รถอีโคคาร์ (Eco car) ประหยัดน้ำมัน รุ่นไหนดี ออกใหม่ล่าสุด ปี 2023

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรทุกอย่างก็ดูแพงไปหมด ยิ่งค่าครองชีพในแต่ละเดือน ก็เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ ดังนั้นค่าใช้จ่ายอะไรที่ประหยัดได้ คุณก็ควรจะประหยัดเอาไว้ก่อนครับ โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ ที่มักจะมาลงกับ รถยนต์หมด ซึ่งแต่ละคนก็มีความจำเป็นต่างกันไป แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน และเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ๆ ก็คือ ความคิดที่คิดว่า ตัวเองไหว นี่แหละครับ ทำให้หลายคนคิดผิดไปซื้อรถคันเป็นล้านอย่างพวก C-Segment หรือกระบะ 4 ประตู เนื่องจากได้คำนวณมาเป็นอย่างดี หักลบค่าใช้จ่ายได้พอดีเป๊ะ แต่ส่วนใหญ่มักจะลืมคิดถึงเงินก้อน สำหรับใช้ตอนฉุกเฉิน

รถ Eco car ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด
ข้อดีต่าง ๆ รถ Eco car

เพราะงั้นด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ มันไม่มีรถประเภทใดที่เหมาะไปกว่า รถ Eco car อีกแล้ว เพราะมีราคาถูก ผ่อนสบาย ๆ ประหยัดน้ำมัน แถมเวลาขายยังไม่เจ็บเกินไปอีกด้วย เชื่อเถอะครับว่า รถแพง ๆ ไม่มีรุ่นไหนเหมาะจะนำมาขับไปทำงานทุก ๆ วันแน่นอน ถึงแม้มันจะดีกว่าในทุก ๆ ด้านก็จริง นอกจากนี้หลายคนก็อาจจะนึงถึง รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งส่วนตัวเราก็เห็นด้วยครับ แต่หากราคาแบตเตอรี่ยังสูงเหมือนทุกวันนี้ ยังไงมันก็ไม่เหมาะครับ ดังนั้นถ้าเป็นรถยนต์คันแรกแนะนำ รถ Eco Car จะดีที่สุด ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวม รถ Eco car ทุกรุ่น ในปี 2023 มาไว้ให้คุณแล้ว

รถ Eco car ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ?

New Honda CITY VTEC TURBO 2023
New Honda CITY VTEC TURBO 2023
New Nissan Almera 2023 (โฉม Minorchange)
New Nissan Almera 2023 (โฉม Minorchange)
New Mazda 2 Sedan & Hatchback 2023 (โฉม Minorchange)
New Mazda 2 Sedan & Hatchback 2023 (โฉม Minorchange)
All New Toyota Yaris ATIV 2023
All New Toyota Yaris ATIV 2023
New Honda CITY e:HEV 2023
New Honda CITY e:HEV 2023
New Toyota Yaris 2023
New Toyota Yaris 2023

สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐาน ที่คุณควรรู้เอาไว้ครับ เพราะมันจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ได้รถที่ตรงกับความต้องการ เหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด ซึ่งก็อย่างที่บอกครับว่า รถทุกคันจะมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการทดลองขับครับ บางคนเคยขับเฉพาะรถใหญ่มา ทำให้เท้าจะหนักเวลาเหยียบเบรคหรือคันเร่ง แต่พอมาขับอีโค่คาร์แล้วรู้สึกไม่มั่นใจเลย ซึ่งก็ไม่แปลกครับ เพราะมันมีช่วงที่สั้นกว่า เบากว่า แถมกำลังเครื่องยนต์ก็น้อยกว่าด้วย ดังนั้นต้องปรับตัวสักระยะนึง แต่พอปรับตัวได้แล้ว คุณจะรู้สึกคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับขี่ในเมืองที่รถติดมาก ๆ และที่ต่างสุด ๆ คือ อัตราการประหยัดน้ำมัน

New Honda CITY e:HEV 2023

New Honda CITY e:HEV 2023
รูปภาพจาก honda.co.th
รุ่นย่อย ราคา
e:HEV SV 769,000 บาท
e:HEV RS 839,000 บาท

New Honda CITY e:HEV 2023

เรามาเริ่มต้นกับรถที่เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ออกมา สด ๆ ร้อน ๆ และยังได้ชื่อว่า นี่คือรถ Eco Car ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด ณ ขณะนี้ด้วยครับ กับ Honda CITY e:HEV 2023 ที่สามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันได้สูงสุด เฉลี่ย 27.8 กม./ลิตร แซงหน้าขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ได้แบบหล่อ ๆ สำหรับตัวนี้เป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ โดยรุ่น e:HEV จะมาพร้อมกับรุ่นย่อยใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่นก็คือ SV และ RS จากเดิมที่มีแค่รุ่นเดียว ทำให้รุ่นนี้น่าสนใจขึ้นมากครับ

ดีไซน์ภายนอกของ New Honda CITY e:HEV 2023ดีไซน์ภายนอกของ New Honda CITY e:HEV 2023

ดีไซน์มีการปรับโฉมใหม่ในบางจุด เพิ่มความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งหน้าตาทั้ง 2 รุ่น ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่รุ่น SV อาจจะดูสปอร์ตน้อยกว่ารุ่น RS อยู่นิดหน่อย แต่ก็ใส่ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว มาเท่ากัน ส่วนภายในก็ยังเน้นความสปอร์ต เรียบหรู และใส่อุปกรณ์ความสะดวกให้มาครบครันเช่นเดิม ที่เด่น ๆ เลยก็จะมี จอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มา พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง จอสัมผัสกลาง ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับทุกการเชื่อมต่อ แถมมี USB ให้ด้านหน้า 2 ช่อง และหลังมี Type-C อีก 2 ช่อง แถมทั้ง 2 รุ่นนี้ยังให้เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold มาด้วย ส่วนความปลอดภัยก็แน่นอนครับ ได้ใส่ Honda Sensing แบบจัดเต็มทั้งคู่

ภายในห้องโดยสารของ New Honda CITY e:HEV 2023ภายในห้องโดยสารของ New Honda CITY e:HEV 2023

ด้านขุมพลังจะใช้ตัวเดียวกันเลยครับ โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่มอบพละกำลังสูงสุด 109 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ทำงานผสานกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC มอบกำลังสูงสุด 98 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 127 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ส่วนโหมดการขับขี่ จะให้มา 3 โหมด ได้แก่ โหมด EV Drive, โหมด Hybrid Drive และโหมด Engine Drive พร้อมกับสามารถทำอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ถึง 27.8 กม./ลิตร ซึ่งสูงที่สุดแล้ว ณ ขณะนี้

เครื่องยนต์ 1,498 ซีซี. DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC
อัตราสิ้นเปลือง 27.8 กม./ลิตร
รองรับน้ำมัน E20 / 40 ลิตร
ระบบเกียร์ E-CVT
กำลังสุงสุด 98 PS (5,600-6,400 RPM)
แรงบิดสูงสุด 127 N·m (4,500-5,000 RPM)
กำลังมอเตอร์ 109 PS (3,500-8,000 RPM)
แรงบิดมอเตอร์ 253 N·m (0-3,000 RPM)
ระบบเบรก
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดิสก์เบรก
ระบบกันสะเทือน
  • หน้า : แม็คเฟอร์สัน สตรัท
  • หลัง : ทอร์ชั่นบีม
ล้อและยาง SV / RS : 185 / 60 R16
วันเปิดตัว 5 กรกฏาคม 2023

New Honda CITY VTEC TURBO 2023

New Honda CITY VTEC TURBO 2023
รูปภาพจาก honda.co.th
รุ่นย่อย ราคา
V 629,000 บาท
SV 679,000 บาท
RS 749,000 บาท

New Honda CITY VTEC TURBO 2023

ใครที่ต้องการความประหยัด แต่ยังได้อารมณ์ความสปอร์ตอยู่ ต้อง New Honda CITY VTEC TURBO 2023 เท่านั้นครับ ซึ่งนี่คือรถซีดานคอมแพ็กต์ ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ตสวยงาม ในขณะเดียวกันก็พร้อมประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่สูง มอบพละกำลังสูงสุดถึง 122 แรงม้า มากที่สุดในคลาส พร้อมให้การขับขี่ที่สนุกสุด ๆ โดยถึงแม้สมรรถนะจะสูง แต่มันไม่ได้ทิ้งอัตราการประหยัดน้ำมันเลย ซึ่งยังทำได้เฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร ครับ สำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ในรุ่น VTEC TURBO ได้มีการปรับรุ่นย่อยใหม่ ซึ่งจะเหลือแค่รุ่น V, SV และ RS ครับ

หน้าตาของ New Honda CITY VTEC TURBO 2023หน้าตาของ New Honda CITY VTEC TURBO 2023

ดีไซน์ภายนอกมีการปรับปรุงรอบคัน แต่อยู่ภายใต้พื้นฐานเดิมครับ โดยรุ่น V และ SV ก็จะเน้นความพรีเมียมเรียบหรู ดูเป็นผู้ใหญ่ ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม ใส่ล้อขนาด 15 นิ้วมา ส่วนรุ่น RS มาในดีไซน์สปอร์ตจ๋า ๆ เลย ตกแต่งด้วยสีดำเงา พร้อมล้อขนาด 16 นิ้ว และมีล้อสำรองมาให้ด้วย ซึ่งรุ่น e:HEV ถูกตัดออกไป ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายใน รุ่น V จะถูกตัดออกเยอะมาก ๆ ครับ แนะนำเป็นรุ่น SV จะคุ้มค่ากว่า หากคุณจะซื้อเป็นรถยนต์คันแรก ซึ่งมาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับทุกการเชื่อมต่อ ส่วนระบบความปลอดภัย Honda Sensing ก็ใส่มาครบครัน

การดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ New Honda CITY VTEC TURBO 2023การดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ New Honda CITY VTEC TURBO 2023

ในด้านขุมพลังทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมเครื่องยนต์สเปกเดียวกันครับ ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เบนซิน ความจุ 1.0 ลิตร DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว พ่วง VTEC TURBO จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI และส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT สามารถมอบพละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ซึ่งแรงที่สุด ณ ขณะนี้ครับ ด้านอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง รุ่นนี้เฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร ครับ เรียกได้ว่า ทั้งแรง ทั้งประหยัด ในคันเดียวเลย

เครื่องยนต์ 988 ซีซี. DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO
อัตราสิ้นเปลือง 23.8 กม./ลิตร
รองรับน้ำมัน E20 / 40 ลิตร
ระบบเกียร์ CVT
กำลังสุงสุด 122 PS (5,500 RPM)
แรงบิดสูงสุด 173 N·m (2,000-4,500 RPM)
กำลังมอเตอร์
แรงบิดมอเตอร์
ระบบเบรก
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดรัมเบรก
ระบบกันสะเทือน
  • หน้า : แม็คเฟอร์สัน สตรัท
  • หลัง : ทอร์ชั่นบีม
ล้อและยาง
  • V / SV : 185 / 60 R15
  • RS : 185 / 60 R16
วันเปิดตัว 5 กรกฏาคม 2023

New Nissan Almera 2023 (โฉม Minorchange)

New Nissan Almera 2023 (โฉม Minorchange)
รูปภาพจาก nissan.co.th
รุ่นย่อย ราคา
1.0L Turbo E CVT 549,000 บาท
1.0L Turbo EL CVT 589,000 บาท
1.0L Turbo V CVT 659,000 บาท
1.0L Turbo VL CVT 699,000 บาท

New Nissan Almera 2023 ดีไซน์ใหม่

New Nissan Almera 2023 คือหนึ่งในรถเก๋งคอมแพ็คที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ราคาประหยัด เนื่องด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ แต่กลับมาพร้อมดีไซน์ที่ดูสปอร์ตสวยงามสุด ๆ แถมให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มาคุ้มค่ามาก ๆ โดยตัวนี้เป็นโฉม Minorchange ใหม่แล้ว ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ เพื่อทำให้หน้าตาดูสปอร์ตยิ่งขึ้น แตกต่างไปจากรุ่นเดิม นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มฟังก์ชัน และระบบสุดล้ำต่าง ๆ เข้ามาอีกเพียบ สำหรับโฉมนี้จะมีทั้งหมด 4 รุ่นย่อยครับ ซึ่งรุ่นท๊อปสุด มีราคาแค่ 6.99 แสนบาท เท่านั้นครับ ทำให้เหมาะมากที่จะใช้เป็นรถยนต์คันแรกของครอบครัว

ดีไซน์ภายนอกสไตล์โมเดิร์นของ New Nissan Almera 2023ดีไซน์ภายนอกสไตล์โมเดิร์นของ New Nissan Almera 2023

ซึ่งจุดที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเลยก็คือ ด้านหน้ารถครับ ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกระจังหน้า V-Motion ใหม่ ที่ถูกดีไซน์ให้ดูกว้างขึ้น คาดด้วยเส้นสายโครเมียม สอดรับกับไฟหน้าที่ดูเฉียบคมอยู่แล้ว ทำให้ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนตรงกลางได้เปลี่ยนโลโก้ของ Nissan ใหม่ ซึ่งเข้ากับดีไซน์ด้านหน้าพอดีเลย ทำให้มันดูล้ำสมัยขึ้นเยอะครับ

สำหรับภายในห้องโดยสารของรุ่นนี้ยังคงเป็นรถที่มีภายในกว้างสุด ๆ อยู่ครับ ทั้งช่วงขาและศีรษะมีพื้นที่เหลือเยอะมาก ๆ ถึงแม้ว่าดีไซน์จะดูเรียบ ๆ ไปหน่อย ไม่หวือหวา แต่อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อัปเกรดมา ก็ช่วยให้ดูล้ำสมัยขึ้น อย่างจออินโฟเทนเมนท์ ระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายได้ทั้งหมด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ดีไซน์ท้ายตัดแบบสปอร์ต พร้อมกับมีโลโก้ Nissan ใหม่ ทำให้ในภาพรวมมันดูสปอร์ตลงตัวมาก ๆ ครับ ส่วนเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย รุ่นนี้ได้ทำการอัพเกรดขึ้น และใส่เพิ่มมาแบบครบครันเลย

การออกแบบห้องโดยสารแบบสปอร์ตพรีเมียมของ New Nissan Almera 2023 ใหม่ห้องโดยสารแบบสปอร์ต พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยที่ครบครันใน New Nissan Almera 2023

ในส่วนเครื่องยนต์ รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส HRA0 ความจุ 1.0 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว DOHC พ่วงด้วยเทอร์โบ ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ XTronic CVT พร้อม D-Step Logic มอบพละกำลังสูงสุด 100 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 152 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้สูงสุดที่ E20 บนความจุถัง 35 ลิตร ครับ ซึ่งอัตราเร่งนับว่าค่อนข้างดีเลย ตอบสนองฉับไว เร่งแซงได้สบาย ๆ ครับ ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร ครับ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ว่าจะขับออกต่างจังหวัด หรือใช้งานในเมือง รุ่นนี้ก็คุ้มค่าสุด ๆ ครับ

เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว Turbo CVT
อัตราสิ้นเปลือง 23.3 กม./ลิตร
รองรับน้ำมัน E20 / 35 ลิตร
ระบบเกียร์ XTronic CVT with D-Step Logic
กำลังสุงสุด 100 PS (5,000 RPM)
แรงบิดสูงสุด 152 N·m (2,400-4,000 RPM)
กำลังมอเตอร์
แรงบิดมอเตอร์
ระบบเบรก
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดรัมเบรก
ระบบกันสะเทือน
  • หน้า : แม็คเฟอร์สันสตรัท
  • หลัง : ทอร์ชันบีม คอยล์สปริง
ล้อและยาง
  • E : ล้อเหล็ก 195 / 65 R15
  • EL / V / VL : ล้ออัลลอย 195 / 65 R15
วันเปิดตัว 11 พฤษภาคม 2023

New Mazda 2 Sedan & Hatchback 2023 (โฉม Minorchange)

New Mazda 2 Sedan & Hatchback 2023 (โฉม Minorchange)
รูปภาพจาก mazda.co.th
รุ่นย่อย ราคา
1.3 C / 1.3 C Sport 599,000 บาท
1.3 S / 1.3 S Sports 680,000 บาท
1.3 SP / 1.3 SP Sports 730,000 บาท
1.5 XD / 1.5 XD Sports 720,000 บาท
1.5 XDL / 1.5 XDL Sports 830,000 บาท

New Mazda2 2023 (ทั้ง Sedan และ Hatchback)

New Mazda 2 2023 ยังคงใช้ตัวถังเดิมครับ หลังจากที่ใช้มา 9 ปีแล้ว ซึ่งช่วยให้รถ Mazda2 ดูไม่เก่าเลย แถมสไตล์ Kodo Design ก็ถูกปรับนิดปรับหน่อย จนตอนนี้มันดูสปอร์ต ลงตัวสุด ๆ ครับ โดยโฉมนี้มีหน้าตาให้เลือก 2 แบบ 2 สไตล์ตอบโจทย์ ทั้งชาย และหญิง และจุดเด่นที่หลาย ๆ คนชื่นชอบคือ นิสัยของรถ ที่ขับสนุกมาก ยึดเกาะได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันที่อัดแน่นกว่าเดิม ซึ่งก็ยังเหมือนเดิมครับ ทั้งโฉม Sedan และ Hatchback จะมี 5 รุ่นย่อย แบ่งเครื่องยนต์ 2 แบบก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ซึ่งจะมี 3 รุ่นย่อย และเครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ที่จะมี 2 รุ่นย่อย

ดีไซน์ Kodo Design ที่โดดเด่นของ New Mazda2 2023 (Sedan & Hatchback)ดีไซน์ Kodo Design ที่โดดเด่นของ New Mazda2 2023 (Sedan & Hatchback)

ส่วนดีไซน์ก็ยังคงใช้พื้นฐาน Kodo Design แต่โฉมนี้จะมี 2 สไตล์ให้เลือก คือ Sport Design ที่เน้นความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าดีไซน์ Mesh Grille พร้อมกระจกข้าง และหลังคาสีดำ ช่วยให้ดูสปอร์ตสุด ๆ และ New Wave Design ที่จะเน้นสีสันมากกว่า แต่ยังอยู่ภายใต้หน้าตาที่ดูสปอร์ต โดยกระจังหน้าจะถูกปิดทึบสีเดียวกับตัวรถ ทำให้ดูแปลกตา บวกกับล้อลายใหม่ที่เน้นความแตกต่าง ให้อารมณ์เดียวกับรถไฟฟ้าสมัยนี้เลย โดยพื้นฐานจะมาพร้อมไฟหน้าโปรเจกเตอร์ที่มีโคมไฟดีไซน์โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น พร้อมมีปรับสูง-ต่ำ และเปิด-ปิดอัตโนมัติ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับ-พับไฟฟ้า ท่อไอเสียโครเมียม ส่วนล้อรุ่นต่ำสุดให้ล้อเหล็ก 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบ ในรุ่น 1.3 S และ SP จะใช้ล้ออัลลอย 15 นิ้ว และดีเซล 2 รุ่น จะให้ล้ออัลลอย 16 นิ้ว โดยมีล้อถึง 5 ลาย

ภายในห้องโดยสารที่ดูเรียบหรู และให้สัมสุดพรีเมียมของ New Mazda2 (Sedan & Hatchback)ภายในห้องโดยสารที่ดูเรียบหรู และให้สัมสุดพรีเมียมของ New Mazda2 (Sedan & Hatchback)

ภายในยังคงมาพร้อมดีไซน์ที่เรียบหรู ผสานกับวัสดุที่ให้สัมผัสสุดพรีเมียม ดีไซน์แบบเดียวกันในทุกรุ่นย่อย แต่จะต่างกันที่สีสันที่ใช้ อย่างใน Sport Design คอนโซลหน้า และเบาะนั่งก็จะเน้นหุ้มหนัง สลับผ้าสีดำ เดินตะเข็บตัดด้วยด้ายสีแดง และจะมีการตกแต่งด้วยวัสดุสีดำและสีแดง ตามจุดต่าง ๆ ส่วนดีไซน์ New Wave บางจุดก็ตกแต่งด้วย Bioplastic สีเดียวกับตัวรถ มอบสีสันที่สดใส โดยในรุ่นรอง 3 รุ่น จะใช้หน้าปัดเรือนไมล์ดิจิทัล ส่วนในรุ่นท๊อป 2 รุ่นจะใช้หน้าปัดแอนะล็อก พร้อมจอ Active Driving Display ส่วนอื่น ๆ จะให้มาใกล้เคียงกันครับ ทั้ง จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้งหมด จะต่างกับแค่รุ่น C และ XD ที่จะไม่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และไม่มีแท่นชาร์จไร้สายให้

ขุมกำลังเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบของ New Mazda2 (Sedan & Hatchback) 2023ขุมกำลังเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบของ New Mazda2 (Sedan & Hatchback) 2023

ส่วนระบบความปลอดภัยก็มีครบเลย เช่น เบรก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก, ระบบควบคุมขณะเข้าโค้ง และควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหน้า-หลัง และอีกมากมายครับ ซึ่งรุ่นเริ่มต้นทั้ง C และ XD จะให้มาน้อยหน่อย ส่วนอีก 3 รุ่นถือว่าคุ้มค่ามากครับ ส่วนเครื่องยนต์จะมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่

  • Skyactiv-G เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร 4 สูบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร
  • Skyactiv-D เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ 4 สูบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เหมือนกัน ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร โดยทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยสูงถึง 26.3 กม./ลิตร เลยทีเดียว
เครื่องยนต์
  • Skyactiv-G : 1.3 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว
  • Skyactiv-D : 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว Turbo
อัตราสิ้นเปลือง
  • Skyactiv-G : 23.3 กม./ลิตร
  • Skyactiv-D : 26.3 กม./ลิตร
รองรับน้ำมัน
  • Skyactiv-G : 95 E10 E20 / 35 ลิตร
  • Skyactiv-D : ดีเซล / 40 ลิตร
ระบบเกียร์ Skyactiv-Drive 6 speed
กำลังสุงสุด
  • Skyactiv-G : 93 PS (5,800 RPM)
  • Skyactiv-D : 105 PS (4,000 RPM)
แรงบิดสูงสุด
  • Skyactiv-G : 123 PS (4,000 RPM)
  • Skyactiv-D : 250 N·m (1,500-2,500 RPM)
กำลังมอเตอร์
แรงบิดมอเตอร์
ระบบเบรก 1.3 C / 1.3 S / 1.3 SP / 1.5 XD
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดรัมเบรก
1.5 XDL
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดิสก์เบรก
ระบบกันสะเทือน ทุกรุ่นย่อย
  • หน้า : แม็คเฟอร์สันสตรัท
  • หลัง : กึ่งอิสระทอร์ชันบีม
ล้อและยาง 1.3 C / 1.3 S / 1.3 SP
  • 185/65 R15
1.5 XD / 1.5 XDL
  • 185/60 R16
วันเปิดตัว 21 มิถุนายน 2023

All New Toyota Yaris ATIV 2023

All New Toyota Yaris ATIV 2023
รูปภาพจาก toyota.co.th
รุ่นย่อย ราคา
Sport 549,000 บาท
Smart 594,000 บาท
Premium 669,000 บาท
Premium Luxury 699,000 บาท

All New Toyota Yaris ATIV 2023

สำหรับ All New Toyota Yaris ATIV ถ้านับตั้งแต่ Gen แรกเมื่อปี 2002 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายสะสมมากถึง 3.5 ล้านคันทั่วโลกเลยล่ะครับ ซึ่งโฉมนี้ก็นับเป็น Gen 3 แล้ว โดยออกแบบมาเป็นรถยนต์ซีดานขนาดเล็ก 4 ประตู ราคาประหยัด ทำให้เหมาะมาก สำหรับซื้อมาใช้เป็นรถคันแรก จะใช้ชีวิตในเมืองก็เหมาะ ออกต่างจังหวัดก็สบาย รุ่นนี้ตอบโจทย์ได้หมดครับ แถม Toyota เองก็ขึ้นชื่อในด้านเครื่องยนต์ที่ดูแลง่ายราคาถูก อะไหล่เยอะ แถมมันยังประหยัดมาก ๆ ด้วย โดยทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร ตามมาตรฐานของ Eco car ดังนั้นการใช้งานรุ่นนี้จึงประหยัดมาก ๆ ครับ อีกทั้งราคาตัวท๊อปสุด ก็ยังไม่ถึง 7 แสนบาท

ดีไซน์การออกแบบภายนอกสไตล์ Fastback ของ All New Toyota Yaris ATIV 2023ดีไซน์การออกแบบภายนอกสไตล์ Fastback ของ All New Toyota Yaris ATIV 2023

สำหรับดีไซน์จะมาในสไตล์ Fastback ที่มีโครงสร้าบแบบสปอร์ต ซึ่งจะมีหลังคาลาดยาวลงมาจนเกือบถึงท้ายรถ มันจึงดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวสุด ๆ และยังดูพรีเมียมขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ขนาดใหญ่ สีดำเงา คาดด้วยเส้นสายที่คมชัด สอดรับดูเข้ากับโคมไฟ LED ที่มีดีไซน์เฉียบคมได้อย่างลงตัว ส่วนกระจกมองข้างที่มีไฟเลี้ยวในตัว จะใช้สีเดียวกับตัวรถ แต่มันจะมีแค่รุ่น Luxury เท่านั้น ที่มาเป็นสีดำ นอกจากนั้นรุ่นนี้ยังมีการออกแบบกระจกหน้าต่างมา 3 บาน ด้วย ซึ่งเรามักจะเจอในรถยนต์ซีดานที่มีขนาดใหญ่เท่านั้น ช่วยให้มันดูหรูขึ้นมาก ๆ ส่วนล้ออัลลอย ปัดเงา สีทูโทน ขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมลายใบพัด 6 ก้าน เหมือนกันทุกรุ่นย่อยครับ

การออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่เน้นความสปอร์ตพรีเมียมของ All New Toyota Yaris ATIV 2023การออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่เน้นความสปอร์ตพรีเมียมของ All New Toyota Yaris ATIV 2023

ภายในก็มีการดีไซน์ใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย และรู้สึกพรีเมียมขึ้น โดยภายในก็จะตกแต่งด้วยสีที่ต่างกัน อย่างรุ่น Smart และ Premium จะหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ และผ้าสีน้ำตาล ส่วนรุ่น Luxury จะใช้หนังแท้ และหนังสังเคราะห์สีแดง ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินเมทัลลิก

ส่วนอุปกรณ์พื้นฐานรุ่น Sport จะให้มาค่อนข้างน้อยครับ โดยจะได้มาตรวัดธรรมดา และจอกลาง แบบสัมผัส 8 นิ้วส่วนตั้งแต่รุ่น Smart ขึ้นไป จะได้หน้าจอ TFT แบบสี 7 นิ้ว พร้อมจอกลาง แบบสัมผัส 9 นิ้ว ซึ่งทุกรุ่นย่อย จะรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งหมดเหมือนกันครับ ส่วน 2 รุ่น ท๊อป ก็จะได้ เบรกมือไฟฟ้า, เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ทำงานคู่กับระบบกรองฝุ่น PM2.5 และมีช่องแอร์ พร้อมช่อง USB ทั้ง ด้านหน้า และด้านหลัง

All New Toyota Yaris ATIV 2023 มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่จัดเต็ม รวมถึงเทคโนโลยี Toyota Safety Sense

ในส่วนความปลอดภัยที่มีมาในทุกรุ่นย่อย หลัก ๆ คือ ถุงลมนิรภัย 3 จุด, เบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรก, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบออกตัวบนทางชัน และจุดยึด ISOFIX โดยในรุ่น Smart ก็ได้กล้องถอย, กล้องติดรถยนต์, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน, ระบบเตือนออกนอกเลน พร้อมดึงกลับอัตโนมัติ และระบบเตือนคันหน้าเคลื่อนตัวเพิ่มเข้ามาให้ส่วนอีก 2 รุ่นท๊อป จะมีระบบเตือนมุมอับสายตา, เซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง, เตือนขณะถอยรถ, ระบบปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ และกล้องมองรอบคัน

ส่วนด้านสมรรถนะทุกรุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Dual VVT-iE ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT มอบกำลังสูงสุด 94 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร ครับ

เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual VVT-iE
อัตราสิ้นเปลือง 23.3 กม./ลิตร
รองรับน้ำมัน E20 / 40 ลิตร
ระบบเกียร์ Super CVT-i Sequential Shift 7 speed
กำลังสุงสุด 94 PS (6,000 RPM)
แรงบิดสูงสุด 110 N·m (4,400 RPM)
กำลังมอเตอร์
แรงบิดมอเตอร์
ระบบเบรก Sport / Smart
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดรัมเบรก
Premium / Premium Luxury
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดิสก์เบรก
ระบบกันสะเทือน
  • หน้า : แม็คเฟอร์สันสตรัท
  • หลัง : ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง
ล้อและยาง ล้ออัลลอยทูโทน 195/60 R16
วันเปิดตัว 9 สิงหาคม 2022

New Toyota Yaris 2023

New Toyota Yaris 2023
รูปภาพจาก toyota.co.th
รุ่นย่อย ราคา
Sport 559,000 บาท
Smart 619,000 บาท
Premium 679,000 บาท
Premium S 694,000 บาท

New Toyota Yaris 2023 "Open Up Your Life…เปิดโลกใหม่ได้อีกเยอะ"

อีกหนึ่งรุ่นของ Toyota ที่ทำยอดขายได้สูงมาก ๆ นั่นก็คือ New Yaris 2023 ใหม่ ที่ยังคงใช้พื้นฐานเดิม แต่ได้ปรับดีไซน์ใหม่ มาในสไตล์ Hammerhead ทำให้มันมีครบทั้ง หน้าตาที่สปอร์ต และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ ทุกความสะดวกสบาย โดยมีจุดเด่นของรุ่นที่แล้วมาให้ครบครันครับทั้ง ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย มีความนุ่มนวล อัตราการสิ้นเปลือง และการขับขี่ที่สนุก มีความคล่องตัว โฉบเฉี่ยว เหมาะมาก ๆ กับการขับขี่ในเมือง หรือถ้าจะออกต่างจังหวัดก็สบาย ๆ โดยรุ่นนี้จะมี 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นเพียง 5.59 แสนบาท เท่านั้น

ดีไซน์การออกแบบภายนอกของ New Toyota Yaris 2023 อีโคคาร์ แฮทช์แบ็ค 5 ประตู รุ่นยอดนิยมดีไซน์การออกแบบภายนอกของ New Toyota Yaris 2023 อีโคคาร์ แฮทช์แบ็ค 5 ประตู รุ่นยอดนิยม

ด้านหน้าตามาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ สีดำเงา ให้อารมณ์สปอร์ตดุดัน สอดรับกับโคมไฟหน้าดีไซน์เฉียบคม มีกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ส่วนกันชนหลังดีไซน์ Diffuser Style เสริมด้วยลายคาร์บอนเพิ่มความสปอร์ต ดูดุดันขึ้น สำหรับในรุ่น Premium 2 รุ่น จะเพิ่มความสปอร์ต ด้วยกระจกมองข้าง และหลังคาสีดำ ตัดกับสีตัวรถ และรุ่น Premium S ก็ยังมีสปอยเลอร์หลังคามาให้ด้วย ส่วนล้อทุกรุ่นย่อย ให้เป็นล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว ลายใบพัดแบบ 6 ก้าน มาเหมือนกันครับ

ภายในห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ตหรูที่กว้างขวาง สะดวกสบายของ New Toyota Yaris 2023ภายในห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ตหรูที่กว้างขวาง สะดวกสบายของ New Toyota Yaris 2023

ในห้องโดยสารยังมีดีไซน์เหมือนกับรุ่นที่แล้ว โดยรุ่นเริ่มต้นจะให้มาน้อยหน่อย เราเลยขอแนะนำรุ่น Smart ขึ้นไป จะดีกว่า ซึ่งมาพร้อมเบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ ตกแต่งด้วยสีภายในที่ต่างกันไปในแต่ละรุ่นครับ โดยรุ่น Smart จะใช้สีดำ รุ่น Premium ใช้สีน้ำตาล-ดำ และรุ่น Premium S จะใช้สีทูโทนแดง-ดำ มาพร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า หุ้มหนังที่นุ่มพิเศษ ตกแต่งคอนโซลหน้า ด้วยวัสดุสีเงินเข้ม และสีเงินซาติน ส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ รุ่น Premium 2 รุ่น จะมีจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว และจอกลาง ระบบสัมผัส 9 นิ้ว ส่วนรุ่น Smart จะได้จอ 8 นิ้ว แต่รองรับได้หมดเหมือนกัน พร้อมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

เทคโนโลยีความปลอดภัยของ Toyota อย่าง Toyota Safety Sense บางส่วน ที่ใส่มาใน New Toyota Yaris ด้วย

ส่วนความปลอดภัยพื้นฐานก็จะมีถุงลมนิรภัยที่มีถึง 7 จุด, ระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก, ระบบคุมการทรงตัว, ป้องกันล้อหมุนฟรี, ช่วยออกตัวบนทางชัน และจุดยึด ISOFIX ที่มีในทุกรุ่นย่อย ส่วน 2 รุ่นท๊อปจะเพิ่ม Toyota Safety Sense ประกอบด้วย ระบบเตือนออกนอกเลน, เตือนขณะถอย, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน, เตือนมุมอับสายตา, กล้องมองรอบคัน และยังมีกล้องติดรถยนต์มาให้ด้วย ในด้านสมรรถนะทุกรุ่น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ Dual VVT-iE ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT-i มอบพละกำลังสูงสุด 92 แรงม้า แรงบิด 109 นิวตัน-เมตร และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.3 กม./ลิตร ครับ ซึ่งถือว่าเหลือ ๆ สำหรับใช้งานในเมือง

เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual VVT-iE
อัตราสิ้นเปลือง 23.3 กม./ลิตร
รองรับน้ำมัน E20 / 42 ลิตร
ระบบเกียร์ Super CVT-i Shift Lock
กำลังสุงสุด 92 PS (6,000 RPM)
แรงบิดสูงสุด 109 N·m (4,400 RPM)
กำลังมอเตอร์
แรงบิดมอเตอร์
ระบบเบรก
  • หน้า : ดิสก์เบรก
  • หลัง : ดรัมเบรก
ระบบกันสะเทือน
  • หน้า : แม็คเฟอร์สันสตรัท
  • หลัง : ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง
ล้อและยาง ล้ออัลลอยทูโทน 185/60 R15
วันเปิดตัว 10 มีนาคม 2023

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อ Eco Car 

รถยนต์อีโค่คาร์ (Eco Car)

คำว่า Eco Car เป็นคำจำกัดความสำหรับใช้เรียกรถยนต์ประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาโดยมีจุดประสงค์หลักก็คือ เพื่อให้การใช้งานส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยรถ Eco Car หัวใจหลักอยู่ที่เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ความจุแค่ 1.0 – 1.5 ลิตร เน้นการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้รูปลักษณ์ของรถประเภทนี้จึงเล็ก และน้ำหนักเบาตามไปด้วย ส่งผลให้การใช้งานในเมืองคล่องตัวมาก ๆ ครับ เมื่อเครื่องเล็ก บวกกับตัวรถที่เล็กและเบา บางรุ่นจึงประหยัดน้ำมันได้ถึง 20 – 23 กม./ลิตร. เลยทีเดียว ซึ่งบอกเลยว่า Eco Car เป็นรถที่เหมาะกับทุกคนจริง ๆ เดี่ยวเราไปดูปัจจัยต่าง ๆ ที่คุณต้องรู้กันเลยดีกว่าครับ

1. ขนาดของรถ

อย่างที่บอกครับว่า รถ Eco Car จะมีขนาด หรือมิติตัวรถที่ถูกออกแบบมาให้เล็กมาก ๆ เพื่อลดน้ำหนักและแรงต้าน เครื่องยนต์ตัวเล็ก ๆ จึงวิ่งไหว และใช้เชื้อเพลิงน้อยลง แต่ผลที่ตามมาคือ ภายในห้องโดยสารที่แคบลง ดังนั้นคุณควรดูความต้องการ และการใช้งานของคุณด้วย เพราะบางคนมีสรีระค่อนข้างใหญ่ ทำให้อาจจะรู้สึกอึดอัดได้ ดังนั้นทางที่ดีควรลองนั่งดูก่อนดีกว่าครับ

2. สมรรถนะเครื่องยนต์ 

แน่นอนครับ จุดประสงค์ของรถประเภทนี้คือ อัตราการประหยัดเชื้อเพลิง ดังนั้นเครื่องยนต์จะเล็ก มีความจุค่อนข้างน้อย แรงม้าก็เลยมาไม่สูง หากคุณชื่นชอบความเร็ว ก็อย่างลืมตรวจสอบระบบเครื่องยนต์ และการใช้พลังงานของรถรุ่นนั้น ๆ ด้วย เพื่อให้รู้สึกแน่ใจว่า มันมีสมรรถนะที่ดีพอ และในขณะเดียวกันก็มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่คุณยอมรับได้ด้วย ซึ่งรถบางรุ่น ก็มีการจูนมาโดยเฉพาะ พร้อมกับใส่เทอร์โบมาด้วย เพื่อรีดแรงม้าให้ได้มากที่สุด

3. การเซอร์วิส และการบำรุงรักษารถ 

จุดเด่นของ รถ Eco Car นอกจากอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงแล้ว การบำรุงรักษาก็มีค่าใช้จ่ายน้อยมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น ค่าบำรุงรักษาตามระยะทางทั้ง น้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันเบรค, ยางรถยนต์แบตเตอรี่รถยนต์, ค่าอะไหล่ต่าง ๆ จะถูกกว่ารถในกลุ่มอื่น ๆ แถมรถพวกนี้แทบทุกรุ่นเป็นรถตลาด ดังนั้นจะมีผู้ใช้ที่สร้างเพจหรือกลุ่มขึ้นมา เพื่อใช้พูดคุย แลกเปลี่ยน และปรึกษาปัญหาที่พบของรถรุ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะอยู่แล้ว คุณสามารถเข้ากลุ่มไปดูปัญหาต่าง ๆ รวมไปถึงสอบถามเกี่ยวกับการบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ครับ ถ้าคุณรับปัญหาเหล่านั้นได้ก็แทบไม่ต้องกังวลอะไรเลย

4. ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ 

เชื่อว่าทุกคนก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า รถ Eco Car เป็นรถราคาประหยัด ดังนั้นระบบความปลอดภัยต่าง ๆ จึงไม่เหมือนกับพวกรถ D-Segment หรือรถยุโรปแพง ๆ ด้วยเหตุนี้คุณควรจะนำเอาระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่มีให้ในรถแต่ละรุ่นมาเปรียบเทียบกัน โดยเฉพาะในรุ่นย่อยต่าง ๆ ที่จะถูกตัดระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ออกไป เหลือไว้เฉพาะระบบพื้นฐาน เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC, ถุงลมนิรภัย และอุปกรณ์ความปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อหารถที่คุณรู้สึกปลอดภัยในการขับขี่มากที่สุด

5. การทดลองขับ 

เมื่อเราเช็คข้อมูลของรถรุ่นที่เราสนใจมาครบหมดแล้ว (ทางที่ดีเลือกมากสัก 2 รุ่น เพื่อให้เปรียบเทียบกันได้) สิ่งสำคัญต่อมาคือ การทดลองขับ ครับ เพราะรถแต่ละคันมีคาแรคเตอร์ต่างกัน ยิ่งถ้าคุณเคยขับรถที่มีกำลังสูง ๆ มาก่อน การมาขับรถ Eco Car จะให้อารมณ์แตกต่างกันเล็กน้อยครับ ดังนั้นการได้ลองขับก่อนตัดสินใจมันจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องขึ้น บางคนตัดสินใจจะซื้อรุ่น A มาตลอด แต่พอได้ลองขับรุ่น B แล้วเกิดเปลี่ยนใจก็มี ซึ่งการทดลองขับ จะช่วยให้คุณเช็คได้หลายอย่างเลย ทั้ง ความสะดวกสบาย ความเงียบ กลิ่น การควบคุม น้ำหนักพวงมาลัย สมรรถนะ ฯลฯ ถ้ามีเวลาไปลองขับทุกรุ่นได้ก็จะยิ่งดีครับ

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

6. ราคา (การดาวน์ และผ่อน) 

นี่คือสิ่งที่คุณควรจะพิจารณาให้รอบคอบที่สุดครับ ซึ่งทางที่ดี จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน มันไม่ควรถึงกึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดที่คุณได้รับในแต่ละเดือน เพื่อให้คุณมีเงินเหลือเก็บไว้สำหรับ เผื่อมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่น ๆ เช่น ค่าประกันภัยรถยนต์, ยางรถยนต์ที่จะเสื่อมคุณภาพลงเรื่อย ๆ หรือเก็บไว้ใช้เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โดยถ้าคุณเลือกผ่อนในอัตราสูงสุด พอหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว ไม่เหลือเลย เมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องใช้เงินก้อน คุณจะมีปัญหาทันที ซึ่งการไปยืมเงินมาโป๊ะหนี้นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยครับ เว้นแต่ว่า คุณจะมีเงินเย็น เก็บอยู่ในบัญชีอยู่แล้ว


หากคุณคิดจะซื้ออีโคคาร์ คุณต้องยอมรับมันให้ได้ก่อน เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่ารถประเภทอื่น ๆ หลายอย่างจึงถูกกั๊กเอาไว้ จะใช้ของที่ดีที่สุดก็คงไม่ได้ครับ ซึ่ง Eco car ส่วนใหญ่ราคาจะมีเริ่มต้นที่ 500,000 บาท ขึ้นไป แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าอีโค่คาร์เล็กไปหน่อย เราขอแนะนำรถ Crossover SUV เลยครับ

Crossover SUV เป็นรถที่นำตัวถังของอีโคคาร์มาเปลี่ยนทรงใหม่ เพื่อให้มิติรถดูใหญ่ดูสมบุกสมบันขึ้น ภายในกว้าง นั่งสบาย แถมยังมีสมรรถนะที่สูงขึ้น แต่คุณก็ต้องไม่ลืมนะครับว่า รถที่ใหญ่ขึ้นราคาและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะแพงขึ้น รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองก็จะสูงขึ้นด้วย แต่ถ้าความต้องการของคุณคือ หารถที่ประหยัดน้ำมันที่สุด ไม่มีรถประเภทใดเหมาะกว่า รถ Eco car อีกแล้ว


ใส่โค้ด BSET2311 นี้เพื่อรับส่วนลด ในแอปช้อปปี้

  • ลดสูงสุด 300 บาท
  • เริ่ม 11/11/2023 เวลา 0:00:00
  • หมดเขต 11/30/2023 เวลา 23:59:59

หมายเหตุ : โค้ดส่วนลดมีจำนวนจำกัดการใช้ 1 คน/ครั้ง/เครื่อง และใช้ผ่านแอป

Palm PN

Palm PN

I with a bachelor degree in Computer Science from Songkhla Rajabhat University. I live in Songkhla. I like to write articles about in IT products and motorcycle accessories.

Next Post