ทุกวันนี้แทบทุกอย่าง ถูกย้ายมาอยู่บนหน้าจอหมดแล้ว แม้กระทั่ง การจดบันทึก และการวาดภาพต่าง ๆ เราก็แทบไม่เห็นใครใช้กระดาษ และปากกา แล้ว แต่หันมาใช้ หน้าจอมือถือ หรือแท็บเล็ต แทน บางคนก็ใช้เมาส์ปากกา เพื่อวาดรูปลงในแล็ปท๊อป โดยตรงเลย ซึ่งเราก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทั้ง คุณภาพหน้าจอ ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น รวมไปถึงแอปพลิเคชัน ที่ครอบคลุมทุกด้านก็มีให้ดาวน์โหลดมาใช้งานฟรี ๆ ไม่ว่าจะเป็น แอปฯ เรียนภาษา , แอปฯ ตัดต่อวิดีโอ , แอปฯ แต่งรูป , แอปฯ อ่านการ์ตูน และอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้อุปกรณ์อย่าง แท็บเล็ต ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
สังเกตได้จากการที่แบรนด์ใหญ่ระดับโลกหลาย ๆ แบรนด์ หันมาทำ แท็บเล็ตราคาประหยัด โดยให้ประสิทธิภาพที่ดีเกินราคามากขึ้น แถมยังมาให้ปากกาที่มีคุณภาพมาด้วย บวกกับสเปกที่สูงขึ้น และขนาดหน้าจอที่ใหญ่กำลังดี แต่มาในตัวเครื่องบางเบากว่าโน้ตบุ๊ค มันจึงไม่แปลกเลยที่เหล่านักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่คนทำงานต่างต้องการแท็บเล็ตเอาไว้ใช้งาน ซึ่งบางคนก็ได้นำแท็บเล็ตมารับจ้างวาดภาพ ออกแบบโลโก้ จนสามารถสร้างรายได้เสริมได้เป็นกอบเป็นกำเลย เพราะในวันนี้ เราเลยได้คัด แท็บเล็ตมีปากกา รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุด จากผู้ใช้ส่วนใหญ่มารีวิว เพื่อให้ทุกคนหารุ่นที่เหมาะกับคุณได้ง่ายขึ้นครับ
ทดสอบเขียน ด้วยปากกา Lenovo Precision Pen 2 ที่มาพร้อมกับ Lenovo Tab M10 Plus 3rd Gen แท็บเล็ตราคาประหยัด
ทำไมจะต้องซื้อ แท็บเล็ตมีปากกา ?
แน่นอนครับ แท็บเล็ตมีปากกาส่วนใหญ่ ทางผู้ผลิตได้มีการออกแบบและพัฒนามาคู่กับแท็บเล็ตตั้งแต่เริ่มต้นเลย เป็นเหตุผลว่าทำไมปากกาบางรุ่น ถึงแม้จะอยู่ในแบรนด์เดียวกัน แต่ก็ใช้กับแท็บเล็ตรุ่นเก่า ๆ ของแบรนด์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการใช้งานคู่กันคุณก็จะได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพที่สุดครับ แถมบางแบรนด์ก็ได้มีการใส่ฟังก์ชันพิเศษมาให้ใช้งานด้วย
การซื้อปากกาสไตลัส (Stylus Pen) แยก ต่างกันอย่างไร ?
หลายคนอาจจะเห็นว่า ปากกาสไตลัส (Stylus Pen) หลาย ๆ รุ่นมีราคาที่ถูกมาก ๆ ซึ่งจริงอยู่ครับว่า ปากกาสไตลัสราคาถูก ๆ ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพในการวาด และการเขียนอาจจะไม่ดีพอ ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ได้ซีเรียส และต้องการปากกามาใช้งานทั่วไป คุณก็สามารถประหยัดเงินในส่วนนี้ไปได้ครับ
แต่หากคุณต้องการการวาด การเขียนที่แม่นยำ ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการเขียนบนกระดาษ การเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย แล้วได้ปากกาสไตลัสของแท้จึงดีที่สุดครับ ซึ่งหากคุณไปดูราคาปากกาของแท้จะเห็นเลยว่า ไม่ใช้ถูก ๆ เลย ดังนั้นการที่แบรนด์ได้จับคู่มาให้ มันคุ้มค่ากว่าการซื้อแยกทีหลังแน่นอนครับ
แท็บเล็ตมีปากกา รุ่นไหนดี ?
Lenovo Tab M10 Plus 3rd Gen แท็บเล็ต พร้อมปากกา Precision Pen 2 (ZAAN0114TH) รูปภาพจาก lenovo.com ราคา 8,970 บาท*
Lenovo Tab M10 Plus 3rd Gen (4G LTE) เป็นแท็บเล็ตมีปากกา ราคาประหยัด ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไปเป็นหลัก โดยเฉพาะการจด การวาด ด้วยปากกา Lenovo Precision Pen 2 คุณภาพสูงที่ให้มาในกล่อง (เฉพาะรุ่นตัวเครื่องสีดำ) ซึ่งแม้ว่าจะเปิดตัวมาตั้งแต่กลางปี 2022 แล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ครับ เนื่องด้วยคุณภาพที่ดีแต่มีราคาลดลง ส่วนหน้าตาก็มีดีไซน์เรียบหรู ตัวบอดี้ทำจากโลหะอย่างดี ทำให้มีสัมผัสที่พรีเมี่ยม มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 10.6 นิ้ว ความละเอียด 2K คมชัดระดับ FHD+ ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส และขับเสียงด้วยลำโพง 4 ตัว พร้อมระบบ Dolby Atmos กระหึ่มสะใจสร้างเสียงรอบทิศทางที่สมจริง ส่วนสเปกทำงานด้วยชิป Snapdragon SDM680 ชิประดับกลาง ผสานแรม 4GB และหน่วยความจำ 128GB แถมรองรับ micro SD ได้อีก 1TB ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไปครับ
VIDEO ทดสอบใช้งานปากกา Stylus Precision Pen 2 บน Lenovo Tab M10 Plus 3rd Gen
ซึ่งจากที่ได้ลองใช้งานมา รุ่นนี้จะเหมาะกับการวาดเขียนเป็นหลัก รวมถึงการใช้งานพื้นฐานทั่วไป อาทิเช่น การอ่านหนังสือด้วยโหมด Immersive Reading ที่ให้คุณโฟกัสการอ่านได้ดีขึ้น การดูหนัง-ฟังเพลง ด้วยจอ 2K และลำโพง 4 ตัว หรือกล้องหน้าคมชัดระดับ 8MP พร้อมออโต้โฟกัส ที่ออกแบบมาเพื่อการวิดีโอคอลโดยเฉพาะ แต่ด้วยสเปกที่ไม่ได้สูงมาก ทำให้การใช้งานแอปขนาดใหญ่ การเล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ หรือการเปิดหลาย ๆ แอปพร้อมกัน บางครั้งก็มีอาการสะดุดอยู่บ้างครับ แต่ถ้าใช้งานทั่วไปมันสามารถทำได้ลื่น ๆ เลย ส่วนอายุแบตเตอรี่ก็ทำได้ดีเลย โดยใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้ถึง 12 ชั่วโมง เลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่รองรับชาร์จเร็วที่ 20W เท่านั้น จึงอาจจะใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 100% ค่อนข้างนาน (อ่านรีวิวฉบับเต็ม : Lenovo Tab M10 Plus 3rd Gen )
ข้อดี
ดีไซน์เรียบหรู ให้สัมผัสที่ดี
ประสิทธิภาพกลาง ๆ เหมาะกับการวาดเขียน
จอขนาดใหญ่ ขอบบาง มีพื้นที่การทำงานเยอะ
ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพง 4 ตัว
รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
แบตฯ อึด ใช้งานได้นาน
มีราคาถูกลงจากวันเปิดตัว
ข้อควรพิจารณา
เปิดตัวตั้งแต่ปี 2022 ยังไม่รองรับ 5G
หน้าจอมีอัตรารีเฟรชเรท 60Hz มาตรฐาน
กล้องเหมาะใช้วิดีโอคอล และสแกนเอกสาร
ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
ใช้ USB Type-C 2.0 รองรับการชาร์จ 20W
ปีที่เปิดตัว กรกฏาคม 2022 ระบบปฏิบัติการ Android 12 ขึ้นไป หน้าจอแสดงผล 10.6 นิ้ว, 2K IPS, FHD+ 60Hz, 400nits โปรเซสเซอร์ Snapdragon SDM680 Adreno 610 หน่วยความจำ 4GB 128GB microSD สูงสุด 1TB กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า : 8MP กล้องหลัง : 8MP อุปกรณ์เสริม Lenovo Precision Pen 2 การเชื่อมต่อ USB Type-C 2.0 Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 3.5mm Audio Jack ขนาดตัวเครื่อง 251 × 158 × 7.45 มม. 465 กรัม แบตเตอรี่
Xiaomi Pad 6 (8GB / 256GB) พร้อมปากกา Xiaomi Smart Pen (2nd generation) รูปภาพจาก mi.com ราคา 12,990 บาท*
หากคุณกำลังมองหาแท็บเล็ตราคาไม่แพง แต่ได้หน้าตาที่สวยหรู ดูแพง แถมยังได้สเปก พร้อมปากกาคุณภาพสูง เราขอแนะนำ Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตสุดคุ้ม ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี่เอง ซึ่งมาในดีไซน์สุดพรีเมี่ยม ทำจากโลหะทั้งชิ้น ให้ความเรียบหรู และทนทาน แสดงผลบนจอ 11 นิ้ว ที่คมชัด 2.8K ระดับ Ultra-HD พร้อมรองรับ HDR10 และมีอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 144Hz ให้ภาพและแสงสีที่คมชัด ลื่นไหล มาพร้อมระบบเสียง Dolby Vision และ Dolby Atmos ขับด้วยลำโพงสเตอริโออัลตร้าลิเนียร์ 4 ตัว เรียกได้ว่าครบทั้ง ภาพ และเสียงเลย ส่วนสเปกก็ต้องบอกเลยว่า คุ้มค่าสุด ๆ ครับ โดยเฉพาะชิป Snapdragon 870 ที่เป็นชิประดับเรือธงที่มีประสิทธิภาพสูง ทำงานผสานแรม LPDDR5 และหน่วยความจำ UFS 3.1 ที่ทำงานรวดเร็ว แถมยังมีตัวเลือกให้หลายความจุเลย ช่วยให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดียิ่งขึ้น สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว และลื่นไหล
VIDEO Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตมีปากกาสุดคุ้ม ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย
ดังนั้นด้วยสเปกระดับนี้ในด้านการเล่นเกมใหญ่ ๆ กราฟฟิกสูง ๆ หรือใช้งานแอปฯ ที่ต้องการสเปกสูง ๆ มันสามารถทำได้สบาย ๆ ครับ เพราะฉะนั้นเรื่องการจดบันทึก และวาดภาพ หายห่วงได้เลย ยิ่งใช้งานคู่กับปากกา Xiaomi Smart Pen 2 ที่มีแถมมาให้ มันยิ่งทำงานได้ดีขึ้นมากครับ สามารถให้ทั้ง ความลื่นไหล และเขียนได้อย่างแม่นยำ แถมยังมาพร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนาน ใช้ดูวิดีโอได้นานถึง 16 ชั่วโมง หรือถ้าใช้อ่านหนังสือ จะใช้ได้นานถึง 23 ชั่วโมง เลยทีเดียวครับ แต่น่าเสียดายที่ให้ชาร์จไวมาเพียง 33W เท่านั้น ซึ่งด้วยความจุแบตเตอรี่ที่สูง ทำให้ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 100% เกือบ ๆ 2 ชั่วโมง เลย
ข้อดี
ดีไซน์สวยงาม บางแค่ 6.51 มม. และเบามาก
วัสดุบอดี้เป็นอลูมิเนียมเกรดเรือธง Unibody
จอ Dolby Vision ขนาดใหญ่ รองรับ HDR10
จอคมชัด 2.8K รีเฟรชเรท 144Hz ที่ราบรื่น
ลําโพงสเตอริโอ 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos
ประสิทธิภาพที่ดี มีความเสถียร ใช้งานลื่นไหล
กล้องหลังบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K 30 fps
MIUI 14 (Android 13) ที่ดูสะอาด และลื่นไหล
อายุการใช้งานที่ยาวนาน รองรับชาร์จไว 33W
ข้อควรพิจารณา
มีเฉพาะรุ่น Wi-Fi ไม่มีรุ่น Cellular
คุณภาพกล้องธรรมดา ใช้งานได้
ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
ไม่รองรับ microSD Card
ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm Audio Jack
ไม่มีอะแดปเตอร์ในกล่อง ต้องซื้อแยก
ปีที่เปิดตัว สิงหาคม 2023 ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 (Android 13) หน้าจอแสดงผล 11 นิ้ว, TFT LCD, Ultra-HD 144Hz, 550nits โปรเซสเซอร์ Snapdragon 870 Adreno 650 หน่วยความจำ กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า : 8MP กล้องหลัง : 13MP อุปกรณ์เสริม Smart Keyboard Smart Pen 2 การเชื่อมต่อ USB Type-C 3.2 Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 ขนาดตัวเครื่อง 254 × 165 × 6.5 มม. 490 กรัม แบตเตอรี่ 8,840mAh 33W Fast Charging
Samsung Galaxy Tab S7 FE (LTE) (4GB / 64GB) พร้อมปากกา S Pen รูปภาพจาก samsung.com ราคา 13,790 บาท*
เมื่อพูดถึงแท็บเล็ตมีปากกาที่ได้รับความนิยมมายาวนาน เราต้องยกให้กับ Samsung Galaxy Tab S7 FE (LTE) แท็บเล็ต จอใหญ่ ที่มาพร้อม S Pen คุณภาพสูง ซึ่งถึงแม้จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2021 แล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ โดยมีให้เลือกทั้ง รุ่น 4G LET ที่เราเลือกมา และรุ่น Wi-Fi ที่อาจจะหาซื้อมือหนึ่งได้ยากแล้ว ซึ่งหน้าตามาในดีไซน์เรือธง ตัวบอดี้ใช้โลหะอย่างดีทำให้ดูพรีเมี่ยมสุด ๆ มาพร้อมหน้าจอขอบบางเฉียบ ขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว คมชัดระดับ WQXGA ให้สีสันสดใส เป็นธรรมชาติ และพื้นที่ขีดเขียนที่กว้างขึ้น มาคู่กับระบบเสียง AKG ที่ขับเสียงด้วยลำโพงคู่ พร้อม Dolby Atmos สร้างเสียงสเตอริโอที่สมจริง ทำงานด้วยชิป Snapdragon 750G ระดับกลาง ๆ ผสานแรม 4GB และหน่วยความจำ 64GB ที่อาจจะดูน้อยแต่ก็ยังรองรับ micro SD ได้อีก 1TB ครับ
VIDEO Samsung Galaxy Tab S7 FE (LTE) แท็บเล็ตมีปากกาที่ตอบโจทย์ทั้ง การเรียน และเล่น ด้วยปากกา S Pen
ซึ่งสเปกนี้ตอบโจทย์การใช้งานได้หลายด้านเลยครับ ทั้ง เล่นเกม ทำงานเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง และจุดเด่น ก็คือ การจดโน้ต และการวาดภาพ โดยในกล่องจะมีปากกา S Pen มาให้ ซึ่งมีความหน่วงต่ำ และหัวปากกาก็นุ่มลื่น ช่วยให้การวาดเขียน ทำได้ลื่น ๆ รู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมมีแม่เหล็กที่ด้านข้าง ช่วยให้เก็บ S Pen ได้ง่าย ๆ และไม่ต้องชาร์จไฟ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมการทำงานอีกมากมาย เช่น Samsung Notes ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจดบันทึก Samsung DeX ที่ให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ต่างจากเดสก์ท๊อป หรือมี Multi-Window ที่ช่วยให้คุณแบ่งหน้าจอเปิดแอปฯ ได้มากถึง 3 แอปฯ พร้อมกัน ส่วนอายุการใช้งานรุ่นนี้ใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 13 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็วได้อีก 45W มันจึงชาร์จได้เร็วขึ้นมากครับ
ข้อดี
ดีไซน์แบบเรือธง บางแค่ 6.3 มม. เท่านั้น
วัสดุบอดี้เป็นอลูมิเนียมเกรดเรือธง Unibody
ประสิทธิภาพกลาง ๆ เหมาะกับการวาดเขียน
จอขนาดใหญ่ ขอบบาง มีพื้นที่การทำงานเยอะ
ระบบเสียง AKG รองรับ Dolby Atmos
รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
One UI 3.1 ที่ดูสะอาด ใช้งานได้ลื่นไหล
แบตฯ อึด และรองรับการชาร์จเร็ว 45W
ราคาถูกลงมาก
ข้อควรพิจารณา
เปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ยังไม่รองรับ 5G
หน้าจอมีอัตรารีเฟรชเรท 60Hz มาตรฐาน
กล้องเหมาะใช้วิดีโอคอล และสแกนเอกสาร
ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
มีหน่วยความจำ และที่เก็บข้อมูลค่อนข้างน้อย
ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm Audio Jack
ในกล่องแถมอะแดปเตอร์ 15W (อะแดปเตอร์ 45W ต้องซื้อแยก)
ปีที่เปิดตัว กันยายน 2021 ระบบปฏิบัติการ One UI 3.1 (Android 11) หน้าจอแสดงผล 12.4 นิ้ว, TFT, WQXGA 60Hz, 420nits โปรเซสเซอร์ Snapdragon 750G Adreno 619 หน่วยความจำ 4GB 64GB microSD สูงสุด 1TB กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า : 5MP กล้องหลัง : 8MP อุปกรณ์เสริม Cover Keyboard Samsung S Pen การเชื่อมต่อ USB Type-C 3.2 Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0 ขนาดตัวเครื่อง 284 × 185 × 6.3 มม. 610 กรัม แบตเตอรี่ 10,090 mAh 45W Fast Charging
Apple iPad Air 5 Wi-Fi (2022) รูปภาพจาก apple.com ราคา 29,900 บาท*
เมื่อพูดถึงแท็บเล็ต เชื่อว่าหนึ่งในชื่อแรก ๆ ที่เด้งเข้ามาในหัวของทุกคน จะต้องมี iPad อย่างแน่นอน ซึ่งเราคงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว เพราะทุกคนคงทราบดีถึงประสิทธิภาพและคุ้มค่าของมัน โดยไอแพดที่เราอยากจะแนะนำ ให้กับคนที่กำลังมองหา แท็บเล็ตมีปากกา ก็คือ iPad Air (5th generation) แท็บเล็ตดีไซน์เรียบหรู บางเบา มาพร้อมหน้าจอ Liquid Retina IPS มีขนาด 10.9 นิ้ว ที่มีความคมชัดสูง และมีความสว่าง 500nits ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส ถูกใจคนที่ชอบ ดูหนัง ดูซีรีย์ และใช้งานด้านกราฟฟิกมาก ๆ และถึงแม้จะมีอัตรารีเฟรชเรท 60Hz แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Apple ทำให้ภาพดูสมูท ลื่นไหลมาก ๆ ขับเสียงด้วยเสียงจากลำโพงสเตอริโอคู่ ในด้านสเปกรุ่นนี้ทำงานด้วยชิป Apple M1 ประสิทธิภาพสูง ซึ่งประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ทำงานได้อย่างลื่นไหล ผสานแรม 8GB และหน่วยความจำ 256GB ซึ่งหากใครที่ไม่ได้ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ สามารถเลือกรุ่นหน่วยความจำ 64GB ได้ครับ โดยจะประหยัดไปได้เยอะเลยครับ
VIDEO Apple iPad Air 5 Wi-Fi (2022) แท็บเล็ตยอดนิยม สามารถทำงานหนัก ๆ ได้ลื่น ๆ
ด้วยสเปกระดับนี้เราสามารถใช้มันได้หลายด้านเลย ไม่ว่าจะเป็น การขีดเขียน วาดภาพ แต่งรูปภาพ ตัดต่อคลิปวิดีโอ เล่นเกม หรือใช้ทำงานด้านต่าง ๆ รุ่นนี้สามารถทำได้อย่างลื่นไหลเลย แถมกล้องที่ให้มาก็ใช้งานได้ดีครับ โดยเฉพาะกับการโทรวิดีโอคอล การประชุม หรือเรียนออนไลน์ และสามารถใช้ทำงานแบบอื่น ๆ ได้ด้วย เพียงแค่คุณหาซื้อ Apple Pencil 2 และ Magic Keyboard มาใช้งานร่วมกัน นอกจากนี้ในส่วนของอายุการใช้งานรุ่นนี้ก็ทำได้ดีครับ โดยสามารถใช้ท่องเว็บผ่าน Wi‑Fi หรือดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง เลยทีเดียวครับ และรองรับการชาร์จเร็วอยู่ที่ 20W อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ : iPad Air 5th Gen
ข้อดี
ดีไซน์พรีเมียม บางเบา มีหลายสี
วัสดุคุณภาพสูง บอดี้เป็นอลูมิเนียม
ชิป Apple M1 เร็วขึ้นสูงสุด 60%
ประสิทธิภาพสูง รองรับงานกราฟฟิกสบาย ๆ
จอคุณภาพสูง เทคโนโลยีสุดล้ำ
ระบบเสียงสเตอริโอ
iPad OS ที่ลื่นไหล พร้อมฟีเจอร์มากมาย
FaceTime HD Cam ที่พัฒนาขึ้นมาก
โหมด Center Stage ติดตามใบหน้าอัตโนมัติ
รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านบน
แบตฯ ค่อนข้างอึด
ข้อควรพิจารณา
Apple Pencil 2 ต้องซื้อแยก
หน้าจอมีอัตรารีเฟรชเรทมาตรฐาน 60Hz
ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm Audio Jack
ไม่รองรับ Face ID
ไม่รองรับ microSD Card
อุปกรณ์เสริมมีราคาค่อนข้างแพง
ปีที่เปิดตัว มีนาคม 2022 ระบบปฏิบัติการ iPad OS 15.4 ขึ้นไป หน้าจอแสดงผล 10.9 นิ้ว, Liquid Retina, FHD+ 120Hz, 500nits โปรเซสเซอร์ Apple M1 Apple GPU (8-core) หน่วยความจำ กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า : 12MP กล้องหลัง : 12MP อุปกรณ์เสริม Apple Pencil (รุ่นที่ 2) การเชื่อมต่อ USB-C 3.1 Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0 ขนาดตัวเครื่อง 247 × 178 × 6.1 มม. 461 กรัม แบตเตอรี่
Samsung Galaxy Tab S9+ Wi-Fi (12GB/256GB) พร้อมปากกา S Pen (BLE O) รูปภาพจาก samsung.com ราคา 35,900 บาท*
มาต่อกันกับ Samsung Galaxy Tab S9 Series แท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฏาคม 2023 ที่ผ่านมานี่เองครับ ซึ่งยังคงมาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Tab S9 Ultra, Tab S9+ และ Tab S9 โดยรุ่นที่เรามองว่าคุ้มค่าที่สุด ส่วนตัวขอยกให้ Tab S9+ แท็บเล็ตรุ่นกลางในซีรี่ส์ ที่มีราคาไม่แพงจนเกินไป แต่ได้ดีไซน์ วัสดุ สเปก และเทคโนโลยีหน้าจอ ก็ใช้แบบเดียวกับรุ่นท๊อปเลย เพียงแค่จะเล็กกว่า ซึ่งนั่นทำให้ขนาดเครื่องเล็ก และเบาลง มันจึงเหมาะจะพกพามากกว่าครับ โดยบางแค่ 5.7 มม. เท่านั้น ตัวบอดี้เป็นโลหะ Armor Aluminium ที่เรียบลื่น ทนทาน ทำให้เป็นแท็บรุ่นแรกที่มีมาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP68 มาให้
VIDEO Samsung Galaxy Tab S9 Series แท็บเล็ตมีปากกา ระดับไฮเอนด์ รุ่นใหม่ล่าสุด
มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว คมชัดระดับ WQXGA+ รองรับ HDR10+ ให้สีสันที่สดใส ขับสีดำได้ดำสนิท และมีอัตราการรีเฟรชเรท 120Hz ให้ภาพที่ลื่นไหลดูเป็นธรรมชาติ พร้อมระบบเสียง AKG ที่ขับด้วยลำโพง 4 ตัว และมีการขับเสียงรอบทิศทาง ระบบ Dolby Atmos มอบประสบการณ์ภาพและเสียงที่สมจริง ด้านขุมพลังใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 หนึ่งในชิปที่แรงที่สุด ผสานแรม 12GB และหน่วยความจำ 256GB แถมรองรับ micro SD ได้อีก 1TB ให้คุณใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูลได้เต็มที่ เก็บไฟล์งานโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ได้สบาย ๆ
VIDEO วิธีใช้ฟีเจอร์ GoodNotes, Samsung Notes และการสแกนเอกสาร ของ Samsung Galaxy Tab S9 Series
ซึ่งสเปกนี้ตอบโจทย์การใช้งานได้หลายด้านเลยครับ ทั้ง เล่นเกม ทำงานเอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง และจุดเด่น ก็คือ การจดโน้ต และการวาดภาพ โดยในกล่องจะมีปากกา S Pen มาให้ ซึ่งมีความหน่วงต่ำ และหัวปากกาก็นุ่มลื่น ช่วยให้การวาดเขียน ทำได้ลื่น ๆ รู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมมีแม่เหล็กที่ด้านข้าง ช่วยให้เก็บ S Pen ได้ง่าย ๆ และไม่ต้องชาร์จไฟ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมการทำงานอีกมากมาย เช่น Samsung Notes ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจดบันทึก Samsung DeX ที่ให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ต่างจากเดสก์ท๊อป หรือมี Multi-Window ที่ช่วยให้คุณแบ่งหน้าจอเปิดแอปฯ ได้มากถึง 3 แอปฯ พร้อมกัน ส่วนอายุการใช้งานรุ่นนี้ใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 13 ชั่วโมง และรองรับชาร์จเร็วได้อีก 45W มันจึงชาร์จได้เร็วขึ้นมากครับ
ข้อดี
ดีไซน์แบบเรือธง บางแค่ 5.7 มม. และเบามาก
วัสดุบอดี้เป็นอลูมิเนียมเกรดเรือธง Unibody
ประสิทธิภาพสูงแบบเรือธง ตอบโจทย์ทุกด้าน
จอขนาดใหญ่ ขอบบาง มีพื้นที่การทำงานเยอะ
ระบบเสียง AKG รองรับ Dolby Atmos
รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
One UI 5.1 ที่ลื่นไหล พร้อมฟีเจอร์มากมาย
แท็บเล็ต และ S Pen ทนน้ำได้ระดับ IP68
แบตฯ อึด และรองรับการชาร์จเร็ว 45W
ข้อควรพิจารณา
ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm Audio Jack
ไม่แถมอะแดปเตอร์มาในกล่อง
ราคาแพง
ปีที่เปิดตัว กรกฏาคม 2023 ระบบปฏิบัติการ One UI 5.1 (Android 13) หน้าจอแสดงผล 12.4 นิ้ว, AMOLED 2X, WQXGA+ 120Hz, 650nits โปรเซสเซอร์ Snapdragon 8 Gen 2 Adreno 740 หน่วยความจำ 12GB 256GB microSD สูงสุด 1TB กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า : 12MP กล้องหลัง : 13 + 8MP อุปกรณ์เสริม Cover Keyboard Samsung S Pen การเชื่อมต่อ USB Type-C 3.2 Wi-Fi 6 Bluetooth 5.3 ขนาดตัวเครื่อง 285 × 185 × 5.7 มม. 581 กรัม แบตเตอรี่ 10,090 mAh 45W Fast Charging
HUAWEI MatePad 11.5-inch LTE (6GB / 128GB) พร้อมปากกา M-Pencil (2nd generation) รูปภาพจาก huawei.com ราคา 11,990 บาท*
HUAWEI MatePad 11.5-inch แท็บเล็ตมีปากกาสุดคุ้ม ที่ราคาไม่แพง แต่ได้สเปกระดับเรือธง พร้อม Smart Keyboard และปากกา M-Pencil 2 คุณภาพสูง โดยรุ่นนี้เพิ่งเปิดตัวในเดือนกรกฏาคม 2023 มีให้เลือก 2 รุ่น ก็คือ รุ่น Wi-Fi ราคาประหยัด และรุ่น 4G LET ใส่ซิมได้ ตัวเครื่องมาในดีไซน์ที่ดูพรีเมี่ยม บอดี้ใช้อลูมิเนียม Unibody ทั้งชิ้น ที่ให้สัมผัสที่เรียบหรู และทนทาน มาพร้อมจอ 11.5 นิ้ว ที่คมชัด 2.2K ระดับ QHD ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส บนอัตราการรีเฟรชเรท 120Hz ให้ภาพที่ดูลื่นไหล สบายตา ขับเสียงด้วยระบบ HUAWEI Histen 8.1 ลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว ที่ช่วยให้เสียงที่สมบูรณ์แบบ ดังกระหึ่ม และก็ยังมี AI noise cancellation ช่วยลดเสียงรบกวนมาให้ด้วย สำหรับการคุยสายที่คมชัด ในด้านสเปก ทำงานด้วยชิป Snapdragon 7 Gen 1 ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำงานผสานแรม 6GB และหน่วยความจำ 128GB ซึ่งอาจจะดูน้อย แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานครับ
VIDEO HUAWEI MatePad 11.5-inch LTE แท็บเล็ตมีปากกาสุดคุ้ม รองรับการใช้งานได้หลากหลาย
ซึ่งสเปกระดับนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลายด้านเลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ การทำไฟล์เอกสารต่าง ๆ การจดโน้ต วาดภาพ การรับชมวิดีโอ และอื่น ๆ มันสามารถทำได้ลื่น ๆ เลยครับ ยิ่งใช้งานคู่กับ ปากกา M-Pencil รุ่นที่ 2 รวมถึงคีย์บอร์ด Smart Keyboard ที่มีแถมมาให้ มันยิ่งทำงานได้หลากหลายเลย และเมื่อบวกกับแอปฯ ต่าง ๆ จะช่วยให้งานออฟฟิศเป็นเรื่องธรรมดา ฟีเจอร์ Multi-Window ที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกขึ้นมาก หรือ HUAWEI Notes ที่สามารถทําให้การจดบันทึก มีทั้ง ความลื่นไหล และแม่นยำ ทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ส่วนอายุการใช้งานรุ่นนี้สามารถใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 10.5 ชั่วโมง เลยทีเดียวครับ แต่น่าเสียดายที่ยังใช้ USB Type-C 2.0 แบบเก่า ทำให้ชาร์จได้เพียง 20W เท่านั้น
ข้อดี
ดีไซน์สวยงาม เพรียวบาง 6.85 มม. และเบา
วัสดุบอดี้เป็นอลูมิเนียมเกรดเรือธง Unibody
ประสิทธิภาพที่ดี มีความเสถียร ใช้งานลื่นไหล
จอ Dolby Vision ขนาดใหญ่ รองรับ HDR10
จอคมชัด 2.2K รีเฟรชเรท 120Hz ที่ราบรื่น
ลําโพงสเตอริโอ 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos
HarmonyOS 3.1 ที่ดูสะอาด และลื่นไหล
มีตัวเลือกรุ่น Wi-Fi ที่ราคาประหยัดกว่า
ข้อควรพิจารณา
ไม่รองรับ 5G
ปัญหาบริการ Google
คุณภาพกล้องธรรมดา ใช้งานได้
ไม่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
ไม่รองรับ microSD Card
ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm Audio Jack
ใช้ USB Type-C 2.0
ปีที่เปิดตัว กรกฏาคม 2023 ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 3.1 หน้าจอแสดงผล 11.5 นิ้ว, TFT LCD, QHD 120Hz, 420nits โปรเซสเซอร์ Snapdragon 7 Gen 1 Adreno 644 หน่วยความจำ กล้องถ่ายรูป กล้องหน้า : 8MP กล้องหลัง : 13MP อุปกรณ์เสริม Smart Keyboard M-Pencil 2 การเชื่อมต่อ USB Type-C 2.0 Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 ขนาดตัวเครื่อง 260 × 176 × 6.85 มม. 499 กรัม แบตเตอรี่ 7,700 mAh 20W Fast Charging
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
Lenovo Tab M10 Plus 3rd Gen แท็บเล็ต พร้อมปากกา Precision Pen 2 (ZAAN0114TH)
Xiaomi Pad 6 (8GB / 256GB) พร้อมปากกา Xiaomi Smart Pen (2nd generation)
Samsung Galaxy Tab S7 FE (LTE) (4GB / 64GB) พร้อมปากกา S Pen
Apple iPad Air 5 Wi-Fi (2022)
Samsung Galaxy Tab S9+ Wi-Fi (12GB/256GB) พร้อมปากกา S Pen (BLE O)
วิธีเลือก แท็บเล็ตมีปากกา เพื่อให้ได้รุ่นที่เหมาะกับคุณ
การเลือกซื้อ แท็บเล็ตมีปากกา ดี ๆ มันไม่ใช่เรื่องยากครับ เพราะยิ่งเราเลือกรุ่นที่มีราคาแพงมากเท่าไหร่ เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเท่านั้น แต่แน่นอนครับ บางคนต้องการแท็บเล็ตมาใช้จดใช้วาด และใช้งานทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ดังนั้นการเลือกแท็บเล็ตแพง ๆ ก็อาจจะเกินความจำเป็นไปมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือ เราจะเลือกแท็บเล็ตมีปากกาอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งานของเราได้มากที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็ขอแนะนำ เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกซื้อ แท็บเล็ตมีปากกา มาฝากกัน
1. กำหนดงบประมาณ และวัตถุประสงค์ในการใช้งานของคุณ
อย่างที่บอกครับว่า แท็บเล็ตมีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคามาก ๆ ครับ ดังนั้นเพื่อเป็นการจำกัดตัวเลือกให้แคบลง แนะนำให้คุณตั้งงบประมาณเอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยมาดูความต้องการหรือวัตถุประสงค์ในการใช้งานว่า คุณต้องการแท็บเล็ตมาใช้งานในด้านไหนเป็นหลัก ? เนื่องจากแท็บเล็ตรุ่นเริ่มต้น ไปจนถึงแท็บเล็ตระดับกลาง ก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป
โดยบางรุ่นอาจได้สเปกไม่สูง ออกแบบมาให้ใช้สำหรับจดบันทึกเป็นหลัก มันจึงมีปากกามาในกล่องเลยอย่าง Galaxy Tab S7 FE บางรุ่นอาจจะมีราคากลาง ๆ แต่ได้สเปกที่แรงระดับเรือธง ทำให้ใช้งานด้านกราฟฟิกได้ลื่น ๆ อย่าง Apple iPad Air 5 หรือบางรุ่นก็มีสเปกระดับไฮเอนด์ มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษ ที่ช่วยให้ใช้งานได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สามารถจะใช้เป็น Mini PC ได้เลย แค่เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดไร้สาย อย่างฟีเจอร์ Samsung DeX ของ Galaxy Tab S9+ เป็นต้น เพราะฉะนั้นอยู่ที่คุณแล้วล่ะครับว่า ต้องการใช้งานได้ไหนเป็นหลัก ?
2. ดีไซน์ตัวเครื่อง และหน้าจอแสดงผล
เปรียบเทียบหน้าจอแสดงผล ระหว่าง Apple IPad Air5 กับ Apple IPad Pro
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้แท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ ถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็ก และบางเบาขึ้นมากครับ ทำให้มันสามารถพกพาได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าใครเคยใช้แท็บเล็ตรุ่นเก่า ๆ มาก่อน ก็คงจะทราบดีว่า มันหนักขนาดไหน ? โดยขนาดและน้ำหนักจะสัมพันธ์กับจอครับ หากคุณต้องการพื้นที่ใช้งานที่มากขึ้น การเลือกรุ่นที่มีหน้าจอใหญ่ ๆ ขนาดและน้ำหนักก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ขอแนะนำให้ดูที่เทคโนโลยีหน้าจอที่ใช้ด้วยนะครับ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะใช้หน้าจอ ที่มีความละเอียดต่างกัน ถ้าคุณเน้นใช้งานทั่ว ๆ ไปหน้าจอ FHD ธรรมดา ๆ ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 60Hz ก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่หากคุณต้องการใช้วาดภาพ จดบันทึกแบบไว ๆ หรือใช้แต่งภาพที่มีสีสันสดใส ๆ การที่คุณได้ใช้หน้าจอคุณภาพสูง ๆ ก็จะดีกว่าอย่างชัดเจนครับ ดังนั้นถ้าคุณมีงบมากหน่อย แนะนำให้เลือกหน้าจอแสดงผลความละเอียด FHD+ ขึ้นไป และมีรีเฟรชเรทมากกว่า 90Hz คุณก็จะได้ภาพที่คมชัดและลื่นไหล ทำให้ดูได้สบายตากว่าครับ
3.ฟังก์ชันพิเศษที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานของคุณ
VIDEO วิธีใช้ฟีเจอร์ GoodNotes, Samsung Notes และการสแกนเอกสาร ของ Samsung Galaxy Tab S9 Series
ปัจจัยถัดมาที่คุณต้องนำมาพิจารณาด้วยก็คือ ฟีเจอร์ หรือฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเราได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งแท็บเล็ตแต่ละรุ่นก็จะมีฟังก์ชันพื้นฐานที่เหมือน ๆ กันครับ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ฟิเจอร์พิเศษต่าง ๆ ที่แต่ละแบรนด์พัฒนาขึ้นมา อย่างเช่น Samsung Notes, Samsung DeX ฯลฯ ที่ใส่มาให้ ตั้งแต่ Samsung Galaxy Tab S7 FE รุ่นประหยัด ไปจนถึง Samsung Galaxy Tab S9+ รุ่นเรือธงเลย หรือฟีเจอร์ SuperDevice, SuperHub, HUAWEI Notes ฯลฯ ใน HUAWEI MatePad 11.5-inch
ซึ่งถ้าใครต้องการใช้งาน แท็บเล็ตมีปากกา แบบจริง ๆ จัง ๆ เราขอแนะนำให้คุณลองศึกษาฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแต่ละแบรนด์เพิ่มเติมดูก่อนครับ เพื่อดูว่าฟีเจอร์ไหนตอบโจทย์คุณได้มากที่สุด ? และทางที่ดีขอแนะนำให้คุณหาโอกาสไปลองเขียน ลองใช้งานจริงก่อนที่คุณจะตัดสินใจ เพราะแต่ละรุ่นก็จะให้สัมผัสการเขียนที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราไม่สามารถบอกได้ว่า ปากกาของรุ่นไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด ? โดยวันนี้เราก็ได้เลือก แท็บเล็ตที่มาพร้อมปากกาที่ได้รับความนิยมที่สุด มากฝากกันครับ ซึ่งมีตั้งแต่ รุ่นเริ่มต้น ราคาประหยัด ยันรุ่นท๊อป ราคาแพงเลย