รีวิว 8 สมาร์ทวอทช์ผู้หญิง รุ่นไหนดี ดีไซน์สวย เพรียวบาง ปี 2023

Apple Watch คือหนึ่งในยี่ห้อสมาร์ทวอทช์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในตลาด เนื่องจากมีแอปพลิเคชันที่หลากหลายจึงทำให้แอปเปิ้ลวอชเหมาะกับการใช้งานอเนกประสงค์มาก ๆ แอปเปิ้ลวอชสามารถเชื่อมต่อกับมือถือ iPhone หรืออุปกรณ์ iOS อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย และยังทำงานเข้ากันได้ดี แถมยังมีความเสถียรภาพสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Apple Pay เพื่อชำระเงิน, การตอบกลับข้อความ, การรับสายโทรเข้าโทรออก หรือแม้แต่การแสดง Boarding Pass (ใบอนุญาตให้ผ่านขึ้นเครื่องบิน) ก็สามารถทำได้เช่นกัน

นอกจากนี้ในด้านฟังก์ชันเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายแอปเปิ้ลวอชก็มีมากมายไม่แพ้สมาร์ทวอทช์แบรนด์ใหญ่ ๆ เลยค่ะ อาทิเช่น การติดตามจำนวนก้าว, ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ตรวจจับตำแหน่งที่ผู้สวมใส่ประสบอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรงและโทรแจ้งเตือนฉุกเฉินได้ทันที

แม้ว่าแอปเปิ้ลวอชจะมาในดีไซน์จอสี่เหลี่ยมโค้งมนที่มีขนาดใหญ่ (ซึ่งอาจดูไม่สวยงามสำหรับบางคน) แต่ก็ช่วยให้เราใช้จอทัชสกรีนได้ง่ายมาก สำหรับวัสดุที่ใช้ก็มีให้เลือกหลายแบบทั้งอะลูมิเนียมและสเตนเลสสตีล แถมยังมีสายให้เปลี่ยนได้ตามชอบอีกมากมาย นอกจากนี้หน้าปัดก็ยังสามารถปรับแต่งได้เอง ทำให้เราสามารถเลือกดีไซน์ที่แตกต่างกันเพื่อปรับให้เข้ากับลุคในแต่ละวันได้อย่างลงตัว

ข้อดี

• มีเซ็นเซอร์แบบใหม่ เป็นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิบนผิวหนัง
• มีแอปเสริมมากมาย แอปสุขภาพ,​แอปฟิตเนส หรือแอปสำหรับการเดินทาง
• เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้คนส่วนใหญ่
• มีให้เลือก 2 ขนาด (40 / 45 mm)
• การคาดการณ์ระยะเวลาตกไข่ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
• ปรับปรุงอายุแบตเตอรี่ให้ดีขึ้นกว่ารุ่น Series 7 (เล็กน้อย)
• มีแป้นพิมพ์ QWERTY ช่วยให้พิมพ์ง่ายขึ้น
• เพิ่มโหมดพลังงานต่ำ (ช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเดิม)

ข้อควรพิจารณา

• ใช้งานได้กับอุปกรณ์ iOS เท่านั้น
• ดีไซน์แบบเดียวกับรุ่น Series 7

หากคุณใช้โทรศัพท์ของซัมซุงอยู่แล้ว เราขอแนะนำ Galaxy Watch 5 ที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ดีกับแบรนด์ของตัวเอง แต่ในกรณีที่คุณใช้โทรศัพท์ระบบ Android ยี่ห้ออื่นก็ยังสามารถใช้ Galaxy Watch 5 ได้เช่นกันเพียงแต่ต้องเป็น Android 8.0 ขึ้นไปเท่านั้น ในส่วนของฟังก์ชันการใช้งาน Galaxy Watch 5 ก็มีอัลกอริทึมการออกกำลังกายขั้นสูงและเทคโนโลยีติดตามการนอนหลับที่ดีมาก

Galaxy Watch 5 มีความแตกต่างจาก Apple Watch ตรงที่มีหน้าปัดวงกลมซึ่งทำให้ดูเหมือนนาฬิกาทั่วไปให้ความรู้สึกที่หรูหราและคลาสสิกในตัว แต่ยังคงมีคุณสมบัติทั้งหมดที่คุณต้องการในสมาร์ทวอทช์ คุณสามารถติดตามการออกกำลังกายและข้อมูลสุขภาพต่าง ๆ รับการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของคุณ รวมถึงรับสายโทรเข้า และการใช้ Samsung Pay สำหรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้ตามปกติเลยค่ะ

ข้อดี

• มีหน้าปัดวงกลมแบบคลาสสิก การออกแบบที่เพรียวบาง
• อายุการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างยาวนาน (กว่ารุ่นก่อน)
• มีการติดตั้งกระจกแซฟไฟร์เพื่อนป้องกันรอยขีดข่วนรุ่นแรกของ Samsung
• มีให้เลือก 2 ขนาด (40 / 44 mm)

ข้อควรพิจารณา

• ใช้งานได้กับ Android เท่านั้น
• คุณสมบัติบางอย่างต้องใช้โทรศัพท์กับของ Samsung
• ขณะที่รีวิวบทความนี้ Galaxy Watch 5 มีการเพิ่มเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่วัดอุณหภูมิจากผิวหนังแต่ยังใช้งานไม่ได้ กำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยทาง Samsung จะปล่อยฟีเจอร์ตัวนี้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2023

สำหรับใครที่ชื่นชอบนาฬิกาจากแบรนด์ Garmin อยู่แล้ว คุณจะต้องหลงรัก Vivosmart 5 รุ่นนี้จริง ๆ นะคะ แม้ว่าหากมองจากในรูปภาพอาจทำให้รู้สึกเฉย ๆ แต่เมื่อตอนที่เราได้ลองสวมจริง ๆ ด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยนี้จะช่วยทำให้ข้อมือของคุณดูสวยขึ้นผิดหูผิดตา แถมทาง Garmin ยังออกแบบตัวเรือนมาให้มีองศาที่โค้งรับกับข้อมือได้เป็นอย่างดี และมีสายนาฬิกาที่นุ่มมาก ๆ สามารถถอดออกเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย

มาพร้อมกับปุ่มกดทางกายภาพที่ฝังอยู่บนหน้าจอและสามารถใช้งานแบบทัชสกรีนได้ 2in1 โดยรวมสำหรับผู้เขียนแล้วค่อนข้างชอบมากเพราะใช้งานได้สะดวกจริง ๆ ค่ะ

ในด้านคุณสมบัติและฟังก์ชันต่าง ๆ ก็อัดแน่นไปด้วยเซ็นเซอร์การติดตามที่แม่นยำและการวิเคราะห์การออกกำลังกายที่ละเอียดมาก ๆ แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุดของแบรนด์ แต่ Vivosmart 5 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกายในระดับเริ่มต้นหรือผู้ที่ต้องการพัฒนาสกิลการออกกำลังกายไปอีกขั้นค่ะ

ข้อดี

• ฟีเจอร์ Body Battery ที่จะคอยคำนวณพลังงานในแต่ละวัน (เป็นเอกสิทธิ์ของทางแบรนด์เท่านั้น)
• สามารถส่ง SMS หรือ E-mail ไปขอความช่วยเหลือจากรายชื่อฉุกเฉินได้
• แอปฯ Garmin Connect มีการเก็บข้อมูลได้ละเอียดมาก
• น้ำหนักเบา และสวมใส่สบาย
• อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานนับสัปดาห์
• ติดตามกิจกรรมอัตโนมัติ
• มีให้เลือก 2 ขนาด

ข้อควรพิจารณา

• ไม่มี GPS ในตัว
• หน้าจอเป็น OLED ที่แสดงผลขาวดำเท่านั้น
• ฟังก์ชัน smartwatch ค่อนข้างจำกัด

หากคุณสนใจ ก็สามารถอ่าน "รีวิว Garmin vívosmart 5" เพิ่มเติมได้ตามลิ้งก์ที่เราใส่ไว้ได้เลยค่ะ

คลิป รีวิว Garmin vívosmart 5 ใส่ติดตามสุขภาพ

โดยทั่วไปแล้วสมาร์ทวอทช์ที่เราเห็นกันตามท้องตลาดจะมีหน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อที่เราจะได้ใช้งานได้สะดวก แต่เมื่อหน้าจอใหญ่แล้วก็ส่งผลทำให้สายนาฬิกาใหญ่ตามไปด้วย นั้นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงไม่ชอบใช้สมาร์ทวอทช์กัน เนื่องจากขนาดที่ดูใหญ่เทอะทะบนข้อมือของพวกเธอนั้นเองค่ะ

แต่ครั้นจะเปลี่ยนไปใช้สายรัดข้อมืออย่าง Vivosmart 5 ก็ดูเป็นนาฬิกาที่ออกแนวสปอร์ตมากเกินไป ไม่ได้เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ ดังนั้นทาง Garmin จึงได้แก้ปัญหานี้ด้วยการผลิตสมาร์ทวอทช์ซีรีส์ Lily ออกมา ซึ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ดูเหมือนนาฬิกาอะนาล็อกทั่วไปมาก ๆ ทั้งยังมีสายนาฬิกาขนาดที่เล็กลงทำให้เข้ากับข้อมือของสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็มีตัวติดตามมาตรฐานให้เลือกมากมาย อาทิเช่น การนอนหลับ, อัตราการเต้นของหัวใจ, ออกซิเจนในเลือด และตัวตามฟิตเนสที่ขึ้นชื่อของ Garmin โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบสีม่วงมาก ๆ เพราะทำให้ดูเหมือนนาฬิกาแฟชั่นมากกว่าสมาร์ทวอทช์ บอกเลยค่ะว่าดีไซน์ที่คลาสสิกของนาฬิการุ่นนี้ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่รักสุขภาพและใส่ใจในแฟชั่น

ข้อดี

• ดีไซน์เก๋ รูปลักษณ์ทันสมัย ดูเหมือนเครื่องประดับ (สร้อยข้อมือ) มากกว่านาฬิกากีฬา
• การออกแบบที่มีน้ำหนักเบาและรูปลักษณ์ที่บอบบางเหมาะกับข้อมือผู้หญิง
• มีการติดตามการตั้งครรภ์และรอบเดือน

ข้อควรพิจารณา

• ฟังก์ชัน smartwatch ค่อนข้างจำกัด (การส่งข้อความเข้ากันได้กับ Android เท่านั้น)
• ไม่มี GPS หรือ NFC

หากคุณรู้สึกเบื่อกับการที่ต้องหาสายชาร์จสมาร์ทวอทช์บ่อย ๆ ทำไมคุณไม่ลองเปลี่ยนสมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบมาให้รองรับการชาร์จแบตด้วยแท่นไร้สายด้วย Vivomove Trend ดูละคะ ?

เพราะนอกจากจะชาร์จแบตได้สะดวกแล้วก็ยังมีดีไซน์ที่สวยหราสุด ๆ โดยรุ่นนี้เป็นตัวใหม่ล่าสุดในปี 2023 ที่ทาง Garmin ได้ผสมผสานกันระหว่างนาฬิกาอะนาล็อกและสมาร์ทวอทช์ไว้ด้วยกัน

อีกทั้งยังมีคุณสมบัติอัจฉริยะที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในรูปทรงที่ดูเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็น ตัวติดตามฟิตเนส, ตัวติดตามสุขภาพ, ติดตามการนอนหลับขั้นสูง, การติดตามสุขภาพของผู้หญิง และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่ควรจะมี ทาง Garmin ก็ได้รวมไว้ใน Vivomove Trend หมดแล้วค่ะ

ข้อดี

• ชาร์จ Qi! (ไม่รวมเครื่องชาร์จ Qi)
• จอแสดงผลตอบสนองได้ดีกว่าเดิม
• ง่ายต่อการอ่านการแจ้งเตือน
• ดีไซน์โฉบเฉี่ยว เก๋ไก๋ มีขนาดเล็กและเพรียวบาง

ข้อควรพิจารณา

• อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง

Apple Watch SE รุ่นที่ 2 เป็นตัวเลือกจากแอปเปิ้ลวอชที่มีราคาประหยัดที่สุด อัดแน่นไปด้วยสมบัติเด่น ๆ ที่ทาง Apple คิดค้นมาเหมือนเดิมค่ะ แม้ว่าด้านความคุ้มค้าอาจจะเทียบกับรุ่น Watch 8 ไม่ได้ เพราะรุ่นนี้ไม่มี SpO2, ECG (คลื่นไฟฟ้าหัวใจ) และการอ่านค่าอุณหภูมิบนผิวหนัง

แต่ในแง่ของฟังก์ชันสมาร์ทวอทช์ก็ยังมีมาครบครันจัดเต็มชุดใหญ่เหมือนเดิมค่ะ อีกทั้งยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบใหม่สำหรับการตรวจจับการชน และยังได้ปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยนะคะ

ข้อดี

• ราคาถูกกว่า Apple Watch รุ่นเรือธง
• โปรเซสเซอร์ที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า
• เซ็นเซอร์ตรวจจับการชน
• ปรับปรุงอายุการใช้งานแบตเตอรี่
• น้ำหนักเบา
• มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสูง
• มีให้เลือก 2 ขนาด (40 / 44 mm)

ข้อควรพิจารณา

• ใช้งานได้กับอุปกรณ์ iOS เท่านั้น
• ไม่มีการแสดงผลบนหน้าตลอดเวลา
• ไม่มีเซ็นเซอร์ ECG, SpO2 และอุณหภูมิร่างกาย
• ไม่มีแป้นพิมพ์ QWERTY

สำหรับสาว ๆ ท่านใดที่มองหาสมาร์ทวอทช์ที่มีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ดีไม่ต่างจาก Apple Watch แต่ยังคงความเป็นนาฬิกาที่โดดเด่นในด้านกีฬาไปด้วย เราคิดว่า Garmin Venu 2 Plus คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ เนื่องจากรุ่นนี้ได้ผสมผสานคุณสมบัติตัวติดตามฟิตเนสเข้ากับคุณสมบัติสมาร์ทวอทช์ ไม่ว่าจะเป็น มีแจ้งเตือนบนหน้าปัดนาฬิกา, หน้าจอแบบ AMOLED ระบบสัมผัส, พื้นที่จัดเก็บเพลงได้สูงสุด 650 เพลง และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีกว่าสมาร์ทวอทช์ส่วนใหญ่

ในส่วนของจุดเด่นด้านกีฬาทางแบรนด์ยังคงให้การติดตามการออกกำลังกายที่ละเอียดมาก ๆ รวมถึงระบบ GPS ที่แม่นยำที่สุดตามสไตล์ของ Garmin เลยค่ะ แต่ในแง่ของความทนทาน (สมบุกสมบัน) นั้นต้องบอกตามตรงว่าซีรีส์ Venu ไม่ได้เป็นนาฬิกาที่ทนทานที่สุดของ Garmin ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เป็นนาฬิกาสปอร์ตที่หรูหรา สามารถใช้งานในหลาย ๆ โอกาส ทั้งงานปาร์ตี้ งานเป็นทางการ หรือใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้ค่ะ

ข้อดี

• การติดตามฟิตเนสที่เชื่อถือได้
• คุณภาพเสียงและลำโฟงในการโทรดีเกินความคาดหมาย
• อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยอดเยี่ยม
• ดีไซน์ที่สวยหรูหรา
• มีให้เลือก 3 ขนาด (40 / 43 / 45 mm)

ข้อควรพิจารณา

• แอปฯ ของบุคคลที่สามไม่เพียงพอ
• ไม่แตกต่างจาก Venu 2 (รุ่นธรรมดา) มากนัก

สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดใน Fitbit Sense 2 ไม่ได้เป็นเพราะดีไซน์ที่สวยงาม แต่เพราะรุ่นนี้ทางแบรนด์เน้นไปที่กลุ่มคนวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษาที่ต้องเจอกับสภาวะความเครียดในทุกวัน

เนื่องจากรุ่นนี้จะคอยวิเคราะห์ความเครียดโดยการตรวจจับและติดตามอารมณ์ของผู้สวมใส่อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับแจ้งเตือนหากพบว่าคุณมีความเครียดที่สูงมากเกินไปและให้คำแนะนำสิ่งต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ในด้านของคุณสมบัติสมาร์ทวอชท์ก็ทำออกได้ดี ส่วนด้านฟิสเนตก็มีการปรับ GPS ให้แม่นยำยิ่งขึ้น มาพร้อมกับคำนวณคะแนนความพร้อมของร่างกายในแต่ละวัน และมีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 40 โหมดเลยค่ะ

ข้อดี

• จัดการกับความเครียด ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น
• วัดความเครียดอย่างต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน
• อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน
• ราคาที่ถูกกว่ารุ่นแรก
• คุณสมบัติด้านฟิตเนสและสุขภาพที่ครอบคลุม

ข้อควรพิจารณา

• คุณสมบัติที่ดีที่สุดบางอย่างมีให้เฉพาะสมาชิก Fitbit Premium เท่านั้น
• แม้ว่าจะมีการติดตามการออกกำลังกายอัตโนมัติ แต่จะไม่แจ้งเตือนบนนาฬิกา ต้องไปดูข้อมูลในแอป