จะเห็นได้ว่าหน่วยความจำของทั้งคู่นั้นต่างกันมาก หากคุณต้องการเพิ่มหน่วยความจำของ 14 Pro Max ให้เป็น 256 GB คุณจะต้องซื้อในราคา 48,900 บาท (ถือว่าเป็นราคาที่สูงมากเลยนะคะ) แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า 14 Pro Max เปิดตัวก่อน S23 Ultra หลายเดือน ดังนั้นราคาปัจจุบันของ 14 Pro Max ก็มีแนวโน้มว่าจะลดลงได้ค่ะ
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองมีความต่างกันมาก ก็คือระบบปฏิบัติการที่ใช้เป็น iOS และ Android ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าระหว่าง 14 Pro Max หรือ S23 Ultra อะไรที่คุ้มค่ามากกว่ากัน ? ในส่วนนี้ขอให้คุณเป็นคนตัดสินใจเองค่ะ
การออกแบบ
iPhone 14 Pro Max มีการเปลี่ยนแปลง 2-3 อย่างเมื่อเทียบกับ iPhone 13 Pro Max อันดับแรกเลยก็คือรอยบากของกล้องหน้า ที่ตอนนี้มันมีขนาดใหญ่ขึ้นว่าเดิม แม้ว่าจะดูเกะกะสายตาในขณะที่รับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ แต่รอยบากนี้ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ชื่อ Dynamic Island ซึ่งสามารถตอบสนองการทำงานและรองรับคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้รอยบากกล้องหน้าของ 14 Pro Max ดูไม่ไร้ประโยชน์อีกต่อไป
ฟีเจอร์ Dynamic Island มีแจ้งเตือนและการทำงานต่าง ๆ ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของสมาร์ทโฟน
ในขณะที่ S23 Ultra ไม่มีฟีเจอร์ในส่วนนี้แต่เราจะเห็นได้ชัดว่าหน้าจอของ S23 Ultra มีรอยบากของกล้องหน้าที่เล็กมาก ๆ จนแทบไม่กระทบต่อการใช้งานหรือรับชมคอนเทนต์เลยค่ะ ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบเล่นเกมหรือชอบดูซีรีส์มาก ๆ iPhone 14 Pro Max จะทำให้คุณรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนว่า S23 Ultra จะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากกว่า แต่ในทางกลับกันหากคุณเน้นการใช้งานที่รวดเร็ว เน้นความง่ายและการเข้าถึงได้สะดวก Dynamic Island ก็ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ
จากการทดลองถ่ายภาพบุคคลพบว่า Galaxy S23 Ultra ให้รายละเอียดที่คมชัด มาพร้อมกับการใส่ความอิ่มตัวของสีที่จัดเต็มสุด เมื่อเทียบกับ iPhone 14 Pro Max แล้ว ภาพของ iPhone จะออกทางอบอุ่นให้สีที่ดูเน้นเป็นธรรมชาติมากกว่า ในส่วนพื้นหลังที่เบลอนั้นเรามองว่ากล้องจาก S23 Ultra จะเน้นเอฟเฟ็กต์โบเก้มากเกินไป นอกจากนี้ยังมีโทนสีที่ออกไปทางมืดเล็กน้อย ในขณะที่เอฟเฟ็กต์โบเก้ของ 14 Pro Max นั้นจะเน้นโทนสว่างทำให้ภาพออกมาดูสมจริงมากกว่า ในส่วนภาพบุคคลนี้เราขอยกให้ 14 Pro Max ชนะค่ะ
สำหรับการถ่ายภาพโคลสอัพหรือภาพระยะใกล้นั้น เราได้ทดลองถ่ายภาพของอาหาร จะพบว่าภาพของกินของ Samsung ดูไม่ค่อยสมจริงสักเท่าไหร่ เฉดสีมันดูมีความอิ่มตัวมากเกินไปแบบดูหลอกตาไปเลยค่ะ ในขณะที่ 14 Pro Max มีการเปิดรับแสงโดยรวมที่สม่ำเสมอกว่า ให้ความรู้สึกว่าสีอาหารดูเรียลสมจริงมากกว่า ดังนั้นขอยกให้ 14 Pro Max ชนะในการทดสอบครั้งนี้
ภาพจากกล้อง iPhone 14 Pro Max (ได้รับการบีบไฟล์รูปภาพ อาจทำให้ความละเอียดไม่คมชัด)
ภาพจากกล้อง iPhone 14 Pro Max (ได้รับการบีบไฟล์รูปภาพ อาจทำให้ความละเอียดไม่คมชัด)
แน่นอนว่าการซูม Optical 10x นั้นไม่มีใน 14 Pro Max แต่สิ่งที่ 14 Pro Max ทำออกได้ดีมากกว่า S23 Ultra อย่างปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือโหมดการบันทึกดวิดีโอแบบแอ็คชั่น ที่ทาง iPhone ทำระบบกันสั่นออกมาได้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ค่ะ คลิปที่ได้ออกมามีความสมูทดูนุ่มนวล ไม่รู้สึกเวียนหัว แถมยังมีการจัดการกับแสงแดดได้ดีอีกด้วย หากคุณถ่ายโหมดแอ็คชั่นบนท้องฟ้าสีก็ยังเด่นชัดเหมือนเดิมค่ะ เอาเป็นว่าคนที่ทำงานเกี่ยวกับคอนเท้นครีเอเตอร์จะเหมาะสำหรับ 14 Pro Max มากเลยค่ะ
สรุป แม้ว่าการบันทึกวิดีโอทั่วไป Galaxy S23 Ultra จะทำออกมาได้น่าประทับใจ แต่ทว่า iPhone 14 Pro Max กลับตีคะแนนชนะขึ้นมาได้ในโหมดถ่ายวิดีโอแอ็คชั่นค่ะ นับว่าเป็นการป้องกันภาพสั่นไหวที่ดีมากจริง ๆ
Apple iPhone 14 Pro Max กล้องมือถือสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator) ที่ดีที่สุด
เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อปลายปี 2022 ชิป A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro Max ได้มอบประสิทธิภาพการใช้งานที่น่าทึ่งมาก ๆ และมันยังกลายเป็นชิปที่ยอดเยี่ยมที่สุดในขณะนั้นอีกด้วย แต่ทว่าตอนนี้ได้มีการผลิตเซตชิปตัวใหม่อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 สำหรับ Galaxy ออกมาแล้ว ทำให้หลายคนอยากทราบว่าขณะนี้เซตชิปของแบรนด์ไหนจะดีกว่ากัน ?
ชิป A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro Maz เร็ว แรง ประหยัดพลังงานมากกว่า
แน่นอนค่ะว่าหากวัดประสิทธิภาพของ CPU ทั้งคู่มีความสามารถใกล้เคียงกันมาก แต่ผู้เขียนแอบเทใจให้ 14 Pro Max มากกว่าเพราะตัวเครื่องทำงานได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตามจากที่เราได้ทดสอบเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ ผู้เขียนรู้สึกว่า S23 Ultra มีความลื่นไหลมากกว่า แต่ในส่วนของแปลงไฟล์วิดีโอ 4K เป็น 1080p พบว่า 14 Pro Max ใช้เวลาที่รวดเร็วกว่าค่ะ
โดยส่วนตัวนั้น ผู้เขียนมองว่า iPhone 14 Pro Max ยังคงเป็นแชมป์ด้านประสิทธิภาพที่รวดเร็ว แม้ว่าด้านกราฟิกอาจจะด้อยกว่า (เล็กน้อย) แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากค่ะ ดังนั้นจึงขอยกรางวัลชิปดีเด่นให้ทาง Apple ไปแล้วกันค่ะ
ซอฟต์แวร์และคุณสมบัติพิเศษ
14 Pro Max ใช้ iOS 16 ซึ่งมีการอัปเกรดหลายอย่างมาก เพราะคุณจะสามารถปรับแต่งหน้าจอล็อกด้วยวิดเจ็ต รูปภาพ และอื่น ๆ อีกมากมายได้ตามต้องการ รวมถึงสิ่งที่คุณเลือกจะแสดงบนหน้าจอที่เปิดตลอดเวลาด้วย (Always On Display) ในส่วนของจุดเด่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ตัวบ่งชี้เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ (ที่ไม่มีใน iPhone รุ่นเก่า ๆ) นอกจากนี้ยังมีคลังรูปภาพที่ใช้ร่วมกันของ iCloud ซึ่งช่วยให้คุณแชร์และแก้ไขรูปภาพกับสมาชิกในครอบครัวได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษที่ดีที่สุดคือ Dynamic Island ที่เข้ามาแทนที่รอยบากของกล้องหน้า ด้วยการแจ้งเตือนและแสดงกิจกรรมที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนของการชาร์จนั้นเราได้ทดลองชาร์จ S23 Ultra จริง ๆ โดยจับเวลา 30 นาทีด้วยเครื่องชาร์จ 45W พบว่ามีแบตเตอรี่ชาร์จได้เพียง 57% เท่านั้น ส่วนของ iPhone 14 Pro Max ใช้เวลา 30 นาทีเหมือนกันแต่เป็นการใช้เครื่องชาร์จ 20W โดยมีแบตเตอรี่ทั้งหมดรวแล้ว 42% แม้ว่าจำนวนตัวเลขของแบตเตอรี่ที่ได้จะน้อยกว่า แต่หากเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ เช่นเวลาและความแรงของตัวชาร์จ ผู้เขียนคิดว่า iPhone 14 Pro Max ทำออกมาได้ดีกว่าค่ะ
สรุป iPhone 14 Pro Max มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นเก่า ๆ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอัตราการรีเฟรชหน้าจอ แถมยังชาร์จได้เร็วตามที่เคลมไว้
แต่ทั้งนี้หากมองในเแง่ของระบบการใช้งาน iPhone 14 Pro Max ดูเหมือนจะถูกจริตผู้เขียนมากกว่าค่ะ อาจเป็นเพราะผู้เขียนใช้ Macbook ด้วยจึงรู้สึกว่ามันเชื่อมต่อกันง่ายมาก อีกทั้ง 14 Pro Max ยังคงให้ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีที่สุดด้วยชิพ A16 Bionic นอกจากนี้ยังใช้งานได้นานกว่า S23 Ultra ด้วย
สรุป แน่นอนว่าการตัดสินใจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการระบบปฏิบัติการใด แต่ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนจาก iPhone ไปใช้ S23 Ultra หรือเปลี่ยนจาก Samsung มาใช้ 14 Pro Max ต่างก็น่าดึงดูดพอ ๆ กันค่ะ
Apple iPhone 14 Pro Max กล้องมือถือสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator) ที่ดีที่สุด