สร้างวินัยขับขี่ปลอดภัย ให้โอกาสแก้ไขไม่ทำผิดซ้ำ
สร้างความเท่าเทียมภายใต้กฎหมาย ด้วยมาตรฐานสากล
เพื่อเสริมสร้างระเบียบวินัยในการขับขี่ตามกฎจราจรและเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงทำให้กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการจัดตั้งโครงการ “ระบบตัดแต้มใบอนุญาตขับขี่” โดยจะครอบคลุมใบขับขี่ทุกประเภท เพื่อเป็นการคัดกรองผู้ขับขี่บนท้องถนน และช่วยลดการกระทำผิดซ้ำ ๆ
ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเริ่มใช้มาตรการตัดคะแนนใบขับขีตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยรายละเอียดต่าง ๆ นั้นเราได้รวบรวมและสรุปมาให้คุณอ่านได้อย่างเข้าใจง่าย ๆ แล้วค่ะ

รายละเอียด “ระบบการตัดคะแนนใบขับขี่” มีอะไรบ้าง ?
- เริ่มใช้มาตรการนี้ ณ วันที่ 9 มกราคม 2566
- มาตรการนี้จะใช้กับใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภท
- ผู้ที่มีใบขับขี่แต่ละรายจะมีคะแนนเริ่มต้นมาให้ 12 คะแนน
- ** ไม่ว่าคุณจะมีใบขับขี่กี่ประเภทก็ตาม ในระบบจะมีคะแนนบันทึกไว้คนละ 12 คะแนน
- ทั้งนี้หากมีการกระทำผิดกฎจราจร จะถูกตัดคะแนนไปเรื่อย ๆ
- เมื่อคะแนนเหลือ 0 คะแนน จะถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่ 90 วัน
- ** ฝ่าฝืนขับรถในระหว่างถูกพักใช้ใบขับขี่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน และ/หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- ** หากไม่ปรับปรุงพฤติกรรม ถูกตัดคะแนนซ้ำ ๆ จนต้องพักใช้ใบขับขี่บ่อย ๆ อาจถูกเพิกถอนใบขับขี่ทุกประเภทได้
- สามารถเข้าอบรมเพื่อขอคืนคะแนนได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่แต่ละกรณีไป
- ** หากคุณโดนตัดคะแนนจนเหลือน้อยกว่า 6 คะแนน สามารถขอคะแนนคืนได้โดยเข้ารับการอบรมและทดสอบ แต่จะมีสิทธิขอคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น (ตามรอบปีปฏิทินที่กำหนด)
- ** หากคุณจัดอยู่ในกลุ่มถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่ (ถูกตัดคะแนนจนเหลือ 0) คุณก็สามารถขอคะแนนคืนได้เช่นกัน โดยต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบเหมือนกลุ่มแรกเลยค่ะ แต่รายละเอียดจะต่างกัน
เกณฑ์การตัดคะแนนใบขับขี่ ควรระวังเรื่องใดบ้าง ?

1. หากทำผิดกฎจราจรในข้อหาที่กำหนดจะถูกตัดคะแนน 1 – 4 คะแนน แยกออกได้ดังต่อไปนี้
กรณีตัด 1 คะแนน
-
- ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
- ไม่สวมหมวกกันน็อค
- ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย (นอกจากถูกตัดคะแนนอาจต้องโดนปรับ 2,000 บาทด้วย ตามกฎหมายการคาดเข็มขัดนิรภัยที่ได้ประกาศบังคับใช้ 5 กันยายน 2565)
- ขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด
- ขับรถบนทางเท้า
- ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย
- ไม่หลบทางให้รถฉุกเฉิน (Ambulance)
- ขับรถโดยประมาท น่าหวาดเสียว
- ขับรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หรือมีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง ปิดบัง ป้ายทะเทียน (ป้ายทะเบียนหายทำอย่างไรดี?)
- ไม่ติดป้ายภาษีรถ
กรณีตัด 2 คะแนน
-
- ขับรถฝ่าไฟแดง
- ขับรถย้อนศร
- ขับรถในระหว่างที่โดนพักใช้/เพิกถอนใบขับขี่
กรณีตัด 3 คะแนน
-
- ขับรถในขณะหย่อนความสามารถ (ตัวอย่างเช่น ง่วงนอน)
- ขับผิดวิสัยคนธรรมดา (ตัวอย่างเช่น ขี่มอเตอร์ไซค์แบบยกล้อ)
- ขับรถชนแล้วหนี
กรณีตัด 4 คะแนน
-
- เมาแล้วขับ
- ขับรถในขณะที่เสพยาเสพติด
- มีการแข่งรถบนทางถนน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ขับรถโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น
2. หากค้างชำระค่าปรับจราจรในข้อหาที่กำหนดถูกตัด 1 คะแนน
เกณฑ์การอบรมเพื่อขอคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถ

สำหรับคนที่ต้องการเข้ารับการอบรมและทดสอบเพื่อขอคะแนนคืน ให้นำใบอนุญาตขับขี่หรือบัตรประจำตัวประชาชนมาที่
- กรมการขนส่งทางบก สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (อาคาร 8)
- สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-4
- สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด
ในกรณีที่คุณผ่านการทดสอบทั้งหมดแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะแจ้งผลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อคืนคะแนนให้แก่คุณค่ะ
การอบรมขอคืนคะแนนครั้งที่ 1
กลุ่มที่มีคะแนนน้อยกว่า 6 คะแนน
สำหรับผู้ที่โดนตัดคะแนนไปแล้ว คุณสามารถขอคะแนนคืนได้ตามแต่ละหลักสูตรที่สะดวก โดยจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 หลักสูตร
-
- ขอคืนคะแนนไม่เกิน 12 คะแนน ต้องใช้เวลาในการอบรมไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
- ขอคืนคะแนนไม่เกิน 9 คะแนน ต้องใช้เวลาในการอบรมไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง
- ขอคืนคะแนนไม่เกิน 6 คะแนน ต้องใช้เวลาในการอบรมไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามหากคุณคิดว่าอยากจะเข้าไปอบรมเพื่อเพิ่มคะแนนให้เยอะ ๆ ขอบอกก่อนนะคะว่าคะแนนที่ได้รับคืนมานั้น เมื่อรวมกับคะแนนเดิมที่มีแล้ว จะต้องมีไม่เกิน 12 คะแนนเท่านั้นค่ะ 🙂
การอบรมขอคืนคะแนนครั้งที่ 2
กลุ่มที่เข้าอบรมครั้งที่ 1 แล้ว + ถูกตัดคะแนนอีกครั้ง
หลักสูตรนี้จะเกิดขึ้นกับกลุ่มบุคคลที่ได้รับการอบรมครั้งที่ 1 มาแล้ว แต่ถูกตัดคะแนนอีกครั้ง (กลุ่มที่ทำผิดกฎจราจรซ้ำ ๆ) แต่ในครั้งที่ 2 นี้ คุณจะสามารถเลือกขอคะแนนคืนได้เพียงกรณีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ
-
- ขอคืนคะแนนกลับมาเป็น 6 คะแนน โดยต้องใช้เวลาในการอบรมไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง
การอบรมขอคะแนนคืนในกลุ่มถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่
ในกรณีนี้คือผู้ที่มีคะแนนเป็น 0 จนถูกสั่งพักให้ใช้อนุญาตขับขี่
บุคคลกลุ่มนี้จะต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งหลักสูตรนี้จะทำให้คุณได้คะแนนกลับมาเป็น 12 คะแนน โดยจะมีเวลาการอบรมไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง
ทั้งนี้ผู้ที่ได้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรแล้ว จะต้องเข้ารับการทดสอบด้วย ซึ่งการทดสอบนี้คุณต้องทำคะแนนให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อย 60 ถึงจะถือว่าคุณสอบผ่าน (ผ่านทั้งการอบรมและทดสอบ)
ในกรณีที่ทดสอบแล้วไม่ผ่าน คุณมีโอกาสแก้ตัวได้อีก 2 ครั้ง ซึ่งการสอบแก้ตัวครั้งที่ 2 สามารถทดสอบในวันนั้นได้เลย
แต่หากยังไม่ผ่านการทดสอบครั้งที่ 2 อีก ก็สามารถนัดเวลามาสอบแก้ตัวครั้งที่ 3 ได้ โดยวันเวลาที่นัดหมายนั้นจะต้องมาสอบใหม่ภายใน 7 วันหลังจากการทดสอบครั้งแรกไม่ผ่าน
วิธีตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ของเรา ว่าตอนนี้มีอยู่กี่คะแนน?
1. เช็กจากเว็บไซต์ Police Ticket Management
- เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ptm.police.go.th/eTicket/
- login เข้าสู่ระบบ โดยต้องมีเลขประจำตัวประชาชน และ รหัสผ่าน
- ในกรณีที่ยังไม่เคยสมัคร ให้กดที่ “ลงทะเบียนใช้งาน” โดยให้เตรียมข้อมูลต่อไปนี้
- ชื่อ-นามสกุล, เลขประจำตัวประชาชน, วันเดือนปีเกิด, Laser ID (รหัสหลังบัตรประชาชน)
- ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ อาทิเช่น ชนิดใบอนุญาต, ประเภทใบอนุญาต, เลขที่ใบอนุญาต, วันที่ออกใบอนุญาต, วันหมดอายุบัตร
- อีเมล สำหรับใช้ส่งรหัสยืนยันตัวตน
- ตั้งรหัสผ่าน (ต้องเป็นรหัสที่คุณจำได้เสมอ)
- ในกรณีที่ยังไม่เคยสมัคร ให้กดที่ “ลงทะเบียนใช้งาน” โดยให้เตรียมข้อมูลต่อไปนี้
- เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คุณจะสามารถ ตรวจสอบใบสั่งทั้งหมด, ส่งคำร้องขอโต้แย้งใบสั่ง และตรวจสอบคะแนนใบขับขี่ก็ได้ค่ะ
ทั้งนี้หากพบว่ามีค่าปรับต่าง ๆ คุณสามารถชำระผ่านระบบออนไลน์ E-Ticket ได้ทุกที่ ตลอด 24 ชั่วโมง หรือจะเป็นแอปฯ เป๋าตัง รวมถึงเครื่อง PTM ก็ได้เช่นกันค่ะ
2. เช็กจากแอปพลิเคชัน ขับดี (KHUBDEE)
ภายในแอปฯ ขับดี จะประกอบด้วย 7 ฟีเจอร์หลัก อาทิ ตรวจสอบสถานะใบขับบี่, ตรวจสอบคะแนนใบขับขี่, ตรวจสอบใบสั่งย้อนหลัง, โต้แย้งข้อกล่าวหา ตลอดจนการอัปเดตข่าวสารจราจรต่าง ๆ ฯลฯ
References :