การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ เพราะหากผิวหน้าของเราไม่สะอาดผลที่ตามมาก็ยากจะแก้ไข เพราะอาจจะทำให้เราเป็นสิว ใบหน้าหมองคล้ำและเกิดการระคายเคือง ตัวผู้เขียนเองเป็นคนที่ค่อนข้างพิถีพิถันกับการล้างหน้ามากค่ะเพราะต้องการให้ผิวหน้าสะอาด การล้างหน้าของผู้เขียนจะใช้วิธีดับเบิ้ลคลีนซิ่ง (Double Cleansing) เป็นส่วนใหญ่ค่ะ คือใช้คลีนซิ่งออยล์ก่อนแล้วตามด้วยคลีนซิ่งเนื้อเจลทำความสะอาดต่อ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ใบหน้าสะอาดและไม่ค่อยเป็นสิวเท่าไหร่นักโดยผู้เขียนจะดับเบิ้ลคลีนซิ่งแค่ในตอนกลางคืนก่อนนอนค่ะ
นอกจากการทำความสะอาดผิวหน้าแบบดับเบิ้ลคลีนซิ่งแล้ว ผู้เขียนมองว่าการใช้โทนเนอร์ก็สำคัญเพราะโทนเนอร์สามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่คลีนซิ่งทำความสะอาดไม่หมดได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการดูดซึมของสกินแคร์อื่น ๆ ได้ด้วย วันนี้เราจะมาเอาใจสายประหยัดด้วยการแนะนำ “โทนเนอร์ราคาไม่เกิน 200 บาท” กันค่ะ หากพร้อมแล้วไปดูกันเลย

โทนเนอร์ ราคาไม่เกิน 200 บาท มีคุณภาพดี
- โทนเนอร์กรดซาลิไซลิก ลดสิวเสี้ยนคุมมัน: Clean & Clear Acne Clearing Toner โทนเนอร์
- โทนเนอร์สมุนไพร ช่วยให้ผิวสดชื่น: อภัยภูเบศร โทนเนอร์สมุนไพร
- โทนเนอร์พี่จุน ขายดี ช่วยปรับ pH ผิวให้สมดุล: ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner โทนเนอร์
- โทนเนอร์ไร้แอลกอฮอล์ เติมความชุ่มชื้นหลังล้างหน้า: Neutrogena Alcohol-Free Toner โทนเนอร์
- โทนเนอร์เวชสำอาง ลดสิวและลดการอักเสบ: Smooth E Acne Clear Whitening Toner โทนเนอร์
ความสำคัญของการใช้โทนเนอร์
โทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำในปริมาณมาก หากคุณให้ความสนใจกับรายการส่วนผสมคุณจะพบกับส่วนผสมของน้ำอยู่เป็นลำดับแรกๆ เลยค่ะ แน่นอนว่านอกจากจะช่วยทำความสะอาดผิวแล้ว โทนเนอร์ยังมีประสิทธิภาพที่หลากหลายซึ่งเป็นจุดขายของแต่ละแบรนด์ด้วย ต่อไปนี้เป็นคุณประโยชน์หากเราใช้โทนเนอร์เป็นประจำทุกวันค่ะ
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดผิวหน้า หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกห้อง สิ่งสกปรกจะเกาะติดใบหน้าได้ง่ายมาก ดังนั้นหลังจากทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างคลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าแล้ว การใช้โทนเนอร์จะเป็นการช่วยอีกแรงเพราะสามารถขจัดสิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่และเป็นสิ่งสกปรกที่ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าทำความสะอาดออกไม่หมด
- ปรับสมดุลค่า pH ของผิว หลังจากใช้โฟมล้างหน้าโดยปกติแล้วระดับความเป็นกรดของผิวจะถูกรบกวนจนทำให้ผิวแห้งกร้าน ดังนั้นการใช้โทนเนอร์จะช่วยคืนค่าความเป็นกรดของผิวให้กลับสู่สภาพธรรมชาติ โดยปรับผิวให้มีค่า pH 5–5.5 (สมดุล) ส่งผลให้ผิวรู้สึกชุ่มชื่นและสดชื่น
- ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว โดยทั่วไปโทนเนอร์มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นหลายชนิด เช่น กรดอะมิโน น้ำมันแร่ กลีเซอรีนและกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิวได้
- ช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์โทนเนอร์จำนวนมากมีสารออกฤทธิ์ต่างๆ มากมาย มีทั้งโทนเนอร์ที่ใช้สำหรับรักษาผิวแห้ง ควบคุมความมัน รักษาสิว ปรับผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใสและแม้แต่โทนเนอร์ที่ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย ด้วยการใช้โทนเนอร์เป็นประจำปัญหาผิวต่างๆ ก็จะได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม

ขอบอกเลยค่ะว่าโทนเนอร์มีหลายแบรนด์มากๆ คุณสามารถหาซื้อโทนเนอร์บางแบรนด์เพื่อช่วยให้สิวจางลงได้ นอกจากนี้ยังมีโทนเนอร์ที่ให้ผลการผลัดเซลล์ผิวต่อต้านริ้วรอยหรือชะลอวัยและมีผลในด้านความกระจ่างใส นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาผิวแล้วการใช้โทนเนอร์ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับสมดุลค่า pH ของผิวหน้าให้เป็นค่า pH ตามธรรมชาติที่ pH 5–5.5 ด้วยค่ะ เพราะบางครั้งหลังจากล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าจะทำให้ค่า pH ของผิวเป็นด่าง ซึ่งสูงกว่า 7 ค่า pH ที่สูงกว่า 7 ไม่ใช่ค่า pH ปกติของผิวหน้า ดังนั้นหากค่า pH ของคุณสูงกว่าปกติผิวหน้าจะแห้งและรู้สึกตึงมาก
* หมายเหตุ : สินค้าที่เรานำมารีวิวเราไม่ได้รับสปอนเซอร์ใดๆ การเรียงลำดับสินค้าด้านล่างเป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้น
ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner โทนเนอร์

ราคา 99 บาท*
ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner โทนเนอร์พี่จุนในตำนานที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักค่ะ ที่ผู้เขียนแนะนำในวันนี้เป็นไซซ์ทดลองนะคะไซซ์เต็มจะราคาแพงกว่า แต่ปริมาณแค่นี้ก็เพียงพอที่จะเห็นผลแล้วค่ะ ส่วนผสมที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือสารสกัดพลูคาว (Houttuynia Cordata Extract) ที่มีสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ต่อต้านแบคทีเรียและที่สำคัญที่สุดคือต้านการอักเสบ คุณสมบัตินี้มีประสิทธิภาพอย่างมากในการบรรเทาปัญหาผิว เป็นโทนเนอร์ที่มีค่า pH 5.5 - 6 ช่วยรักษาสมดุลของน้ำมันและความชื้นได้อย่างพอดีและควรค่าแก่การลองใช้ค่ะ

ขอบอกเลยว่าผู้เขียนเคยใช้ตั้งแต่พี่จุนออกมาแนะนำจนตอนนี้พี่จุนเป็นพรีเซนเตอร์แล้วค่ะ ในแง่ของเนื้อสัมผัสโทนเนอร์ไม่มีลักษณะเป็นน้ำเหมือนโทนเนอร์ส่วนใหญ่มันจะมีความเข้มข้นกว่า ซึ่งผู้เขียนค่อนข้างชอบโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้ง ๆ เพราะผิวของผู้เขียนมักจะแห้ง ในการใช้ผู้เขียนอยากแนะนำให้ใช้เหมือนน้ำตบค่ะไม่อยากให้ใช้กับสำลีเพราะส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าการใช้มือทำให้ได้รับสารอาหารจากโทนเนอร์มากกว่า อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นมาสก์ได้ด้วยค่ะ
ข้อดี
- ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ช่วยลดการระคายเคืองและอาการอักเสบจากผิวหนังได้ดี
- สามารถเติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวได้ดีและลดความแห้งกร้าน
ข้อควรพิจารณา
- ปริมาณค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับราคา
ปริมาณ | 40 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | สารสกัดพลูคาว 77% |
สภาพผิวที่แนะนำ | ทุกสภาพผิว |
Clean & Clear Acne Clearing Toner โทนเนอร์

ราคา 109 บาท*
Clean & Clear Acne Clearing Toner เป็นโทนเนอร์ที่ผู้เขียนใช้มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นเลยค่ะ คิดแบรนด์ไหนไม่ออกก็ต้อง Clean & Clear เท่านั้น สูตร Acne Clearing ที่เรานำมาแนะนำกันโดดเด่นในเรื่องช่วยลดสิวค่ะเพราะมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก 0.5% แตกต่างจากสูตร Clean & Clear Essentials Oil Control Toner ขวดสีฟ้าธรรมดาตรงที่ Essentials Oil Control มีไว้เพื่อควบคุมความมันและตอบโจทย์กับผิวมันค่ะ โทนเนอร์เนื้อบางเบาสูตรปราศจากน้ำมัน สามารถใช้งานได้โดยไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ กรดซาลิไซลิกที่มีอยู่จะมีส่วนช่วยในการทำความสะอาดสิวหัวดำและความมันส่วนเกินค่ะ

Clean & Clear Acne Clearing Toner เป็นโทนเนอร์ราคาประหยัดในดวงใจค่ะ ไซซ์ขนาดทดลองมีราคาแค่หลักสิบเท่านั้นซึ่งถือว่าถูกมากและเป็นแบรนด์ขวัญใจวัยรุ่นด้วย เรื่องประสิทธิภาพก็ไม่ต้องพูดถึงค่ะเพราะเมื่อนำมาเช็ดหน้า ผิวจะรู้สึกสะอาดมากขึ้นและช่วยในเรื่องสิวเสี้ยนได้ดี แต่ข้อเสียคือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์กลิ่นแอลกอฮอล์คือชัดมาก แต่ผู้เขียนไม่ได้มีอาการแพ้นะคะและใช้เป็นประจำด้วย
ข้อดี
- ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินและลดปัญหาสิวเสี้ยนได้ดี
- เนื้อสัมผัสของโทนเนอร์ใช้งานได้ง่ายและไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ให้ความสดชื่นทุกครั้งที่ได้ใช้พร้อมช่วยให้ผิวสะอาดมากยิ่งขึ้น
ข้อควรพิจารณา
- กลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างแรงและได้กลิ่นชัดเจน
ปริมาณ | 100 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | กรดซาลิไซลิก 0.5% |
สภาพผิวที่แนะนำ | ผิวมันและเป็นสิวได้ง่าย |
อภัยภูเบศร โทนเนอร์สมุนไพร

ราคา 125 บาท*
โทนเนอร์สมุนไพรอภัยภูเบศรเป็นโทนเนอร์อีกหนึ่งแบรนด์ที่ผู้เขียนเลือกใช้เมื่อมีปัญหาผิวแพ้ง่ายค่ะ ขอบอกแบบไม่ได้อวยว่าประสิทธิภาพของโทนเนอร์ดีมาก ๆ ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหลังจากการล้างหน้าได้ดี ทางแบรนด์เคลมมาว่าโทนเนอร์ของเขาไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งในจุดนี้เราเห็นด้วยค่ะ เพราะไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์เลยได้กลิ่นแค่สมุนไพร ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์คือแตงกวา ใบบัวบกและมะขามป้อม ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้มีไว้เพื่อปรับสภาพผิวค่ะ ใครที่ชอบโทนเนอร์สมุนไพรที่ต้องห้ามพลาดค่ะ
โทนเนอร์สมุนไพรอภัยภูเบศรเป็นโทนเนอร์ที่เราอยากให้คุณเลือกซื้อหากคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายค่ะ เพราะช่วยปลอบประโลมผิวได้จริงให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังใช้แตงกวามาสก์หน้าอยู่เลยค่ะ โทนเนอร์จะมีความเย็น ๆ สบายผิว เนื้อสัมผัสก็บางเบามากสามารถทำหน้าที่เป็นโทนเนอร์และน้ำตบได้ในหนึ่งเดียว ตัวผู้เขียนมองว่าโทนเนอร์สมุนไพรในไทยนั้นค่อนข้างหายาก อภัยภูเบศรจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการใช้สกินแคร์สมุนไพรค่ะ
ข้อดี
- ใช้ส่วนผสมของสมุนไพรหลากหลายชนิดเพื่อฟื้นฟูผิว
- ช่วยลดความแห้งกร้านของผิวหลังจากการล้างหน้าได้เป็นอย่างดี
- ปริมาณเยอะใช้งานได้นาน ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคา
ข้อควรพิจารณา
- ใครที่แพ้ส่วนผสมของสมุนไพรในรายการส่วนผสมไม่แนะนำให้ใช้
ปริมาณ | 200 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | แตงกวา ใบบัวบกและมะขามป้อม |
สภาพผิวที่แนะนำ | ทุกสภาพผิว |
SOS Hyaluron pH Balancing Toner โทนเนอร์

ราคา 129 บาท*
SOS Hyaluron pH Balancing Toner โทนเนอร์ปรับผิวที่เราอยากแนะนำค่ะ ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่ได้รับความนิยมเหมือนกัน ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์คือน้ำไผ่และไฮยาลูรอน ซึ่งน้ำไผ่ถือเป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์เลยค่ะ ทางแบรนด์ให้ข้อมูลมาว่าน้ำไผ่ที่ทางแบรนด์ใช้ได้มาจากเมืองอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นน้ำไผ่ที่ขึ้นชื่อในการช่วยลดแบคทีเรียบนผิว ส่วนไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติปรับผิวให้ชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น เนื้อโทนเนอร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายมากและไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นและปรับสมดุลของผิวค่ะ

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนเคยใช้เซรั่มไฮยาลูรอนของเอะสึโอเอะสึมาก่อนค่ะ ประสิทธิภาพถือว่าดีมากเลยเพราะให้ความชุ่มชื้นได้ดี อยากจะลองซื้อโทนเนอร์มาใช้หลายครั้งแต่ตัดใจจากแบรนด์ประจำไม่ได้จริง ๆ เลยไม่ได้ใช้สักทีค่ะ จากรีวิวจากคนซื้อมากมายทำให้เราพบว่าหลายคนให้ความคิดเห็นในแง่บวกว่าโทนเนอร์ปรับผิวได้จริงและทำให้ผิวนุ่มขึ้นด้วย คุณภาพดีขนาดนี้และรีวิวก็ปังขนาดนี้ไม่ซื้อก็คงไม่ได้ผู้เขียนต้องหยิบใส่ตะกร้าแป๊บค่ะ
ข้อดี
- ช่วยปรับสมดุลและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้เป็นอย่างดี
- ปราศจากสารอันตรายหลากหลายชนิดไม่ทำให้ระคายเคืองผิว
- ทำความสะอาดผิวได้ดีและช่วยลดปัญหาการระคายเคืองผิวหลังการล้างหน้า
ข้อควรพิจารณา
- เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้งมากกว่าคนที่มีผิวมัน
ปริมาณ | 50 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | น้ำไผ่และไฮยาลูรอน |
สภาพผิวที่แนะนำ | ทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวแห้ง |
Boots Vitamin C Brightening Toning Water โทนเนอร์

ราคา 139 บาท*
Boots Vitamin C Brightening Toning Water เป็นโทนสูตรวิตามินซีที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักอย่างแน่นอนค่ะเพราะลดราคาบ่อยมากและคุ้มค่าด้วย โทนเนอร์มีส่วนผสมของวิตามินซีและส้มยูซุที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้น ทางแบรนด์เคลมมาว่าโทนเนอร์สามารถทำให้ผิวกระจ่างใสได้ภายใน 7 วัน คำเคลมค่อนข้างน่าสนใจค่ะ หากอยากรู้ว่าจริงไหมต้องซื้อมาใช้ค่ะ โทนเนอร์สูตรนี้ปราศจากแอลกอฮอล์และเหมาะกับทุกสภาพผิว ใครที่ต้องการให้ผิวมีความกระจ่างใสแนะนำเลยค่ะ
Boots Vitamin C Brightening Toning Water เป็นโทนเนอร์ที่ผู้เขียนชอบซื้อมาก ๆ ค่ะโดยเฉพาะช่วงที่ Boots ลดราคา ตอนที่ซื้อมาไม่ได้หวังผลอะไรนะคะซื้อมาเพราะอยากใช้และซื้อมาเพราะเห็นว่าคุ้มเพราะด้วยปริมาณถึง 400 มล. ในราคาที่ถูกขนาดนี้เราก็ต้องไม่พลาด ถามว่าเป็นสูตร Brightening เห็นผลไหมตัวผู้เขียนเห็นผลนะคะแต่ต้องใช้เป็นประจำและต่อเนื่อง ทางแบรนด์ปรับสูตรบ่อยมากและสูตรนี้ก็เป็นสูตรที่เห็นผลชัดเจนที่สุด ผู้เขียนใช้โทนเนอร์สูตรนี้เป็นผลิตอเนกประสงค์เพราะเอามาเช็ดรักแร้บ้าง เช็ดเข่า เช็ดศอกบ้างประสิทธิภาพคือใช้ได้เลยค่ะ
ข้อดี
- เช็ดแล้วผิวรู้สึกสะอาดและให้ความสดชื่นได้อย่างดี
- ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสได้จริงหากใช้งานเป็นประจำและต่อเนื่อง
- ขวดใหญ่จุใจถึง 400 มล. ให้ความคุ้มค่าได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- มีส่วนผสมของวิตามินซีอย่าลืมทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้
ปริมาณ | 400 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | วิตามินซีและส้มยูซุ |
สภาพผิวที่แนะนำ | ทุกสภาพผิว |
Plantnery Tea Tree First Toner โทนเนอร์

ราคา 164 บาท*
Plantnery Tea Tree First Toner โทนเนอร์อีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความคุ้มค่าได้ดีค่ะ Plantnery เป็นแบรนด์ที่กำลังมาแรงใน Tiktok เลยค่ะ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็อยากลองใช้เพราะเห็นว่าราคาประหยัดแต่มีรีวิวเยอะมากยอดขายก็ดีด้วยแต่ยังไม่มีโอกาสได้ซื้อสักที ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์คือทีทรีค่ะ คนที่มีปัญหาสิวคงรู้ดีอยู่แล้วว่าสารสกัดจากทีทรีเป็นสารสกัดที่ดีกับผิวที่มีสิว เพราะลดการอักเสบและลดสิวได้ดีแต่นอกจากทีทรีแล้วในโทนเนอร์ยังมีสารสกัดจากวิชฮาเซลเพื่อปลอบประโลมผิวอีกด้วยค่ะ ปริมาณก็เยอะ 250 มล. คุ้มค่าแก่การซื้อมากจริง ๆ
ผู้เขียนค่อนข้างตกใจกับยอดขายของ Plantnery Tea Tree First Toner มากค่ะเพราะยอดขายในช็อปของทางแบรนด์เป็นหลักแสนเลยทีเดียว จากรีวิวต่าง ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าผู้ใช้หลายรายชอบที่ปริมาณของโทนเนอร์เยอะและใช้งานได้นาน ส่วนเรื่องประสิทธิภาพมีหลายรีวิวที่บอกว่าโทนเนอร์ช่วยจัดการกับสิวอักเสบและสิวผดได้ดี ส่วนใหญ่คอมเมนต์ของสินค้าอยู่ในระดับห้าดาวเยอะมากค่ะ การันตีถึงคุณภาพจริง ๆ ผู้เขียนชักจะอยากซื้อขึ้นมาแล้วค่ะ
ข้อดี
- ช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดจากสิวและลดสิวผด
- เนื้อโทนเนอร์มีความบางเบา ซึมเร็วและไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ราคาไม่แพงแต่มีปริมาณเยอะมากใช้งานได้นาน
ข้อควรพิจารณา
- แนะนำให้ใช้งานเป็นประจำเพื่อให้เห็นผลอย่างชัดเจน
ปริมาณ | 250 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | สารสกัดจากทีทรีและสารสกัดจากวิชฮาเซล |
สภาพผิวที่แนะนำ | ผิวที่มีปัญหาสิว |
Smooth E Acne Clear Whitening Toner โทนเนอร์

ราคา 179 บาท*
Smooth E Acne Clear Whitening Toner เป็นโทนเนอร์เวชสำอางที่เราอยากแนะนำหากคุณมีปัญหาสิวและการระคายเคืองผิวค่ะ ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์คือกรดซาลิไซลิก สารสกัดซาลิกอัลบ่าและไนอะซินาไมด์ แน่นอนว่าส่วนผสมเหล่านี้เป็นส่วนผสมที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสิว ลดการอักเสบและลดการระคายเคืองของผิวได้ดีมากเลยทีเดียว จุดที่พิเศษคือโทนเนอร์จาก Smooth E เป็นสูตรที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าปลอดภัยไม่ทิ้งสารตกค้าง
ส่วนตัวแล้วผู้เขียนได้ยินชื่อเสียงของโทนเนอร์ Smooth E มานานมากค่ะ แต่ยังไม่ได้ลองใช้อย่างจริงจัง แต่ผู้เขียนเองเคยใช้โฟมล้างหน้าและครีมของสมูทอีมาบ้างค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าประสิทธิภาพของโทนเนอร์ย่อมดีเหมือนกันการันตีด้วยยอดขายมากมายและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากรีวิวมากมายจะเห็นได้ว่าโทนเนอร์จะช่วยเช็ดหน้าให้สะอาดพร้อมลดความมันได้อย่างทั่วถึงได้ Smooth E Acne Clear Whitening Toner มีทั้งแบบขวดทดลองและขวดไซซ์เต็มให้ซื้อนะคะสามารถซื้อได้ตามความต้องการเลย
ข้อดี
- ช่วยฟื้นฟู ดูแลและปลอบประโลมผิวได้อย่างดี
- ลดการระคายเคืองผิวและช่วยให้สิวอักเสบน้อยลง
- ลดความมันบนผิว ใช้งานง่ายเนื้อโทนเนอร์มีความบางเบา
ข้อควรพิจารณา
- ยังคงมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ค่ะ
ปริมาณ | 60 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | กรดซาลิไซลิก สารสกัดซาลิกอัลบ่าและไนอะซินาไมด์ |
สภาพผิวที่แนะนำ | ผิวที่มีปัญหาสิว |
Dr.Somchai Facial Toner Acne Prone Skin โทนเนอร์

ราคา 192 บาท*
Dr.Somchai Facial Toner Acne Prone Skin โทนเนอร์ที่คนเป็นสิวต้องรู้จักค่ะ เพราะแบรนด์ดร.สมชายเป็นแบรนด์ที่ออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่เป็นสิวอยู่แล้วนั่นเองค่ะ ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์คือวิชฮาเซลและสารสกัดที่ได้มาจากดอกบัว ทางแบรนด์เคลมมาว่าส่วนผสมทั้งสองช่วยปรับสมดุลผิว ลดสิวและช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิว ในการใช้งานสำหรับคนที่เป็นสิวผู้เขียนอยากแนะนำให้ใช้ร่วมกับไลน์ผลิตภัณฑ์ของดร.สมชายค่ะเพราะจะเห็นผลเรื่องสิวได้อย่างชัดเจน
จากความคิดเห็นของผู้ใช้มากมายต่างก็ประทับใจใน Dr.Somchai Facial Toner Acne Prone Skin เป็นอย่างมากเพราะช่วยดูแลผิวที่เป็นสิวได้จริง พร้อมกับช่วยปรับสภาพผิวได้ดีด้วย หากเปรียบเทียบกับ Smooth E Acne Clear Whitening Toner ที่ช่วยดูแลสิวหมือนกันหลายคนเลือกซื้อ Smooth E มากกว่าเพราะเป็นเวชสำอางแต่ผู้เขียนบอกเลยว่า Dr.Somchai ให้ความคุ้มค่ากว่าค่ะด้วยปริมาณที่เยอะกว่าและเข้าถึงได้ง่ายกว่าด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนค่ะ
ข้อดี
- ช่วยทำความสะอาดผิวพร้อมให้ความชุ่มชื้นกับผิวไปพร้อมๆ กัน
- ตอบโจทย์สำหรับคนที่เป็นสิวได้ง่ายและดูแลความมันบนผิว
- ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อควรพิจารณา
- แนะนำให้ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์เพื่อให้เห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น
ปริมาณ | 150 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | วิชฮาเซลและสารสกัดจากดอกบัว |
สภาพผิวที่แนะนำ | ผิวที่เป็นสิวได้ง่าย |
Neutrogena Alcohol-Free Toner โทนเนอร์

ราคา 199 บาท*
Neutrogena Alcohol-Free Toner เป็นอีกหนึ่งโทนเนอร์ราคาประหยัดและเราเองก็อยากแนะนำค่ะ เป็นโทนเนอร์ที่เหมาะสำหรับคนต้องการให้ผิวของตัวเองสะอาดโดยไม่พึ่งพาแอลกอฮอล์ ใครที่แพ้กลุ่มโทนเนอร์แอลกอฮอล์อย่าง Clean & Clear Acne Clearing Toner สามารถเปลี่ยนมาใช้โทนเนอร์ของนูโทรจีนาได้ค่ะ โทนเนอร์เป็นสูตรอ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวแห้ง เพราะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นที่ปลอดภัยต่อผิวอย่างบิวทิลีนไกลคอลค่ะ โทนเนอร์ให้ความรู้สึกเย็นสบายตอบโจทย์สำหรับผิวธรรมดาและผิวผสม
Neutrogena Alcohol-Free Toner เป็นโทนเนอร์ที่หาซื้อได้ง่ายและลดราคาบ่อยมากค่ะ ผู้เขียนชอบตรงที่มันไม่มีแอลกอฮอล์แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าโทนเนอร์ไม่มีส่วนผสมในการรักษาสิวไม่เหมือนกับโทนเนอร์บำรุงผิวหน้า Smooth E Acne Clear Whitening Toner ที่มีราคาใกล้เคียงกันค่ะ แต่ก็ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการปรับสภาพผิวและต้องการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าค่ะ โทนเนอร์ตอนใช้ไม่ค่อยมีกลิ่นนะคะทุกคนแต่เมื่อดูส่วนผสมจะเห็นว่าส่วนผสมของน้ำหอมอยู่ผู้เขียนเองก็งง ๆ เหมือนกัน
ข้อดี
- กลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้แล้วรู้สึกสบายผิวพร้อมช่วยปลอบประโลมผิว
- ให้ความรู้สึกสดชื่นและให้ความชุ่มชื่นกับผิวทุกครั้ง
- ปราศจากแอลกอฮอล์ไม่ทำให้แสบผิว
ข้อควรพิจารณา
- ยังคงมีส่วนผสมของน้ำหอมและพาราเบน คนที่มีผิวแพ้ง่ายต้องระมัดระวังในการใช้
- ไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระหรือคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับผิวที่เป็นสิว
ปริมาณ | 150 มล. |
---|---|
ส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ | บิวทิลีนไกลคอล |
สภาพผิวที่แนะนำ | ผิวธรรมดาและผิวผสม |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
เคล็ดลับในการเลือกซื้อโทนเนอร์
1. เช็กสภาพผิวก่อนใช้โทนเนอร์
|
ผิวแห้งสำหรับผิวแห้งการเลือกโทนเนอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นจะเหมาะสมกับผิวมากที่สุดค่ะ เพราะผิวที่แห้งจะให้ความรู้สึกตึง บางครั้งก็ลอกและอาจจะเกิดอาการคัน สาเหตุของผิวแห้งเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นภาวะขาดน้ำ สภาพอากาศ อายุที่มากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ดังนั้นคนที่มีผิวแห้งควรเลือกโทนเนอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นหรือเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว สำหรับคำแนะนำจากเราทางเราอยากให้ทุกคนพิจารณาเลือกซื้อโทนเนอร์ที่มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นขึ้นสักหน่อยเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ยาวนานค่ะ |
|
ผิวมันหากคุณมีผิวมันแนะนำให้เลือกซื้อโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติควบคุมความมันค่ะ แน่นอนว่าผิวมันเป็นผิวที่ดูแลได้ยากมาก หากคุณมีผิวมันและมีแนวโน้มที่จะหมองคล้ำ ทางเราขอบอกเลยว่าปัญหานี้มักจะบ่งบอกถึงการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวหนัง ดังนั้นการเลือกโทนเนอร์ที่ควบคุมความมันและมีสารแอนตี้ซีบัมจะเหมาะสำหรับจัดการกับปัญหาผิวมันมากที่สุด อีกทั้งคุณสามารถเลือกโทนเนอร์ที่เคลมมาว่าสามารถทำความสะอาดได้ลึกถึงรูขุมขน ในเรื่องเนื้อสัมผัสเราแนะนำให้เลือกโทนเนอร์ที่เป็นน้ำ ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทำให้หน้ามันมากกว่าเดิมค่ะ |
|
ผิวแพ้ง่ายหากคุณมีผิวแพ้ง่ายการเลือกซื้อโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนจะดีต่อผิวมาก ๆ ปกติแล้วผิวแพ้ง่ายมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ ได้ง่ายโดยเฉพาะสารเคมีค่ะ หากคุณไม่เลือกโทนเนอร์อย่างระมัดระวังผิวที่บอบบางอาจทำให้เกิดรอยแดง คันและระคายเคืองได้ ในการเลือกซื้อคุณสามารถเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีความอ่อนโยน ควรหลีกเลี่ยงการเลือกโทนเนอร์ที่มีสารเติมแต่งอย่าง น้ำหอม สี แอลกอฮอล์น้ำมันแร่และสารลดแรงตึงผิว |
2. เลือกซื้อประเภทของโทนเนอร์ตามความต้องการของผิว
นอกจากประเภทของผิวแล้วคุณยังสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ไหนดี โดยเลือกตามประเภทของโทนเนอร์ค่ะ ในจุดนี้ถือเป็นข้อดีมากๆ สำหรับคนที่ปัญหาผิวหน้าเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศและมลภาวะรอบตัว โดยตัวผู้เขียนเองเป็นคนที่มีผิวผสมค่ะ ดังนั้นโทนเนอร์ที่ผู้เขียนใช้จะเป็นโทนเนอร์ที่เติมความชุ่มชื้นบ้าง ลดความมันบ้าง ดูแลสิวบ้างตามสถานการณ์ไม่ได้ใช้โทนเนอร์ตัวหนึ่งตัวใดเป็นประจำค่ะ ต่อไปนี้เป็นประเภทของโทนเนอร์ค่ะ
- โทนเนอร์ให้ความชุ่มชื้น โทนเนอร์ชนิดนี้สามารถให้ความชุ่มชื้นและมีความสามารถในการรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิว เนื้อสัมผัสของโทนเนอร์มีลักษณะเป็นของเหลวจะทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นและอ่อนนุ่มขึ้น
- โทนเนอร์ให้ความสดชื่น หากคุณต้องการความสดชื่นเป็นพิเศษโทนเนอร์ให้ความสดชื่นคือคำตอบ โทนเนอร์ชนิดนี้มีเนื้อสัมผัสคล้ายน้ำทำให้มีเนื้อบางเบาและซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย
- โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว โทนเนอร์ชนิดนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวหรือขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว อีกทั้งยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว เมื่อใช้แล้วใบหน้าจะดูสดใสและสดชื่นขึ้นเพราะโทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวสามารถทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึกกว่า
- ทรีตเมนต์โทนเนอร์ โทนเนอร์ชนิดนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทย่อย เช่น โทนเนอร์ต่อต้านสิว ต่อต้านริ้วรอยและปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น สรุปง่าย ๆ เลยค่ะว่าส่วนผสมในทรีตเมนต์โทนเนอร์จะถูกปรับให้เข้ากับปัญหาผิวที่เราต้องการแก้ไขค่ะ
3. เลือกส่วนผสมให้เข้ากับปัญหาผิว

อีกจุดที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการสำรวจสภาพผิวและเช็กปัญหาผิวก็คือการใส่ใจกับส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ค่ะ หลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าส่วนผสมแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์สำหรับปัญหาผิวบางอย่างและแต่ละคนก็ควรใช้ส่วนผสมในโทนเนอร์ที่แตกต่างกันเพื่อดูแลผิวค่ะ หากคุณต้องการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ส่วนที่ต้องให้ความสำคัญคือกลีเซอรีน, ไนอะซินาไมด์, กรดไฮยาลูโรนิก ( โซเดียมไฮยาลูโรเนต), สารสกัดจากสาหร่าย, ว่านหางจระเข้, น้ำกุหลาบ ฯลฯ เป็นทางเลือกที่ดีเพราะให้ความชุ่มชื้นได้ดีเลยค่ะ แต่หากคุณมีปัญหาผิวมันและเป็นสิวควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (BHA), วิชฮาเซล, สารสกัดจากชาเขียว, ทีทรี ฯลฯ จำไว้นะคะว่าส่วนผสมเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ๆ ดังนั้นให้เลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมกับตัวเองสามารถเพื่อให้แก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดค่ะ
เปรียบเทียบ 9 โทนเนอร์ ราคาไม่เกิน 200 บาท ยี่ห้อไหนดี ปี 2023
![]() Clean & Clear Acne Clearing Toner โทนเนอร์ | ![]() Boots Vitamin C Brightening Toning Water โทนเนอร์ | ![]() อภัยภูเบศร โทนเนอร์สมุนไพร | ![]() ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner โทนเนอร์ | ![]() Neutrogena Alcohol-Free Toner โทนเนอร์ | ![]() Smooth E Acne Clear Whitening Toner โทนเนอร์ | ![]() Dr.Somchai Facial Toner Acne Prone Skin โทนเนอร์ | ![]() SOS Hyaluron pH Balancing Toner โทนเนอร์ | ![]() Plantnery Tea Tree First Toner โทนเนอร์ |
฿109.00* | ฿139.00* | ฿125.00* | ฿99.00* | ฿199.00* | ฿179.00* | ฿192.00* | ฿129.00* | ฿164.00* |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
เคล็ดลับการใช้โทนเนอร์อย่างถูกวิธี
วิธีใช้โทนเนอร์จะต้องพิจารณาตามหน้าที่ของโทนเนอร์ค่ะ โทนเนอร์ต่างๆในท้องตลาดโดยทั่วไปทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้น เพิ่มความกระจ่างใสและเป็น โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิว สำหรับโทนเนอร์ที่มีฟังก์ชันเพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มความกระจ่างใสคุณสามารถใช้กับสำลีแผ่นแล้วทาให้ทั่วใบหน้า อีกทั้งคุณยังสามารถทาได้ด้วยการตบลงบนใบหน้าโดยตรงได้ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่เราจะแนะนำกันในการใช้โทนเนอร์ค่ะ
สิ่งที่ควรทำก่อนใช้โทนเนอร์
- หากคุณแต่งหน้ามาอย่าลืมทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยคลีนเซอร์น้ำนมหรือคลีนซิ่งออยล์ก่อน
- แนะนำให้ล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้า เป้าหมายของมันคือทำความสะอาดเครื่องสำอางจากการแต่งหน้าและสิ่งสกปรกอื่น ๆ อย่างเต็มที่ หลังจากล้างหน้าสะอาดแล้วก็ได้เวลาลงโทนเนอร์ค่ะ
วิธีการใช้โทนเนอร์
- ขั้นแรกคุณสามารถใช้สำลีผ้าฝ้ายหยดโทนเนอร์ 2-3 หยดลงบนสำลี แล้วตบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า อย่างไรก็ตามคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้บริเวณรอบดวงตา
- หลังจากนั้นรอให้โทนเนอร์ซึมเข้าสู่ผิว นอกจากการใช้สำลีแล้วคุณยังสามารถใช้นิ้วทาโทนเนอร์โดยตรงได้อีกด้วย วิธีนี้ใช้ได้ดีกว่าแต่คุณต้องแน่ใจว่ามือของคุณสะอาดจริง ๆ ค่ะ
- วิธีที่สามคือฉีดโทนเนอร์ลงบนใบหน้าโดยตรง วิธีนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการรักษาโทนเนอร์ให้สะอาดและถูกสุขอนามัย แต่ความยุ่งยากคือเราต้องย้ายโทนเนอร์จากขวดธรรมดาไปที่ขวดสเปรย์ก่อนค่ะ
- เมื่อโทนเนอร์ซึมแล้วให้ทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดหากต้องการทำกิจกรรมในตอนเช้า ในขณะเดียวกันหากคุณใช้ตอนกลางคืนให้ทาไนท์ครีมต่อ ขอบอกเลยว่าเมื่อใช้โทนเนอร์แล้วการดูดซึมของส่วนผสมบำรุงผิวอื่น ๆ จะดียิ่งขึ้น