เมื่อพูดถึง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หลาย ๆ คนคงนึกถึงเมาส์ และคีย์บอร์ด ก่อนเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะอุปกรณ์ทั้งคู่สำคัญกับการใช้งานคอมพิวเตอร์มาก ๆ แถมการมาของเทคโนโลยีไร้สาย มันก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้อย่างเรา ๆ มีอิสระ ในการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะกับ คีย์บอร์ดไร้สาย รุ่นใหม่ ๆ ที่มักจะใส่ทัชแพดมาเหมือนแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ๊คเลย นั่นทำให้เราสามารถควบคุม และพิมพ์จากระยะไกลได้ โดยที่ไม่ต้องใช้เมาส์ และไม่ต้องใช้สายใด ๆ เลย แถมเรายังใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ททีวี, แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟน ก็สามารถเชื่อมต่อได้ครับ
แต่ด้วยความที่ คีย์บอร์ดไร้สาย ดูเป็นอุปกรณ์ง่ายๆ มีหน้าที่รับข้อมูลที่เราพิมพ์แค่อย่างเดียว คนส่วนใหญ่เลยมักมองข้ามจุดนี้ไป เพราะคิดว่าคีย์บอร์ดทุกรุ่นก็คงเหมือน ๆ กันหมด ทำงานด้วยหลักการเดียวกันทั้ง รุ่นราคาถูก และรุ่นราคาแพง ดังนั้นจึงไม่มีการลงทุนกับมันมากพอ ซึ่งถ้าเราดูให้ลึกลงไปในรายละเอียดจริง ๆ เราจะพบว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ คีย์บอร์ดมีรายละเอียดเยอะกว่านั้นมาก โดยเฉพาะกลไกของปุ่มกด ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้งานของเราโดยตรง ดังนั้นถ้าคุณอยากพิมพ์เร็ว ๆ แบบกดปุ๊บ มาปั๊บ เราขอบอกเลยว่า การลงทุนกับ คีย์บอร์ดไร้สายคุณภาพสูง ๆ คุณจะได้สิ่งนี้แน่นอน แถมยังลดการกดพลาดได้ด้วย
ในบทความนี้เราขอพาทุกคนมาดูกันว่า คีย์บอร์ดไร้สายที่มีคุณภาพสูง ๆ นั้นดียังไง ? และคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ ? และเพื่อให้ทุก ๆ คนสามารถเลือกซื้อ คีย์บอร์ดไร้สาย ที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น เราได้ไปรวบรวม 5 คีย์บอร์ดไร้สาย ที่น่าสนใจมากที่สุด สำหรับการใช้งานแบบต่าง ๆ ปี 2023 มารีวิวไว้ด้วยครับ ซึ่งจะมีรุ่นอะไร ? ราคาเท่าไหร่บ้าง ? ตามไปดูกันได้เลยครับ
คีย์บอร์ดไร้สาย รุ่นไหนดี สำหรับการใช้งานด้านต่าง ๆ
- IWACHI K4 : คีย์บอร์ดไร้สายพกพา สำหรับทุกอุปกรณ์ ที่ดีและคุ้มค่า ใช้ได้กับแท็บเล็ต มือถือ และอื่น ๆ
- Logitech MK295 : ชุดเมาส์และคีย์บอร์ดไร้สาย Logitech สำหรับใช้ทำงาน พิมพ์ง่าย ไม่มีเสียงรบกวน
- Logitech K400 Plus : คีย์บอร์ดพร้อมทัชแพด แบบไร้สาย Logitect ครอบคลุมทุกการใช้งาน
- Microsoft Designer Compact : คีย์บอร์ดไร้สายสีขาว Microsoft สำหรับทำงานบน Windows และอุปกรณ์อื่น ๆ
- Logitech Keys-to-Go : คีย์บอร์ดไร้สายสำหรับ iPad บางเบา มีปุ่มลัดของระบบ iOS ให้ครบครัน
- MOFii SWEET : ชุดคีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สาย ที่มีดีไซน์น่ารัก มีให้เลือกหลากหลายสี เพิ่มสีสันให้โต๊ะทำงานคุณ
- Royal Kludge RK61 : คีย์บอร์ดไร้สาย mechanical ขนาดพกพา เหมาะกับเกมมิ่ง กดมันส์ด้วยปุ่มแมคคานิคอล และโดดเด่นด้วยไฟ RGB
![]() IWACHI K4 Bluetooth Keyboard คีย์บอร์ดไร้สายพกพา ใช้งานกับแท็ปเล็ต และมือถือได้ | ![]() Logitech MK295 SilentTouch ชุดเมาส์+คีย์บอร์ด แบบไร้สาย ไร้เสียง สำหรับทุกออฟฟิศ | ![]() Microsoft Designer Compact Keyboard คีย์บอร์ดไร้สาย ขนาดเล็ก เรียบหรู พกพาสะดวก | ![]() Logitech Keys-to-Go Ultra Slim with iPhone Stand คีย์บอร์ดไร้สาย ที่บางเบาที่สุด สำหรับ iOS | ![]() Royal Kludge RK61 คีย์บอร์ดเกมมิ่ง แมคคานิคอลไร้สาย พร้อมไฟ RGB Backlit |
คีย์บอร์ดไร้สาย (Wireless Keyboard) คืออะไร ?

เราต้องรู้ก่อนว่า คีย์บอร์ด หรือ แป้นพิมพ์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับป้อนข้อมูลเข้าไปสู่คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ซึ่งข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปจะเป็นทั้ง ตัวอักษร อักขระพิเศษ ตัวเลข รวมไปถึงชุดคำสั่งต่าง ๆ ดังนั้นคีย์บอร์ดจึงเป็นอุปกรณ์อินพุตที่สำคัญมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมันไม่มีอุปกรณ์อินพุตอื่นแล้ว ต่างกับพวกมือถือ หรือโน้ตบุ๊ค 2 in 1 ที่มีจอสัมผัสในตัว ด้วยเหตุนี้คีย์บอร์ดจึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมาก ๆ สามารถตอบโจทย์ทั้งการพิมพ์ ป้อนคำสั่ง การควบคุมมัลติมีเดีย การเล่นเกม และอีกมากมาย ซึ่งก็แล้วแต่รุ่นของคีย์บอร์ดครับว่า จะใส่ฟังก์ชันพิเศษอะไรมาให้เราบ้าง ?
โดยคียบอร์ดส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าครับ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะให้ปุ่มต่าง ๆ มาไม่เหมือนกัน ทำให้มันมีหลายขนาดมาก ๆ บางรุ่นมีการตัดปุ่มที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้มีขนาดเล็กลง แต่บางรุ่นก็เพิ่มปุ่มพิเศษเข้ามา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถกำหนดฟังก์ชันของปุ่มได้ตามต้องการ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

ซึ่งแต่เดิม คีย์บอร์ด จะการเชื่อมต่อผ่านสาย USB โดยการเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนที่เคยใช้คีย์บอร์ดปกติมา ปัญหาที่น่ารำคาญที่สุดก็คือสายถูกมั๊ยครับ ? ไม่ว่าเราจะจัดวางแบบใด ซ่อนสายเนียนขนาดไหน เมื่อใช้งานไปสักพัก สายก็จะโผล่ออกมา รกสายตามาก ๆ ดังนั้นมือเทคโนโลยีไร้สายเข้ามา ปัญหานี้จะหมดไปทันทีครับ ดังนั้น คีย์บอร์ดไร้สาย ก็คือคีย์บอร์ดทั่วไปนั่นแหละครับ เพียงแต่จะตัดสายไฟทิ้งไป ทำให้มันมีความสะดวกมากขึ้นสามารถพิมพ์จากระยะไกลได้ ส่วนวิธีการเชื่อมต่อจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่ไม่ต่างจากเดิมเลย กับแบบที่ยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย ดังนี้
|
ตัวรับสัญญาณ USB (USB Receiver) : จะเป็นหัว USB อันเล็ก ๆ ผู้ใช้จะต้องนำหัว USB ไปเสียบเข้ากับพอร์ต USB บนอุปกรณ์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ จากนั้นก็แค่รอให้มันเชื่อมต่อกันเอง เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้ทันทีครับ |
|
สัญญาณ Bluetooth : จะเป็นการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธแบบปกติเลยครับ เหมือนกับตอนที่เราที่เชื่อมต่อลำโพงบลูทูธ หรือหูฟังบลูทูธเลย ดังนั้นมันหมายความว่า คีย์บอร์ดแบบนี้ จะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth ได้แทบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต สมาร์ททีวี โน้ตบุ๊ค ฯลฯ |
คีย์บอร์ด มีกี่ขนาด ? และต่างกันอย่างไร ?

อย่างที่ทุกคนเห็นครับว่า ทุกวันนี้คีย์บอร์ดมีอยู่หลายแบบมาก ๆ ซึ่งลักษณะทางกายภาพตรงนี้ก็คือ คีย์บอร์ดฟอร์มแฟคเตอร์ (Keyboard Form Factor) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ขนาดของคีย์บอร์ด นั่นเอง ซึ่งแน่นอนครับ ขนาดของคีย์บอร์ด มันจะส่งผลโดยตรงต่อ จำนวนปุ่ม หากตัวคีย์บอร์ดมีขนาดใหญ่ ปุ่มก็จะมีให้ครบทุกปุ่ม กลับกันถ้าคีย์บอร์ดมีขนาดเล็ก ปุ่มที่ไม่สำคัญ ก็จะถูกตัดออกไป ซึ่งปุ่มพื้นฐานของคีย์บอร์ดจะสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 5 กลุ่ม ดังนี้
- ปุ่ม Alphas : เป็นปุ่มตัวอักษรต่าง ๆ
- ปุ่ม Numpad : เป็นปุ่มตัวเลข และเครื่องหมายต่าง ๆ
- ปุ่ม Function Row : เป็นปุ่ม F1-F12 ซึ่งจะแฝงคำสั่งเสริมต่าง ๆ เช่น ปรับแสงหน้าจอ, ควบคุมเสียง, ควบคุมสื่อ ฯลฯ
- ปุ่ม Navigation & Arrows : เป็นปุ่มลูกษร และปุ่มอื่น ๆ เช่น Delete, Insert, Home, Print Screen, Scroll Lock ฯลฯ
- ปุ่ม Modifiers : เป็นปุ่มคำสั่งต่าง ๆ เช่น Enter, Shift, Alt, Ctrl, Windows ฯลฯ)
ในปัจจุบันคีย์บอร์ดจะมีหลายแบบ หลายขนาดมาก ๆ แต่ถ้านับเฉพาะขนาดที่ได้รับความนิยม มันจะแบ่งได้อยู่ 4 รูปแบบ ใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้ครับ
1. Full Size Keyboard หรือ 100% (คีย์บอร์ดขนาดเต็ม)
|
เรามาเริ่มกันที่คีย์บอร์ดมี่เป็นพื้นฐานกันก่อนครับ นั่นก็คือ Full Size Keyboard เป็นคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งมีปุ่มให้มาครบทั้ง 5 กลุ่มเลย โดยมีจำนวนปุ่มทั้งหมด 101-105 ปุ่มครับ ทำให้มันถูกเรียกเป็นคีย์บอร์ด 100% นั่นเองครับ ซึ่งการที่มันมีปุ่มให้เราใช้งานครบครันแบบนี้ มันสามารถทำให้การใช้งานของเราง่ายขึ้นครับ |
2. Ten-Key-Less Keyboard (TKL) หรือ 80%
|
คีย์บอร์ดขนาด Ten key less (TKL) หรือ 80% เป็นคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อเสียใหญ่ของคีย์บอร์ด Full-Size นั่นก็คือ ขนาดที่ใหญ่จนรู้สึกเกะกะ ซึ่งสำหรับการทำงานของบางคน ไม่จำเป็นต้องใช้บางปุ่มเลย ฉะนั้นคีย์บอร์ดรูปแบบนี้ จึงได้ตัดปุ่มที่ไม่จำเป็นออกไป เหลืออยู่ที่ 87-88 ปุ่ม และมีการลดระยะห่างของมือทั้ง 2 ข้าง โดยปุ่มที่ถูกตัดออกไปนั่นก็คือ Numpad หรือปุ่มตัวเลข ทำให้มันเหลือขนาดที่พอดี |
3. Keyboard 75%
|
คีย์บอร์ดขนาด Keyboard 75% เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ เพราะจะมีปุ่มเท่า ๆ กับขนาด 80% เลย แต่จะมีการลดขนาดของบางปุ่มลง ทำให้ตัวคีย์บอร์ดเล็ก กะทัดรัดมากขึ้น แต่ยังคงมีปุ่มสำคัญ ๆ ให้ใช้งานอยู่ครบถ้วน ทั้ง ปุ่มลูกศร ปุ่ม F1-F12 และปุ่มคำสั่งที่จำเป็นบางอย่าง เช่น ปุ่ม Delete, Prt SC, PgUp และ PgDn ดังนั้นด้วยขนาดที่กำลังพอดีไม่เปลือพื้นที่บนโต๊ะทำงาน หลาย ๆ คนจึงเลือกใช้คีย์บอร์ดขนาดนี้ครับ |
4. Compact Keyboard หรือ 60-65%
|
สำหรับคีย์บอร์ดที่มีขนาดเล็กที่สุดก็คือ Compact Keyboard ซึ่งจะเหลือขนาดอยู่แค่ 60-65% จากคีย์บอร์ดขนาด Full Size โดยจะเหลือปุ่มทั้งหมดประมาณ 61 ปุ่มเท่านั้น ซึ่งจะใกล้เคียงกับแป้นพิมพ์บน Laptop ขนาด 14 นิ้ว เลย ดังนั้นถ้าคุณใช้พวกโน้ตบุ๊ค หรือแล็ปท๊อปขนาดเล็ก ๆ อยู่แล้ว คีย์บอร์ดขนาดนี้ก็จะเหมาะกับคุณครับ โดยข้อดีคือ จะมีขนาดเล็กที่สุด และตามมาด้วยน้ำหนักที่ลดลงไปประมาณนึงเลย ดังนั้นใครที่เน้นพกพา ขนาด 60-65% เหมาะที่สุด |
และนี่ก็คือขนาดหลัก ๆ ของคีย์บอร์ดครับ แต่ยังมีคีย์บอร์ดบางรุ่น โดยเฉพาะพวก Gamming Keyboard ซึ่งมักจะใส่ปุ่มลัดมาให้ โดยผู้ใช้สามารถกำหนดฟังก์ชันที่ต้องการได้เอง ซึ่งก็จะใช้ขนาดทั้ง 4 นี่แหละครับ เป็นพื้นฐาน แต่จะมีปุ่มลัดเพิ่มเติมทำให้การใช้งานมีความสะดวกมากขึ้น
IWACHI K4 Bluetooth Keyboard คีย์บอร์ดไร้สายพกพา ใช้งานกับแท็ปเล็ต และมือถือได้

ราคา 698 บาท*
สำหรับรุ่นนี้เพิ่งเป็นแบรนด์ที่ผู้คนเริ่มรู้จักได้ไม่นานครับ จากด้านราคาที่ถือว่าย่อมเยามาก ๆ โดย IWACHI K4 รุ่นที่เราเลือกมานี้เป็นคีย์บอร์ดไร้สาย แบบพกพา ซึ่งมีดีไซน์เรียบง่าย มาในขนาด 75% ซึ่งจะมีปุ่มเท่า ๆ กับคีย์บอร์ดขนาด 80% (TKL) เลย แต่จะมีการจัดวางปุ่มใหม่ พร้อมกับลดขนาดบางปุ่มลง ช่วยให้มันมีขนาดเล็กกว่าปกติ แต่ปุ่มหลัก ๆ ยังคงมีให้ใช้ครบครัน จะขาดก็แต่ Numpad และ Navigation บางปุ่มครับ โดยปุ่มจะเป็นแบบบาง ใช้กลไก Scissors Switch ที่กดได้ง่ายและเด้งสู้นิ้ว ช่วยให้พิมพ์สนุก และปุ่มมีความทนทานมากขึ้น ส่วนฐานจะมีแค่ยางรองเท่านั้น ไม่สามารถปรับความสูงได้นะครับ

ด้านการเชื่อมต่อ รุ่นนี้ใช้ Bluetooth 3.0 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับทุก ๆ อุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth ได้ แถมยังมี Multi-Device ที่จะมี 2 Channel ในตัว ทำให้เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อม ๆ กันได้ พร้อมมีสวิตซ์สลับ Channel มาให้ด้วย ทำให้คุณสลับใช้งานอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ
ส่วนแบตฯ ให้มา 250mAh ใช้ได้นานถึง 600 ชม. เลยทีเดียว เพราะไม่มีไฟใต้ปุ่ม จึงกินไฟน้อย และใช้ชาร์จผ่านพอร์ต Micro USB ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานครับ นอกจากนี้คุณยังใช้พิมพ์ ในระหว่างที่กำลังชาร์จได้ด้วย ฉะนั้นถ้าแบตฯ หมดก็ไม่ต้องกลัวเลย

หลังจากเราได้ทดสอบใช้งานมาระยะนึง ต้องบอกเลยว่า ช่วงแรก ๆ รู้สึกว่า ปุ่มมันกดค่อนข้างยากครับ จะต้องใช้แรงกดเยอะกว่าที่เราพิมพ์บนแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊ค ทำให้ช่วงแรก ๆ พิมพ์ผิดเยอะมาก แต่สิ่งที่เราชอบคือ ปุ่มมันเด้งคืนตัวเร็วมาก ๆ สู้นิ้ว ช่วยให้พิมพ์สนุกขึ้น หลังจากที่ปรับตัวได้แล้ว
ซึ่งถ้าเทียบกับแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ๊ค สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ปุ่มของ IWACHI K4 จะใช้แรงกดมากกว่านิดหน่อยทำให้เราต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักนึง แต่ใครที่ชอบพิมพ์หนัก ๆ อยู่แล้วรุ่นนี้เหมาะมากครับ ส่วนการใช้งานด้านอื่น ๆ รวมถึงการเชื่อมต่อ รุ่นนี้ให้มาครบครันแบบไม่มีข้อติเลย ถ้าเทียบกับราคาถือว่าคุ้มค่าเป็นอันดับต้น ๆ ครับ ตอบโจทย์ทั้ง การทำงาน และการเล่นเกม ได้ทุกที่ทุกคุณไป
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Scissors Switch Keys |
---|---|
เลย์เอาท์ | 75% Keyboard |
ความเข้ากันได้ | ทุกระบบ |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 3.0 |
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ |
|
ขนาด/น้ำหนัก |
|
Logitech MK295 SilentTouch ชุดเมาส์+คีย์บอร์ด แบบไร้สาย ไร้เสียง สำหรับทุกออฟฟิศ

ราคา 890 บาท*
ถ้าคุณกำลังมองหา ชุดเมาส์ และคีย์บอร์ด แบบไร้สาย สุดคุ้มไปใช้งาน เราขอแนะนำ Logitech MK295 ชุดเมาส์ + คีย์บอร์ด แบบไร้สาย ขนาด Full Size ที่มีปุ่มต่าง ๆ ครบครันตามมาตรฐาน แถมมีปุ่มลัดอีก 8 ปุ่ม ช่วยให้คุณใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวฐานปรับความสูงได้ ช่วยให้คุณปรับองศาแป้นพิมพ์ตามความถนัดของแต่ละคนได้ง่าย ๆ และที่สำคัญคือ รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยี SilentTouch ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนลง ทำให้การพิมพ์ และการคลิก มีเสียงเงียบลงถึง 90% เลยทีเดียว ดังนั้นชุดนี้จึงเหมาะมาก ๆ กับสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ด้านการออกแบบรุ่นนี้มาพร้อมโครงสร้างที่เราคุ้นเคยกันดีครับ ดูแข็งแกร่งตามมาตรฐาน คีย์แคปใช้ปุ่ม Membrane Switch ที่มีขนาดใหญ่ เป็นแบบแบน ที่นอกจากจะเงียบแล้ว มันยังพิมพ์ง่าย สบายนิ้วอีกด้วย โดยมีทั้งหมด 111 คีย์ เรียกได้ว่ามีครบทุกปุ่มเลย พร้อมกับเคลือบป้องกันการซีดจางมาให้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีการทดสอบการป้องกันน้ำหกมาด้วย (แต่ไม่สามารถนำลงไปแช่ในน้ำได้นะครับ) ใครที่ชอบดื่มกาแฟ หรือน้ำที่โต๊ะทำงาน ก็ไม่ต้องกลัวครับ
ในด้านการชื่อมต่อรุ่นนี้ใช้ตัวรับสัญญาณ USB ดังนั้นรุ่นนี้จึงรองรับเฉพาะ อุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB เท่านั้นครับ ส่วนแบตฯ จะใช้เป็นถ่าน ไม่ต้องชาร์จให้ยุ่งยาก และยังใช้งานได้นานเป็นปี ๆ อีกด้วย

ในด้านคุณภาพเราแทบไม่ต้องห่วงอะไรเลย เพราะชื่อนี้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้ว และหากคุณไปไล่ดูรีวิวจากลูกค้าจำนวนมากที่ซื้อ Logitech MK295 รุ่นนี้ไป ส่วนใหญ่ต่างชื่นชมในประสบการณ์การพิมพ์ที่สะดวกสบาย มีการตอบสนองที่ดี แถมขนาดและระยะห่างระหว่างปุ่มก็เหมาะสม ทำให้ง่ายต่อการพิมพ์ต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญคือเสียงที่เงียบมากจริง ๆ ครับ
ส่วนเมาส์ถึงแม้หลาย ๆ คนจะบ่นว่าเล็กไปหน่อย แต่มันก็ยังมีความแม่นยำ และสามารถใช้งานบนพื้นผิวที่หลากหลายได้ ดังนั้นโดยรวมแล้ว ถ้าคุณกำลังมองหาคีย์บอร์ดและเมาส์ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ เน้นความเงียบ และการตอบสนองที่ดี Logitech MK295 เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์มาก ๆ รุ่นนึงครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Membrane Switch Keys |
---|---|
เลย์เอาท์ | 100% Full Size Keyboard |
ความเข้ากันได้ | ChromeOS, Windows |
การเชื่อมต่อ | ตัวรับสัญญาณ USB |
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ |
|
ขนาด/น้ำหนัก |
|
Logitech K400 Plus Wireless Touch Keyboard คีย์บอร์ด พร้อมทัชแพด แบบไร้สาย

ราคา 1,010 บาท*
เรามาต่อกันที่ Logitech Touch K400 Plus เป็นคีย์บอร์ดไร้สาย ที่มาพร้อมทัชแพดในตัว ช่วยให้คุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้ในอุปกรณ์เดียว ตัวคีย์บอร์ดมาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียบง่ายครับ ขนาด TKL 80% ที่เปลี่ยนจาก Numpad ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งาน เป็นทัชแพด ขนาด 3.5 นิ้ว ส่วนปุ่มรุ่นนี้มีทั้งหมด 83 ปุ่ม ใช้ Membrane Switch แบบบาง ซึ่งพิมพ์ได้ง่าย และมีเสียงเงียบ และทัชแพดก็ช่วยเพิ่มความสะดวกในการควบคุม แถมรุ่นนี้ยังมีความทนทานสูง ตามสไตล์ Logitech เลยครับ โดยผ่านการทดสอบการกันน้ำหกมาแล้ว ดังนั้นคุณสามารถใช้งานได้อย่างไร้กังวลครับ
ด้านการเชื่อมต่อรุ่นนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ในพริบตาเดียว ด้วยตัวรับสัญญาณ USB Unifying ที่แค่คุณนำไปเสียบ มันก็จะใช้งานได้ทันที พร้อมกับมีซอฟต์แวร์ Logitech Options ที่คุณสามารถเข้าไปปรับแต่งปุ่ม รวมไปถึงตั้งค่าทัชแพดได้ตามต้องการ ช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อได้กับทุกอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB ครับ ทั้ง PC, Notebook, Smart TV และอื่น ๆ
ส่วนแบตฯ รุ่นนี้จะใช้ถ่าน AA จำนวน 2 ก้อนครับ โดยมีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 18 เดือน เลยทีเดียว

จากที่เราได้ตามไปดูรีวิวของผู้ใช้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ พบว่า K400 Plus มีความบางเบา แต่แข็งแรง ทนทาน และมีองศาที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งช่วยให้ไม่เมื่อยล้าหากต้องใช้พิมพ์ต่อเนื่องนาน ๆ ส่วนการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ก็ทำได้ง่าย ๆ ผ่านตัวรับสัญญาณ Unifying ขนาดเล็ก ที่แค่เสียบมาก็ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเชื่อมต่อให้ยุ่งยาก
ดังนั้นถ้าเรามองภาพรวมทั้ง ประสิทธิภาพ และราคา รุ่นนี้จะจัดเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเลย สำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดไร้สาย ที่มีทัชแพดในตัว เพื่อใช้กับคอมฯ หรือทีวี ในห้องนั่งเล่น ด้วยราคาแค่พันต้น ๆ แต่สามารถช่วยให้คุณควบคุมได้ทั้งหมด มันจึงคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาก ๆ ครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Membrane Switch Keys |
---|---|
เลย์เอาท์ | 80% TKL Keyboard |
ความเข้ากันได้ | Windows / Android / Chrome OS |
การเชื่อมต่อ | ตัวรับสัญญาณ USB |
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ |
|
ขนาด/น้ำหนัก |
|
Microsoft Designer Compact Keyboard คีย์บอร์ดไร้สาย ขนาดเล็ก เรียบหรู พกพาสะดวก

ราคา 2,190 บาท*
Microsoft Designer Compact เป็นคีย์บอร์ดไร้สาย ขนาดเล็ก และบางเบา ออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก หรือจะวางบนโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกัน ด้วยดีไซน์ที่เล็ก และเรียบหรู จะช่วยให้โต๊ะของคุณดูมินิมอล น่านั่งทำงานมากขึ้น ซึ่งตัวคีย์บอร์ดจะเป็นขนาด 75% ครับ โดยพวกปุ่ม Delete, Insert, Home, Print Screen และอื่น ๆ จะถูกรวมอยู่ในปุ่ม F1-F12 ทำให้มันมีขนาดเล็กลง และหนักเพียง 288 กรัม เท่านั้น ส่วนกลไกปุ่มใช้ Scissor ที่กดง่าย นุ่มสบาย พร้อมมีดีไซน์ปุ่มแบบแบน ที่มีการเว้นระยะปุ่ม และมีระยะการกดลงแค่ 1.35 มม. ทำให้คุณพิมพ์ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องออกแรง ดังนั้นคุณจึงพิมพ์ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีปุ่มพิเศษ 2 ปุ่ม คือ ปุ่มอีโมจิ ที่คุณสามารถพิมพ์อิโมจิ รวมถึงสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ และมีปุ่มแคปหน้าจอ ที่คุณสามารถเลือกแคปส่วนที่ต้องการ คัดลอก วาง และแชร์ได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งด้วยดีไซน์ที่บางเบาหลาย ๆ คนจึงอาจจะมองว่ามันบอบบาง แต่ถ้าคุณเคยใช้อุปกรณ์ของ Microsoft มาก่อน คุณจะรู้เลยว่า คุณภาพของแบรนด์นี้ไม่ธรรมดาเลย อย่างรุ่นนี้มีการใช้วัสดุที่ดีและดูทนทาน แถมงานประกอบยังรู้สึกได้ถึงความแน่นหนา ให้สัมผัสที่พรีเมียมมากขึ้น
ส่วนการเชื่อมต่อจะใช้ Bluetooth 5.0 ใหม่ ซึ่งทำให้มีการตอบสนองต่อการพิมพ์ที่รวดเร็วขึ้น เมื่อบวกกับปุ่มที่พิมพ์สบาย ๆ มันจึงให้การพิมพ์ที่ทั้ง เร็ว และสนุกขึ้น นอกจากนี้คุณยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ถึง 3 เครื่อง พร้อมกันด้วย โดยที่คุณสามารถสลับไปใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ ครับ ใครต้องการพิมพ์บนอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่อง ขอบอกเลยว่า คีย์บอร์ดตัวนี้คุ้มมาก ๆ ครับ

ซึ่งเราได้อ่านรีวิว และคำวิจารณ์จากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ เราพบว่า ผู้ที่ซื้อรุ่นนี้ไปใช้ แทบทุกคนรู้สึกชื่นชอบดีไซน์ที่เล็ก และบางเบาของรุ่นนี้มาก ๆ ครับ มันให้ความรู้สึกแบบมินิมัลมาก ๆ จะพกพาก็ได้ หรือจะวางบนโต๊ะทำงานก็ไม่มีปัญหา แต่กับคนที่มีสรีระมือใหญ่ก็อาจจะรู้สึกว่า ปุ่มของรุ่นนี้ ชิดกันเกินไป เลยทำให้ในช่วงแรก ๆ จะต้องปรับตัวสักหน่อย
แต่โดยรวมแล้ว Microsoft Designer Compact ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ ครับ ซึ่งใครที่ชื่นชอบดีไซน์แบบพรีเมียม วัสดุคงทน เน้นความบางเบา เพื่อให้มันพกพาได้ง่ายและสะดวก ส่วนปุ่มก็นิ่มจริง ๆ ครับ ทำให้พิมพ์ได้ง่ายสุด ๆ แบบไม่ต้องออกแรงเลย แถมยังมีปุ่มพิเศษมาให้ใช้ด้วย นอกจากนี้การเชื่อมต่อก็ยังใช้เทคโนโลยีระดับสูง เพื่อให้มันช่วยมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีขึ้น
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Scissors Switch Keys |
---|---|
เลย์เอาท์ | 75% Keyboard |
ความเข้ากันได้ | ทุกระบบ |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 |
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ |
|
ขนาด/น้ำหนัก |
|
Logitech Keys-to-Go Ultra Slim with iPhone Stand คีย์บอร์ดไร้สาย ที่บางเบาที่สุด สำหรับ iOS

ราคา 1,590 บาท*
หากคุณเป็นสาวกของ Apple ที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดไร้สาย เพื่อนำมาใช้กับ iPhone, iPad หรือแม้แต่ Apple TV เราขอแนะนำ Logitech Keys-To-Go คีย์บอร์ดไร้สาย ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ของ Apple เป็นหลัก โดยเฉพาะกับ iPad ทุก ๆ รุ่น โดยรุ่นนี้มีดีไซน์ Ultra Slim บางเพียง 6 มม. และหนักแค่ 180 ก. เท่านั้น ทำให้กลายเป็นหนึ่งในคีย์บอร์ดไร้สายที่บางเบาที่สุด แถมหน้าตาก็ดูเรียบหรู ใช้วัสดุที่ทนทาน และให้สัมผัสที่พรีเมี่ยม โดยผิวจะถูกหุ้มด้วย Fabric Skin ที่กันน้ำได้ ถ้าโดนน้ำคุณสามารถเช็ดออกได้ง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อบวกขนาดที่เล็ก และบางเบา คุณจึงพกพาได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะพัง

ในด้านปุ่มใช้ Scissor Keys ที่นุ่ม กดง่าย ซึ่งมีปุ่มเท่า ๆ กับแป้นของ Macbook เลย โดยจะมีปุ่มที่จำเป็น ๆ ของระบบ iOS ให้มาครบครัน และมีการเปลี่ยนแถว F1-F12 เป็นปุ่มลัด iOS เต็มรูปแบบ คุณจึงใช้คำสั่งของระบบ iOS บนอุปกรณ์ Apple ได้ทั้งหมด ซึ่งด้วยความบาง ปุ่มของรุ่นนี้จึงนุ่ม กดได้ง่ายมาก ๆ ระยะการกดลงที่ต่ำ ทำให้ไม่ต้องใช้แรงกดเลย หากคุณปรับตัวกับปุ่มแบบนี้ได้ คุณจะมีประสบการณ์พิมพ์ที่ดีมาก ๆ ครับ เพราะนอกจากจะนุ่มแล้ว ปุ่มของรุ่นนี้ยังมีการตอบสนองที่ไว และปุ่มก็มีการเด้งกลับเร็วมาก ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณพิมพ์สนุก และต่อเนื่องขึ้น
ส่วนแบตฯ รุ่นนี้จะใช้แบตฯ ในตัว หากใช้พิมพ์ 2 ชม./วัน มันจะใช้ได้นานถึง 3 เดือน เลยทีเดียวครับ ดังนั้นถ้าใครกำลังมองหาคีย์บอร์ดไร้สาย มาใช้งานกับ iPad, iPhone และ Apple TV โดยเฉพาะ รุ่นนี้ถือว่า คุ้มค่ามากครับ

สำหรับรีวิวของ Logitech Keys-to-Go หากคุณไปดูรีวิวในช่องทางต่าง ๆ คุณจะเห็นเลยว่า ส่วนใหญ่จะชื่นชอบรุ่นนี้ในด้านดีไซน์ที่บางเบา เพราะมันเหมาะกับคนที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ เป็นอย่างมาก แถมรุ่นนี้ยังใช้เชื่อมต่อได้หลากหลายมาก ๆ ครับ ทั้ง iPad, iPhone และ Apple TV ทุกรุ่น รวมถึงมือถือ แท็บเล็ต ระบบอื่น ๆ ด้วย แต่ความที่ปุ่มต่าง ๆ เป็นของระบบ iOS โดยตรง การใช้งานบนระบบอื่น ๆ จึงทำได้แค่พื้นฐานเท่านั้นครับ
ในด้านการพิมพ์เห็นเล็ก ๆ แบบนี้ รุ่นนี้ยังคงให้ประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีมาก ๆ ครับ ด้วยปุ่มที่กดง่ายแบบไม่ต้องใช้แรง เสียงก็เงียบ คุณจึงพิมพ์ได้ทุกที่ และปุ่มต่าง ๆ ก็เอื้อให้กับอุปกรณ์ iOS โดยเฉพาะ คุณจึงสามารถใช้งานคำสั่งและฟังก์ชันต่าง ๆ ของระบบ iOS ได้ทั้งหมด ทำให้โดยรวมแล้วเจ้ารุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกสุดคุ้มค่าครับ สาวก Apple คนไหน ที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดที่พกพาง่าย ๆ มีความทนทาน เหมาะกับทุกเดินทาง ต้องรุ่นนี้เท่านั้นครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Scissors Switch Keys |
---|---|
เลย์เอาท์ | 60-65% Compact Keyboard |
ความเข้ากันได้ | ทุกระบบ |
การเชื่อมต่อ |
|
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ |
|
ขนาด/น้ำหนัก |
|
MOFii SWEET Wireless Combo Set คีย์บอร์ดและเมาส์ ไร้สาย สีพาสเทลสุดน่ารัก

ราคา 1,090 บาท*
อันดับต่อมาเราขอมาเอาใจสาว ๆ สายทำงานกันบ้างครับ กับ MOFii SWEET ชุดคีย์บอร์ด และเมาส์ แบบไร้สาย ที่มาพร้อมกับสีพาสเทลที่สดใส สะดุดตา โดยมีสีให้เลือกเยอะมาก ๆ ครับ ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่กำลังหาของตกแต่งโต๊ะทำงาน เพื่อให้มันดูไม่น่าเบื่อ โดยคีย์บอร์ดจะเป็นขนาด Full Size ที่มีปุ่มครบครัน จัดวางตามคีย์บอร์ดปกติ ซึ่งทุกคนก็น่าจะคุ้นชินกันอยู่แล้วครับ โดยมีปุ่มทั้งหมด 104 ปุ่ม ใช้เป็น Rubber dome ที่กดง่าย ดีไซน์ปุ่มจะเป็นทรงวงกลม ที่ดูแปลกตา และมีการยกสูงขึ้น เพื่อลดการสะสมของฝุ่น ปุ่มของรุ่นนี้จึงมีระยะการกดลึกกว่าคีย์บอร์ดปกตินิดหน่อย ดังนั้นในช่วงแรก ๆ อาจจะต้องปรับตัวสักหน่อยนะครับ ส่วนฐานคีย์บอร์ดก็มียางกันลื่นทั้ง 4 มุม ช่วยให้ไม่ขยับเวลาพิมพ์ และมีขาตั้งให้คุณปรับความสูงได้ด้วย
ส่วนเมาส์ไร้สายในชุดนี้ก็มีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เลยครับ โดยจะมีการออกแบบให้หลังเมาส์ยกสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะให้คุณไม่ต้องงอข้อมือมากเกินไป รวมถึงไม่วางข้อมือจนแบนราบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดข้อมือ เมื่อใช้เมาส์ต่อเนื่องนาน ๆ ในด้านการเชื่อมต่อ ใต้ตัวเมาส์จะมีช่องสำหรับเก็บตัวรับสัญญาณ USB มาให้ครับ ซึ่งสามารถใช้เชื่อมต่อได้ทั้งเมาส์ และคีย์บอร์ดเลย โดยคุณจะใช้พร้อมกัน หรือแยกใช้แค่อย่างเดียว ก็ได้เช่นกันครับ ส่วนวิธีใช้ก็ง่ายมาก ๆ แค่นำหัว USB ไปเสียบกับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ มันก็จะใช้งานได้ทันที
ส่วนแบตฯ ทั้งเมาส์และคีบอร์ดจะใช้ถ่านขนาด AA เพียง 1 ก้อน เท่านั้นครับ ซึ่งสามารถใช้งานได้นาน แต่ถ้าถ่านหมดก็หามาเปลี่ยน และใช้งานต่อได้ง่าย ๆ ครับ
หลาย ๆ คนยกให้ MOFii SWEET เป็นหนึ่งในเมาส์และคีย์บอร์ดไร้สายที่น่ารักที่สุดครับ ด้วยดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างไปจากปกติ บวกกับสีสันที่สดใส มันเลยทำให้โต๊ะทำงานของเราดูไม่เหมือนเดิม ซึ่งถ้าเทียบกับดีไซน์แบบเดิม ๆ ส่วนตัวคิดว่า เมาส์และคีย์บอร์ดชุดนี้ สามารถช่วยให้เรารู้สึกอยากทำงานมากขึ้น
ซึ่งนอกจากหน้าตาที่สวยถูกใจแล้ว ในด้านการใช้งาน ถ้าคุณลองไปไล่ดูรีวิวจากผู้ซื้อที่มีหลายพันคน คุณจะเห็นเลยว่า รีวิวเกือบทั้งหมดเป็นไปในทิศทางบวกครับ ทั้ง ปุ่มกด ประสิทธิภาพการพิมพ์ การตอบสนอง การเชื่อมต่อ ทุกอย่างล้วนทำได้ดีมาก ๆ ตอบโจทย์การทำงานสุด ๆ ใครอยากให้โต๊ะทำงานที่แสนน่าเบื่อ ดูไม่เหมือนเดิม เราขอแนะนำรุ่นนี้เลยครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Rubber Dome Switch |
---|---|
เลย์เอาท์ | 100% Full Size Keyboard |
ความเข้ากันได้ | Windows / Chrome OS |
การเชื่อมต่อ | ตัวรับสัญญาณ USB |
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ | 1 x AA |
ขนาด/น้ำหนัก |
|
Royal Kludge RK61 คีย์บอร์ดเกมมิ่ง แมคคานิคอลไร้สาย พร้อมไฟ RGB Backlit

ราคา 999 บาท*
Royal Kludge RK61 เป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอลเกมมิ่งไร้สาย ขนาดพกพาเพียงไม่กี่รุ่น ที่มีราคาแค่หลักร้อยบาทเท่านั้นครับ มาในดีไซน์ที่ดูพรีเมียม เกมมิ่งจ๋า ๆ ตัวคีย์บอร์ดมาในขนาด Compact 60% ซึ่งจะมีทั้งหมด 61 ปุ่ม ทำให้มีขนาดเล็ก กะทัดรัดเป็นพิเศษ ใครที่เน้นการพกพา รุ่นนี้จะตอบโจทย์สุด ๆ ครับ แถมปุ่มที่ใช้ก็เป็นแมคคานิคอลที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพ และการตอบสนองที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นในราคานี้มันจึงคุ้มค่ามาก ๆ โดยรุ่นนี้มีให้เลือกทั้ง สีแดง สีน้ำตาล และสีฟ้าเลย หากใครชอบเสียงเบา เสียงดัง กดจังหวะเดียว หรือสองจังหวะก็เลือกได้เลย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความเป็นเกมมิ่ง ด้วยไฟ RGB Backlit ที่ปรับได้มากถึง 17 โหมด ซึ่งสามารถปรับให้เข้ากับสไตล์ของคุณได้อย่างแน่นอน

ส่วนการเชื่อมต่อรุ่นนี้รองรับได้ 3 แบบ เลย คือ การเชื่อมต่อผ่าน USB ทั้ง ตัวรับสัญญาณ USB 2.4GHz และสาย USB-C พร้อมด้วยการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ 3 เครื่องพร้อม ๆ กันได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป หรืออื่น ๆ คีย์บอร์ดรุ่นนี้ก็เชื่อมต่อ และสลับใช้งานไปมาได้หมดครับ ในส่วนประสิทธิภาพก็ต้องบอกเลยว่า มันทำงานได้น่าประทับใจมาก ๆ ครับ สามารถให้ประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีได้ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะนำไปใช้ในการแข่งขันเกมนะครับ ใครที่เน้นการใช้งานทั่วไป ใช้เล่นเกมในทุก ๆ วัน คีย์บอร์ดราคาย่อมเยาตัวนี้เหมาะมาก ๆ ครับ
ซึ่งถ้าเราไปไล่ดูคำวิจารณ์จากผู้ใช้จำนวนมากที่ซื้อ Royal Kludge RK61 รุ่นนี้ไปใช้งาน เราก็จะเห็นเลยว่า คำวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวกแทบทั้งหมดครับ ทุกคนต่างบอกว่า มันคุ้มค่ากับราคามาก ๆ และให้คุณภาพการพิมพ์ที่ดี กดง่าย และมีการตอบสนองต่อการสัมผัสที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้รุ่นนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อที่อิสระมาก ๆ ด้วย ใครที่ใช้อุปกรณ์หลาย ๆ เครื่องอยู่ รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
สวิตซ์ | Mechanical Switch |
---|---|
เลย์เอาท์ | 60% Compact Keyboard |
ความเข้ากันได้ | ทุกระบบ |
การเชื่อมต่อ |
|
Numpad | |
Touchpad | |
แบตเตอรี่ | 1,450mAh |
ขนาด/น้ำหนัก |
|
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
วิธีการเลือกซื้อ คีย์บอร์ดไร้สาย
การเลือกซื้อ คีย์บอร์ดไร้สาย เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม ไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่า ทั้ง คีย์บอร์ดราคาถูก และแพง มันก็พิมพ์ได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงคีย์บอร์ดมันมีรายละเอียดเยอะกว่านั้นมากครับ ซึ่งแน่นอนครับ สิ่งแตกต่างกัน มันไม่ได้แสดงให้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ถ้าคุณมีโอกาสได้สัมผัสและใช้คีย์บอร์ดรุ่นที่ดี ๆ มีประสิทธิภาพ และการตอบสนองรวดเร็ว คุณจะกลับไปใช้คีย์บอร์ดรุ่นราคาร้อยสองร้อยไม่ถนัดอีกเลย ดังนั้นพูดง่าย ๆ ว่า คีย์บอร์ดประสิทธิภาพสูง มันช่วยคุณอยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัว หากคุณมีงบมากพอเราก็อยากให้คุณลงทุนกับคีย์บอร์ดสักนิดนึง ไม่ว่าจะสวิตซ์อะไรก็แล้วแต่ มันดีกว่ารุ่นถูก ๆ แน่นอน และนี่ก็วิธีการเลือกซื้อ คีย์บอร์ดไร้สาย ในเบื้องต้นครับ
1. ควรเลือกปุ่ม หรือสวิตซ์ให้เหมาะกับการใช้งานหลักของคุณ

อย่างที่บอกครับ คีย์บอร์ดไร้สาย มีหลายแบบ หลายประเภทมาก ๆ บางรุ่นออกแบบมาสำหรับใช้ในการทำงานโดยเฉพาะ บางรุ่นก็ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับใช้ในการเล่นเกมเป็นหลัก ดังนั้นคุณควรวิเคราะห์ การใช้งานของตัวเองก่อน คุณถึงจะเลือกซื้อคีย์บอร์ดที่เหมาะกับคุณที่สุดได้ เช่น หากใครต้องการคีย์บอร์ดไปใช้ในการทำงานเป็นหลัก คีย์บอร์ด Rubber Dome หรือ Membrane ที่เป็นยางจะเหมาะมากกว่าครับ อย่างเช่น Logitech MK295 หรือ MOFii SWEET เพราะกดง่าย ใช้แรงน้อย อีกทั้งบางรุ่นก็ใส่เทคโนโลยีลดเสียงการพิมพ์มาให้ด้วย บวกกับปุ่มยางมีเสียงที่เงียบอยู่แล้ว มันจึงแทบจะไม่มีเสียงรบกวนเลย
แต่ถ้าคุณต้องการคีย์บอร์ดไปเล่นเกมโดยเฉพาะ เราขอแนะนำเป็น คีย์บอร์ด Mechanical เลยครับ แพงหน่อยแต่ก็คุ้มแน่นอนเพราะมันมีความละเอียดสูง และตอบสนองได้ไวกว่า อย่างสวิตซ์สีฟ้าก็ถูกออกแบบให้ต้องกด 2 จังหวะ เพื่อลดอาการมือลั่น มันจึงป้องกันการกดพลาดได้ดีมาก ๆ อีกทั้งสวิตซ์แบบนี้ยังมีความทนทานสูงมาก ๆ บางรุ่นกดได้ถึง 50 ล้านครั้ง ดังนั้นปุ่มที่ต้องใช้กับทุกเกมอย่าง W, A, S และ D มันจะไม่เสียง่าย ๆ แน่นอนครับ แต่หากมันเสียไปจริง ๆ คุณก็สามารถซื้อสวิตซ์มาเปลี่ยนเฉพาะปุ่มที่เสียเองได้ง่าย ๆ โดยในปัจจุบันคีย์บอร์ด Mechanical ก็มีราคาถูกลงมากแล้ว อย่าง Royal Kludge RK61 ที่เราเลือกมา
2. ควรเลือกขนาดให้สอดคล้องกับการทำงาน
เมื่อคุณได้ประเภทสวิตซ์ หรือปุ่ม ที่เหมาะกับคุณแล้ว สิ่งต่อมาคือ ขนาดของคีย์บอร์ด ครับ ซึ่งในหัวข้อ คีย์บอร์ด มีกี่ขนาด และมันต่างกันอย่างไร? เราก็ได้อธิบายไปหมดแล้ว ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณแล้วล่ะครับว่า คุณต้องพิมพ์อะไรมากที่สุด ถ้างานของคุณเน้นพิมพ์ตัวเลย คีย์บอร์ดที่มี Nampad ก็จะเหมาะกับคุณที่สุด เพราะคุณสามารถจะพิมพ์ตัวเลขได้เลย ไม่ต้องคอยเปลี่ยนภาษาไปมา แต่ถ้าคุณเน้นพิมพ์ข้อความเพียงอย่างเดียว คุณก็สามารถตัดปุ่ม Nampad ทิ้งไปได้ คีย์บอร์ดของคุณก็จะเล็ก และเบาลง ไม่เปลืองพื้นที่บนโต๊ะ นอกจากนี้ก็มีคีย์บอร์ดบางรุ่นที่ตัดปุ่มหลัก ๆ ออกไป จนเหลือเฉพาะปุ่มสำคัญ ๆ จริง ๆ มันก็จะเหมาะสำหรับการพกพาเป็นหลัก ซึ่งคุณก็ต้องพิจารณาเองแล้วล่ะครับว่า ต้องการใช้งานคีย์บอร์ดอย่างไร ?
3. เลือกประเภทการเชื่อมต่อให้สอดคล้องกับอุปกรณ์ที่คุณจะใช้งาน

ไม่ใช่ว่า คีย์บอร์ดไร้สาย ทุกรุ่น จะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดได้นะครับ อย่างที่บอกไปว่า วิธีการเชื่อมต่อจะมีอยู่ 2 แบบ คือ ตัวรับสัญญาณ USB (USB Receiver) และ สัญญาณ Bluetooth ซึ่งจะแยกกับอย่างชัดเจนเลย ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุด ถ้าคุณต้องการคีย์บอร์ดไร้สายไปใช้กับโน้ตบุ๊คที่รองรับทั้ง พอร์ต USB และ Bluetooth คุณก็สามารถเลือกคีย์บอร์ดรุ่นใดก็ได้ครับ แต่ถ้าหากคุณต้องการนำไปใช้กับ มือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ที่ไม่มีพอร์ต USB คุณก็ต้องเลือกคีย์บอร์ดไร้สาย รุ่นที่รองรับสัญญาณ Bluetooth เท่านั้น
สิ่งที่คุณควรมองหาใน คีย์บอร์ดไร้สาย ?

ก่อนอื่นเราต้องขอออกตัวก่อนว่า มันไม่มีคีย์บอร์ดรุ่นไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน แม้แต่รุ่นที่แพงที่สุด เพราะทุก ๆ คนต่างก็มีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบปุ่มนิ่ม เสียงเงียบ เหมาะกับการทำงาน แต่บางคนก็ชอบปุ่มที่กดได้หลายจังหวะ เพื่อลดการกดพลาด และบางคนก็ชอบปุ่มที่เสียงดัง ๆ เพื่อเพิ่มความรู้สึกในการเล่นเกม และอีกหลาย ๆ ปัจจัย ดังนั้นสิ่งสำคัญ คุณควรมองหาสไตล์ที่ตัวเองชอบก่อน โดยเฉพาะกลไกของปุ่มกด เพราะฉะนั้นถ้าหากเป็นไปได้เราขอแนะนำให้คุณไปหาลองใช้งานคีย์บอร์ดประเภทต่าง ๆ ดูก่อนว่า คุณเหมาะสมกับคีย์บอร์ดแบบไหน ? คุณจะรู้ว่าคีย์บอร์ดประเภทใดให้ความรู้สึกดีที่สุดสำหรับคุณ
บทส่งท้าย
ในบางครั้งเวลาที่คุณกำลังเร่งรีบแต่เจ้าคีย์บอร์ดกลับไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย อย่าคิดว่าคีย์บอร์ดที่ดี ๆ นั้นไม่มีความจำเป็นสำหรับคุณ เพราะคีย์บอร์ดที่ดีสามารถนำคุณไปสู่ระดับการใช้งานและความสบายที่แตกต่างได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแป้นพิมพ์ที่ดีกว่าจะช่วยให้งานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณเลือกคีย์บอร์ดที่มีการตอบสนองที่รวดเร็วงานของคุณก็จะเสร็จรวดเร็วขึ้นด้วย และยิ่งหากคุณมีทักษะการพิมพ์ที่ดีมากอยู่แล้ว คีย์บอร์ดที่ดี จะช่วยให้คุณพิมพ์ผิดได้น้อยลง และงานของคุณจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น นี่ก็คือสิ่งที่คุณอาจรู้สึกดีกว่า เมื่อคุณเปลี่ยนจากแป้นพิมพ์เก่ามาเป็นแป้นพิมพ์ที่ดี มันจะสร้างความแตกต่างให้คุณแบบที่คุณคิดไม่ถึงแน่นอนครับ ดังนั้นการลงทุนกับคีย์บอร์ดแพง ๆ อย่างถูกต้องมันจะให้ความคุ้มค่ากับคุณที่สุดครับ