รีวิว อาหารเม็ด แมว แบรนด์ Hill’s® Science Diet®

อาหารถือเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของแมว ซึ่งเจ้าของแมวหลายตัวอาจไม่คำนึงถึงจุดนี้สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากมองว่าอาหารที่วางอยู่ในบนตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อนั้นเป็นอาหารสำเร็จรูปที่เหมาะกับแมวทุกตัวโดยรวมถึงแมวของตัวเอง แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป เพราะแมวแต่ละตัวมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น อายุ, น้ำหนัก, สายพันธุ์ ปัญหาในเรื่องของขน หรือระบบการเลี้ยง ซึ่งการที่จะให้อาหารแมวในแต่ละครั้ง เราจะคำนึงแล้วว่าสารอาหารที่แมวของเราจะได้รับนั้นต้องเพียงพอหรือแก้ไขปัญหาแมวของเราได้อย่างตรงจุด ซึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจและมีการผลิตซึ่งได้มาตรฐานตามหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งยังมีการพัฒนาสูตรให้ครอบคลุมแมวในทุกช่วงวัยและทุกสายพันธุ์คงหนีไม่พ้นแบรนด์ “Hill’s® Science Diet®”

ประวัติความเป็นมาของ Hill’s® Science Diet®

จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจของผลิตภัณฑ์อาหาร Hill’s® Science Diet® เกิดขึ้นตั้งแต่ 90 ปีก่อน โดยที่ชายตาบอดคนหนึ่งชื่อ มอร์ริส แฟรงค์ โดยในการเดินทางไปในสถานที่ของเขานั้นจะมีสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดตัวโปรด ที่จะคอยนำทางให้เขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เรียกว่าเป็นเพื่อนคู่ใจที่คอยอยู่ข้างกายแฟรงค์เสมอมา แต่วันหนึ่งสุนัขของเขาก็ต้องล้มป่วยลง

แฟรงค์จึงได้พาสุนัขมาของเขาไปตรวจและรักษาว่าเหตุใดหมาของเขาจึงล้มป่วยลงได้ ซึ่งเมื่อทำการตรวจแล้ว สัตวแพทย์ก็ได้วินิจฉัยโดยผลที่ออกมานั้นทำให้รู้ว่ามาของเขาเป็นโรคไตล้มเหลว ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคนั้นมาจากการที่สุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดตัวนี้ได้รับโภชนาการที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นแฟงค์จึงได้ขอความช่วยเหลือจาก ดร. มอร์ริส ให้ช่วยพัฒนาสูตรอาหารให้หมาของเขาได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่ง ดร. มอร์ริส ก็ตกลงรับปากที่จะช่วยเหลือ

หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มทำอาหารภายในห้องใต้ดินกับภรรยา เพื่อปรับสูตรอาหารให้สุนัขของแฟงค์ได้รับสารอาหารที่ได้คุณภาพมากที่สุด จนในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จและได้ส่งให้แฟรงค์อยู่เสมอมา แต่ในช่วงระยะแรกก็เกิดปัญหาอยู่เล็กน้อย เนื่องจาก ดร. มอร์ริส ใส่อาหารในภาชนะที่เป็นขวด  Ball™ Raritan Ration B ซึ่งเมื่อมีการขนส่งหรือมีแรงกระแทกมันก็ทำให้ภาชนะนั้นแตกอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น ดร. มอร์ริสจึงเปลี่ยนภาชนะใส่อาหารจากขวดไปเป็นกระป๋องแทน ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของอาหารกระป๋องนั่นเองครับ

โดยในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา Hill’s ได้ปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ นอกจากที่ทางแบรนด์จะผลิตอาหารหมาแล้ว ทางแบรนด์ก็ได้ผลิตและปรับปรุงสูตรอาหารให้เข้ากับแมวอีกด้วย ซึ่งการพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงจากผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดและประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญเลยคือแบรนด์นี้ได้ถูกยกให้เป็นแบรนด์ที่สัตวแพทย์แนะนำ รวมไปถึงเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ก็ได้ให้ความไว้วางใจที่จะซื้อแบรนด์นี้มาให้สุนัขและแมวของพวกเขารับประทาน

รีวิว อาหารเม็ดแมว แบรนด์ Hill’s Science Diet

อย่างที่บอกได้ไว้ในข้างต้นครับว่า Hill’s นั้นมีการพัฒนาสูตรได้ครอบคลุมแมวทุกอายุ, ทุกสายพันธุ์ และทุกปัญหาของแมว ดังนั้นก่อนการซื้ออาหาร Hill’s เราจะต้องอ่านสูตรด้านหน้าผลิตภัณฑ์ก่อนทุกครั้งว่าสูตรใดที่จะเหมาะกับแมวของเรามากที่สุด

อย่างเช่นแมวของผมซึ่งมีอายุ 9 ปี แน่นอนว่าการที่ผมจะต้องเลือกให้อาหารนั้นจะต้องดูปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เนื่องจากแมวที่มีอายุมากจะต้องใส่ใจและเจาะลึกถึงสารอาหารที่แมวของผมจะได้รับ ซึ่งอาหารเม็ดที่ผมได้เลือกซื้อให้แมวของผมนั้นรับประทานนั่นคือสูตร Adult 7+ Youthful Vitality”

สารอาหารใดที่แมวจะต้องได้รับ ? (1)

โปรตีนและอะมิโน แอซิด

ตามธรรมชาติแล้วแมวเป็นสัตว์ที่กินเนื้อ ดังนั้นสารอาหารที่แมวควรจะได้รับนั่นคือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มากกว่าที่จะให้โปรตีนจากพืช (แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถใส่ส่วนประกอบที่เป็นพืชลงไปได้) ดังนั้นในผลิตภัณฑ์อาหารแมวควรที่จะมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ

ไขมันและกรดไขมัน

แมวควรที่จะได้รับไขมันหรือกรดไขมันจากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นไขมันจากสัตว์หรือไขมันจากเมล็ดพืช ทั้งนี้ไขมันจะเป็นตัวที่เข้าไปช่วยทำให้แมวมีพลังงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้กรดไขมันยังช่วยทำให้ขนของแมวได้รับการบำรุงอีกด้วย

วิตามิน

วิตามินถือเป็นอีกสารอาหารหนึ่งที่แมวควรได้รับเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมันมีผลต่อเมตาบอลิซึมและสุขภาพโดยรวมของแมว ไม่ว่าจะเป็น ขน, ดวงตา, ระบบขับถ่าย และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นอาหารแมวควรจะมีวิตามินอยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ครับ

ลักษณะของอาหารแมว Hill’s® Science Diet®

สารอาหารและส่วนประกอบของ อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality

ปริมาณสารอาหาร
โปรตีน 35.4 %
ไขมัน 16.5 %
เยื่อใย 1.4 %
ฟอสฟอรัส 0.67 %
แคลเซียม  0.71
โพแทสเซียม  0.62
โซเดียม  0.38
แมกนีเซียม  0.104
วิตามินอี  1,103 I.U./กิโลกรัม
วิตามินซี  205 ppm
กรดโอเมก้า 3  0.47 %
กรดโอเมก้า 6  4.02%

ส่วนประกอบ : Chicken, Brown Rice, Corn Gluten Meal, Whole Grain Oats, Pea Protein, Chicken Fat, Chicken Liver Flavor, Lactic Acid, Soybean Oil, Dried Tomato Pomace, Calcium Sulfate, Fish Oil, Choline Chloride, DL-Methionine, Iodized Salt, Taurine, Broccoli, vitamins (Vitamin E Supplement, L-Ascorbyl-2-Polyphosphate (source of Vitamin C), Niacin Supplement, Thiamine Mononitrate, Vitamin A Supplement, Calcium Pantothenate, Riboflavin Supplement, Biotin, Vitamin B12 Supplement, Pyridoxine Hydrochloride, Folic Acid, Vitamin D3 Supplement), Potassium Chloride, minerals (Ferrous Sulfate, Zinc Oxide, Copper Sulfate, Manganous Oxide, Calcium Iodate, Sodium Selenite), L-Carnitine, Calcium Carbonate, Natural Flavors, Mixed Tocopherols for freshness, Beta-Carotene.

จากสารอาหารและปริมาณที่ใส่ลงไปนั้นจะสังเกตได้เลยครับ ว่าสารอาหารล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับแมวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน, วิตามิน หรือไขมัน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงไนอาซินที่แมวต้องการจากอาหารมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่อยู่ในช่วงอายุ 7 ปีขึ้นไป มีความต้องการไนอาซินเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากแมวไม่ได้รับไนอาซินเข้าร่างกาย น้องแมวอาจสูญเสียน้ำหนักและที่ร้ายแรงที่สุดเลยคืออาจจะตายได้ (1) ดังนั้นสารอาหารและส่วนประกอบของอาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality ถือได้ว่าครบถ้วนครับ

ลักษณะของอาหารแมว Hill’s® Science Diet®

การบำรุงของอาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality

สูตรนี้เป็นสูตรที่ผลิตออกมาสำหรับแมวที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ซึ่งคุณสมบัติของอาหารสูตรนี้จะช่วยทำให้แมวได้รับการบำรุงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น 

การบำรุงสมอง : จุดนี้ถือว่าสำคัญครับ เพราะแมววัยนี้จะเริ่มมีการเคลื่อนตัวที่ค่อนข้างช้า ทั้งยังรวมไปถึงความจำอีกที่แย่ลงอีกด้วย เนื่องจากสมรรถนะทางกายและสมองจะเสื่อมถอยไปตามอายุ ดังนั้นการบำรุงสมองจึงค่อนข้างจะต้องให้ความสำคัญ ซึ่งผลิตภัณฑ์ Hill’s® มีสารอาหารที่สามารถบำรุงสมองได้ (2)

การบำรุงขน : ผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถช่วยบำรุงขนได้ เนื่องจากสารอาหารของสินค้าตัวนี้มีวิตามินอีและโอเมก้า 6 ที่จะช่วยบำรุงขนให้สวยและดูสุขภาพดี ไม่ว่าแมวของคุณจะเป็นแมวพันธุ์ขนสั้นหรือขนยาว เรื่องการบำรุงขนให้แข็งแรงถือเป็นเรื่องที่เราควรจะให้ความสำคัญ

การช่วยระบบขับถ่าย : วัตถุดิบและสารอาหารในตัวผลิตภัณฑ์นี้สามารถย่อยได้ค่อนข้างง่าย ซึ่งดีต่อแมวอายุ 7 ปีขึ้นไป เพราะแมวที่เป็นผู้ใหญ่นั้นจะมีไม่ค่อยเคลื่อนตัวสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นการที่จะให้น้องแมวของเรากินอาหาร เราก็จะต้องคำนึงถึงระบบการย่อยหรือการใช้พลังงานของเขาด้วย เพื่อให้น้องแมวปลอดภัยในการกิน (3)  ซึ่ง Hill’s ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจเรื่องนี้

ซึ่งสูตร Adult 7+ Youthful Vitality ตอบโจทย์กับแมวของผมได้เป็นอย่างดีครับ

พฤติกรรมการกินก่อนและหลังให้อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality

พฤติกรรมการกินของแมวตัวนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเลือกรับประทานอาหารแมวแบบเปียกมากกว่าที่จะรับประทานอาหารแมวแบบเม็ดครับ แต่ในการให้อาหารในครั้งแรกถือว่าเป็นไปได้ดี โดยได้มีการนำให้อาหารเม็ดในแบรนด์เก่าในปริมาณ 75 % และผสมอาหารของ Hill’s® Science Diet® ลงไปในปริมาณ 25 % เนื่องจากการเปลี่ยนยี่ห้ออาหารนั้นจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอย่างช้า ๆ เพื่อให้แมวของเราได้มีการปรับตัวในรสชาติและระบบย่อยอาหาร ซึ่งหากเปลี่ยนการให้ทันทีแบบ 100 % แมวของเราอาจเกิดอาการเจ็บป่วยหรือปวดท้องได้ ตามที่นักเทคนิคการสัตวแพทย์ได้กล่าวไว้

โดยหลังจากที่ผมได้ให้อาหารแมว Hill’s® Science Diet® ในครั้งแรก ผลปรากฎว่าแมวของผมรับประทานอาหารเม็ดมากขึ้นกว่าเก่า ซึ่งในวันถัดมาก็มีการเพิ่มปริมาณจาก 25 % เป็น 50 % จนในวันที่ 7 ก็ให้ปริมาณ 100 % ตามคำแนะนำของ Hill’s® ซึ่งจากแมวที่มีพฤติกรรมเลือกรับประทานเพียงแค่อาหารเปียก ก็เริ่มที่จะเลือกรับประทานอาหารเม็ดมากขึ้นครับ ยิ่งถ้าหากนำอาหารแบบเปียกมาผสมกับอาหารเม็ดของ Hill’s® ต้องบอกเลยว่าแมวของผมดูเจริญอาหารมากขึ้น ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากรสชาติอาหารของ Hill’s® ที่มีรสชาติถูกปากกว่าอาหารแมวแบรนด์เก่าที่เคยให้รับประทาน

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

การขับถ่ายของแมว

โดยปกติแล้วแมวส่วนใหญ่แล้วจะมีการขับถ่าย 1 ครั้งต่อวัน ทั้งนี้ลักษณะของอุจจาระจะบ่งบอกอีกด้วยว่าการขับถ่ายของแมวนั้นปกติหรือไม่ โดยให้สังเกตดังนี้ครับ

  1. อุจจาระมีสีน้ำตาลเข้ม
  2. ก้อนอุจจาระไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป
  3. กลิ่นอุจจาระไม่เหม็นจนเกินไป (หากมีกลิ่นที่แรงกว่าปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์)

หากแมวของคุณมีลักษณะอุจจาระในลักษณะคล้ายกับ 3 ข้อที่บอกไปข้างต้น แสดงว่าแมวของคุณยังมีระบบการขับถ่ายที่อยู่ในเกณฑ์ดีครับ

การขับถ่ายหลังจากรับประทาน อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality

โดยปกติแล้วแมวของผมจะมีการขับถ่าย 2 วันต่อครั้งและมีกลิ่นที่ค่อนข้างจะรุนแรงอยู่พอสมควร แต่หลังจากการรับประทานอาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality แมวของผมก็เริ่มที่จะมีการขับถ่าย 1 ครั้งต่อวัน ทั้งนี้อุจจาระของน้องแมวก็มีลักษณะที่ไม่แข็งหรือนิ่มมากจนเกินไปและกลิ่นก็ไม่แรงเหมือนเก่า นอกจากนี้จากการสังเกตในระหว่างการขับถ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ต้องออกแรงมากนัก ดังนั้นตรงนี้พิสจูน์ได้อย่างหนึ่ง ว่าอาหารแมวสูตรนี้ช่วยทำให้การย่อยอาหารและระบบการขับถ่ายนั้นดีขึ้นกว่าเดิม

สรุปผลหลังจากที่แมวได้รับประทาน อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality

หลังจากที่แมวของผมได้รับประทานอาหารแมวของ Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality แมวของผมสามารถรับประทานอาหารเม็ดได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่วันแรก จากที่เมื่อก่อนเลือกรับประทานอาหารแบบเปียกเพียงอย่างเดียวและหลีกเลี่ยงที่จะรับประทานอาหารเม็ด

นอกจากนี้ที่สังเกตได้ชัดเจนอีกอย่างคือระบบการขับถ่ายที่ดูจะถ่ายได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงอุจจาระที่บ่งบอกได้ว่าระบบการย่อยอาหารหรือระบบขับถ่ายนั้นดีขึ้นกว่าเก่า จากที่ถ่าย 2 วันต่อครั้ง ตอนนี้แมวเริ่มมีการถ่าย 1 วันต่อครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนการขับถ่ายที่ควรจะเป็น

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าอาหาร Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality ถือเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งยังมีรสชาติที่ถูกปากของน้องแมวและดีต่อระบบย่อย รวมไปถึงการขับถ่ายที่ดีขึ้นอีกด้วยครับ

สำหรับบรรจุภัณฑ์ของ Hill’s® Science Diet® จะมีลักษณะที่คล้ายกับตีนตุ๊กแก

ข้อดีของบรรจุภัณฑ์

ตัวปิดบรรจุภัณฑ์จะมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นค่อนข้างชัดเจน ตัวส่วนใหญ่แล้วอาหารแมวที่มีขนาดถุงใหญ่ตามท้องตลาดนั้นจะเป็นซิปล็อค แต่สำหรับอาหาร Hill’s® Science Diet® จะมีลักษณะที่คล้ายกับตีนตุ๊กแก ซึ่งการปิดในลักษณะนี้สามารถป้องกันอากาศที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับอาหารได้เป็นอย่างดี ทำให้อาหารแมวอยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้ทำให้รสชาติของอาหารไม่เสียอีกด้วย


การให้อาหารแมวอายุ 7 ปีขึ้นไป (Senior Cats)

ปริมาณการให้อาหารแมวในอายุ 7 ปีขึ้นไปนั้นจำเป็นที่จะต้องใส่ใจรายละเอียดให้มากครับ เพราะแมวในช่วงวัยนี้ต้องการการใส่ใจที่มากขึ้น หากแมวของคุณมีอาการป่วยหรือไม่แน่ใจว่าปริมาณอาหารที่ควรจะให้นั้นควรอยู่ที่ปริมาณเท่าไหร่ คุณควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือนักเทคนิคการสัตวแพทย์ เพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่ตรงจุดและถูกต้องที่สุด

ทั้งนี้ปัจจัยการให้อาหารนั้นอาจจะต้องคำนวนจากอายุและน้ำหนักของแมว นอกจากนี้อาจรวมไปถึงสุขภาพของตัวน้องแมวอีกด้วยว่าควรมีสัดส่วนสารอาหารในปริมาณเท่าไหร่  ในบางตัวอาจให้อาหารหลายมื้อต่อวันหรือบางตัวอาจให้จำนวนน้อยลงมา ลดหลั่นไปตามปัจจัยต่าง ๆ ของแมวแต่ละตัว

การให้อาหารแมวลูกแมววัย 1 – 6 ปี (Adult Cats)

วิธีการให้อาหารแมวในช่วงวัยนี้ก็ต้องเลือกอาหารที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับแมววัยอื่น ๆ ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงและปัญหาเรื่องสุขภาพของแมวด้วย อย่างเช่น หากใครเลี้ยงแมวในระบบปิด คุณก็ควรเลือกสูตรอาหารแมวสำหรับการเลี้ยงในบ้าน (Indoor) อย่างเช่น Hill’s® Science Diet® Adult Indoor cat food

แต่ถ้าแมวของคุณต้องการอาหารที่จะช่วยในการควบคุมน้ำหนักในอยู่ในเกณฑ์ก็ควรเลือก Hill’s® Science Diet® Adult Perfect Weight cat food หรือถ้าต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องขนเป็นก้อนก็จะต้องเลือก Hill’s® Science Diet® Adult Hairball Control cat food เป็นต้น ทั้งนี้ต้องอ่านสูตรผลิตภัณฑ์ให้ดี ๆ ในบางครั้งคุณอาจจะเห็นคำว่า Lights Cat Food ซึ่งคำนี้จะหมายว่าแมวที่ไม่ได้ใช้พลังงานเยอะหรือแมวที่ผ่านการทำหมันมาแล้วเรียบร้อย ดังนั้นจะต้องเลือกให้ตรงกับคุณสมบัติกับแมวของคุณครับ

การให้อาหารลูกแมว (Kitten)

การให้อาหารลูกแมวเราจะต้องคำนึงถึงสารอาหารที่ช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโต เนื่องจากแมววัยเด็กจะมีการพัฒนาในเรื่องของกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ดังนั้นอาหารเม็ดที่คุณควรจะให้ควรเป็นอาหารเกรดระดับพรีเมี่ยม ซึ่งถ้าให้อาหารคุณภาพสำหรับแมวในช่วงวัยนี้ ผมอยากแนะนำให้คุณเลือก Hill’s® Science Diet®  สูตร Kitten Chicken Recipe เนื่องจากสูตรนี้มีการออกแบบมาเพื่อนแมวเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งมีสารอาหารอย่าง DHA ในการพัฒนาสมองและสายตาของแมวเด็ก รวมไปถึงโปรตีนที่จะเข้าไปช่วยสริมให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนากล้ามเนื้อ ทั้งยังมีแร่ธาตุที่ทำให้ลูกแมวมีสุขภาพฟันและกระดูกที่แข็งแรงยิ่งขึ้น

อาหารที่ไม่ควรให้แมวของคุณรับประทานอาหาร

หลายคนอาจศึกษาเพียงแค่อาหารหรือสารอาหารใดที่สามารถให้ประโยชน์แก่แมวที่คุณเลี้ยง แต่น้อยคนนักที่จะศึกษาว่าสิ่งใดที่แมวไม่สามารถจะรับประทานได้ โดยรายชื่ออาหารที่ไม่ควรให้แมวของคุณรับประทานได้แก่อ ช็อคโกแลต, อะโวคาโด, องุ่น, เห็ด, ถั่ว, หัวหอม

References

  1. Your Cat’s Nutritional Needs
  2. The Special Needs of the Senior Cat
  3. Dry foods and risk of disease in cats

ใส่โค้ด BSET2311 นี้เพื่อรับส่วนลด ในแอปช้อปปี้

  • ลดสูงสุด 300 บาท
  • เริ่ม 11/11/2023 เวลา 0:00:00
  • หมดเขต 11/30/2023 เวลา 23:59:59

หมายเหตุ : โค้ดส่วนลดมีจำนวนจำกัดการใช้ 1 คน/ครั้ง/เครื่อง และใช้ผ่านแอป

Lolipop

Lolipop

Create article about music and news with heart

Next Post