ที่มีราคาแพงกว่าหลายบาท จะไม่ค่อยเหมาะกับนักวิ่งแต่จะเหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินป่า ปีนเขา หรือเล่นกีฬาทางน้ำมากกว่าค่ะ

4. พิจารณาแบตเตอรี่และรูปแบบการชาร์จ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยส่วนใหญ่นาฬิกาวิ่งมักจะมีอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานหลายวัน (บางยี่ห้ออาจยาวนานหลายสัปดาห์) แต่ถ้านาฬิกาวิ่งรุ่นที่คุณจะซื้อมีคุณสมบัติของสมาร์ทวอทช์ที่มากเกินไปก็จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วได้ นอกจากนี้อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่าการใช้ระบบนำทางด้วยดาวเทียมนั้นจะใช้พลังงานสูงมาก ดังนั้นทุกครั้งที่คุณเปิดใช้งานโหมดนี้ก็ต้องทราบถึงข้อเสียที่จะตามด้วยนะคะ
สำหรับรูปแบบการชาร์จนั้นหากนาฬิกาวิ่งที่คุณสนใจมีหัวชาร์จที่เป็นเอกสิทธิ์ของตัวเอง ก็จะสร้างความลำบากเล็กน้อยเนื่องจากคุณไม่สามารถใช้สายชาร์จตัวนี้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ได้ แต่ถ้าที่ชาร์จนาฬิกาเป็นหัว USB-C แน่นอนค่ะว่ามันสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้หากนาฬิกาวิ่งรองรับการชาร์จแบบไร้สายการชาร์จพลังงานจากแท่นชาร์จก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องพกพาสายชาร์จให้วุ่นวาย นอกจากนี้นาฬิกาวิ่งบางรุ่น เช่น Garmin Solar ที่ใช้กระจกโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกน่าสนใจเนื่องจากมันสามารถชาร์จตัวเองได้ในขณะที่คนอยู่กลางแจ้ง
5. ความสว่างของหน้าจอ
ความสว่างของหน้าจอที่แต่ละรุ่นก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยอย่างยิ่งกับกิจกรรมที่ต้องอยู่กลางแสงแดดอย่างการวิ่งถือว่าความสว่างของหน้าจอเป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้เลยค่ะ ปัจจุบันนี้นาฬิกาวิ่งส่วนใหญ่มักจะใช้หน้าจอ AMOLED ที่มีแสงพื้นหลังที่สว่างสดใส แต่ในกรณีที่อยู่กลางแดดแรงจ้ามันจะทำงานหนักมากจนทำให้แบตเตอรี่ลดลง (คล้ายกับโทรศัพท์มือถือ) หรือถ้าคุณจะเลือกหน้าจอเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำในพิกเซลแบบทรานส์เฟลกทีฟ (MIP) ก็ได้ค่ะ หน้าจอลักษณะนี้จะช่วยเพิ่มความสว่างในวันที่แดดจ้าได้เป็นอย่างดี (ในความรู้สึกส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามันสู้แสงแดดได้ดีกว่าจอ AMOLED อีกค่ะ)
6. ตัวเลือกขนาดของนาฬิกาแต่ละรุ่นและน้ำหนักโดยรวม
นาฬิกาวิ่งไม่ได้มีลักษณะเหมือนกันทั้งหมด หลายคนอาจคิดว่านาฬิกาวิ่งจะต้องมีดีไซส์ที่ออกทางแนวสปอร์ต ขนาดใหญ่เทอะทะ แต่ในความจริงแล้วนาฬิกาวิ่งที่ดีควรจะมีขนาดที่พอเหมาะสำหรับข้อมือของคุณ ซึ่งข้อมือของแต่ละคนก็จะมีขนาดที่ต่างกันมาก อย่างข้อมือผู้หญิงจะเล็กกว่าผู้ชาย ดังนั้นนาฬิกาวิ่งรุ่นไหนที่มีหลายขนาดให้เลือกจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าค่ะ นอกจากขนาดแล้ว คุณอย่าลืมคำนึงถึงน้ำหนักด้วยนะคะ นาฬิกาวิ่งที่ดีควรจะมีน้ำหนักเบา เพื่อให้คุณรู้สึกสบายในขณะที่วิ่ง
7. หน้าจอสัมผัส หรือ ปุ่มกดทางกายภาพ
แน่นอนว่าในยุคนี้หน้าจอสัมผัสเป็นตัวเลือกที่หลายคนมองหาเป็นสิ่งแรก เนื่องจากมันใช้งานง่ายกว่า แต่หากคุณเน้นการวิ่งเป็นหลักเราขอแนะนำเป็นหน้าจอธรรมดาที่ใช้ปุ่มกดทางกายภาพแทนจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากนิ้วมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่คุณกำลังวิ่งจะทำให้คุณควบคุมหน้าจอสัมผัสได้ยากมาก หรือคุณอาจจะเลือกหน้าปัดนาฬิากาที่ออกแบบมา 2in1 ก็ได้ โดยมันสามารถควบคุมได้ทั้งระบบสัมผัสและปุ่มกดทางกายภาพได้ทั้งคู่

แม้ว่าคุณจะสามารถใช้สมาร์ทวอทช์ทั่วไปเพื่อติดตามการวิ่งของคุณได้ แต่นาฬิกาสำหรับวิ่งโดยเฉพาะที่มีปุ่มทางกายภาพจะเป็นข้อได้เปรียบกว่าเสมอ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้คุณควบคุมนาฬิกาได้โดยไม่ต้องศึกษาหน้าจอ แต่ยังช่วยให้คุณใช้เมนูต่าง ๆ อาทิเช่นการหยุดชั่วคราวหรือกดเพื่อเริ่มออกกำลังกายในขณะที่มือเปื้อนเหงื่อ
Garmin Forerunner 265 นาฬิกาวิ่งโดยรวมที่ดีที่สุด

ราคา 16,590 บาท*
Garmin Forerunner 265 Series เปิดตัวเดือนมีนาคม 2023
Forerunner 265 เป็นนาฬิกาเหมาะสำหรับนักวิ่งเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำหนักเบาสบาย แถมยังให้การติดตาม GPS ที่แม่นยำ มาพร้อมกับเมตริกการฝึกที่หลากหลายเพื่อให้คุณได้เลือกใช้งานตามความต้องการ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้แผนออกกำลังกายของคุณก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แต่ยังดูแลไปถึงสุขภาพการพักฟื้นของร่างกายได้อีกด้วย ทำให้คุณมีความเข้าใจอย่างลึกเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของคุณ
สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกชอบในรุ่น 265 ก็คือ หน้าจอ AMOLED ที่มีสีสันสดใสและมีความสว่างสู้แสงแดดได้ดี ช่วยให้อ่านค่าได้ง่ายมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยหน้าจอจะเป็นระบบสัมผัสที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจออปติคัล Elevate V4 แบบใหม่ ซึ่งเซ็นเซอร์ตัวนี้จะใช้สำหรับตรวจสอบความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) และระดับความเครียดของคุณ จากนั้นคำนวณมาเป็นคะแนนความพร้อมในการฝึกที่ช่วยให้คุณทราบว่าคุณควรฝึกหนักแค่ไหนในวันนั้น เป็นฟังก์ชันใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้โดยเฉพาะ ช่วยให้เราได้รู้ขีดจำกัดของตัวเองมากขึ้นค่ะ
ข้อดี
- มีให้เลือกสองขนาด
- หน้าจอ AMOLED ที่สว่าง มีสีสันสดใส ความละเอียดมากกว่ารุ่นก่อน มาพร้อมกับระบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย
- มีระบบนำทางที่แม่นยำรองรับ Multi-GNSS
- เมตริกการฝึกอบรมขั้นสูง
- มีการคะแนนความพร้อมในการฝึก
- โหมดสถานะ HRV แบบใหม่
ข้อควรพิจารณา
- คุณสมบัติสมาร์ทวอทช์ค่อนข้างจำกัด ไม่สามารถตอบกลับข้อความได้
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | AMOLED |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | 24 ชั่วโมง (265S) / 20 ชั่วโมง (265) |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 13 วัน (265S) / 15 วัน (265) |
ขนาด | 1.1 นิ้ว (265S) / 1.3 นิ้ว (265) |
น้ำหนัก | 39 กรัม (265S) / 47 กรัม (265) |
กันน้ำ | 5ATM |
Garmin Forerunner 55 นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งระดับเริ่มต้น

ราคา 6,790 บาท*
Garmin Forerunner 55 เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2021
Forerunner 55 เป็นนาฬิกาวิ่งที่เหมาะสำหรับนักวิ่งในระดับเริ่มต้นที่ต้องการพัฒนาความฟิตของร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วหลาย ๆ คนอาจคิดว่านักวิ่งหน้าใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาวิ่งก็ได้เพราะแค่ใช้ตัวติดตามฟิตเนสขั้นพื้นฐาน (Fitness Tracker) ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับนักวิ่งในระดับนี้ แต่หากคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้การวิ่งของคุณดียิ่งขึ้น คุณจำเป็นต้องใช้นาฬิกาวิ่งเป็นอย่างมากค่ะ ดังนั้นในบรรดานาฬิกาวิ่งทั้งหมดที่เราได้นำมารีวิวนั้นถือว่า Garmin Forerunner 55 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
หัวใจหลักของ Garmin Forerunner 55 คือนาฬิกาฟิตเนสระดับเริ่มต้นที่ถูกผลิตขึ้นมาแทนที่ Forerunner 45 ตัวยอดนิยมรุ่นก่อน แม้ว่าทั้งคู่จะดูคล้ายกันมาก แต่ Garmin ได้ทำการเพิ่มเครื่องมือการฝึกขั้นสูงที่ปกติสงวนไว้สำหรับนาฬิการะดับท็อปเท่านั้น ซึ่งก็คือเทคโนโลยี PacePro ที่จะคอยแจ้งเตือนความเร็วและจังหวะในการวิ่งของคุณอย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีการบอกระยะเวลาพักฟื้นและแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อร่างกายของคุณ โดยอ้างอิงจากประวัติการฝึก ระดับความฟิต และการฟื้นตัวของคุณที่ผ่านมา แน่นอนว่านี่คือความแตกต่างของนาฬิกาวิ่งกับสมาร์ทวอทช์ที่มีฟังก์ชันติดตามการออกกำลังกาย เพราะสมาร์ทวอทช์เหล่านั้นจะไม่มีแผนการฝึกฝนแบบกำหนดเองเหมือนที่ Garmin มอบให้คุณอย่างแน่นอนค่ะ
ข้อดี
- มี PacePro แนะนำการออกกำลังกาย
- หน้าจอ MIP สว่างสู้แสงได้ดีมาก ง่ายต่อการอ่าน
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าประทับใจ
- ควบคุมการทำงานด้วยปุ่มทางกายภาพ 5 ปุ่ม
ข้อควรพิจารณา
- คุณสมบัติสมาร์ทวอทช์ค่อนข้างจำกัด
- มีจำหน่ายในขนาดเดียวเท่านั้น
- เปลี่ยนสายนาฬิกาไม่ได้
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | MIP |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | 20 ชั่วโมง |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 14 วัน |
ขนาด | 1.04 นิ้ว |
น้ำหนัก | 37 กรัม |
กันน้ำ | 5ATM |
Garmin Forerunner 955 นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬาระดับสูง

ราคา 17,990 บาท*
Garmin Forerunner 955 เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2022
Forerunner 955 เป็นนาฬิกาวิ่งระดับแนวหน้า และอาจเป็น Forerunner ที่ดีที่สุดที่เราเคยทดสอบมา (ไม่รวมรุ่น 965 ที่กำลังเปิดตัวในไม่ช้า) หากคุณกำลังตัดสินใจเลือกระหว่างรุ่นกลางอย่าง Forerunner 265 และ Forerunner 955 เราบอกได้เลยว่า Forerunner 955 เป็นนาฬิกาวิ่งที่เหมาะสำหรับคนที่จริงจังกับการวิ่งเท่านั้นค่ะ โดยรุ่นนี้จะมีให้เลือกระหว่างแบบธรรมดาและแบบชาร์จด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่จะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของนาฬิกาให้ยาวนานยิ่งขึ้น หากเป็นไปได้ไหน ๆ ถ้าคุณจะเลือก Forerunner 955 แล้วเราขอแนะนำให้คุณเพิ่มเงินอีกประมาณ 3K บาท เพื่อเลือก Forerunner 955 Solar ไปเลยค่ะ
สำหรับรุ่นนี้ทาง Garmin ได้เปลี่ยนไปใช้เป็นหน้าจอสัมผัสที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นสมาร์ทวอทช์มากขึ้น แต่ก็ไม่ลืมคำนึงถึงเมตริกการฝึกขั้นสูงที่จำเป็นต้องใช้ โดยเราจะได้พบเมตริกความพร้อมในการฝึกแบบใหม่ของ Garmin ได้จากรุ่นนี้ค่ะ ช่วยให้คุณทราบว่าวันนั้นคุณควรฝึกหนักแค่ไหน โดยจะพิจารณาจากการนอนหลับ, เวลาพักฟื้น, สถานะ HRV และความเครียดของคุณ โดยรวมถือว่า Forerunner 955 เป็นนาฬิกาวิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะมันมีคุณสมบัติหลัก ๆ ที่มีอยู่ในซีรีส์ Fenix 7 ทั้งหมดแต่มาในราคาที่ถูกกว่ามาก (ใช้เซ็นเซอร์ Elevate V4 แบบเดียวกับซีรีส์ Fenix 7) อย่างไรก็ตามหากคุณวางแผนจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายในอนาคตเป็นกีฬาที่ผาดโผนมากขึ้น แนะนำว่าให้ข้ามไปซื้อ Fenix 7 เลยจะคุ้มค่ามากกว่าค่ะ
ข้อดี
- หน้าจอสัมผัสและปุ่มกดทางกายภาพ
- พลังงานแสงอาทิตย์
- มีฟังก์ชันความพร้อมในการฝึกอบรม
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่น่าทึ่ง
- มีระบบนำทางที่แม่นยำรองรับ Multi-GNSS
- เน้นกีฬาวิ่งเป็นหลัก
- โหมดสถานะ HRV แบบใหม่
ข้อควรพิจารณา
- คุณสมบัติสมาร์ทวอทช์ค่อนข้างจำกัด
- ไม่มีตัวเลือกกระจกแซฟไฟร์ ไม่เหมาะกีฬาผาดโผน
- ค่อนข้างหนัก
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | AMOLED |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | 42 ชั่วโมง/49 ชั่วโมง ด้วยแสงอาทิตย์ |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 15 วัน/20 วันด้วยแสงอาทิตย์ |
ขนาด | 1.3 นิ้ว |
น้ำหนัก | 53 กรัม |
กันน้ำ | 5ATM |
Apple Watch Ultra นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดของ Apple

ราคา 31,900 บาท*
Apple Watch Ultra เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2022
Apple Watch Ultra เป็น Apple Watch ที่ดีที่สุดที่หากคุณกำลังอยู่ในช่วงฝึกวิ่งอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเหมาะมากสำหรับกลุ่มคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่แล้ว เพราะนอกจากคุณสมบัติการทำงานแบบใหม่ของ WatchOS แล้ว รุ่นนี้ยังมีปุ่ม Action มาให้ด้วย แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับนาฬิกาวิ่งของแบรนด์อื่น แต่สำหรับ Apple Watch นั้นเราค่อนข้างชอบสิ่งที่ทางแบรนด์เพิ่มปุ่มเข้ามามาก เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะใช้งานได้สะดวกมากขึ้นไม่ว่านิ้วของคุณจำเต็มไปด้วยเหงื่อหรือไม่ก็ตาม

แม้ว่ารุ่น Ultra นี้จะไม่ได้สร้างคลื่นลูกใหม่น่าประหลาดใจแก่วงการนาฬิกาวิ่ง แต่ Apple Watch Ultra เป็นเพียงรุ่นเดียวจากค่าย Apple ที่เราคิดว่ามันมีการอัปเกรดมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เหมาะสำหรับใช้งานกับกีฬาวิ่งได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแม้ว่ารุ่น Ultra อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งทุกระดับ แต่ถ้าหากคุณมีโทรศัพท์ iPhone หรือมี Macbook อยู่แล้ว การที่จะซื้อ Apple Watch Ultra เพิ่มเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะผลิตภัณฑ์ของ Apple จะสามารถซิงค์เข้ากันได้อย่างง่ายดายทั้งหมด
ข้อดี
- มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดจาก Apple Watch ทุกรุ่น
- มีปุ่มควบคุมทางกายภาพเพิ่มเข้ามา
- มี SOS ฉุกเฉิน และเสียงไซเรน 86 เดซิเบล
- เป็นตัวเลือกที่แม่นยำของ Apple Watch
- มีความแข็งแรงทนทานมากกว่า Apple Watch ทุกรุ่น
ข้อควรพิจารณา
- ใหญ่เกินไปสำหรับคนข้อมือเล็ก
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยังสู้คู่แข่งไม่ได้
- ไม่มีแผนที่ออฟไลน์
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | Retina |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | 36 ชั่วโมง |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 60 ชั่วโมง |
ขนาด | 1.93 นิ้ว |
น้ำหนัก | 53 กรัม |
กันน้ำ | 10ATM |
Garmin fenix 7 series นาฬิกามัลติสปอร์ตที่ดีที่สุด สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

ราคา 30,390 บาท*
Garmin Fenix 7 series เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2022
Garmin Fenix 7 เป็นนาฬิกาที่สมบุกสมบันเหมาะสำหรับคนที่รักการผจญภัยกลางแจ้ง โดยอย่างยิ่งกิจกรรมผาดโผนที่ต้องการความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้สามารถรองรับกิจกรรมฟิตเนสในชีวิตประจำวันได้เยอะมาก ๆ อาทิเช่น การวิ่ง, ว่ายน้ำ, ดำน้ำลึก, เดินป่าในถิ่นทุรกันดาร หรือปีนเขา ทั้งยังมาพร้อมกับคุณสมบัติการติดตามสุขภาพที่ยอดเยี่ยมจาก Garmin สำหรับคุณผู้หญิงหรือคนที่มีข้อมือเล็ก เราขอแนะนำให้เลือก Fenix 7S ส่วนคนที่มีข้อมมือใหญ่หน่อย หรือต้องการนาฬิกาเรือนใหญ่ ๆ แนะนำเป็น Fenix 7X ส่วนรุ่นมาตรฐานจะเป็น Fenix 7 ทั่วไป อย่างไรก็ตามในทุกขนาดคุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เทคโนโลยีพลังงานจากแสงอาทิตย์หรือไม่
อีกหนึ่งสิ่งที่ Fenix 7 มีการปรับปรุงที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอสัมผัสที่ตอบสนองได้ดีมาก แม้แต่ในขณะที่ใช้งานท่ามกลางสายฝน คุณสามารถควบคุมปรับแต่งนาฬิกาได้อย่างง่ายดาย มาพร้อมกับเมตริก Stamina แบบใหม่ที่ใช้วัดความแข็งแกร่งแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ก็ยังจัดเต็มเกี่ยวกับระบบนำทางและแผนที่ ทั้งยังมีโหมดการติดตามกีฬาที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยรวมแล้ว Fenix 7 เป็นนาฬิกาที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ในระดับไฮเอนด์เลยค่ะ
ข้อดี
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานหลายสัปดาห์
- เต็มไปด้วยคุณสมบัติด้านกีฬาที่หลากหลาย
- พื้นที่เก็บข้อมูล 64MB
- เครื่องมือนำทางที่ยอดเยี่ยม
- การออกแบบที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ
- มีให้เลือก 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่
ข้อควรพิจารณา
- มีขนาดใหญ่และค่อนข้างหนักมาก
- ไม่มีไมค์สำหรับการโทรแบบแฮนด์ฟรี
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | MIP |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | 89 ชั่วโมง / 122 ชั่วโมงด้วยแสงอาทิตย์ (แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน) |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 28 วัน / 37 วันด้วยแสงอาทิตย์ (แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน) |
ขนาด | 1.2 / 1.3 / 1.4 นิ้ว |
น้ำหนัก | 58 / 73 / 89 กรัม |
กันน้ำ | 10ATM |
Garmin Venu 2 Plus นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ของการ์มินที่ดีที่สุด

ราคา 15,390 บาท*
Garmin Venu 2 Plus เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2022
Garmin Venu 2 Plus เป็นเพียงนาฬิกาวิ่งเรือนเดียวที่เราขอเรียกว่าสมาร์ทวอทช์ ไม่ใช่ว่ารุ่นนี้ไม่มีคุณสมบัติด้านกีฬาที่น่าสนใจนะคะ แต่เป็นเพราะดีไซน์การออกแบบของ Garmin Venu เดิมทีก็เน้นความหรูหราสวยงามอยู่แล้ว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ในหลาย ๆ โอกาส
ในด้านของคุณสมบัติเด่น ๆ ของการ์มินก็ยังคงมีเหมือนเดิม (คงความเป็นนาฬิกาที่โดดเด่นในด้านกีฬาทุกประการ) แต่ในด้านสมาร์ทวอทช์นั้น รุ่นนี้สามารถเทียบ Apple Watch ได้เลยค่ะ เพราะมีการเพิ่มไมโครโฟนเพื่อให้คุณสามารถโทรออกได้ด้วย
ในส่วนของข้อเด่น ๆ จาก Garmin ไม่ว่าจะเป็น การติดตามการออกกำลังกายอย่างละเอียดหรือระบบ GPS ที่แม่นยำก็ยังคงอยู่ในรุ่นนี้เช่นกัน แม้ว่า Venu 2 Plus อาจไม่ใช่นาฬิกาที่ทนทานที่สุดของ Garmin แต่ก็เหมาะกับการฝึกซ้อมกีฬาส่วนใหญ่ทั่วไป หากคุณต้องการสมาร์ทวอทช์ที่มีฟีเจอร์การติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบถ้วน Venu 2 Plus ก็ถือว่าน่าสนใจเป็นนาฬิกาสปอร์ตที่เรียบง่ายและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันค่ะ สำหรับนักวิ่งรุ่นนี้มีทุกอย่างที่คุณต้องการไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ
ข้อดี
- จอแสดงผล AMOLED
- การติดตามฟิตเนสที่เชื่อถือได้
- คุณภาพการโทรดีมาก ๆ
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม
ข้อควรพิจารณา
- แอปของบุคคลที่สามไม่เพียงพอ
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | AMOLED |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | 89 ชั่วโมง / 122 ชั่วโมงด้วยแสงอาทิตย์ (แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน) |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 28 วัน / 37 วันด้วยแสงอาทิตย์ (แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน) |
ขนาด | 1.3 นิ้ว |
น้ำหนัก | 51 กรัม |
กันน้ำ | 10ATM |
Samsung Galaxy Watch 5 Pro นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Wear OS

ราคา 13,899 บาท*
Samsung Galaxy Watch 5 Pro เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2022
Samsung Galaxy Watch 5 Pro เป็นนาฬิกาที่มาพร้อมคุณสมบัติมากมายสำหรับนักวิ่ง อีกทั้งยังควบตำแหน่งนาฬิกา Wear OS ที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่ง โดยเฉพาะผู้ใช้โทรศัพท์ของ Samsung คุณควรจะซื้อรุ่นนี้ค่ะ
Watch 5 Pro บรรจุการปรับปรุงการติดตามการนอนหลับและคุณสมบัติการวัดค่าต่าง ๆ ของร่างกายที่ยอดเยี่ยมเหมาะสำหรับใช้ตรวจเช็กสุขภาพทั่วไป มีความสามารถติดตาม GPS ขั้นสูงที่เป็นระบบการนำทางที่ละเอียด และยังมีฟังก์ชัน Route Workout ตัวใหม่ของ Samsung วิธีนี้ช่วยให้คุณวางแผนเส้นทางและแชร์กับเพื่อน ๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นคุณจึงใช้เส้นทางเดียวกันร่วมกับเพื่อน ๆ ได้ นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบมาอย่างดี มี User Experience ที่ใช้งานง่าย
แต่อย่างไรก็ตาม Watch 5 Pro เป็นนาฬิกาขนาดใหญ่ เทอะทะ และหนักกว่าหลาย ๆ รุ่นในรีวิววันนี้ และ Watch 5 Pro ก็ยังล็อกคุณสมบัติบางอย่างไว้เฉพาะกับผู้ใช้โทรศัพท์ Samsung เท่านั้น ในด้านของแบตเตอรี่อาจยังไม่เทียบเท่ากับแบรนด์ดัง ๆ หากคุณเป็นผู้ใช้ Samsung อยู่แล้ว และต้องการนาฬิกาไลฟ์สไตล์ชั้นนำที่มีแอพพลิเคชั่นมากมาย นี่คือการซื้อที่เหมาะกับคุณค่ะ
ข้อดี
- คุณสมบัติ GPS ขั้นสูง
- การเข้าถึงแอพของบุคคลที่สาม
- ตัวชี้วัดสุขภาพที่ดี
ข้อควรพิจารณา
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้นเกินไป
- ต้องใช้ Samsung Health เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากคุณสมบัติต่าง ๆ
หน้าจอสัมผัส | ![]() |
---|---|
หน้าจอ | AMOLED |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS | N/A |
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไป | 590 mAh |
ขนาด | 1.4 นิ้ว |
น้ำหนัก | 46.5 กรัม |
กันน้ำ | 5ATM |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
บทสรุป
เป็นอย่างไรบ้างคะ ? สำหรับนาฬิกาวิ่งที่เราได้รีวิวในวันนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนคิดว่า Garmin Forerunner 265 เป็นนาฬิกาวิ่งโดยรวมที่เหมาะกับผู้คนส่วนใหญ่ เรียกว่าอยู่กึ่งกลางระหว่างนักวิ่งหน้าใหม่และนักวิ่งมืออาชีพเลยค่ะ แถมยังเป็นรุ่นล่าสุดที่ทางแบรนด์เพิ่งจะเปิดตัวเดือนมีนาคม 2023 เองนะคะ
สำหรับใครที่คิดตัวเองเริ่มมีทักษะในการวิ่งพอสมควร และอยากทำลายสถิติของตัวเองหรือพัฒนาให้วิ่งได้ดียิ่งขึ้น เราขอแนะนำ Garmin Forerunner 955 เลยค่ะ แต่ถ้าหากคุณชอบกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลายเป็นทุนเดิม เราแนะนำให้เลื่อนระดับมาเป็น Garmin fenix 7 ซึ่งจะเป็นนาฬิกาสำหรับกีฬาหลากหลายประเภทที่ตอบโจทย์คุณได้มากกว่า แถมยังแข็งแรงทนทานสุด ๆ อีกด้วย
![]() Garmin Forerunner 265 นาฬิกาวิ่งโดยรวมที่ดีที่สุด | ![]() Garmin Forerunner 55 นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักวิ่งระดับเริ่มต้น | ![]() Garmin Forerunner 955 นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬาระดับสูง | ![]() Apple Watch Ultra นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดของ Apple | ![]() Garmin fenix 7 series นาฬิกามัลติสปอร์ตที่ดีที่สุด สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง | ![]() Garmin Venu 2 Plus นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ของการ์มินที่ดีที่สุด | ![]() Samsung Galaxy Watch 5 Pro นาฬิกาวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Wear OS |
ในทางกลับกัน หากคุณอยากได้นาฬิกาวิ่งที่ดีในระดับหนึ่ง และก็ยังเน้นคุณสมบัติด้านสมาร์ทวอชท์ไปด้วย รวมถึงเน้นความปลอดภัย เพราะมีระบบช่วยเหลือฉุกเฉินที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เราขอแนะนำ Apple Watch Ultra เลยค่ะ มีราคาไม่ต่างจาก Garmin fenix 7 มากนัก เหมาะสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ iPhone อยู่แล้ว
แต่ถ้าคุณอยากได้นาฬิกาวิ่งที่ทำงานเป็นสมาร์ทวอชท์ได้ด้วยโดยที่มีราคาไม่แพงเกินไปเหมือน Apple แนะนำ Garmin Venu 2 Plus นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่ดีที่สุดของการ์มิน หรือจะเป็น Galaxy Watch 5 Pro ที่เหมาะสำหรับโทรศัพท์ Samsung ก็ได้ค่ะ

และก่อนจากกันไป สำหรับคนที่ต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวอุปกรณ์กีฬาต่าง ๆ เว็บไซต์เรามีให้เลือกเข้าไปอ่านเยอะมากเลยนะคะ อาทิเช่น กางเกงออกกำลังกาย, สปอร์ตบรา, เสื้อวิ่ง, กระเป๋าวิ่งคาดเอว, หมวกใส่วิ่ง, หูฟังสำหรับวิ่ง รวมถึงบทความเพลงสำหรับวิ่งก็มีนะคะ