เราเชื่อว่าผู้หญิงหลายคนมักจะมองข้ามเรื่องของ “ฝ้า” เพราะโดยปกติแล้วฝ้าจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงวัยกลางคนที่มีอายุ 30-40 ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นวัยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เริ่มละเลยการดูแลตัวเองและไปโฟกัสกับงานหรือครอบครัวแทน แต่แม้ว่าไลฟ์สไตล์ของคุณจะเปลี่ยนไปเช่นไร ฝ้าก็จะเกิดขึ้นกับคุณอยู่ดีค่ะ เพราะมากว่า 90% ที่ฝ้าจะเกิดกับผู้หญิงเมื่อเทียบกับผู้ชาย อีกทั้งฝ้ามักเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีผิวคล้ำอย่างโซนเอเชียแบบเรา เนื่องจากพันธุกรรมและเชื้อชาติเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทั้งนี้เราก็สามารถรักษาพร้อมทั้งป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นฝ้าได้ หรือทำให้ฝ้าจางลงได้ด้วยการใช้ “เซรั่มรักษาฝ้า” ซึ่งในวันนี้เรามีรีวิวเซรั่มรักษาฝ้าจากแบรนด์ดังดี ๆ หลายตัวเลยค่ะ รับรองว่าปลอดภัย ไม่มีสารอันตราย และเห็นผลจริงอีกด้วย ซึ่งจะมีของแบรนด์อะไรบ้างนั้น? ตามมาดูกันเลยค่ะ!
เซรั่มลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้จางลง ยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
- มีสารออกฤทธิ์สำคัญ ๆ หลายตัวที่ช่วยลดกระบวนการการเกิดฝ้า ตอบโจทย์คนที่มีปัญหาฝ้าอย่างแท้จริง: เซรั่มรักษาฝ้า Mesoestetic Melan Tran3x Intensive Depigmenting Concentrate
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผิวหน้าหมองคล้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นฝ้ากระในระยะเริ่มต้น: เซรั่มรักษาฝ้า Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter
- ช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นมีปัญหาฝ้า และมีผิวบอบบางแพ้ง่าย: เซรั่มรักษาฝ้า Eucerin Spotless Brightening Booster Serum
- ช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นมีปัญหาฝ้าจากแดด สำหรับผู้ที่มีบัดเจทจำกัด: เซรั่มรักษาฝ้า Nivea Luminous 630 Spotclear Treatment [แพคเกจใหม่]
- ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใส ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ: เซรั่มรักษาฝ้า Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution
- ช่วยรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เหมาะสำหรับฝ้าประเภทตื้นถึงกลาง ในราคาประหยัด: เซรั่มรักษาฝ้า DR.PONG MC1 Whitening Drone Melas Clear Serum
- ช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ลดเลือนฝ้ากระจุดด่างดำ เหมาะสำหรับผิวที่แข็งแรง: เซรั่มรักษาฝ้า L'Oreal Paris Glycolic Bright Instant Glowing Serum
ฝ้า คืออะไร มีลักษณะอย่างไร ? (1-3)
ฝ้าเป็นโรคผิวหนังที่ได้พบบ่อย คุณอาจพบจุดสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเทาอมฟ้าบนผิวของคุณ ฝ้าสามารถเกิดขึ้นเป็นจุดเล็ก ๆ ไปจนถึงรอยคล้ำเป็นวงกว้าง บริเวณที่เกิดฝ้าได้ง่ายที่สุดจะเป็นที่ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นตรงแก้ม ริมฝีปากบน หน้าผาก รวมมถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่างเช่นที่ปลายแขนและหน้าอก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติมากเพราะบริเวณเหล่านี้จะต้องเผชิญกับแสงแดดมากที่สุด
ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร ? (1-3)
ฝ้าอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยอาทิเช่น แสงแดด, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, การระคายเคืองและการอักเสบของผิวหนังก็ได้ นอกจากนี้มีการวิจัยพบว่าแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากหลอดไฟ หน้าจอคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้ด่วยเช่นกัน และสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ก็จะมักเกิดฝ้าขึ้นได้บ่อย ๆ แต่ฝ้าประเภทนี้จะหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือนหลังจากคุณคลอดบุตร

ผิวหนังของคุณประกอบด้วย 3 ชั้น ชั้นนอกคือชั้นหนังกำพร้า ชั้นกลางคือชั้นหนังแท้ และชั้นที่ลึกที่สุดคือชั้นใต้ผิวหนัง ในผิวหนังชั้นกำพร้าของคุณมีเซลล์ที่เรียกว่าเมลาโนไซต์ ซึ่งจะคอยเก็บและสร้างเม็ดสีสีเข้มที่เรียกว่าเมลานิน การผลิตเมลานินขึ้มนี้มีที่มาที่ไปเสมอค่ะ เพราะเมื่อผิวของเราได้การกระตุ้นจากแสงแดด ความร้อน หรือรังสีอัลตราไวโอเลต รวมถึงการกระตุ้นของฮอร์โมน เมลาโนไซต์จะผลิตเมลานินมากขึ้น และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำจนเป็นฝ้าอย่างที่เห็นค่ะ
ผิวประเภทไหนควรใช้ ครีมรักษาฝ้า VS เซรั่มรักษาฝ้า ?
จริง ๆ แล้วทั้งครีมและเซรั่มอาจจะมีข้อดีกันคนละแบบ เพราะประเภทผิวหน้าของคนเรายังมีความต่างแตกกันเลยค่ะ ดังนั้นคนที่ผิวแห้งก็จะบอกว่าเนื้อครีมดีกว่าเซรั่ม ส่วนคนที่ผิวมันก็จะบอกว่าเซรั่มดีกว่าเนื้อครีม ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าที่ดีที่สุดสำหรับผิวของแต่ละคนก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวที่ของคน ๆ นั้น บางคนมีภาวะผิวแห้งขาดน้ำ ในขณะที่บางคนก็เป็นผิวอักเสบร่วมด้วย ดังนั้นก่อนที่คุณเลือกว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าแบบไหนดี? คุณจะต้องรู้ก่อนว่าลักษณะผิวของคุณจัดอยู่ในหมวดหมู่ใด จากนั้นจึงค่อยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามที่เราแนะนำ

โดยการแยกประเภทลักษณะของผิวในวันนี้นี้เราได้ใช้งานวิจัย Baumann Skin Type ® เป็นการอ้างอิง ซึ่งสามารถแบ่งลักษณะผิวได้ถึง 16 ประเภทเลยค่ะ แต่เนื่องจากบทความนี้จะเน้นไปที่การรักษาฝ้า ดังนั้นจึงตัดเหลือ 8 ประเภทผิวที่เป็นฝ้า มาดูกันค่ะว่าผิวของคุณจะจัดอยู่ในหมายเลขไหนของ Baumann Skin Type ® บ้าง?
- หมายเลข 1 DSPT Dry, Sensitive, Uneven Pigment, Tight : ผิวแห้งที่มีปัญหาจากการอักเสบของผิวหนังซ้ำ ๆ และมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ควรรักษาความแห้งกร้านและการอักเสบก่อน จากนั้นจึงค่อยรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระและจุดด่างดำด้วยการใช้ครีมรักษาฝ้าที่ส่วนผสมในการต้านการอักเสบร่วมด้วย
- หมายเลข 3 DSPW Dry, Sensitive, Uneven Pigment, Wrinkle-prone : ผิวแห้งที่มีอาการอักเสบของผิวหนังซ้ำ ๆ มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย คุณจะต้องเน้นดูแลรักษาผิวหมองคล้ำและริ้วรอย แต่ก็ต้องเลือกส่วนผสมที่ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้านและอักเสบมากกว่าเดิม แนะนำให้เลือกครีมรักษาฝ้าที่มีผสมส่วนสำหรับต่อต้านริ้วรอย และปลอบประโลมผิวได้ในตัว

- หมายเลข 5 OSPT Oily, Sensitive, Uneven Pigment, Tight : คุณเป็นคนผิวมันมีอาการอักเสบและมีเม็ดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอรวมด้วย แต่เนื่องจากผิวมันมีความเสี่ยงที่จะเกิดริ้วรอยน้อยกว่าประเภทผิวอื่น ๆ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องริ้วรอยแห่งวัยมากนัก แค่เน้นเซรั่มรักษาฝ้าที่มีสารช่วยปลอบประโลมผิวลดการอักเสบให้ความชุ่มชื่นร่วมด้วยก็พอค่ะ
- หมายเลข 7 OSPW Oily, Sensitive, Uneven Pigment, Wrinkle-prone : ผิวมันที่มีการอักเสบของผิวหนัง มีปัญหาเม็ดสีผิวไม่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอย เนื่องจากน้ำมันธรรมชาติของผิวให้การปกป้องต่อสารต้านอนุมูลอิสระน้อยเกินไป (ผิวมันไม่พอ) จึงไม่สามารถปกป้องผิวที่เปราะบางนี้ได้ แนะนำให้คุณเน้นผลิตภัณฑ์ที่ลดการอักเสบก่อน เมื่อผิวแข็งแรงแล้วจึงค่อยใช้เซรั่มรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ โดยอาจเลือกส่วนผสมที่ช่วยในการต่อต้านริ้วรอยร่วมด้วยก็ได้ค่ะ
- หมายเลข 9 ORPT Oily, Resistant, Uneven Pigment, Tight : ผิวประเภทนี้มีความเสี่ยงต่อริ้วรอยและการระคายเคืองน้อยกว่าประเภทอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นผิวที่ค่อนข้างแข็งแรง ปัญหาของคุณมีเพียงแค่ผิวมันและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นครีมกันแดดจึงเป็นหัวใจหลักที่คุณจะต้องใช้ทุกวัน จากนั้นก็เลือกเซรั่มรักษาฝ้าที่มีสารออกฤทธิ์เข้มข้นสูงเพื่อให้สีผิวกลับมาสม่ำเสมออย่างรวดเร็ว ในส่วนของของความมันบนใบหน้านั้นแนะนำให้ใช้ คลีนซิ่ง, คลีนเซอร์ หรือโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกสำหรับควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว และผลัดเซลล์ผิวแทนค่ะ

- หมายเลข 11 ORPW Oily, Resistant, Uneven Pigment, Wrinkle-prone : ผิวประเภทนี้มีลักษณะสีผิวไม่สม่ำเสมอและมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยง่าย แม้ว่าน้ำมันตามธรรมชาติของผิว (ซีบัม) จะช่วยป้องกันริ้วรอยได้ในระดับนึ่ง แต่ผิวประเภทนี้ควรเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในสกินแคร์ ในส่วนของผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า แนะนำเป็นเซรั่มที่มีสารออกฤทธิ์เข้มข้นสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระด้วยก็ดีค่ะเพราะจะช่วยเรื่องริ้วรอยอีกทาง ในส่วนของความมันบนใบหน้าก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกเช่นเดียวกับผิวหมายเลข 9 เลยค่ะ
- หมายเลข 13 DRPT Dry, Resistant, Uneven Pigment, Tight : คุณเป็นคนที่มีลักษณะผิวแห้งและมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของผิวประเภท DRPT แม้ว่าจะไม่ค่อยมีอาการอักเสบและมีปัญหาเรื่องริ้วรอยสักเท่าไหร่ แต่ครีมกันแดดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณไม่ควรละเลยเด็ดขาด จากนั้นก็หามอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยให้ผิวกระจ่างใส หรือจะใช้เป็นเซรั่มรักษาฝ้าที่มีส่วนผสมมอบความชุ่มชื่นอย่างไฮยาลูรอนก็ได้ค่ะ
- หมายเลข 15 DRPW Dry, Resistant, Uneven Pigment, Wrinkle-prone : คุณเป็นคนผิวแห้ง มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ และมีความไวต่อการเกิดริ้วรอยสูงมาก ถือว่าเป็นลักษณะเด่นของประเภทผิว DRPW สูตรการดูแลผิวควรประกอบด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง จากนั้นก็เลือกเซรั่มรักษาฝ้าที่มีสารให้ความชุ่มชื่นในตัว รวมถึงอาจมีสารต้านอนุมูลอิสระ เรตินอยด์ กรดอัลฟาไฮดรอกซี และส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอก็ได้ค่ะ
เซรั่มฝ้าที่ดีที่สุด ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง ? (1-5)
หากคุณมีฝ้าบนใบหน้า สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้รูทีนในการดูแลผิวที่ถูกต้อง เพื่อให้สีผิวของคุณกลับมีสีที่เนียนสม่ำเสมอ ซึ่งในผลิตภัณฑ์จะต้องมีสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน, สารผลัดเซลล์ผิวเก่า, สารที่ช่วยปลอบประโลมผิวหลังจากการผลัดเซลล์ และสารที่ลดการส่งผ่านเม็ดสีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าซ้ำ
- สารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน : Tranexamic acid มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ Hydroquinone ที่ใช้ในครีมรักษาฝ้า แต่ Hydroquinone จะมีระดับความเข้มข้นที่มีผลข้างเคียงมากกว่า เพราะ Hydroquinone จะทำให้ผิวหน้าอักเสบและแสบร้อนได้ ดังนั้นการใช้ Hydroquinone จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ และจะต้องใช้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อหายดีแล้วต้องค่อย ๆ หยุดใช้ไป ต่างจาก Tranexamic acid ที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง แต่ก็แลกมากับราคาที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน แนะนำให้เลือก Tranexamic acid 3% ขึ้นไปค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมี Niacinamide, Alpha-Arbutin, Kojic Acid, อนุพันธ์วิตามิน C (Ascorbic acid), อนุพันธ์วิตามิน E (Tocopheryl Acetate) และสารสกัดจากธรรมชาติอีกมากมายที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวได้เช่นเดียวกันค่ะ

- สารผลัดเซลล์ผิวเก่า : AHA, BHA, Glycolic acid, Salicylic acid, Lactic acid สารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงคือทำให้หน้าบางและไวต่อแสงแดดได้ง่าย ดังนั้นคุณจึงต้องใช้ครีมกันแดดควบคู่ด้วยเสมอ ซึ่งควรมีค่า SPF50+ และ PA +++ เป็นอย่างต่ำเลยค่ะ
- สารที่ช่วยปลอบประโลมผิวให้ความชุ่มชื่น : สารต้านอนุมูลอิสระ หรือจะเป็นพวก Hyaluron ก็ถือว่าเป็นส่วนผสมที่ดีสำหรับการมอบความชุ่มชื่น รวมถึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ในผิว
- สารที่ลดการส่งผ่านเม็ดสี : Niacinamide ช่วยลดการส่งผ่านเม็ดสีผิวเมลานินจากผิวชั้นในไปยังผิวชั้นนอก ทำให้ไม่เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำซ้ำ หากคุณซื้อเซรั่มรักษาฝ้าแล้วแต่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ลดการส่งผ่านเม็ดสีผิวก็อาจจะทำให้เกิดฝ้าซ้ำได้ค่ะ ดังนั้นใครที่ต้องการปกป้องพร้อมรักษาไปด้วยแบบ 2in1 ต้องมองหา Niacinamide ในส่วนผสมด้วยนะคะ
เซรั่มรักษาฝ้า Mesoestetic Melan Tran3x Intensive Depigmenting Concentrate

ราคา 3,190 บาท*
จุดเด่น
- มีสารออกฤทธิ์สำคัญ ๆ หลายตัวที่ช่วยลดกระบวนการการเกิดฝ้า ตอบโจทย์คนที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว หรือผิวหมองคล้ำ และสำหรับคนที่ยังไม่มีฝ้าก็สามารถใช้ได้เพราะสูตรนี้จะช่วยป้องกันการฝ้าในอนาคตได้ด้วยค่ะ
ปริมาณ | 30 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | Tranexamic acid 3%, Enzymacid Complex 5%, Tyr control complex 2% และ Niacinamide 5% |
จากประเทศ | สเปน |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
เซรั่มรักษาฝ้า Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter

ราคา 2,900 บาท*
จุดเด่น
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ เหมาะสำหรับผิวหน้าหมองคล้ำ และผู้ที่เป็นฝ้าหรือกระในระยะเริ่มต้น
ปริมาณ | 30 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | CL-302 Complex และ Interrupter Complex |
จากประเทศ | USA |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
เซรั่มรักษาฝ้า Eucerin Spotless Brightening Booster Serum

ราคา 1,890 บาท*
จุดเด่น
- ช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นมีปัญหาฝ้า และมีผิวบอบบางแพ้ง่าย
ปริมาณ | 30 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | Thiamidol, Hyaluron และ Sodium Ascorbyl Phosphate |
จากประเทศ | เยอรมนี |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
เซรั่มรักษาฝ้า Nivea Luminous 630 Spotclear Treatment [แพคเกจใหม่]
![เซรั่มรักษาฝ้า Nivea Luminous 630 Spotclear Treatment [แพคเกจใหม่]](https://image.bestreview.asia/wp-content/uploads/2022/10/Nivea-Luminous-630-Spotclear-Treatment-300x300.jpeg)
ราคา 899 บาท*
สำหรับเซรั่มรักษาฝ้าของ Nivea ตัวนี้เป็นสูตรใหม่ที่ทางแบรดน์เปลี่ยนจากหัวปั้ม 2 หัวมาเป็นหัวเดียว และมีการใช้สารลูมินัส 630 ที่มีประสิทธิภาพสูง 10 เท่า สารสำคัญหลัก ๆ จะคล้ายกับของ Eucerin เล็กน้อย นั่นก็คือมี Sodium Ascorbyl Phosphate เป็นอนุพันธ์วิตามินซี, Isobutylamido thiazolyl resorcinol หรือก็คือเจ้าสาร Thiamidol ของ Eucerin นั่นแหละค่ะเป็นสารชนิดเดียวกัน ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว, Hyaluronic Acid ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟูนุ่มเด้ง และสุดท้ายคือ Tocopheryl Acetate เป็นวิตามินอีเสถียร ที่เข้ามาเสริมให้วิตามินซีทำงานได้ดีขึ้นในแง่ของการลดการสร้างเม็ดสีผิวและยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงทำให้ผิวชุ่มชื่นได้ด้วยค่ะ
จุดเด่น
- ช่วยลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นมีปัญหาฝ้าจากแดด สำหรับผู้ที่มีบัดเจทจำกัด
ปริมาณ | 30 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | Sodium Ascorbyl Phosphate, Hyaluronic Acid, Isobutylamido thiazolyl resorcinol และ Tocopheryl Acetate |
จากประเทศ | เยอรมนี |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
เซรั่มรักษาฝ้า Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution

ราคา 2,950 บาท*
จุดเด่น
- ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใส ลดเลือนรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ
ปริมาณ | 30 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | Activated C และ Salicylic Acid |
จากประเทศ | USA |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
เซรั่มรักษาฝ้า DR.PONG MC1 Whitening Drone Melas Clear Serum

ราคา 399 บาท*
เซรั่มรักษาฝ้าจากแบรนด์ DR.PONG สูตรนี้มีส่วนผสมสำคัญที่ใช้เหมือนของ Mesoestetic นั่นคือ Tranexamic acid 3% ที่มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ทำให้เกิดฝ้าและผิวหน้าหมองคล้ำ จึงทำให้ผิวแลดูขาวกระจ่างใสมากขึ้น และยังมี Niacinamide 6% ซึ่งจะช่วยลดการส่งผ่านเม็ดสีผิว ทำให้ไม่เกิดฝ้าซ้ำ ๆ, Tocopheryl Acetate ช่วยลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง, Sodium Ascorbyl Phosphate อนุพันธ์วิตามินซี ทั้งนี้ทางแบรนด์ยังได้ใส่ส่วนผสมหลายตัวที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยลดอาการระคายเคือง ปลอมประโลมผิว และเสริมชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้น ตัวผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับรักษาฝ้าประเภทตื้นถึงกลาง รวมถึงผู้ที่ไม่เคยรักษาฝ้ามาก่อน แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงนะคะ
จุดเด่น
- ช่วยรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เหมาะสำหรับฝ้าประเภทตื้นถึงกลาง ในราคาประหยัด
ปริมาณ | 16 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | Tranexamic acid 3%, Niacinamide 6%, Tocopheryl Acetate และ Sodium Ascorbyl Phosphate |
จากประเทศ | ไทย |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
เซรั่มรักษาฝ้า L'Oreal Paris Glycolic Bright Instant Glowing Serum

ราคา 799 บาท*
จุดเด่น
- ช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ลดเลือนฝ้ากระจุดด่างดำได้ แต่จะเหมาะกับผิวที่แข็งแรง เพราะเนื่องจากมีสารผลัดเซลล์หลายตัว ทำให้ผิวที่แพ้ง่ายอาจจะระคายเคืองได้
ปริมาณ | 30 ml |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | Glycolic acid, Salicylic acid, 3-O-Ethyl Ascorbic acid |
จากประเทศ | ฝรั่งเศส |
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว เซรั่มลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
เซรั่มรักษาฝ้า Mesoestetic Melan Tran3x Intensive Depigmenting Concentrate |
| |||
เซรั่มรักษาฝ้า Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter |
| |||
| ||||
เซรั่มรักษาฝ้า Nivea Luminous 630 Spotclear Treatment [แพคเกจใหม่] |
| |||
เซรั่มรักษาฝ้า Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution |
| |||
เซรั่มรักษาฝ้า DR.PONG MC1 Whitening Drone Melas Clear Serum |
| |||
เซรั่มรักษาฝ้า L'Oreal Paris Glycolic Bright Instant Glowing Serum |
|
ฝ้าหายแล้ว ทำไมกลับมาเป็นฝ้าอีก ? (1-5)
- เลเซอร์ผิว : แม้ว่าเลเซอร์ผิวจะเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาฝ้า แต่ทั้งนี้เครื่องเลเซอร์ผิวบางยี่ห้อที่ไม่มีคุณภาพก็อาจทำให้ผลข้างเคียงต่อเซลล์ผิว อาทิเช่น การเบิร์นชั้นผิวหนังกำพร้าจนทำให้ผิวบางลง ซึ่งจะไวต่อแสงแดด ทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น
- ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone : อย่างเราบอกไปแล้วว่า Hydroquinone เป็นสารที่สามารถใช้ได้ก็จริงแต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ดังนั้นสกินแคร์บางตัวที่เราซื้อมาจากอินเตอร์เน็ตซึ่งอาจจะแอบใส่สาร Hydroquinone มาในปริมาณที่สูงมากเพื่อให้หน้าขาวเร็ว ๆ หรือต่อให้ใส่มานิดหน่อยแต่หากเราใช้ไปนาน ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้สาร Hydroquinone ก็จะทำให้เกิดฝ้าถาวรได้เลยค่ะ ดังนั้นจะเลือกซื้อสกินแคร์อะไร ยี่ห้อไหน เราขอแนะนำให้คุณเลือกดี ๆ ด้วยนะคะ

- ใช้สกินแคร์ที่มีการผลัดเซลล์ผิวเยอะเกินไป : แม้ว่าการผลัดเซลล์ผิวจะเป็นหนึ่งวิธีรักษาฝ้า เพราะมันจะทำให้ผิวหนังชั้นบนหลุด หรือเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป แต่การใช้ในปริมาณที่เกินความจำเป็นก็จะทำให้หน้าบางลง ซึ่งจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น การใช้มาสก์เลือดในตำนานของ The Ordinary แนะนำว่าใช้ได้แต่ให้ใช้เพียง 1-2 ต่อสัปดาห์พอค่ะ ไม่ควรใช้ทุกวัน
- ไม่ทาครีมกันแดด : นอกจากนี้คุณควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและควรการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อควรปฏิบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหมวกปีกกว้าง การใส่แว่นกันแดดเมื่อคุณอยู่กลางแจ้ง และการใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 หรือสูงกว่า ทั้งนี้ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดทางกายภาพ อย่าง ซิงค์ออกไซด์หรือไททาเนียมไดออกไซด์ก็เป็นสารกันแดดที่ดีเพราะมีความอ่อยโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวอุดตัน แนะนำ ครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบาง, ครีมกันแดดสำหรับผิวมัน, ครีมกันแดดสำหรับผิวแห้ง, ครีมกันแดดสําหรับคนเป็นสิว, ครีมกันแดดสำหรับคนท้อง, ครีมกันแดดสำหรับวัยรุ่น, ครีมกันแดดเคาน์เตอร์แบรนด์ และครีมกันแดดแบรนด์ไทย
References :