ถ้าหากให้นึกถึง สมาร์ทโฟน เราเชื่อว่า ชื่อของยักษ์ใหญ่ 2 เจ้านี้จะเด้งขึ้นมาในหัวของทุกคนอย่างแน่นอน นั่นคือ Apple และ Samsung ที่มีซีรีส์มือถือยอดฮิตทั้ง iPhone และ Galaxy ตามลำดับ และแน่นอนครับว่า คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ จะต้องเคยใช้หรือเคยจับทั้ง 2 ซีรีส์นี้กันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะกับ Samsung ที่มีสมาร์ทโฟนทุกระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ รุ่นราคาหลักพัน (Galaxy A Series) , หลักหมื่น ไปจนถึง สมาร์ทโฟนเรือธง ราคาหลายหมื่นบาท
โดยปัจจุบัน Samsung ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก เนื่องจากมีประสบการณ์ในตลาดนี้มานาน ทำให้สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น มีคุณภาพสูง ใส่สเปกมาคุ้มค่ากับราคา และที่สำคัญพวกเขามีตัวเลือกให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม
ซึ่งจริงอยู่ครับว่า การที่เรามีตัวเลือกเยอะ ๆ แบบนี้คือ ข้อดีสำหรับคนที่เลือกมือถือเป็น แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ค่อยได้ติดตามเทคโนโลยีนี่อาจเป็นข้อเสีย เพราะอย่างที่เราเห็นมือถือซัมซุงแต่ละรุ่นมีราคาห่างกันแค่นิดเดียว ทำให้คนที่ซื้อมักจะรู้สึกว่าถ้าเพิ่มเงินอีกแค่ 1-2 พันบาท เราก็จะได้รุ่นที่ดีขึ้น คุ้มค่ามากขึ้น จนลืมคิดไปว่าสิ่งที่ได้เพิ่มมานั้น เราได้ใช้งานจริง ๆ รึเปล่า ?
ซึ่งจากในคลิปด้านบน คุณจะเห็นเลยว่า แค่มือถือรุ่นเริ่มต้นอย่าง Samsung Galaxy A13 สามารถเล่นเกมได้ลื่น ๆ แล้ว เพราะงั้นเราไม่จำเป็นต้องเลือกแพง ๆ เลยครับ ดังนั้นเพื่อให้เพื่อน ๆ เลือกง่ายขึ้น วันนี้เราเลยได้ไปคัดเลือก สมาร์ทโฟน Samsung ที่ส่วนตัวคิคว่า ดีที่สุด ในระดับราคาต่าง ๆ มารีวิว เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ เลือกได้ง่านขึ้นครับ
มือถือซัมซุง (Samsung) รุ่นไหนดี ซื้อแล้วคุ้ม
- สมาร์ทโฟน Samsung ราคาประหยัด ที่ใช้งานได้ทุกด้าน : Samsung Galaxy A13
- สมาร์ทโฟน Samsung ที่สเปกแรง แต่มีราคาคุ้มค่า (รุ่นยอดนิยม) : Samsung Galaxy A23
- สมาร์ทโฟน Samsung มีสเปกที่ดีที่สุดในปี 2023 : Samsung Galaxy S23 Ultra
- สมาร์ทโฟนจอพับ Samsung ที่จอใหญ่เหมือนแท็บเล็ต สเปกแรงเหมือนเรือธง : Samsung Galaxy Z Fold4
- สมาร์ทโฟน Samsung เรือธง ตัวเล็ก ราคาคุ้มค่า : Samsung Galaxy S23
- สมาร์ทโฟนจอพับ Samsung พับแล้วมีขนาดเล็ก พกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้ : Samsung Galaxy Z Flip4
- สมาร์ทโฟน Samsung เรือธง สเปกแรง หน้าจอใหญ่ : Samsung Galaxy S23 Plus
สมาร์ทโฟน Samsung แต่ละซีรี่ส์ต่างกันอย่างไร ? และซีรี่ส์ไหนเหมาะกับคุณที่สุด ?
สำหรับข้อมูลของซีรีส์ต่าง ๆ และการแบ่งซีรีส์สมาร์ทโฟน เราได้อ้างอิงข้อมูลมาจาก เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Samsung ประเทศไทยเอง โดยในปัจจุบันจะมีการจำหน่ายอยู่ประมาณ 5 ซีรีส์ ครับ ได้แก่ Galaxy A Series, Galaxy M Series, Galaxy S Series, Galaxy Note Series และ Galaxy Z Series ซึ่งแต่ละซีรีส์จะต่างกันอย่างไร ? และซีรีส์ไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด ? เดี๋ยวเรามาหาคำตอบกันครับ
1. Samsung Galaxy A Series
เป็นซีรี่ส์ที่ขายดีที่สุดของ Samsung ณ ตอนนี้ครับ เพราะมีความคุ้มค่ามาก ๆ โดยราคาจะตั้งมาแบบสมเหตุสมผลกับสเปกครับส่วนดีไซน์จะเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาเหมือนเรือธง แต่วัสดุยังคงมีคุณภาพตามแบบฉบับซัมซุง ส่วนการจัดสเปก และฟีเจอร์ให้มาแบบครบครันครับ ทำให้มือถือในซีรี่ส์นี้ สามารถจะใช้งานตามสเปกได้อย่างลื่นไหล ซึ่งจะมีตั้งแต่ รุ่นประหยัด, รุ่นที่เน้นกล้อง รุ่นที่การเล่นเกม และรุ่นที่ทำงานได้ทุกด้าน
Samsung Galaxy A Series มีรุ่นอะไรบ้าง ?
|
Samsung Galaxy A Series รุ่นใหม่ล่าสุด (เปิดตัว สิงหาคม 2022)
![]() | Samsung Galaxy A13 5G สมาร์ทโฟน Samsung สำหรับคนงบฯ จำกัด | |
![]() | Samsung Galaxy A23 5G สมาร์ทโฟน Samsung ยอดนิยม สำหรับงบหนึ่งหมื่นบาท |
2. Samsung Galaxy M Series
เป็นซีรีส์ระดับเริ่มต้น (ล่าง) ไปถึงระดับกลางเหมือนกันกับ Galaxy A Series เลยครับ ก็คือ จะมีสเปกที่คุ้มค่าคุ้มราคา ออกแบบมาเพื่อการใช้งานขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร และความบันเทิงต่าง ๆ ทำให้ในด้านการใช้งาน มันไม่ต่างกับ Galaxy A เลย เพียงแต่ซีรี่ส์นี้จะถูกคุมราคาให้ถูกกว่าเพื่อส่งลงไปต่อสู้กับมือถือสัญชาติจีน โดยจะลดเกรดของวัสดุลง รวมถึงมีการตัดฟีเจอร์บางอย่างออกด้วย เช่น เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว, ความปลอดภัย หรือการชาร์จเร็ว เป็นต้น
|
Samsung Galaxy M Series มีรุ่นอะไรบ้าง ?
|
3. Samsung Galaxy S Series
เป็นซีรีส์เรือธงของ Samsung และยังเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ iPhone 14 Series ด้วย โดยในปี 2023 นี้เป็นคิว Samsung Galaxy S23 Series ที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดพรีเมียมดูหรูหรา แถมอัดแน่นด้วยสเปกแบบจัดเต็ม ทำให้มันมีประสิทธิภาพสูงครบทุกด้านเลย โดยเฉพาะกับกล้องถ่ายรูป ซึ่งแน่นอนครับว่าด้วยสเปกที่สูงลิบแบบนี้ มันก็จะต้องแลกด้วยราคาที่สูงกว่าซีรีส์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่ารุ่นนั้น ๆ จะมีสเปกที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่รุ่นในซีรี่ส์นี้จะแพงกว่าอยู่ดีครับ
Samsung Galaxy S Series มีรุ่นอะไรบ้าง ?
|
Samsung Galaxy S Series รุ่นใหม่ล่าสุด (เปิดตัว กุมภาพันธ์ 2023)
![]() | Samsung Galaxy S23 สมาร์ทโฟนเรือธง ตัวเล็กสุด มาพร้อมค่าตัวที่คุ้มค่า | |
![]() | Samsung Galaxy S23+ สมาร์ทโฟน Samsung ที่ดีที่สุด สําหรับคนส่วนใหญ่ | |
![]() | Samsung Galaxy S23 Ultra สมาร์ทโฟน Samsung ที่ดีที่สุด |
4. Samsung Galaxy Note Series (รุ่นใหม่จะมาในชื่อ Galaxy S Ultra)
เป็นซีรีส์เรือธงอีกรุ่นนึงของ Samsung ที่ทำตลาดควบคู่กับ Galaxy S Series มาตลอด ซึ่งมาพร้อมหน้าตา และวัสดุที่ดูพรีเมียมและหรูหราไม่แพ้กันเลย แถมสเปกและประสิทธิภาพต่าง ๆ ก็สูงไม่ต่างกันด้วย เพียงแต่ Note Series จะเน้นจอขนาดใหญ่กว่า เพื่อเอื้อให้กับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen ที่จะมีการบิ้วอินมาในตัวเลย ทำให้ซีรี่ส์นี้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ชื่นชอบการจด การเขียน และการวาดภาพเป็นพิเศษครับ
แต่ยุคหลัง ๆ Samsung ต้องการจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น Galaxy S Series รุ่นใหม่ ๆ จึงมักจะมาพร้อมรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ S, S+ และ S Ultra ซึ่งจะแตกต่างกันที่สเปกเล็กน้อย แต่สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดก็คือ ขนาดตัวเครื่อง โดยรุ่น S Ultra ขนาดจะใกล้เคียงกับ Note Series เลยครับ ทำให้ภายในงาน MWC ปี 2022 ที่ผ่านมา ทาง Samsung ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า หลังจากนี้จะไม่มีแผนการผลิต Galaxy Note รุ่นใหม่แล้ว แต่จะนำข้อดีของ Note Series ไปพัฒนาและใส่มาใน Galaxy S Ultra แทน ดังนั้นรุ่นล่าสุดของซีรี่ส์นี้คือ Galaxy Note20 Series ที่เปิดตัวปี 2020 ครับ
|
Samsung Galaxy Note Series มีรุ่นอะไรบ้าง ?
|
5. Samsung Galaxy Z Series (Z Flip & Z Fold)
เป็นซีรีส์เรือธงอีกหนึ่งรุ่นครับ แต่จะมีความโดดเด่น และแตกต่างไปจาก S Series ตรงที่ซีรีส์นี้จะชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ ๆ และดีไซน์แบบพับได้นั่นเองครับ โดย Galaxy Z Series จะมีการแยกย่อยออกเป็น 2 รุ่นย่อย อีกนะครับ ประกอบด้วย รุ่น Z Flip และ รุ่น Z Fold ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันหลัก ๆ ก็จะมีขนาดหน้าจอแสดงผล และลักษณะการพับ ที่จะมีความแตกต่างกันพอสมควรเลย
Galaxy Z Flipเป็นมือถือที่มีหน้าจอแสดงผลแบบพับครึ่งครับ ทำให้มันมีจุดเด่นในด้านขนาดที่เล็กกว่ามือถือปกติครึ่งนึง (เมื่อพับ) ถ้ากางออกมามันก็จะมีขนาดเท่า ๆ กับมือถือปกติเลยครับ ดังนั้นคุณผู้หฯิงคนไหนชอบพากระเป๋าใบเล็ก ๆ และก็ไม่สามารถใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือกระโปรงได้ รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ ครับ |
Galaxy Z Foldเป็นมือถือแบบพับได้เช่นกันครับ เพืยงแต่รุ่นนี้จะพับในแนวตรงข้ามกัน เพราะมีการขยายหน้าจอแสดงผลออกไปด้านข้าง ช่วยให้จอรุ่นนี้จะมาพร้อมขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้รุ่นนี้สามารถมอบความรู้สึก ในการใช้งานได้คล้าย ๆ กับการใช้งานอุปกรณ์อย่าง แท็ปเล็ต หรือโน้ตบุ๊คเลยที่สามารถพับจอครึ่งหนึ่งเพื่อใช้งานในรูปแบบสมาร์ทโฟน |
|
Samsung Galaxy Z Series (Z Flip & Z Fold) มีรุ่นอะไรบ้าง ?
|
Samsung Galaxy Z Series รุ่นใหม่ล่าสุด (เปิดตัว สิงหาคม 2022)
![]() | Samsung Galaxy Z Flip4 5G สมาร์ทโฟนจอพับได้ ขนาดเล็ก พกพาง่าย | |
![]() | Samsung Galaxy Z Fold4 5G สมาร์ทโฟนจอใหญ่ เหมือนแท็บเล็ต แต่พับให้เล็กลงได้ |
สำหรับในวันนี้เราได้คัดเลือก 7 อันดับ สมาร์ทโฟนซัมซุง (Samsung Smartphones) รุ่นยอดนิยม ที่เปิดตัวในปี 2022 – 2023 มารีวิวครับ ซึ่งเราได้รวบรวมมาตั้งแต่ สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น ไปจนถึงสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง ในระดับราคาต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถนำข้อมูลทั้งหมดมาเปรียบเทียบ เพื่อหารุ่นที่เหมาะกับคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับในวันนี้เราจะนำรุ่นไหนมารีวิวบ้าง ? ตามไปดูกันเลยครับ
ราคา 5,860 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Galaxy A13 5G เป็นมือถือ 5G รุ่นเล็ก ราคาประหยัด ที่มีจอใหญ่ คมชัด กล้องหลังสวย แถมสเปกก็ดีพอ สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้ ยิ่งในปี 2023 มีรุ่นอัพเกรด อย่าง Galaxy A14 5G ออกมา ที่ยังคงใช้ชิปฯ เดิม ทำให้ A13 5G มีราคาถูกลง มันจึงคุ้มค่ามากขึ้นครับ หากคุณอยากได้สมาร์ทโฟน 5G ของ Samsung ที่มีราคาประหยัดที่สุด Galaxy A13 5G คือรุ่นที่น่าสนใจครับ โดยหน้าตาของ รุ่นนี้ถูกออกแบบมาโดยเน้นความเรียบง่าย ขอบโค้งมน จับถือถนัด ด้านหลังผิวเรียบ ๆ มีการจัดโมดูลกล้องเป็นแถว เหมือนพวกเรือธงอย่าง Galaxy S23 เลย ช่วยให้มันดูแพงขึ้น โดยกล้องหลังใช้เลนส์หลัก 50MP, เลนส์มาโคร 2MP และเลนส์ชัดลึก 2MP พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ครบครันครับ ซึ่งจากที่เราได้ทดลองใช้มาก็ต้องบอกเลยว่าให้ภาพที่ดีเกินคาดครับ ใช้ถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปได้สบาย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเลนส์อัลตร้าไวด์มาให้ ส่วนกล้องหน้า ใช้เลนส์ 5MP ที่สามารถใช้ถ่ายเซลฟี่ได้สวยตามมาตรฐาน โดยจะมีการใช้ซอฟต์แวร์ เข้ามาช่วยแต่งภาพ ซึ่งก็ถือว่า แต่งได้พอดี ดูเป็นธรรมชาติ ในส่วนหน้าจอ ใช้จอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ ที่มีอัตรารีเฟชเรท 90Hz ช่วยให้ภาพมีความคมชัด มีสีสันสด และสามารถสัมผัสได้ลื่น ๆ เลย ในด้านสเปกมาพร้อมชิปฯ Dimensity 700 ซึ่งเป็นชิปฯ 5G ตัวเริ่มต้นคู่กับ RAM 4GB และ ROM 64GB ซึ่งอาจจะดูน้อยไปสักหน่อย แต่มีรองรับ microSD สูงสุดถึง 1TB ซึ่งถ้าดูแค่สเปก หลายคนมักจะคิดว่า รุ่นนี้อาจใช้เล่นเกมได้ไม่ดี แต่พอเราได้ลองเล่นทั้ง RoV, Free Fire และ PUBG เราก็พบว่า มันเล่นได้ลื่น ๆ เลยครับ แต่อาจจะมีบางจังหวะที่จะมีอาการกระตุกอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็พอรับได้ครับ และจุดเด่นสุดท้ายคือ อายุการใช้งาน เจ้ารุ่นนี้มีแบตฯ ถึง 5,000mAh ซึ่งเราได้ทดสอบทั้ง เล่นเกม, ดู Youtube, ฟังเพลง และอื่น ๆ โดยใช้ระดับเสียงที่ 60% และเปิดแสงหน้าจอประมาณ 60% จากที่ลองเล่นดู มันสามารถเล่นได้ทั้งวันแน่นอนครับ ยิ่งถ้าคุณปรับเสียง และแสงลงต่ำกว่านี้ หรือใช้คู่กับพวกหูฟัง TWS ดีไม่ดีมันอาจใช้งานได้เกือบ 2 วัน เลยทีเดียวครับ ดังนั้นหากใครต้องการความคุ้มค่า จ่ายน้อย แต่ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ อ่านรีวิวแบบเต็ม ๆ ได้ที่ : [รีวิว] Samsung Galaxy A13 5G จอใหญ่ 6.5 นิ้ว กล้อง 50MP ราคา 9,999 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Galaxy A23 5G นี่คือสมาร์ทโฟนซัมซุงที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ ครับ เนื่องจากมาในราคากลาง ๆ ไม่แพงมาก แต่ให้สเปกมาแบบจัดหนัก จัดเต็มครับ โดยถ้าเรานำมาเทียบกับ A13 5G รุ่นนี้จะดีกว่าในทุก ๆ ด้าน มันจึงมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่ามาก ดังนั้นกับราคาที่เพิ่มมา ประมาณ 3 พันบาท แต่ได้ความแรงที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว รุ่นนี้จึงดูคุ้มค่ากว่าครับ ถ้าคุณรู้สึกว่า Samsung Galaxy A13 5G มีสเปกต่ำเกินไป และคุณต้องการสเปกที่เร็วและแรงมากกว่านี้ Galaxy A23 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ รุ่นนึงเลยครับ โดยรุ่นนี้จะมาในดีไซน์คล้าย ๆ กันกับ Galaxy A Series รุ่นอื่น ๆ เน้นความเรียบหรู ดูแพง ช่วยมอบความรู้สึกที่ดีเมื่อจับถือ ส่วนหน้าจอรุ่นนี้มีขนาด 6.6 นิ้ว มอบความละเอียดระดับ FHD+ ที่คมชัด และให้สีสันสดใส และมีอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 120Hz ช่วยให้การแสดงผลภาพ ดูราบรื่นขึ้น เวลาที่เราสไลด์จอแบบเร็ว ๆ มันจะดูสมูท และสบายตากว่า ซึ่งเราสามารถปรับล็อคไว้ที่ 60Hz เลยเพื่อประหยัดแบตฯ หรือจะปรับเป็นโหมด Adaptive ก็ได้ เมื่อเราเปลี่ยนจากใช้งานทั่วไป เป็นเล่นเกม มันก็จะเพิ่มอัตรรีเฟรชเรทเป็น 120Hz ให้อัตโนมัติครับ ส่วนด้านหลัง รุ่นนี้ติดตั้งกล้องมาให้ทั้งหมด 4 เลนส์ ซึ่งมีการออกแบบให้นูนขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งต่างกับ A13 5G ส่วนวัสดุฝาหลังจะยังคงใช้พลาสติกเหมือนเดิมแต่ทำเป็นสีด้าน โดยกล้องหลังก็จะประกอบด้วยเลนส์หลัก 50MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 5MP เลนส์ ชัดลึก 2MP และเลนส์มาโคร 2MP ทำงานคู่กับออโต้โฟกัส PDAF ซึ่งมันสามารถใช้ถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปได้เป็นอย่างดี คมชัด ไม่มีหลุดโฟกัส พร้อมโหมดถ่ายภาพอีกมากมายครับ แถมมันยังมาพร้อมระบบกันสั่น OIS และ EIS ให้ด้วย ช่วยให้การบันทึกวิดีโอดีขึ้น ส่วนกล้องเซลฟี่ จะใช้เลนส์ 8MP พร้อมมีโหมดบิวตี้ ที่ปรับได้ 3 ระดับ ซึ่งช่วยให้หน้าดูเนียนขึ้นได้ ซึ่งถ้าเทียบกับ A13 5G กล้องหลังของรุ่นนี้จะทำได้ดีกว่า ให้ภาพที่คมชัดทั้ง แสงมาก และแสงน้อย แต่กล้องหน้านั้นแทบไม่ต่างเลย การเพิ่มเงินประมาณ 3 พันบาท จากรุ่น A13 5G นอกจากคุณจะได้หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น มีรีเฟชเรทมากขึ้น กล้องหลังประสิทธิภาพสูงขึ้น คุณจะได้สเปกที่ดีขึ้นด้วย ไล่ตั้งแต่ชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G ตระกูลชิปเซ็ตที่เกมเมอร์ทุก ๆ คนรู้จักกันอย่างดี พร้อม RAM 8GB และ ROM 128GB แถมยังรองรับ microSD ได้สูงสุดถึง 1TB ด้วย ฉะนั้นลงเกมได้อย่างเต็มที่ครับ ซึ่งสเปกระดับนี้สายเกมทุกคนน่าจะถูกใจนะครับ เพราะมันสามารถใช้เล่นเกมฮิต ๆ ในปัจจุบันได้ทั้งหมด แถมเล่นได้ลื่น ๆ อีกด้วย อีกทั้งจุดเด่นอีกอย่างของรุ่นนี้คือ แบตเตอรี่ที่ให้ขนาดมาถึง 5,000mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็วถึง 25W ช่วยให้เล่นเกมได้ต่อเนื่องทั้งวัน ราคา 49,900 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Samsung Galaxy S23 Ultra ถือเป็นสมาร์ทโฟน Android ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ Samsung ณ ตอนนี้ครับ อัดแน่นด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย พร้อมให้คุณสัมผัสกับประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุดในทุก ๆ ด้าน รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าทึ่งในทุกวัน โดดเด่นด้วยกล้องระดับโปรฯ ที่มีเซนเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ที่สุดใน Galaxy Series มีความละเอียด 200MP พร้อมคุณสมบัติการถ่ายภาพ และการบันทึกวิดีโอ คุณภาพระดับ 8K ที่มีระบบกันสั่น OIS ประสิทธิภาพสูง ช่วยให้บันทึกได้คมชัด และราบรื่น แถมยังมีการซูมที่ดีอีกด้วย เก็บภาพที่มีรายละเอียดครบ ทั้ง ใกล้ และไกล และมีฟีเจอร์ Nightography เวอร์ชันล่าสุดมาให้ด้วย ช่วยปรับรายละเอียดภาพให้มีความคมชัดยิ่งขึ้น ส่วนกล้องเซลฟี่เป็นเซ็นเซอร์ Dual Pixel ความละเอียด 12MP ที่ถ่ายได้ทุกสภาพแสง มอบภาพที่คมชัด ดูสดใส พร้อมกับโทนสีที่เป็นธรรมชาติ ในด้านดีไซน์และการจัดสเปกต่าง ๆ เราไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะมันเป็นรุ่นไฮเอนด์ ซึ่งมาพร้อมกับประสิทธิภาพระดับสูงอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่ ดีไซน์ที่เรียบหรู วัสดุที่ทนทาน ใส่มาบนบอดี้ที่บางเฉียบ แถมยังใช้งานได้เต็ม ๆ ตา ด้วยจอ Dynamic AMOLED 6X ขนาด 6.8 นิ้ว ที่มีความละเอียด QHD+ โดยมีอัตราการรีเฟรชถึง 120Hz ทำให้ภาพที่ดูราบรื่น พร้อมรายละเอียดที่ครบ ช่วยให้คุณสามารถดูหนัง เล่นเกม ด้วยภาพที่คมชัดและสมจริง แถมยังเสริมด้วยเทคโนโลยี Adaptive Vision Booster ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่ภาพ พร้อมให้คุณสัมผัสกับภาพที่สมบูรณ์แบบ และสีสันที่สดใส ในด้านขุมพลัง รุ่นนี้ใช้โปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 ที่ประมวลผลได้เร็วมาก ๆ พร้อม RAM และ ROM ที่ 8GB และ 256GB ในรุ่นเริ่มต้น ช่วยให้มันทำงานอย่างลื่นไหน และจุดเด่นอีกอย่างนั่นคือ แบตเตอรี่ ความจุ 5,000mAh ที่จะช่วยให้คุณใช้งานต่อเนื่องทั้งวันได้สบาย ๆ ซึ่งถ้าเราใช้งานกลาง ๆ ไม่หนักมาก มันจะใช้ได้นานถึง 2 วันเลยทีเดียวครับ พร้อมกันนี้ยังมีเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 45W และชาร์จไร้สาย 10W มาให้ด้วย นอกจากนี้ยังได้รับมรดกมาจาก Note Series อย่างปากกา S Pen ในตัวด้วย ทำให้รุ่นนี้ สามารถใช้จดบันทึก และขีดเขียนได้ด้วย เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติที่รอบด้านเลยจริง ๆ ครับ ราคา 43,580 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Galaxy Z Fold4 5G เป็นสมาร์ทโฟนพับได้ของ Samsung ที่มีการออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยม โดยมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่เหมือนแท็บเล็ต อัดแน่นด้วยสเปกระดับไฮเอนด์ กล้องที่ทีคุณภาพสูง และการพับที่ทำให้หน้าจอใหญ่ เหลือขนาดเท่ากับมอถือทั่ว ๆ ไปได้ หากใครที่ชื่นชอบหน้าจอใหญ่ ๆ เหมือนแท็บเล็ต แต่ไม่อยากพกเครื่องใหญ่ ๆ คงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่า Z Fold 4 แล้วครับ ณ ตอนนี้ โดยรุ่นนี้ยังคงมาในดีไซน์ที่ไม่ได้ต่างไปจาก Z Fold 3 รุ่นก่อนหน้ามากนัก ซึ่งจะเน้นความพรีเมียม และดูเรียบหรู ตัวบอดี้ลดขนาดลงเล็กน้อย พร้อมบานพับที่พัฒนาใหม่ ทำให้รอยพับมองแทบไม่เห็นแล้ว โดยรุ่นนี้จะเน้นอัปเกรดภายในมากกว่า ซึ่งเราต้องบอกเลยว่า ภายในถูกพัฒนาให้ดีขึ้นในทุกด้านจริง ๆ ครับ โดยได้รับขุมพลังจากชิปเรือธง Snapdragon 8+ Gen 1 ที่ให้ความเร็วขั้นสุด พร้อม RAM 12GB และ ROM เริ่มต้น 256GB ช่วยให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุก ๆ ด้านครับ ในส่วนจอแสดงผล หน้าจอตอนพับ ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด HD+ ส่วนจอหลัก ขนาดใหญ่ 7.6 นิ้ว มีความละเอียด QXGA+ ซึ่งทั้ง 2 จอ รองรับอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ซึ่งเป็นแบบปรับได้เหมือนกัน โดยมันจะมีโหมด Adaptive มาให้ มีหน้าที่คอยปรับค่ารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับที่เราใช้งานอยู่โดยอัตโนมัติตั้งแต่ 1 ถึง 120Hz เลย หากเราใช้เล่นเกมระบบก็จะปรับให้สูงสุดครับ เพื่อภาพที่ดูราบรื่น และสบายตา แต่ถ้าเราใช้อ่านหนังสือนิ่ง ๆ ค่านี้ก็ไม่จำเป็น ระบบจะปรับให้ต่ำลง เพื่อลดการใช้แบตฯ ลง นอกจากนี้ยังได้รับมรดกจาก Galaxy Note Series มาด้วยก็คือ ปากกา S Pen ที่เมื่อบวกกับหน้าจอขนาดใหญ่ของรุ่นนี้ มันจึงสามารถช่วยให้การจดโน้ต และการวาดภาพต่าง ๆ ทำได้ถนัดกว่าจอมือถือปกติ สำหรับกล้อง รุ่นนี้จะอัปเกรดใหม่ โดยมาพร้อมกับ เลนส์หลัก 50MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP และเลนส์เทเลฯ 10MP ทำงานคู่กับออโต้โฟกัส ช่วยให้ได้ภาพที่น่าประทับใจในทุก ๆ สภาพแสง พร้อมมีระบบป้องกันภาพสั่น OIS และ EIS ส่งผลให้การบันทึกวิดีโอมีคุณภาพมากขึ้น เสริมคุณภาพให้แก่ภาพ ด้วยฟีเจอร์ Detail Enhancer ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคมชัดและรายละเอียดต่าง ๆ ภายในภาพ และมีฟีเจอร์ Space Zoom มาให้ ช่วยให้คุณสามารถซูม digital ได้สูงถึง 30x ในส่วนกล้องหน้ารุ่นนี้จะไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ครับ เลยให้สเปกกล้องหน้ามาค่อนข้างต่ำ เพราะคุณสามารถเซลฟี่กับกล้องหลังได้ ซึ่งให้คุณภาพที่ดีกว่าอยู่แล้ว และสำหรับอายุการใช้งาน รุ่นนี้จะใช้งานได้ 12-13 ชม. (ตามการใช้งานทั่วไป) ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเลย แถมยังรองรับชาร์จไว 25W และชาร์จไร้สาย 15W ดังนั้นเรื่องอายุการใช้งานไม่มีปัญหาเลยครับ ราคา 30,900 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Samsung Galaxy S23 เป็นรุ่นเล็กที่สุดตระกูล Galaxy S23 Series ปีนี้ครับ ซึ่งหากดูสเปก เทียบกับรุ่นอื่น ๆ ของซัมซุงเอง นี่จะเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟน Samsung ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับต้น ๆ เลย เพราะมันใช้สเปกเดียวกันกับรุ่น S23 Ultra และใช้กล้องชุดเดียวกับ S23 Plus ครับ เพียงแค่รุ่นนี้จะลดขนาดหน้าจอให้เล็กลง ทำให้เหมาะกับสาว ๆ ที่มือเล็ก ๆ มากขึ้น ถ้ามองแค่หน้าตา S23 จะมาในสไตล์เรียบหรู เหมือนกับ S23 Plus ทุกประการ เพียงแต่ขนาดบอดี้จะเล็กกว่า เนื่องจากหน้าจอถูกปรับให้เล็กลง แต่ความละเอียดยังสูงเท่าเดิม ช่วยมอบภาพที่ดูคมชัดและสดใสขึ้น และก็ยังช่วยให้ตัวเครื่องบางและเบามากขึ้น ปุ่มต่าง ๆ จึงย่อลงมาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กันมากขึ้น ช่วยให้สาว ๆ หรือคนที่มือเล็ก ๆ ใช้งานมือเดียวได้สบาย ๆ ครับ ซึ่งในฐานะที่เป็นรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์นี้ ทำให้เป็นเรือธงที่มีราคาถูกที่สุด ณ ตอนนี้ด้วย ดังนั้นใครอยากได้สเปกแรง ๆ แต่ไม่ได้ซีเรียสที่จอขนาดเล็ก รุ้นนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ใช้งานทั่วไป ถ่ายภาพ รวมถึงเล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ ได้สบาย S23 มาพร้อมสเปกที่ยกมาจาก S23 Plus เลย โดยกล้องหลัง มาพร้อมกับกล้องแบบ 3 เลนส์ ได้แก่ อัลตร้าไวด์ 12MP, ไวด์ 50MP และเทเลโฟโต้ 10MP ใช้ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบติดตาม (AF Tracking) ช่วยให้โฟกัสได้ง่ายขึ้น ไม่มีหลุด และยังมีระบบกันสั่น (OIS) ในตัวด้วย ช่วยจับภาพได้อย่างคมชัด และลื่นไหล ไม่หลุดออกจากโฟกัสเลย ส่วนการซูมทั้ง 2 รุ่น จะซูมออปติคัลได้สูงสุด 3x เท่านั้น ครับ เว้นแต่พี่ใหญ่ อย่าง S23 Ultra ที่ใช้กับกล้อง 4 เลนส์ โฟกัสด้วย Laser AF ข่วยให้คุณซูมได้เป็น 100x เท่าเลย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Nightography ตัวล่าสุด ที่ทำงานโดย Enhanced AI ช่วยให้การปรับแสงในภาพระหว่างพื้นผิวที่แตกต่าง คมชัดยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหน้าจะใช้เป็นตัวเดียวหมดทุกรุ่นครับ คือใช้ Dual Pixel ความละเอียด 12MP พร้อมกับ Auto Focus ซึ่งอาจจะดูธรรมดา ๆ หน่อย แต่สามารถโฟกัสได้รวดเร็ว S23 ใช้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ความสว่าง 500ppi รองรับ HDR10+ และอัตราการรีเฟรชเรท 120Hz ช่วยมอบภาพที่คมชัด น่าทึง ลื่นไหลไม่ว่าจะใช้ทำอะไรก็ตาม โดยตัวบอดี้ทั้ง หน้า และหลังของซีรี่ส์ จะหุ้มด้วย Corning Gorilla Glass Victus 2 ที่ปกป้องได้ดีเยี่ยม ส่วนขอบ ๆ จะใช้อะลูมิเนียมที่แข็งเกร่ง ทนต่อแรกตกกระแทกได้ในด้านขุมพลังรุ่นนี้ทำงานด้วยโปรเซสเซอร์ที่เร็วแรงที่สุดใน ณ ขณะนี้ โดยได้ขุมพลังจากชิปฯ Snapdragon 8 Gen 2 จับคู่กับ RAM 8GB และ ROM เริ่มต้น 128GB ซึ่งอาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่มันไม่ใช่ปัญหาของยุคนี้ เพราะเราสามารถอัปโหลไปไว้บนเว็บฯ ต่าง ๆ ได้ฃ ราคา 35,900 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Galaxy Z Flip4 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับบอดี้ที่กะทัดรัดมาก ๆ คุณผู้หญิงที่ถือกระเป๋าอันจิ๋ว เจ้ารุ่นนี้สามารถเก็บไว้ในกระเป๋านั้นได้ครับ ซึ่งถึงแม้จะเล็ก แต่มันก็ยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ให้เราใช้งาน และยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเซลฟี่ และถ่ายคลิปลงโซเชียลบ่อย ๆ จอแสดงผลที่ด้านหน้า และหลังของรุ่นนี้จะมีประโยชน์มาก ๆ ครับ บวกกับดีไซน์แบบพับ ทำให้สามารถวางเพื่อจับภาพคุณได้อย่างง่ายดาย หากคุณต้องการสมาร์ทโฟนที่ไม่เหมือนใคร Galaxy Z Flip4 5G เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่โดดเด่นไม่เหมือนใครครับ ซึ่งแน่นอนว่า มือถือพับได้ เป็นประเภทที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งถ้าเราดูในตลาด มันมีอยู่ไม่กี่รุ่นเท่านั้น แต่ของ Samsung ได้พัฒนารุ่นนี้ออกมาเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว ดังนั้นมันจึงมีข้อดีมากกว่าข้อเสียครับ โดยถึงแม้เจ้ารุ่นนี้จะยังคงมีหน้าตาที่ไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก แต่ทางซัมซุงได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้น และแก้ไขข้อเสียทั้งหมดที่ผู้ใช้เจอในรุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูป อายุการใช้งาน การชาร์จเร็ว และเจ้า Z Flip4 มาพร้อมชิป Android ประสิทธิสูงอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 ทำให้มันสามารถทําทุกอย่างได้ไม่ต่างจากมือถือปกติ โดยรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอหลัก Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และมีอัตรารีเฟชเรท 120Hz และยังมีหน้าจอเล็ก Super AMOLED ขนาด 1.9 นิ้ว ความละเอียด 260 x 512 และอัตราการรีเฟรช 60Hz พร้อมทั้งมีการปรับขอบหน้าจอให้บางลงและปรับบานพับให้เล็กบางลง ช่วยให้มองเห็นรอยพับน้อยลง ทำให้รุ่นใหม่นี้ดูดีมาก ๆ ครับ ซึ่งทั้ง 2 หน้าจอ ถือว่าแสดงผลได้ดีด้วย มีความคมชัด และลื่นไหล แถมยังมีความสว่างสูงถึง 1200 nits ทำให้ไม่ว่าจะใช้งานในาสภาพแสงแบบไหน มันก็แสดงผลได้อย่างคมชัดครับ นอกจากการอัพเกรดชิปเซ็ตแล้ว Z Flip4 ยังมีอัพเกรดระบบกล้องหลังมาให้ด้วย ซึ่งยังใช้เป็นเลนส์คู่เหมือนเดิม โดยมีเลนส์ไวด์ 12MP ควบคู่กับเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP เช่นกัน พร้อมเทคโนโลยรถ่ายภาพของซัมซุง ซึ่งเซ็นเซอร์ใหม่นี้สามารถช่วยให้ในการรวบรวมแสงได้มากขึ้น 65% ส่งผลให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำได้น่าประทับใจมากขึ้น ส่วนกล้องเซลฟี่ ยังใช้เลนส์ 10MP เหมือนรุ่นเดิมครับ ซึ่งสามารถทำได้ดีในระดับนึง นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างคือ อายุการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการอัพเกรดแบตฯ เป็น 3,700mAh ซึ่งให้ใหญ่ขึ้น 12% แถมรุ่นนี้ยังรองรับการชาร์จเร็วที่ 25W รวมถึงการชาร์จไวแบบไร้สายสูงถึง 15W ราคา 37,900 บาท* ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Samsung Galaxy S23 Plus ยังคงมาพร้อมจอ AMOLED ขนาดใหญ่ ทำงานด้วยขุมพลังเดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง S23 Ultra นั่นคือ Snapdragon 8 Gen2 ช่วยให้ความเร็วแทบไม่ต่างกัน ส่วนแบตฯ ก็อึดไม่แพ้กัน ใช้งานปกติได้นานเกือบ 2 วัน และกล้องก็ยังถ่ายภาพได้สวยอยู่ ถึงแม้จะถูกลดสเปกลงมา แต่ด้วยราคาที่ถูกลง มันก็คุ้มค่าครับ หากใครคิดว่า S23 Ultra ใหญ่และแพงเกินไป ส่วน S23 ธรรมดาก็เล็กและขาดฟังก์ชันที่คุณต้องการไป Galaxy S23+ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับคนที่ยังต้องการประสิทธิภาพที่สูงพอ ๆ กับรุ่นท๊อป ถึงแม้ว่าสเปกของกล้อง จอแสดงผล ฟีเจอร์ต่าง ๆ และอื่น ๆ อาจจะไม่ดีเท่าแต่รุ่นนี้ใช้โปรเซสเซอร์ตัวเดียวกับรุ่นท๊อปเลย ทำให้การประมวลผลการทำงานต่าง ๆ นั้นรวดเร็วไม่แพ้กัน ดังนั้นใครต้องการมือถือเรือธงจอใหญ่ ๆ สเปกแรง ๆ รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ ซึ่งกล้องถ่ายรูปของรุ่นนี้จะถูกตัดสเปกออกไปครับ โดยกล้องหลังจะเหลือแค่ 3 เลนส์ แต่ยังคงมี Nightography ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของซัมซุงอยู่ ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่ทำงานโดย Enhanced AI ด้วย ซึ่งสามารถช่วยแยกความแตกต่างระหว่างพื้นผิว ที่มันแตกต่างกันในภาพ เพื่อปรับภาพให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นภาพถ่ายที่มีแสงน้อยของคุณ ก็จะดูมีรายละเอียดมากขึ้น มีสีสันสมจริง ดูเป็นธรรมชาติ ส่วนกล้องหน้าเป็นตัวเดียวกับรุ่น Ultra เลย คือใช้ Dual Pixel ความละเอียด 12MP พร้อมกับ Auto Focus ซึ่งอาจจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่มันก็สามารถโฟกัสได้รวดเร็ว ให้ภาพเซลฟี่ที่คมชัด รายละเอียดครบ และโทนสีที่สดใส ตามสไตล์ซัมซุง Galaxy S23+ ใช้จอ Dynamic AMOLED 6X เหมือนรุ่นท๊อป แต่มีขนาด และความละเอียดน้อยกว่า โดยมีขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และมีอัตรารีเฟชเรทที่ 120Hz ซึ่งแค่นี้ก็ได้ภาพที่ดูคมชัด และสีสันที่สดใส ดูน่าทึ่งแล้ว ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากชิปฯ Snapdragon 8 Gen 2 ตัวเดียวกับรุ่น Ultra เมื่อทำงานกับ RAM 8GB และ ROM 256GB ในตัวเริ่มต้น ความเร็วจึงไม่ต่างกับรุ่น Ultra เลย ส่งผลให้คุณใช้งานได้อย่างลื่นไหล เล่นเกมหนัก ๆ ได้สบาย นอกจากนี้ยังใส่แบตเตอรี่ 4,700mAh มาให้ ซึ่งสามารถใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ ได้นานเกือบ ๆ 2 วัน เลย และยังมีการชาร์จไว 45W และการชาร์จไร้สาย 10W มาให้ด้วย ช่วยให้คุณมีพลังงานมากพอสำหรับทํางานหนัก ๆ หลาย ๆ อย่างพร้อมกัน * หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้าSamsung Galaxy A13 5G สมาร์ทโฟน Samsung สำหรับคนงบฯ จำกัด
ทดลองใช้งานจริง Samsung Galaxy A13 สมาร์ทโฟน 5G คุณภาพคุ้มราคา
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย สิงหาคม 2022 ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1 บน Android 11 หน้าจอแสดงผล 6.5 นิ้ว, 90Hz ความละเอียด 720 × 1600 (HD+) CPU / GPU
RAM / ROM
microSD สูงสุด 1 TB ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า 5MP กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh การชาร์จ ชาร์จไว 15W ขนาด 164.5 × 76.5 × 8.8 มม. น้ำหนัก 195 ก. Samsung Galaxy A23 5G สมาร์ทโฟน Samsung ยอดนิยม สำหรับงบหนึ่งหมื่นบาท
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย สิงหาคม 2022 ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1 บน Android 12 หน้าจอแสดงผล 6.6 นิ้ว, 120Hz ความละเอียด 1080 × 2408 (FHD+) CPU / GPU
RAM / ROM
microSD สูงสุด 1TB ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า 8MP กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh การชาร์จ ชาร์จไว 25W ขนาด 165.4 × 76.9 × 8.4 มม. น้ำหนัก 197 ก. Samsung Galaxy S23 Ultra สมาร์ทโฟน Samsung ที่ดีที่สุด
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย กุมภาพันธ์ 2023 ระบบปฏิบัติการ One UI 5.1 บน Android 13 หน้าจอแสดงผล 6.8 นิ้ว, 120Hz ความละเอียด 3088 x 1440 (QHD+) CPU / GPU
RAM / ROM
microSD สูงสุด 1 TB ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า 12MP กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh การชาร์จ
ขนาด 163.4 x 78.1 x 8.9 มม. น้ำหนัก 233 ก. Samsung Galaxy Z Fold4 5G สมาร์ทโฟนจอใหญ่ เหมือนแท็บเล็ต แต่พับให้เล็กลงได้
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย สิงหาคม 2022 ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1 บน Android 12 หน้าจอแสดงผล
ความละเอียด
CPU / GPU
RAM / ROM
microSD ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า
กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 4,400 mAh การชาร์จ
ขนาด
น้ำหนัก 263 ก. Samsung Galaxy S23 สมาร์ทโฟนเรือธง ตัวเล็กสุด มาพร้อมค่าตัวที่คุ้มค่า
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย กุมภาพันธ์ 2023 ระบบปฏิบัติการ One UI 5.1 บน Android 13 หน้าจอแสดงผล 6.1 นิ้ว, 120Hz ความละเอียด 2340 x 1080 (FHD+) CPU / GPU
RAM / ROM
microSD ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า 12MP กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 3,900 mAh การชาร์จ
ขนาด 146.3 x 70.9 x 7.6 มม. น้ำหนัก 168 ก. Samsung Galaxy Z Flip4 5G สมาร์ทโฟนจอพับได้ ขนาดเล็ก พกพาง่าย
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย สิงหาคม 2022 ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1 บน Android 12 หน้าจอแสดงผล 6.7 นิ้ว, 120Hz ความละเอียด 2640 x 1080 (FHD+) CPU / GPU
RAM / ROM
microSD ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า 10MP กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 3,700 mAh การชาร์จ
ขนาด
น้ำหนัก 187 ก. Samsung Galaxy S23+ สมาร์ทโฟน Samsung ที่ดีที่สุด สําหรับคนส่วนใหญ่
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
วันวางจําหน่าย กุมภาพันธ์ 2023 ระบบปฏิบัติการ One UI 5.1 บน Android 13 หน้าจอแสดงผล 6.6 นิ้ว, 120Hz ความละเอียด 2340 x 1080 (FHD+) CPU / GPU
RAM / ROM
microSD ปากกา S Pen รองรับ 5G การเชื่อมต่อ
กล้องหน้า 12MP กล้องหลัง
ความจุแบตเตอรี่ 4,700 mAh การชาร์จ
ขนาด 157.8 x 76.2 x 7.6 มม. น้ำหนัก 195 ก.
เหตุใดคนส่วนใหญ่ถึงเชื่อมั่นในแบรนด์ Samsung ?
สำหรับเหตุผลที่ผู้คนทั่วโลกต่างเชื่อมั่นในแบรนด์ Samsung นั่น มีเหตุผลหลายประการมากครับ ซึ่งถ้าเจาะลึกลงรายละเอียดกันจริง ๆ มันคงจะยาวเกินไป ดังนั้นเราขอสรุปออกมาเป็น 3 ข้อสั้น ๆ ดังนี้ครับ
1. คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดี : Samsung กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลกมานานหลายทศวรรตแล้วครับ เนื่องจากพวกเขามีผลิตภัณฑ์หลาย ๆ รุ่น ในหลายประเภท ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุด ทั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโดยเฉพาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่าง สมาร์ทโฟน ที่มีการพัฒนาอยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนครับว่าการจะอยู่ในจุดนี้ต่อไปได้นาน ๆ พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพเป็นพิเศษ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กว่าจะผ่านออกมาได้จะต้องมีการทดสอบมากมาย พร้อมกับมีการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งคัด เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ครับ
2. นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า : ต่อจากข้อแรกเลยครับ นอกจากคุณภาพที่ดีแล้วสิ่งที่ช่วยให้ Samsung อยู่ในระดับโลกก็คือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ครับ ซึ่งพวกเขามีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาหลายด้านมาก ๆ ช่วยให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นของ Samsung มีประสิทธิภาพสูง แถมยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Samsung เองด้วย ทำให้จุดนี้กลายเป็นจุดแข็งที่ผู้ใช้หาไม่ได้จากสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น ๆ
3. การตลาดและการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ : เราต้องยอมรับเลยครับว่า Samsung คือบริษัทที่มีการตลาดและการโฆษณาที่เข้มแข็งมาก ๆ ซึ่งถ้าเราดูเฉพาะสมาร์ทโฟน เราจะเห็นเลยว่า Samsung มีตัวเลือกตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นที่แพงที่สุด ซึ่งแพงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกด้วย ทำให้พวกเขามีลูกค้าอยู่ทุกกลุ่ม ส่วนการโฆษณาก็ไม่ต้องพิสูจน์ให้ยุ่งยากเลยครับ เพราะเราเห็นอยู่แทบทุกที่ทั้งในหน้าจอต่าง ๆ รวมถึงในชีวิตประจำวันของเราด้วย และเกือบทุกคนในโลกนี้ต่างก็รู้จัก Samsung กันเป็นอย่างดี
เอาแค่ 3 ปัจจัยนี้ ก็สามารถส่งผลให้แบรนด์ Samsung กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่น่าเชือถือที่สุดในโลกแล้วครับ แต่พวกเขาก็ยังมีจุดเด่นในด้านอื่น ๆ ยิบย่อยอีกมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็น วัสดุที่ใช้ผลิต ความทนทาน การรับประกันที่ดี การเป็นแบรนด์ที่ติดตลาด ฯลฯ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยครับที่ สมาร์ทโฟน Samsung จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
วิธีการเลือกซื้อมือถือซัมซุง (Smartphone Samsung)
อย่างที่บอกครับว่า Samsung มีสมาร์ทโฟนหลายซีรีส์มาก ๆ ดังที่เราแนะนำไปแล้ว ในหัวข้อก่อนหน้านี้ ทำให้ปี ๆ นึง พวกเขาเปิดตัวสมาร์ทโฟนหลายรุ่นมาก จนในตลาดสมาร์ทโฟน มีมือถือซัมซุงให้เลือก ทุกระดับราคาเลย ซึ่งก็ไม่แปลกครับ ถ้าหากมันทำให้คุณเลือกยากขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่ยังเลือกไม่เป็น ดังนั้นปัจจัยด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกซื้อ สมาร์ทโฟน Samsung รุ่นที่เหมาะกับคุณได้ง่ายขึ้นครับ
1. สเปกโดยรวม และการใช้งาน
ก่อนอื่นเลยคุณจำเป็นจะต้องรู้ก่อนครับว่า คุณต้องการ สมาร์ทโฟน Samsung ไปใช้ในด้านไหนเป็นหลัก ? เช่น ด้านการถ่ายภาพ, ด้านการเล่นเกม หรือด้านการใช้งานทั่ว ๆ ไป เป็นต้น เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นปกติ ที่ไม่ใช่เรือธง มักเน้นไปที่ด้านใด ด้านนึงเป็นหลัก เพื่อควบคุมราคาให้สมเหตุสมผล ดังนั้นถ้าคุณมีงบฯ จำกัด คุณก็ต้องรู้ตัวเองก่อนว่า ต้องการจะนำไปใช้งานในด้านไหน ? เพื่อที่จะได้เลือกซื้อรุ่นที่โดดเด่นในด้านนั้นจริง ๆ แต่ถ้าหากใครมีงบประมาณไม่จำกัด แน่นอนครับสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีราคาหลาย ๆ หมื่นบาท มันสามารถจะทำทุก ๆ อย่างที่คุณต้องการได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
2. ดีไซน์การออกแบบ และขนาด น้ำหนักของตัวเครื่อง
แน่นอนครับว่าการดีไซน์ของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นแต่ละซีรีส์นั้น มันไม่มีทางเหมือนกัน ซึ่งมันเป็นผลมาจากสเปกต่าง ๆ บางรุ่นมีจอใหญ่ บางรุ่นจอเล็ก จึงทำให้มีขนาดที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงสเปกภายในก็ส่งผลต่อทั้งความกว้าง ความสูง และความหนาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีวัสดุที่ใช้ในการผลิตด้วย โดยที่เห็นได้ชัดเลยนั่นคือ ตัวบอดี้ครับ ที่รุ่นประหยัดมักจะใช้พลาสติกธรรมดา ส่วนพวกเรือธงก็จะใช้อะลูมิเนียม ซึ่งให้สัมผัสและความทนทานที่ดีกว่า สิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวคุณเอง เช่น ถ้าคุณต้องการขนาดเล็ก ๆ บางเบา คุณก็ต้องยอมลดสเปกบางส่วนลง แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องขนาด น้ำหนัก แต่อยากพกไปวิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมที่มือถือมีโอกาสตกบ่อย ๆ มือถือรุ่นที่ใช้อะลูมิเนียมก็จะเหมาะสมกว่าครับ
3. งบประมาณ
อย่างที่ได้บอกไปครับว่า สมาร์ทโฟน Samsung นั้นมีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ไปจนถึงรุ่นเรือธงเลย ดังนั้นคุณสามารถจะเลือกตามงบประมาณที่คุณตั้งไว้ได้ แต่แน่นอนครับว่า รุ่นที่มีราคาแพง ๆ อย่างรุ่นเรือธง ย่อมมีประสิทธิภาพที่สูงกว่ารุ่นราคาประหยัดอยู่แล้ว ซึ่งถ้าคุณต้องการใช้งานระดับโปรฯ แน่นอนมันจะคุ้มค่ามาก ๆ แต่ถ้าคุณซื้อรุ่นเรือธงไปใช้เล่นโซเชียลทั่วไป ไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มันก็ไม่คุ้มค่ากับเงินที่คุณต้องจ่ายไป เพราะแค่สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น ก็สามารถใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับคุณครับว่า คุณต้องการอะไรจากมือถือซัมซุงเครื่องนี้ ?
สมาร์ทโฟน Samsung รุ่นใดมีกล้องที่ดีที่สุด ?
หากคุณต้องการมือถือมาพร้อมกล้องประสิทธิภาพสูง เจ้า Samsung Galaxy S23 Ultra เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีกล้องประสิทธิภาพโดยรวมสูงที่สุดในตลาดมือถือ ณ ปัจจุบัน โดยดีกว่า คู่แข่งอย่าง iPhone 14 Pro Max รวมไปถึงมือถือ Samsung ทั้งหมด โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์รับภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 200MP พร้อมกับเก็บภาพที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเลนส์ต่าง ๆ ที่มีคุณภาพสูง 4 ตัว ช่วยให้สามารถใช้ถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงได้อย่างสบาย ๆ รวมถึงการถ่ายภาพด้วยเทคนิคต่าง ๆ อีกมากมาย และแถม S23 Ultra ยังสามารถใช้บันทึกวิดีโอ ด้วยคุณภาพสูงสุดได้ถึงระดับ 8K UHD ที่ 30fps พร้อมระบบกันสั่น OIS ที่มีประสิทธิภาพ ทําให้เจ้ารุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในมือถือที่มีกล้องประสิทธิภาพสูงที่สุด และมีความสามารถมากที่สุด เท่าที่คุณหาซื้อได้ในตอนนี้
สมาร์ทโฟน Samsung รุ่นไหนที่คุ้มค่า ?
คำถามนี้ถือเป็นคำถามที่ตอบยากมาก ๆ ครับ เพราะความคุ้มค่ามันขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน แต่หากถามในความเห็นส่วนตัว เราขอยกให้ Samsung Galaxy A23 5G เป็นรุ่นคุ้มค่าที่สุด สามารถใช้งานได้ทุกด้าน (สำหรับผู้ที่มีงบฯ ประมาณหมื่นต้น ๆ) และเราขอยกให้ Samsung Galaxy A13 5G เป็นรุ่นที่คุ้มค่า และประหยัดที่สุด ซึ่งฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มา สามารถใช้งานได้ครับ ไม่ได้แย่จนเกินไป (เหมาะกับผู้ที่มีงบฯ ประมาณหลักพันกลาง ๆ) ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ สามารถใช้งานในชีวิตประจําวันได้อย่างสบาย ๆ เลย มีจอขนาดใหญ่ ระบบเสถียร ใช้งานได้ราบลื่น กล้องใช้งานได้ ส่วนสเปกก็ให้มากำลังดี เล่นเกมได้สบาย ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดมาก ๆ อีกด้วย สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ดีไม่ดีเหลือไปใช้งานอีกวันนึงได้ด้วย
บทส่งท้าย
อย่างที่เราได้บอกไปครับว่า สมาร์ทโฟน Samsung เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมาก ๆ ทั้ง วัสดุ งานประกอบ สเปค และเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้คุ้มค่าคุ้มราคามาก จริงอยู่ว่า ถ้าเรากำเงินเท่ากันไปซื้อสมาร์ทโฟนแบรนด์น้องใหม่ เราอาจจะได้สเปคที่สูงกว่านี้ได้ แต่สิ่งที่คุณจะได้จาก Samsung คือ คุณภาพ และเทคโนโลยีเฉพาะที่แบรนด์อื่น ๆ ไม่มี แถมด้วยความที่ฃเป็นแบรนด์ตลาด ส่งผลให้มันซ่อมง่าย สามารถเดินเข้าร้านมือถือบ้าน ๆ ได้ทุกร้านสามารถ เพราะร้านมือถือส่วนใหญ่ ก็มักจะซ่อม สมาร์ทโฟนซัมซุง ได้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เนื่องจากมีผู้ใช้จำนวนมาก นอกจากนี้คุณอาจจะไม่ต้องรออะไหล่นานเป็นเดือน ๆ เลยก็ได้ เพราะร้านต่าง ๆ เหมือนมือถือแบรนด์ใหม่ ๆ นอกจากนี้มันยังขายต่อได้ง่ายกว่ามือถือแบรนด์อื่น ๆ อีกด้วยเพราะฉะนั้นถ้าหากคุณต้องการมือถือที่เน้นใช้งานนาน ๆ คุณสามารถเชื่อมั่นใน แบรนด์ Samsung ได้ครับ ซึ่งเรารับรองเลยว่าเงินที่คุณจ่ายออกไปมันคุ้มค่ากับสิ่งที่คุณจะได้มาอย่างแน่นอน