แท็บเล็ต เป็นอุปกรณ์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง สมาร์ทโฟน และ แล็ปท็อป เนื่องจากสามารถใช้งานโปรแกรมหลัก ๆ แบบแล็ปท็อปอย่าง Microsoft Office ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, Microsoft Excel, หรือ Microsoft PowerPoint ได้ สามารถใช้ระบบการทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ แบบเดียวกับมือถือได้ เหมือนกับการที่เราใช้แล็บท็อปที่มีระบบการทำงานแบบเดียวกับมือถือหรือสมาร์ทโฟนนั่นเองครับ ซึ่งการใช้งานแท็บเล็ตค่อนข้างใช้งานได้สะดวกกว่าการที่เราต้องพกแล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊กเครื่องใหญ่ ๆ หนัก ๆ ตลอดเวลา หรือหากเราต้องการใช้งานเพื่อความบันเทิง คลายเครียดจากการทำงานอย่างเช่น การดูหนัง ฟังเพลง หรือการเล่นเกม ก็สามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ จาก Play Strore ได้ ซึ่งสามารถใช้งานแบบทัชสกรีนได้เหมือนโทรศัพท์มือถือ แถมจอก็ใหญ่กว่า สบายตากว่า และในหลาย ๆ รุ่น ก็สามารถใช้งานร่วมกับ ปากกาสไตลัส ได้ไม่ว่าจะจดโน้ตหรือวาดภาพก็ทำได้แทบจะเหมือนกับวาดลงไปบนกระดาษจริง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เริ่มหันมานิยมใช้งานแท็บเล็ตกันมากขึ้นครับ

แท็บเล็ตในท้องตลาดไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Samsung, Xiaomi, HUAWEI , OPPO, หรือ Realme ซึ่งเป็นแบรนด์มือถือสมาร์ทโฟน ต่างก็พัฒนาแท็บเล็ตที่มีคุณภาพรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานอยู่เสมอ แต่แท็บเล็ตรุ่นเรือธงที่สเปกและฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัยยิ่งคุณภาพดีเท่าไหร่ราคาก็สูงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากเราซื้อมาในบางฟีเจอร์เราอาจจะไม่ได้นำมาใช้งานเลยด้วยซ้ำ และหากมีงบที่จำกัดก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อแท็บเล็ตที่เหมาะกับการใช้งานของเรามาก ๆ ครับ วันนี้ผู้เขียนจึงได้รวบรวมแท็บเล็ตสเปกดี ๆ มีคุณภาพ ราคาไม่เกิน 10,000 เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อแท็บเล็ตให้เพื่อน ๆ กันครับ
แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 10,000 บาท ยี่ห้อไหนดี?
- แท็บเล็ตแบตอึด หน้าจอ 2K ใส่ซิมได้ ครอบคลุมทุกการใช้งาน: แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen)
- แท็บเล็ตสำหรับสายทำงาน มี PC Mode รองรับการใช้งานเมาส์และคีย์บอร์ด: แท็บเล็ต Blackview รุ่น Tab 13
- แท็บเล็ตหน้าจอขนาดใหญ่ 12 นิ้ว ความละเอียด 2K หน้าจอลดแสงสีฟ้า: แท็บเล็ต HONOR รุ่น Pad 8
- แท็บเล็ตสำหรับจดโน้ต วาดภาพ มาพร้อมปากกา S Pen: แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab S6 Lite (Wi-Fi)
- แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิง สเปกแรง Ram 8 GB ราคาเป็นมิตร: แท็บเล็ต Teclast รุ่น T40 Pro
แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen)

ราคา 9,680 บาท*
แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen) เป็นแท็บเล็ตหน้าจอขนาด 10.6 นิ้ว หน้าจอแบบ IPS ความละเอียด 2K ทำให้ภาพมีความคมชัด สีสวย มีระบบเสียงแบบ Dolby Atmos จากลำโพงถึง 4 ตัว ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ดูหนัง ฟังเพลง นับว่าตอบโจทย์ได้ดีสำหรับการใช้งานเพื่อความบันเทิงหรือดูคอนเทนต์ออนไลน์ต่าง ๆ นอกจากนี้หากต้องการนำไปใช้งานนอกบ้านก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน เพราะรุ่นนี้ให้ความจุแบตเตอรี่มามากถึง 7,700 mAh และรองรับการชาร์จไว จะหยิบไปใช้งานที่ไหนก็สามารถทำได้สะดวกมาก ๆ ครับ

ในส่วนของการใช้งานแท็บเล็ตรุ่นนี้เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่เน้นให้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้เรียนออนไลน์ ใช้ทำงาน และที่สำคัญรุ่นนี้หากใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัสอย่าง Lenovo Precision Pen 2 ก็จะสามารถใช้งานการจดโน้ต หรือวาดรูปได้ดียิ่งขึ้น แต่ในส่วนของการเล่นเกมที่มีภาพและความละเอียดของกราฟิกที่สูง อาจจะทำให้มีอาการหน่วงหรือกระตุก เมื่อเล่นเกมทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้มีความละเอียดเยอะ ก็สามารถเล่นได้ปกติไม่มีปัญหาครับ หากเทียบกับ แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab A8 (Wi-Fi) ที่สเปกใกล้เคียงกัน ถึงแม้ Tab M10 Plus จะราคาสูงกว่า แต่ก็ทำให้ได้คุณภาพของหน้าจอที่ดีกว่า มีแบตเตอรี่ที่อึดกว่า ซึ่งหากงบไม่ใช่ปัญหารุ่นนี้ก็คุ้มค่าที่นำไปใช้งานครับ
จุดเด่น
- ลำโพง 4 ตัว ระบบ Dolby Atmos
- หน้าจอ IPS 10.6 นิ้ว 2K ให้ภาพคมชัด
- แบตเตอรี่ 7,700 mAh สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง
- รองรับการชาร์จไว
ข้อควรพิจารณา
- เนื่องจากมีความจุแบตเตอรี่เยอะ การชาร์จจึงใช้เวลานาน
- ไม่เหมาะสำหรับการใช้เล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ
- เมื่อเปิดใช้งานหลาย ๆ แอปพลิเคชันพร้อมกัน อาจจะทำให้มีอาการหน่วงหรือกระตุกบ้างเล็กน้อย
ขนาดจอ | 10.6 นิ้ว |
---|---|
Ram | 4 GB |
Rom | 128 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,700 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 8 MP |
กล้องหน้า | 8 MP |
ชิปประมวลผล | Snapdragon 680 |
ความเร็ว | 2.4 GHz |
แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab A8 (Wi-Fi)

ราคา 6,750 บาท*
เมื่อพูดถึงแท็บเล็ต Samsung Galaxy Tab ย่อมเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่หลาย ๆ คนนึกถึง โดยรุ่น Tab A8 ก็เป็นแท็บเล็ตอีกหนึ่งซีรีส์ที่มีราคาประหยัด และการใช้งานทั่วไปก็สามารถทำออกมาได้ดี ทำให้ได้รับความนิยมจากคนหลาย ๆ กลุ่ม ซึ่งรุ่นนี้มีขนาดหน้าจอ 10.5 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ TFT-LCD ความละเอียด 1200 x 1920 มาพร้อมกับลำโพง 4 ตัว จูนเสียงด้วยระบบ AKG Dolby Atmos ทำให้เสียงมีมิติ มีช่องเสียงหูฟัง 3.5 มม. เพื่อเพิ่มความสะดวกสำหรับคนที่ต้องการใช้งานหูฟัง เหมาะสำหรับใช้เพื่อความบันเทิง ดูคอนเทนต์ ดูหนัง ฟังเพลง แต่ด้วยหน้าจอเป็นแบบ TFT หากใช้งานหน้าจอจากมุมตรง ก็จะไม่มีปัญหา แต่หากมองจากมุมด้านข้างหน้าจออาจจะมืด ๆ เล็กน้อย แต่โดยรวมไม่ได้เป็นปัญหาตอนใช้งานครับ
สำหรับรุ่นนี้ในด้านของการใช้งานทั่วไปสามารถทำออกมาได้ดี และที่สำคัญหากใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตไว้ให้เด็ก ๆ ใช้งานหรือใช้เรียนออนไลน์ ก็จะมี Samsung Kids ที่จะมีฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับเด็ก สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานของเด็กและผู้ใหญ่ได้ แต่หากจะนำไปเล่นเกมรุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะในส่วนของการเล่นเกมหากเป็นเกมทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่เกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ หรือรายละเอียดเยอะ ๆ ก็เล่นได้ไม่มีปัญหาครับ ซึ่งเมื่อใช้เล่นเกมที่มีคุณภาพสูงจะทำให้เกิดอาการหน่วงและกระตุกได้
จุดเด่น
- มีลำโพง 4 ตัวระบบเสียง AKG Dolby Atmos
- รองรับการชาร์จไว
- มีโหมด Samsung Kids สำหรับเด็ก
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีปากกาสไตลัส
- ไม่มีไฟแฟลช
- ไม่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ
ขนาดจอ | 10.5 นิ้ว |
---|---|
Ram | 4 GB |
Rom | 64 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,040 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 8 MP |
กล้องหน้า | 5 MP |
ชิปประมวลผล | UNISOC T618 |
ความเร็ว | 2.0 GHz |
แท็บเล็ต BMAX รุ่น MaxPad I11 Plus

ราคา 5,902 บาท*
แท็บเล็ตจากแบรนด์ BMAX รุ่น MaxPad I11 Plus ดีไซน์วัสดุด้านหลังตัวเครื่องออกแบบได้สวยงาม มีผิวสัมผัสแบบด้าน ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างลื่น ไม่เป็นรอยนิ้วมือ สามารถใส่ซิมใช้งานอินเทอร์เน็ตและโทรเข้า - ออก แบบโทรศัพท์มือถือได้ รองรับ 4G ทำให้เหมาะที่จะพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ มีหน้าจอความละเอียดถึง 2K เป็นหน้าจอแบบ IPS ขนาด 10.4 นิ้ว การใช้งานเล่นโซเชียลหรือดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ก็ให้ภาพที่คมชัด ใช้งานได้ไหลลื่น พร้อมกับระบบเสียงจากลำโพงทั้ง 4 ตัว ให้เสียงที่ดังกำลังพอดี ไม่ได้เสียงดังมากจนเกินไป แต่เมื่อหมุนหรือปรับตำแหน่งหน้าจอเสียงจากลำโพงทั้งด้านซ้ายและขวา ไม่ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งตาม แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้งาน และรุ่นนี้มีแรมให้มาถึง 8 GB ทำให้การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันแบบ 2 จอ พร้อมกัน ก็ใช้งานได้ดีไม่มีอาการหน่วงหรือกระตุก
รุ่นนี้สามารถสแกนใบหน้าได้และสามารถปลดล็อกได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่จะไม่มีสแกนลายนิ้วมือมาให้ สำหรับการเล่นเกมทำได้ค่อนข้างลื่นไหล แต่หากเป็นเกมที่มีกราฟิกสูงหรือเกมหนัก ๆ เมื่อเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้เครื่องร้อนและเกิดอาการกระตุกบ้างเล็กน้อย หากเป็นเกมที่ปรับระดับภาพทั่ว ๆ ไปก็สามารถเล่นได้สบาย ๆ ครับ หากเทียบกับ แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen) รุ่นนี้จะมีแบตเตอรี่ที่เยอะกว่า เน้นการใช้งานแบบต่อเนื่อง ในส่วนของ BMAX จะมีข้อดีกว่าตรงที่ ให้แรมมาเยอะ ทำให้การใช้งานต่าง ๆ รวมไปถึงการเล่นเกมทำได้ลื่นไหลกว่า และที่สำคัญราคาค่อนข้างเป็นมิตรกว่าเหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัดครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวย ขนาดเครื่องบาง มีน้ำหนักเบา
- หน้าจอ IPS 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2K ให้ภาพคมชัด
- สามารถใส่ซิม ใช้งานโทรเข้า - ออก แบบโทรศัพท์มือถือได้
- ให้ Rom และ Ram มาเยอะ สามารถใช้งานได้ลื่นไหล
ข้อควรพิจารณา
- การใช้งาน Youtube สามารถปรับความละเอียดของภาพได้สูงสุดแค่ 720p
- เมื่อสลับด้านของหน้าจอ เสียงจากลำโพงทั้งซ้าย - ขวา จะไม่เปลี่ยนตำแหน่งตาม
- แบตเตอรี่ใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน
ขนาดจอ | 10.4 นิ้ว |
---|---|
Ram | 8 GB |
Rom | 128 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 6,600 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 13 MP |
กล้องหน้า | 5 MP |
ชิปประมวลผล | UNISOC T616 |
ความเร็ว | 2.0 GHz |
แท็บเล็ต Xiaomi รุ่น Redmi Pad

ราคา 7,299 บาท*
แท็บเล็ตจากแบรนด์ Xiaomi รุ่น Redmi Pad มีดีไซน์การออกแบบสวย งานประกอบดี วัสดุเป็นโลหะ มีความคงทน แข็งแรง มีความบาง และน้ำหนักเบา หน้าจอใหญ่มีขนาด 10.61 นิ้ว จอภาพมีสีสวย มีความลื่นไหล สามารถใช้เพื่อดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ดี ชิปเซตเป็นแบบ MediaTek Helio G99 ทำงานได้รวดเร็ว โดยในรุ่นนี้มีการปรับจูนชิปเซตต่าง ๆ ทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว รวมไปถึงการเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ ทำได้ดีขึ้น มาพร้อมกับลำโพง 4 ตัว ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ให้เสียงที่ดี รับรองว่าถูกใจสายบันเทิงแน่นอนครับ
การใช้งานแบบ 2 หน้าจอหรือ Multi Window สามารถใช้งานใช้งานได้ดี การแบ่งหน้าจอ เปิดสลับแอปพลิเคชันไปมาได้ ไม่เกิดอาการกระตุก แต่หากหมุนหน้าจอเป็นแนวตั้ง การแบ่งใช้งานแบบ 2 หน้าจอจะไม่สามารถแบ่งใช้งานแบ่งแอปพลิเคชันไว้ด้านบนและด้านล่างได้ ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันแบบ 2 หน้าจอถูกจำกัดแบบใช้ได้แค่แบ่งด้านซ้ายและด้านขวาเพียงเท่านั้น หากเทียบกับ แท็บเล็ต BMAX รุ่น MaxPad I11 Plus ทั้งสองรุ่นจะมีขนาดและน้ำหนักที่ใกล้เคียงกันมาก และในส่วนของการเล่นเกมก็ทำออกมาได้ดีทั้งคู่ แต่ BMAX จะให้แรมมาเยอะกว่าถึง 8 GB และในส่วนของ Xiaomi จะมีหน้าจอที่ให้ความลื่นไหลกว่า เพราะมีอัตรารีเฟรชเรทของหน้าจออยู่ที่ 90 Hz ครับ และที่สำคัญแบตเตอรี่ยังมีความจุที่เยอะกว่าถึง 8,000 mAh ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ สามารถนำไปใช้งานด้านนอกได้ตลอดทั้งวันครับ
จุดเด่น
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ 10.61 นิ้ว
- มีอัตรารีเฟรชเรทของหน้าจอ 90 Hz
- มีความจุเยอะถึง 8,000 mAh
- ดีไซน์สวย วัสดุเป็นโลหะ มีความแข็งแรง
ข้อควรพิจารณา
- รุ่นนี้ใส่ซิมการ์ดไม่ได้
- การแบ่งใช้งานแบบ 2 หน้าจอไม่สามารถปรับตำแหน่งใช้งานหน้าจอแบบด้านบนและล่างตอนใช้งานแนวตั้งได้
ขนาดจอ | 10.61 นิ้ว |
---|---|
Ram | 4 GB |
Rom | 128 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 8,000 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 8 MP |
กล้องหน้า | 8 MP |
ชิปประมวลผล | MediaTek Helio G99 |
ความเร็ว | 2.2 GHz |
แท็บเล็ต Blackview รุ่น Tab 13

ราคา 6,390 บาท*
แท็บเล็ต Blackview รุ่น Tab 13 แท็บเล็ตที่ราคาเป็นมิตรสเปกฟังก์ชันการใช้งานครบ โดยดีไซน์วัสดุทำจากโลหะ พรีเมียม ตัวเครื่องบาง และมีน้ำหนักเบา มีชิปเซตเป็นแบบ MediaTek Helio G85 มีการปรับปรุงใหม่ทำให้สามารถเล่นเกมหรือการแสดงผลของกราฟิกต่าง ๆ ดีขึ้น การดูหนังหรือเล่นเกมสามารถแสดงภาพออกมามีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติ รวมถึงลำโพงจำนวน 2 ตัว มีการวางอยู่ที่ตำแหน่งด้านล่างของเครื่อง มีการกระจายเสียงออกมาด้านหน้าทำให้เสียงมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใส่ซิมได้และรองรับการใช้งาน 4G ทำให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สะดวก เหมาะสำหรับพกพาไปใช้งานได้ทุกที่ครับ
ที่สำคัญจุดเด่นของรุ่นนี้ คือ การใช้งาน PC Mode เมื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เมาส์และคีย์บอร์ด ทำให้ใช้งานแบบคอมพิวเตอร์ได้ เหมาะสำหรับนำไปใช้พิมพ์งาน ใช้ทำงานต่าง ๆ การใช้งานแบบ PC Mode หากเปิดใช้งานไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ หรือเปิดหลาย ๆ หน้าจออาจจะมีหน่วงบ้างเล็กน้อย ไม่ส่งผลต่อการใช้งานมาก หากใช้พิมพ์งานทั่ว ๆ ไปสามารถใช้งานได้สบาย ๆ ไม่มีปัญหาครับ เมื่อเทียบกับรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงกันอย่าง แท็บเล็ต Xiaomi รุ่น Redmi Pad ที่ดีไซน์ของทั้งคู่ทำออกมาได้สวยและพรีเมียมเหมือนกัน ในเรื่องของความจุแบตเตอรี่ และความละเอียดของหน้าจอ Xiaomi จะมีความโดดเด่นมากกว่า แต่หากใครที่เป็นสายทำงานเน้นใช้พิมพ์งานมากกว่า Blackview รุ่น Tab 13 ก็จะมีฟังก์ชันที่รองรับการใช้งานและตอบโจทย์สำหรับสายทำงานมากกว่าครับ
จุดเด่น
- หน้าจอได้มาตรฐานสามารถป้องกันแสงสีฟ้าได้
- มี PC Mode ใช้งานแบบแล็ปท็อปได้
- สามารถรองรับอุปกรณ์เสริมคีย์บอร์ดหรือเมาส์เพื่อใช้งานแบบคอมพิวเตอร์ได้
- กล้องหลังเป็นกล้องคู่ 13 + 2 MP
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- PC Mode เมื่อเปิดไฟล์ขนาดใหญ่หรือเปิดการใช้งานหลายหน้าจอ จะมีอาการหน่วงเล็กน้อย
ขนาดจอ | 10.1 นิ้ว / IPS FHD+ |
---|---|
Ram | 6 GB |
Rom | 128 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,280 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 13 + 2 MP |
กล้องหน้า | 8 MP |
ชิปประมวลผล | MediaTek Helio G85 |
ความเร็ว | 1.6 GHz |
แท็บเล็ต OPPO รุ่น Pad Air

ราคา 9,999 บาท*
แท็บเล็ต OPPO รุ่น Pad Air สเปกและดีไซน์ ขอบหน้าจอค่อนข้างบางและเบา โดยมีหน้าจอเป็นแบบ LCD ขนาด 10.36 นิ้ว ความละเอียด 2K อัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60 Hz มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการถนอมสายตาหรือตัดแสงสีฟ้า เหมาะสำหรับใช้อ่าน E-Book หรือการอ่านหนังสือออนไลน์ต่าง ๆ และใครที่ชอบดูซีรีส์ใน Netflix สามารถดูแบบเต็มหน้าจอได้ เพราะหน้าจอมีสัดส่วนที่พอดีกับขนาดของภาพใน Netflix ลำโพง 4 ตัว รองรับระบบ Dolby Atmos และที่สำคัญรองรับระบบเสียงแบบ 3D ด้วย เสียงมีความดังชัดเจน และในส่วนของการเล่นเกม เมื่อนำไปเล่นเกมที่มีกราฟิกสูง ๆ สามารถทำได้ดี มีความลื่นไหล เหมาะสำหรับใช้งานเพื่อความบันเทิงมาก ๆ ครับ
การใช้งานแบบแบ่งหน้าจอ เปิดใช้งานพร้อมกันได้มากถึง 3 แอปพลิเคชัน สามารถปรับย่อขนาดหน้าต่างของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ ใช้ชิปเซต Snapdragon 680 ที่เน้นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ทำให้มีความร้อนน้อย กินพลังงานน้อย แต่ยังสามารถทำงานได้รวดเร็วอยู่ และที่สำคัญหากใครใช้งานประชุมออนไลน์ หรือใช้เรียนออนไลน์สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่า 8 - 9 ชั่วโมง ซึ่งหากเทียบกับ แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen) ที่มีดีไซน์และราคาใกล้เคียงกัน แท็บเล็ตของ OPPO สามารถใช้เล่นเกมและการทำงานแบบ Multi Window ได้ดีกว่า ที่สำคัญยังมีอัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 120 Hz ภาพจะลื่นไหลกว่า และราคาค่อนข้างประหยัดกว่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแท็บเล็ตที่สเปกแรงฟังก์ชันการใช้งานครบในราคาย่อมเยาครับ
จุดเด่น
- ลำโพง 4 ตัว ระบบ Dolby Atmos
- รองรับการชาร์จไว
- ชิปเซตประหยัดพลังงานได้ดี ความร้อนน้อย
- การใช้งานแบบ Multi Window สามารถใช้งานได้ดี
- เล่นเกมได้ดี ปรับภาพกราฟิกสูง ๆ ได้
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- ใส่ MicroSD Card เพิ่มได้ แต่ไม่สามารถใส่ซิมได้
ขนาดจอ | 10.36 นิ้ว |
---|---|
Ram | 4 GB |
Rom | 64 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,100 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 8 MP |
กล้องหน้า | 5 MP |
ชิปประมวลผล | Snapdragon 680 |
ความเร็ว | 2.4 GHz |
แท็บเล็ต HONOR รุ่น Pad 8

ราคา 9,890 บาท*
แท็บเล็ต HONOR รุ่น Pad 8 แท็บเล็ตที่มีการดีไซน์ที่เรียบหรู มีผิวสัมผัสเรียบเนียน วัสดุมีความแข็งแรง ขอบแบบโค้งมนรับกับสัมผัสของมือ ทำให้ถือใช้งานได้สะดวก มาพร้อมกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 12 นิ้ว ความละเอียด 2K ทำให้สามารถใช้พื้นที่ในหน้าจอได้มากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับใช้ทำงานที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการทำงานของหน้าจอที่เยอะ รุ่นนี้มีลำโพงทั้งด้านซ้ายและขวาถึง 4 ตัว ให้เสียงที่นุ่ม ใส และมีมิติ เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ในการดูหนังหรือดูสื่อคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งให้แบตเตอรี่มากถึง 7,520 mAh ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องและรองรับการชาร์จไว
ถึงแม้รุ่นนี้จะมีหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ และการแสดงภาพกราฟิกต่าง ๆ ก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่หากจะใช้เล่นเกมอาจจะมีข้อจำกัดในบางเกมที่ต้องเน้นใช้การควบคุมที่เยอะ เพราะหน้าจอมีขนาดใหญ่และกว้าง การกดเมนูต่าง ๆ อาจจะทำได้ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ครับ ซึ่งหากใครที่ไม่ต้องการหน้าจอที่ใหญ่เกินไป แต่เน้นการทำงานที่ครอบคลุมและมีความลื่นไหล แท็บเล็ต OPPO รุ่น Pad Air ก็เป็นอีกรุ่นที่ราคาไม่ต่างกันมากและให้ชิปเซตมาเป็น Snapdragon 680 เหมือนกันครับ แต่ OPPO จะให้แรมและความจุของเครื่องมาน้อยกว่า แต่โดยรวมไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานครับ
จุดเด่น
- มีหน้าจอขนาดใหญ่ 12 นิ้ว ความละเอียด 2K
- หน้าจอช่วยในเรื่องของการลดแสงสีฟ้าได้ ช่วยถนอมสายตาได้
- แบตเตอรี่ 7,520 mAh ใช้งานได้นานต่อเนื่อง
- รองรับการชาร์จไว
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกมที่เน้นการควบคุมหรือบังคับทิศทางเยอะ ๆ
- หากถือใช้งานเป็นระยะเวลานานอาจจะปวดข้อมือ
ขนาดจอ | 12 นิ้ว |
---|---|
Ram | 6 GB |
Rom | 128 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,520 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 5 MP |
กล้องหน้า | 5 MP |
ชิปประมวลผล | Snapdragon 680 |
ความเร็ว | 2.4 GHz |
แท็บเล็ต HUAWEI รุ่น MatePad SE

ราคา 6,990 บาท*
แท็บเล็ต HUAWEI รุ่น MatePad SE ในด้านของดีไซน์ตัวขอบมีความโค้งมน วัสดุพื้นผิวด้านหลังเป็นแบบด้าน แต่ก็ยังเห็นความมันของรอยนิ้วมือได้อยู่พอสมควร การจับถือใช้งานสะดวก มีขนาดที่บาง และน้ำหนักที่เบาไม่ได้หนักมากจนเกินไป โดยรุ่นนี้เป็นแท็บเล็ตที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับใช้ดูหนัง ฟังเพลง มีความละเอียดของหน้าจอให้มามากถึง 2K หน้าจอขนาด 10.4 นิ้ว แบบ IPS หน้าจอช่วยลดแสงสีฟ้าช่วยถนอมสายตาได้ มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอขนาดใหญ่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทำให้ได้ระบบเสียงที่ชัดเจน สามารถปรับแต่งคุณภาพของเสียงได้ เมื่อรวมกับคุณภาพของหน้าจอแล้วทำให้ได้รับความบันเทิงแบบเต็มที่มาก ๆ รุ่นนี้ยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. สำหรับใช้ต่อหูฟังได้ มีกล้องหลัง 5 MP และกล้องหน้า 2MP สามารถสแกนใบหน้าได้ แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่สามารถสแกนลายนิ้วมือได้ครับ
ในส่วนการใช้ทำงานก็สามารถทำได้ดีรองรับการใช้งานแบบ Multi Window สามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้พร้อมกัน ถึงจะเปิดพร้อมกันถึง 3 แอปพลิเคชัน ก็ยังทำงานได้ค่อนข้างดี เหมาะสำหรับคนที่ต้องเน้นใช้การทำงานหลาย ๆ หน้าจอ และที่สำคัญยังสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ HUAWEI ได้เป็นอย่างดี ด้วยระบบ HUAWEI Super Device ซึ่งหากใครที่ใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ HUAWEI อยู่แล้ว แท็บเล็ตรุ่นนี้ก็เหมาะที่จะนำไปใช้งานมาก ๆ ครับ แต่สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้เพื่อเล่นเกมรุ่นนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์การเล่นเกมที่มีภาพและกราฟิกสูง ๆ สักเท่าไหร่ครับ หากเป็น แท็บเล็ต BMAX รุ่น MaxPad I11 Plus ที่มีราคาใกล้เคียงกัน จะสามารถเล่นเกมโดยที่ปรับภาพได้สวยกว่าและเล่นได้ลื่นไหลกว่าครับ
จุดเด่น
- มี Kids Corner เหมาะสำหรับให้เด็ก ๆ ใช้งาน
- มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
- สามารถสแกนใบหน้าได้
- ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Huawei ได้ ด้วยระบบ HUAWEI Super Device
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ
- ไม่เหมาะสำหรับการใช้เล่นเกมที่มีกราฟิกสูง
ขนาดจอ | 10.4 นิ้ว |
---|---|
Ram | 4 GB |
Rom | 64 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 5,100 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 5 MP |
กล้องหน้า | 2 MP |
ชิปประมวลผล | Snapdragon 680 |
ความเร็ว | 2.0 GHz |
แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab S6 Lite (Wi-Fi)

ราคา 9,990 บาท*
แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab S6 Lite Wi-Fi เป็นแท็บเล็ตอีกรุ่นจากแบรนด์ Samsung ของตระกูล Galaxy Tab S ซีรีส์ ที่ยังได้รับความนิยมอยู่ โดยรุ่นนี้มีจุดเด่นในเรื่องของการใช้งานปากกาอย่าง S Pen ที่ได้รับการยอมรับว่าดีและมีคุณภาพแบบสุด ๆ โดยปากกาสามารถรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ ใช้วาดภาพระบายสีทำออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่ต้องใช้งานจดโน้ตไปด้วย ดูหน้าจออย่างอื่นไปด้วย ก็สามารถใช้งานพร้อม ๆ กัน แบบ Multi Window ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์หรือการจดบันทึกการประชุม ก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกครับ
รุ่นนี้มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 10.4 นิ้ว เป็นจอแบบ TFT-LCD ที่มีความละเอียด 1200 x 2000 มีการปรับคุณภาพเสียงแบบ AKG Dolby Atmos การดูหนังหรือฟังเพลง จึงสามารถทำได้ค่อนข้างดีและตอบโจทย์ในการใช้งานเพื่อความบันเทิงแบบทั่วไปได้ครับ แต่รุ่นนี้ก็จะมีข้อจำกัดในการเล่นเกม เพราะหากนำไปใช้กับเกมที่หนักหรือปรับกราฟิกเกมที่สูงมากก็จะทำให้เกิดอาการหน่วงและกระตุก ซึ่งหากเล่นเกมทั่ว ๆ ไปที่ความละเอียดไม่ได้สูงมาก ก็ยังสามารถเล่นได้ไม่มีปัญหาครับ หากเทียบกับ แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen) หรือ แท็บเล็ต OPPO รุ่น Pad Air ที่รองรับการทำงานของปากกาได้ดีเหมือนกัน แต่จำเป็นต้องซื้อปากกาแยกและมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งหากใครที่มีงบจำกัดและต้องการเน้นใช้งานปากกาที่มีคุณภาพ Samsung Galaxy รุ่น Tab S6 Lite (Wi-Fi) ก็เหมาะและคุ้มค่ากับการใช้งานมาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- มีลำโพงคู่ ระบบเสียง AKG Dolby Atmos
- รองรับการชาร์จไว
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับการทำงาน S Pen / ปากกาไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอแสดงผลความคมชัดไม่สูงมาก
- ไม่เหมาะสำหรับเล่นเกมที่มีกราฟิกเยอะ ๆ
- ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
ขนาดจอ | 10.4 นิ้ว |
---|---|
Ram | 4 GB |
Rom | 64 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,040 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 8 MP |
กล้องหน้า | 5 MP |
ชิปประมวลผล | Snapdragon 720G |
ความเร็ว | 2.3 GHz |
แท็บเล็ต Teclast รุ่น T40 Pro

ราคา 5,795 บาท*
แท็บเล็ตจากแบรนด์ Teclast รุ่น T40 Pro การดีไซน์ตัวเครื่อง วัสดุมีความพรีเมียม งานประกอบละเอียด วัสดุเป็นโลหะอะลูมิเนียม พื้นหลังเป็นแบบด้าน มีความละเอียด ผิวสัมผัสค่อนข้างที่จะลื่นมือ ไม่มีการเคลือบเงา รุ่นนี้มีลำโพงทั้งหมด 4 ตัว ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาให้เสียงที่ดังฟังชัด แต่เสียงเบสอาจจะค่อนข้างบาง เสียงค่อนข้างแหลม ในส่วนของหน้าจอมีขนาด 10.4 นิ้ว เป็นจอแบบ IPS-LCD สีสันของหน้าจอสวย มีความคมชัดถึง 2K ให้ความละเอียดได้ดีมาก ๆ เหมาะสำหรับใช้เรียนออนไลน์ สำหรับสายคอนเทนต์เน้นใช้งานดูหนัง ดู youtube สีสันของหน้าจอเรียกว่าตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ดู Netflix ที่ความละเอียด L3 แต่ความสว่างของหน้าจอ เหมาะสำหรับเน้นการใช้งานภายในบ้านหรืออาคารมากกว่าการใช้งานกลางแจ้ง เพราะความสว่างของหน้าจออาจจะสู้แสงได้ไม่ดีนัก
ในด้านของการใช้งานเนื่องจากมีแรมถึง 8 GB ทำให้การใช้งานแบบ Multi Window หรือการใช้งานหลายแอปพลิเคชันสามารถทำได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด การสลับแอปพลิเคชันไปมาก็ไม่เกิดอาการหน่วงหรือกระตุก รวมไปถึงการเล่นเกมสามารถปรับคุณภาพกราฟิกแบบสูง ๆ ได้ และภาพค่อนข้างลื่นมาก ๆ ซึ่งหากเทียบกับ แท็บเล็ต Blackview รุ่น Tab 13 ที่มีราคาใกล้เคียงกัน แท็บเล็ตของ Blackview ค่อนข้างที่จะเหมาะสำหรับเน้นใช้ทำงานได้ดีกว่า เพราะมี PC Mode ที่รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอย่างเมาส์หรือคีย์บอร์ดได้ แต่หากเน้นดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม สเปกของ Teclast รุ่น T40 Pro ไม่ว่าจะเป็น แรม หน้าจอ หรือลำโพง ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของความบันเทิงได้ดีกว่าครับ
จุดเด่น
- รองรับการชาร์จไว
- หน้าจอขนาดใหญ่ 10.4 นิ้ว ความละเอียด 2K
- มีช่องใส่ซิมการ์ด
- Ram 8 GB ทำให้สามารถเปิดใช้งานหลาย ๆ แอปพลิเคชันได้
ข้อควรพิจารณา
- ความสว่างของหน้าจอไม่เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้ง
ขนาดจอ | 10.4 นิ้ว |
---|---|
Ram | 8 GB |
Rom | 128 GB |
ความจุแบตเตอรี่ | 7,000 mAh |
พอร์ต | USB Type-C |
กล้องหลัง | 8 MP |
กล้องหน้า | 13 MP |
ชิปประมวลผล | UNISOC Tiger T616 |
ความเร็ว | 2.0 GHz |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ระหว่างแท็บเล็ตกับแล็ปท็อป เลือกอะไรดี?
หลาย ๆ คนอาจจะยังตัดสินใจไม่ได้และเกิดคำถามขึ้นมาว่า ระหว่างแท็บเล็ตหรือแล็ปท็อปควรจะซื้ออะไรดี? เพราะเนื่องจากไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ตหรือแล็ปท็อปต่างก็เป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีราคา หากจะให้ซื้อทั้งคู่ก็คงเกินงบในกระเป๋า หรือเลือกซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งมาแล้วกลายเป็นว่าใช้งานได้ไม่เต็มที่ เป็นอุปสรรคในการทำงาน ไม่ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของเรา ก็เท่ากับว่าเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และเพื่อที่จะได้ทราบว่าอุปกรณ์แบบไหนจะเหมาะกับใคร ผู้เขียนจึงได้รวบรวมจุดดีจุดเด่นของแท็บเล็ตและแล็ปท็อปไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
1. แท็บเล็ต

หากพูดถึงแท็บเล็ตแล้วแน่นอนครับว่าจุดเด่นของอุปกรณ์ชนิดนี้ คือ หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ มีความบาง น้ำหนักเบา หยิบจับใช้งานได้สะดวก พกพาง่าย ไม่กินพื้นที่ ซึ่งการทำงานสามารถทำงานได้แบบกึ่งสมาร์ทโฟน กึ่งแล็ปท็อป เพราะสามารถใช้งานแบบแล็บท็อปได้ มีหน้าจอใหญ่ สามารถใช้พิมพ์งานได้เมื่อเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดหรือเมาส์ไร้สาย สามารถใช้แอปพลิเคชันแบบเดียวกับมือถือได้ ใช้งานหน้าจอแบบ Multi-Window หรือการเปิดใช้งานหน้าต่างที่มากกว่าหนึ่งแอปได้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นโน้ตบุ๊กที่มีระบบการทำงานแบบมือถือเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังสามารถใช้งานแบบทัชสกรีน รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประเภทปากกาสไตลัส ใช้ขีดเขียนหรือวาดรูปได้ ทำให้แท็บเล็ตมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ในด้านของเพอร์ฟอร์แมนซ์หรือการทำงานบางอย่างที่เน้นใช้งานเฉพาะด้าน อาจจะยังทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพสู้แล็ปท็อปยังไม่ได้ แต่หากมีการใช้งานเพื่อความบันเทิงอย่างการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม วิดีโอคอล การจดโน้ต หรือการวาดภาพเข้ามาเกี่ยวข้องและเน้นความสะดวก แท็บเล็ตก็ตอบโจทย์การใช้งานในส่วนนี้มากกว่าแล็ปท็อปครับ
2. แล็ปท็อป

แล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊ก เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพา จุดเด่นของแล็ปท็อป คือ สามารถใช้งานโปรแกรมได้หลากหลาย สามารถใช้งานแบบ Multi Window สลับหน้าจอหรือเปิดการใช้งานหลาย ๆ โปรแกรมก็สามารถทำได้ง่าย สะดวก ลื่นไหลกว่า สามารถพิมพ์งานได้สะดวกกว่า รวมไปถึงการใช้งานโปรแกรมไม่ว่าจะเป็นในด้านของ Microsoft Office, โปรแกรมตระกูล Adobe, การออกแบบกราฟิกที่ใช้ความละเอียดสูง, การออกแบบ 3D, หรือโปรแกรมเฉพาะทางต่าง ๆ ก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วกว่า ถึงแม้แท็บเล็ตจะสามารถใช้งานได้ แต่ก็ทำงานได้เพียงเบื้องต้น หากจำเป็นต้องใช้งานแบบจริงจัง การใช้แล็ปท็อปก็จะใช้ทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากกว่า
แต่แล็ปท็อปก็มีข้อควรพิจารณาเช่นกันครับ ถึงแม้แล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊กจะถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กแค่ไหน แต่โดยส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะ แบตเตอรี่ก็ค่อนข้างหมดไวกว่าแท็บเล็ต การหยิบจับมาใช้งานก็กินพื้นที่มากกว่า ซึ่งหากไม่เน้นใช้งานเพื่อความบันเทิงมาก เน้นใช้ทำงานเป็นหลักแล็ปท็อปก็ตอบโจทย์การใช้ทำงานมากกว่าแท็บเล็ตครับ
ข้อควรพิจารณาในการเลือกซื้อแท็บเล็ต
การเลือกแท็บเล็ตให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูง เพื่อน ๆ หลายคนก็คงจะต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของแท็บเล็ต ฟีเจอร์การใช้งาน ราคาของสินค้า และความคุ้มค่า ซึ่งแท็บเล็ตที่ดีมีคุณภาพไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแท็บเล็ตที่มีราคาสูงที่สุด หรือเป็นแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่สุด แต่ควรเป็นแท็บเล็ตที่เมื่อซื้อแล้วทำให้เราสามารถทำงานได้สะดวกและตรงตามจุดประสงค์ในการเลือกซื้อ ไม่ว่าจะใช้เพื่อทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือวาดภาพ แต่แท็บเล็ตที่ดี สเปกการใช้งานครบ หากราคาสูงเกินไปก็อาจจะไม่สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานในหลาย ๆ กลุ่มได้
ซึ่งแบรนด์ผู้ผลิตได้เห็นถึงความสำคัญและเห็นถึงความนิยมในการใช้งานแท็บเล็ตที่มากขึ้น ทำให้แท็บเล็ตในท้องตลาดต่างออกแบบแท็บเล็ตเพื่อแข่งขันกันทั้งในเรื่องของสเปกฟังก์ชันต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกแท็บเล็ตไปใช้งานให้เหมาะกับตนเอง ผู้เขียนมีวิธีง่าย ๆ ในการเลือกซื้อแท็บเล็ตดี ๆ มีคุณภาพแบบคุ้มค่าคุ้มราคามาให้ครับ
1. ควรเลือกจากความต้องการและจุดประสงค์ในการใช้งาน

สิ่งที่จะช่วยกำหนดว่าเราเหมาะกับแท็บเล็ตรุ่นไหน ควรจะเลือกซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหน เพื่อน ๆ ควรจะสำรวจความต้องการของตัวเองเป็นอันดับแรกครับ เพราะแท็บเล็ตในแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่นแตกต่างกันไป บางรุ่นมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ มีคุณภาพของภาพที่คมชัด สีสันสดใส เหมาะสำหรับการใช้ดูหนัง บางรุ่นมีระบบชิปเซตที่เร็วแรง ให้แรมมาเยอะ สามารถใช้เล่นเกมหรือสลับการใช้แอปพลิเคชันได้ลื่นไหล บางรุ่นสามารถใช้งานแบบ PC Mode ได้ดี ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ดเหมาะสำหรับการทำงาน การประชุม และการเรียนออนไลน์ได้ หรือบางรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัสได้ ก็จะเหมาะสำหรับการวาดภาพเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเราสามารถกำหนดจุดประสงค์และความต้องการในการใช้งานของเราได้ ก็จะสามารถเลือกและกำหนดรุ่นของแท็บเล็ตที่จะซื้อมาใช้งานได้ครับ
2. ควรเลือกขนาดของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งาน
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อแท็บเล็ตมักจะเลือกจากขนาดหน้าจอเป็นหลัก เพราะขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน ความเหมาะสมของการใช้งานก็จะมีความแตกต่างกันตามไปด้วย ซึ่งหากเป็นหน้าจอแท็บเล็ตที่มีขนาดเล็กประมาณ 8 นิ้ว ก็จะเหมาะสำหรับการพกพา การใช้งานเล่นเกม สามารถใช้งานมือเดียวได้ ไม่ปวดเมื่อยมือเวลาใช้ติดต่อกันนาน ๆ หากเป็นหน้าจอขนาด 10 นิ้ว ขึ้นไปก็จะเหมาะกับการดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ช่วยเพิ่มอรรถรสได้ แต่หากเน้นการใช้ทำงานแบบหลายหน้าจอ เน้นใช้พิมพ์งาน หรือการใช้พื้นที่ของหน้าจอที่เยอะขึ้น ควรเลือกหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ การเลือกซื้อแท็บเล็ตที่มีขนาด 12 นิ้ว ก็จะดูได้เต็มตามากกว่า มีพื้นที่สำหรับใช้สอยได้เยอะกว่า ช่วยให้สามารถทำงานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ
3. ควรตรวจสอบระบบปฏิบัติการและชิปเซตประมวลผล

การใช้งานชิปเซตที่แรงจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การมวลผลการใช้งานต่าง ๆ ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หากนำไปเล่นเกม ก็สามารถเล่นได้ไม่มีสะดุด หากนำไปดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างลื่นไหล จะพิมพ์งานหรือเปิดเอกสาร ประชุมออนไลน์ หรือเปิดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็ทำได้ไม่มีติดขัด ซึ่งแน่นอนว่าหากเราซื้อแท็บเล็ตที่มีชิปเซตประสิทธิภาพสูง ก็จะช่วยให้สามารถใช้งานต่าง ๆ ได้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และแท็บเล็ตส่วนใหญ่จะมีการใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Android เป็นส่วนใหญ่ เพราะระบบ Android จะสามารถใช้งานได้ง่ายและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมได้หลากหลายมากกว่า สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ปรับแต่งได้อิสระ มาในราคาที่จับต้องได้ และมีให้เลือกหลายค่าย ก่อนการเลือกซื้อจึงควรตรวจสอบชิปเซตและระบบปฏิบัติการที่ไม่เก่าจนเกินไป เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระยะยาว
4. ควรตรวจสอบปริมาณความจุของแบตเตอรี่

จุดเด่นอีกข้อของแท็บเล็ต คือ แบตเตอรี่ของแท็บเล็ตมีขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้นาน เหมาะสำหรับพกพาไปใช้งานด้านนอก การเลือกแท็บเล็ตรุ่นที่มีแบตเตอรี่เยอะก็จะช่วยทำให้สามารถใช้งานแบบต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน แต่หากเลือกแท็บเล็ตรุ่นที่มีแบตเตอรี่เยอะก็จะต้องแลกมาด้วยขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้การพกพาออกไปใช้งานด้านนอกทำได้ลำบากและเป็นอุปสรรคในการใช้งาน หากต้องเลือกซื้อมาใช้งาน ควรสำรวจความต้องการเพื่อให้เลือกแท็บเล้ตรุ่นที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด นอกจากนี้แท็บเล็ตที่มีปริมาณแบตเตอรี่ที่เยอะย่อมทำให้กินเวลาในการชาร์จพลังงานค่อนข้างนาน การเลือกแท็บเล็ตรุ่นที่รองรับการชาร์จเร็ว ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาได้อีกด้วยครับ
5. ควรตรวจสอบสอบฟังก์ชันและอุปกรณ์เสริมที่รองรับ
ควรตรวจสอบอุปกรณ์เสริมที่แท็บเล็ตรองรับ เพื่อให้สามารถปรับรูปแบบการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น หากเน้นใช้ในการพิมพ์งาน การใช้ทำเอกสาร ควรเลือกแท็บเล็ตรุ่นที่มีอุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธได้ อย่างเมาส์ไร้สาย หรือหากต้องการเน้นการจดโน้ต เน้นวาดภาพ ควรเลือกแท็บเล็ตรุ่นที่รองรับปากกาสไตลัส โดยแท็บเล็ตบางรุ่นที่ผลิตมาคู่กับปากกาสไตลัสจะสามารถใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีฟังก์ชันหลาย ๆ อย่างที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัสได้ดี ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญหากซื้อรุ่นที่มีอุปกรณ์เสริมรองรับอยู่แล้ว ก็จะมีพวกอุปกรณ์เสริมแถมมาคู่กับแท็บเล็ตพร้อมกันเลย ไม่จำเป็นต้องเสียเงินและเวลาในการหาซื้ออุปกรณ์เพิ่ม ทำให้ช่วยประหยัดงบได้
บทสรุปส่งท้าย
แท็บเล็ตในแต่ละรุ่นจะเห็นได้ว่านำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานต่าง ๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อทำงาน การใช้เพื่อความบันเทิง หรือการใช้วาดภาพ ก็สามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับการใช้งานได้ ทำให้แท็บเล็ตเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมและขาดไม่ได้ในยุคนี้เลย หากใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตดี ๆ เพื่อที่จะนำมาใช้งานสักตัว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อดีไหม ผู้เขียนก็ขอแนะนำครับว่า แท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่ามาก ๆ หากซื้อมาแล้ว เราสามารถนำแท็บเล็ตไปใช้งานได้อย่างเหมาะสม อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็จะเป็นประโยชน์และช่วยสร้างความบันเทิงให้กับเพื่อน ๆ ได้อย่างแน่นอน ผู้เขียนหวังว่าแท็บเล็ตทั้ง 10 รุ่น ที่นำมาแนะนำวันนี้จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาเลือกซื้อ และทำให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ
![]() แท็บเล็ต Teclast รุ่น T40 Pro | ![]() แท็บเล็ต BMAX รุ่น MaxPad I11 Plus | ![]() แท็บเล็ต Blackview รุ่น Tab 13 | ![]() แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab A8 (Wi-Fi) | ![]() แท็บเล็ต HUAWEI รุ่น MatePad SE | ![]() แท็บเล็ต Xiaomi รุ่น Redmi Pad | ![]() แท็บเล็ต Lenovo Tablet รุ่น Tab M10 Plus (3rd Gen) | ![]() แท็บเล็ต HONOR รุ่น Pad 8 | ![]() แท็บเล็ต Samsung Galaxy รุ่น Tab S6 Lite (Wi-Fi) | ![]() แท็บเล็ต OPPO รุ่น Pad Air |