อาหารถือเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพของแมว ซึ่งเจ้าของแมวหลายตัวอาจไม่คำนึงถึงจุดนี้สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากมองว่าอาหารที่วางอยู่ในบนตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อนั้นเป็นอาหารสำเร็จรูปที่เหมาะกับแมวทุกตัวโดยรวมถึงแมวของตัวเอง แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป เพราะแมวแต่ละตัวมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น อายุ, น้ำหนัก, สายพันธุ์ ปัญหาในเรื่องของขน หรือระบบการเลี้ยง ซึ่งการที่จะให้อาหารแมวในแต่ละครั้ง เราจะคำนึงแล้วว่าสารอาหารที่แมวของเราจะได้รับนั้นต้องเพียงพอหรือแก้ไขปัญหาแมวของเราได้อย่างตรงจุด ซึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจและมีการผลิตซึ่งได้มาตรฐานตามหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งยังมีการพัฒนาสูตรให้ครอบคลุมแมวในทุกช่วงวัยและทุกสายพันธุ์คงหนีไม่พ้นแบรนด์ “Hill’s® Science Diet®”
ประวัติความเป็นมาของ Hill’s® Science Diet®
จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจของผลิตภัณฑ์อาหาร Hill’s® Science Diet® เกิดขึ้นตั้งแต่ 90 ปีก่อน โดยที่ชายตาบอดคนหนึ่งชื่อ มอร์ริส แฟรงค์ โดยในการเดินทางไปในสถานที่ของเขานั้นจะมีสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดตัวโปรด ที่จะคอยนำทางให้เขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เรียกว่าเป็นเพื่อนคู่ใจที่คอยอยู่ข้างกายแฟรงค์เสมอมา แต่วันหนึ่งสุนัขของเขาก็ต้องล้มป่วยลง
แฟรงค์จึงได้พาสุนัขมาของเขาไปตรวจและรักษาว่าเหตุใดหมาของเขาจึงล้มป่วยลงได้ ซึ่งเมื่อทำการตรวจแล้ว สัตวแพทย์ก็ได้วินิจฉัยโดยผลที่ออกมานั้นทำให้รู้ว่ามาของเขาเป็นโรคไตล้มเหลว ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคนั้นมาจากการที่สุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดตัวนี้ได้รับโภชนาการที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นแฟงค์จึงได้ขอความช่วยเหลือจาก ดร. มอร์ริส ให้ช่วยพัฒนาสูตรอาหารให้หมาของเขาได้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่ง ดร. มอร์ริส ก็ตกลงรับปากที่จะช่วยเหลือ
หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มทำอาหารภายในห้องใต้ดินกับภรรยา เพื่อปรับสูตรอาหารให้สุนัขของแฟงค์ได้รับสารอาหารที่ได้คุณภาพมากที่สุด จนในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จและได้ส่งให้แฟรงค์อยู่เสมอมา แต่ในช่วงระยะแรกก็เกิดปัญหาอยู่เล็กน้อย เนื่องจาก ดร. มอร์ริส ใส่อาหารในภาชนะที่เป็นขวด Ball™ Raritan Ration B ซึ่งเมื่อมีการขนส่งหรือมีแรงกระแทกมันก็ทำให้ภาชนะนั้นแตกอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น ดร. มอร์ริสจึงเปลี่ยนภาชนะใส่อาหารจากขวดไปเป็นกระป๋องแทน ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของอาหารกระป๋องนั่นเองครับ
โดยในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา Hill’s ได้ปรับปรุงและพัฒนาอยู่เสมอ นอกจากที่ทางแบรนด์จะผลิตอาหารหมาแล้ว ทางแบรนด์ก็ได้ผลิตและปรับปรุงสูตรอาหารให้เข้ากับแมวอีกด้วย ซึ่งการพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงจากผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดและประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญเลยคือแบรนด์นี้ได้ถูกยกให้เป็นแบรนด์ที่สัตวแพทย์แนะนำ รวมไปถึงเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ก็ได้ให้ความไว้วางใจที่จะซื้อแบรนด์นี้มาให้สุนัขและแมวของพวกเขารับประทาน
รีวิว อาหารเม็ดแมว แบรนด์ Hill’s Science Diet
อย่างที่บอกได้ไว้ในข้างต้นครับว่า Hill’s นั้นมีการพัฒนาสูตรได้ครอบคลุมแมวทุกอายุ, ทุกสายพันธุ์ และทุกปัญหาของแมว ดังนั้นก่อนการซื้ออาหาร Hill’s เราจะต้องอ่านสูตรด้านหน้าผลิตภัณฑ์ก่อนทุกครั้งว่าสูตรใดที่จะเหมาะกับแมวของเรามากที่สุด
อย่างเช่นแมวของผมซึ่งมีอายุ 9 ปี แน่นอนว่าการที่ผมจะต้องเลือกให้อาหารนั้นจะต้องดูปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เนื่องจากแมวที่มีอายุมากจะต้องใส่ใจและเจาะลึกถึงสารอาหารที่แมวของผมจะได้รับ ซึ่งอาหารเม็ดที่ผมได้เลือกซื้อให้แมวของผมนั้นรับประทานนั่นคือสูตร “Adult 7+ Youthful Vitality”
สารอาหารใดที่แมวจะต้องได้รับ ? (1)
โปรตีนและอะมิโน แอซิด
ตามธรรมชาติแล้วแมวเป็นสัตว์ที่กินเนื้อ ดังนั้นสารอาหารที่แมวควรจะได้รับนั่นคือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มากกว่าที่จะให้โปรตีนจากพืช (แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถใส่ส่วนประกอบที่เป็นพืชลงไปได้) ดังนั้นในผลิตภัณฑ์อาหารแมวควรที่จะมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ
ไขมันและกรดไขมัน
แมวควรที่จะได้รับไขมันหรือกรดไขมันจากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นไขมันจากสัตว์หรือไขมันจากเมล็ดพืช ทั้งนี้ไขมันจะเป็นตัวที่เข้าไปช่วยทำให้แมวมีพลังงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้กรดไขมันยังช่วยทำให้ขนของแมวได้รับการบำรุงอีกด้วย
วิตามิน
วิตามินถือเป็นอีกสารอาหารหนึ่งที่แมวควรได้รับเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมันมีผลต่อเมตาบอลิซึมและสุขภาพโดยรวมของแมว ไม่ว่าจะเป็น ขน, ดวงตา, ระบบขับถ่าย และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นอาหารแมวควรจะมีวิตามินอยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ครับ

สารอาหารและส่วนประกอบของ อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality
ปริมาณสารอาหาร | |
---|---|
โปรตีน | 35.4 % |
ไขมัน | 16.5 % |
เยื่อใย | 1.4 % |
ฟอสฟอรัส | 0.67 % |
แคลเซียม | 0.71 |
โพแทสเซียม | 0.62 |
โซเดียม | 0.38 |
แมกนีเซียม | 0.104 |
วิตามินอี | 1,103 I.U./กิโลกรัม |
วิตามินซี | 205 ppm |
กรดโอเมก้า 3 | 0.47 % |
กรดโอเมก้า 6 | 4.02% |
ส่วนประกอบ : Chicken, Brown Rice, Corn Gluten Meal, Whole Grain Oats, Pea Protein, Chicken Fat, Chicken Liver Flavor, Lactic Acid, Soybean Oil, Dried Tomato Pomace, Calcium Sulfate, Fish Oil, Choline Chloride, DL-Methionine, Iodized Salt, Taurine, Broccoli, vitamins (Vitamin E Supplement, L-Ascorbyl-2-Polyphosphate (source of Vitamin C), Niacin Supplement, Thiamine Mononitrate, Vitamin A Supplement, Calcium Pantothenate, Riboflavin Supplement, Biotin, Vitamin B12 Supplement, Pyridoxine Hydrochloride, Folic Acid, Vitamin D3 Supplement), Potassium Chloride, minerals (Ferrous Sulfate, Zinc Oxide, Copper Sulfate, Manganous Oxide, Calcium Iodate, Sodium Selenite), L-Carnitine, Calcium Carbonate, Natural Flavors, Mixed Tocopherols for freshness, Beta-Carotene.
จากสารอาหารและปริมาณที่ใส่ลงไปนั้นจะสังเกตได้เลยครับ ว่าสารอาหารล้วนแล้วแต่มีประโยชน์กับแมวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน, วิตามิน หรือไขมัน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงไนอาซินที่แมวต้องการจากอาหารมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่อยู่ในช่วงอายุ 7 ปีขึ้นไป มีความต้องการไนอาซินเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากแมวไม่ได้รับไนอาซินเข้าร่างกาย น้องแมวอาจสูญเสียน้ำหนักและที่ร้ายแรงที่สุดเลยคืออาจจะตายได้ (1) ดังนั้นสารอาหารและส่วนประกอบของอาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality ถือได้ว่าครบถ้วนครับ

การบำรุงของอาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality
สูตรนี้เป็นสูตรที่ผลิตออกมาสำหรับแมวที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ซึ่งคุณสมบัติของอาหารสูตรนี้จะช่วยทำให้แมวได้รับการบำรุงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
การบำรุงสมอง : จุดนี้ถือว่าสำคัญครับ เพราะแมววัยนี้จะเริ่มมีการเคลื่อนตัวที่ค่อนข้างช้า ทั้งยังรวมไปถึงความจำอีกที่แย่ลงอีกด้วย เนื่องจากสมรรถนะทางกายและสมองจะเสื่อมถอยไปตามอายุ ดังนั้นการบำรุงสมองจึงค่อนข้างจะต้องให้ความสำคัญ ซึ่งผลิตภัณฑ์ Hill’s® มีสารอาหารที่สามารถบำรุงสมองได้ (2)
การบำรุงขน : ผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถช่วยบำรุงขนได้ เนื่องจากสารอาหารของสินค้าตัวนี้มีวิตามินอีและโอเมก้า 6 ที่จะช่วยบำรุงขนให้สวยและดูสุขภาพดี ไม่ว่าแมวของคุณจะเป็นแมวพันธุ์ขนสั้นหรือขนยาว เรื่องการบำรุงขนให้แข็งแรงถือเป็นเรื่องที่เราควรจะให้ความสำคัญ
การช่วยระบบขับถ่าย : วัตถุดิบและสารอาหารในตัวผลิตภัณฑ์นี้สามารถย่อยได้ค่อนข้างง่าย ซึ่งดีต่อแมวอายุ 7 ปีขึ้นไป เพราะแมวที่เป็นผู้ใหญ่นั้นจะมีไม่ค่อยเคลื่อนตัวสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นการที่จะให้น้องแมวของเรากินอาหาร เราก็จะต้องคำนึงถึงระบบการย่อยหรือการใช้พลังงานของเขาด้วย เพื่อให้น้องแมวปลอดภัยในการกิน (3) ซึ่ง Hill’s ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจเรื่องนี้
ซึ่งสูตร Adult 7+ Youthful Vitality ตอบโจทย์กับแมวของผมได้เป็นอย่างดีครับ
พฤติกรรมการกินก่อนและหลังให้อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality
พฤติกรรมการกินของแมวตัวนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเลือกรับประทานอาหารแมวแบบเปียกมากกว่าที่จะรับประทานอาหารแมวแบบเม็ดครับ แต่ในการให้อาหารในครั้งแรกถือว่าเป็นไปได้ดี โดยได้มีการนำให้อาหารเม็ดในแบรนด์เก่าในปริมาณ 75 % และผสมอาหารของ Hill’s® Science Diet® ลงไปในปริมาณ 25 % เนื่องจากการเปลี่ยนยี่ห้ออาหารนั้นจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนอย่างช้า ๆ เพื่อให้แมวของเราได้มีการปรับตัวในรสชาติและระบบย่อยอาหาร ซึ่งหากเปลี่ยนการให้ทันทีแบบ 100 % แมวของเราอาจเกิดอาการเจ็บป่วยหรือปวดท้องได้ ตามที่นักเทคนิคการสัตวแพทย์ได้กล่าวไว้
โดยหลังจากที่ผมได้ให้อาหารแมว Hill’s® Science Diet® ในครั้งแรก ผลปรากฎว่าแมวของผมรับประทานอาหารเม็ดมากขึ้นกว่าเก่า ซึ่งในวันถัดมาก็มีการเพิ่มปริมาณจาก 25 % เป็น 50 % จนในวันที่ 7 ก็ให้ปริมาณ 100 % ตามคำแนะนำของ Hill’s® ซึ่งจากแมวที่มีพฤติกรรมเลือกรับประทานเพียงแค่อาหารเปียก ก็เริ่มที่จะเลือกรับประทานอาหารเม็ดมากขึ้นครับ ยิ่งถ้าหากนำอาหารแบบเปียกมาผสมกับอาหารเม็ดของ Hill’s® ต้องบอกเลยว่าแมวของผมดูเจริญอาหารมากขึ้น ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากรสชาติอาหารของ Hill’s® ที่มีรสชาติถูกปากกว่าอาหารแมวแบรนด์เก่าที่เคยให้รับประทาน
การขับถ่ายของแมว
โดยปกติแล้วแมวส่วนใหญ่แล้วจะมีการขับถ่าย 1 ครั้งต่อวัน ทั้งนี้ลักษณะของอุจจาระจะบ่งบอกอีกด้วยว่าการขับถ่ายของแมวนั้นปกติหรือไม่ โดยให้สังเกตดังนี้ครับ
- อุจจาระมีสีน้ำตาลเข้ม
- ก้อนอุจจาระไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป
- กลิ่นอุจจาระไม่เหม็นจนเกินไป (หากมีกลิ่นที่แรงกว่าปกติควรปรึกษาสัตวแพทย์)
หากแมวของคุณมีลักษณะอุจจาระในลักษณะคล้ายกับ 3 ข้อที่บอกไปข้างต้น แสดงว่าแมวของคุณยังมีระบบการขับถ่ายที่อยู่ในเกณฑ์ดีครับ
การขับถ่ายหลังจากรับประทาน อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality
โดยปกติแล้วแมวของผมจะมีการขับถ่าย 2 วันต่อครั้งและมีกลิ่นที่ค่อนข้างจะรุนแรงอยู่พอสมควร แต่หลังจากการรับประทานอาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality แมวของผมก็เริ่มที่จะมีการขับถ่าย 1 ครั้งต่อวัน ทั้งนี้อุจจาระของน้องแมวก็มีลักษณะที่ไม่แข็งหรือนิ่มมากจนเกินไปและกลิ่นก็ไม่แรงเหมือนเก่า นอกจากนี้จากการสังเกตในระหว่างการขับถ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ต้องออกแรงมากนัก ดังนั้นตรงนี้พิสจูน์ได้อย่างหนึ่ง ว่าอาหารแมวสูตรนี้ช่วยทำให้การย่อยอาหารและระบบการขับถ่ายนั้นดีขึ้นกว่าเดิม
สรุปผลหลังจากที่แมวได้รับประทาน อาหารแมว Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality
หลังจากที่แมวของผมได้รับประทานอาหารแมวของ Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality แมวของผมสามารถรับประทานอาหารเม็ดได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่วันแรก จากที่เมื่อก่อนเลือกรับประทานอาหารแบบเปียกเพียงอย่างเดียวและหลีกเลี่ยงที่จะรับประทานอาหารเม็ด
นอกจากนี้ที่สังเกตได้ชัดเจนอีกอย่างคือระบบการขับถ่ายที่ดูจะถ่ายได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงอุจจาระที่บ่งบอกได้ว่าระบบการย่อยอาหารหรือระบบขับถ่ายนั้นดีขึ้นกว่าเก่า จากที่ถ่าย 2 วันต่อครั้ง ตอนนี้แมวเริ่มมีการถ่าย 1 วันต่อครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนการขับถ่ายที่ควรจะเป็น
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าอาหาร Hill’s® Science Diet® สูตร Adult 7+ Youthful Vitality ถือเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งยังมีรสชาติที่ถูกปากของน้องแมวและดีต่อระบบย่อย รวมไปถึงการขับถ่ายที่ดีขึ้นอีกด้วยครับ

ข้อดีของบรรจุภัณฑ์
ตัวปิดบรรจุภัณฑ์จะมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นค่อนข้างชัดเจน ตัวส่วนใหญ่แล้วอาหารแมวที่มีขนาดถุงใหญ่ตามท้องตลาดนั้นจะเป็นซิปล็อค แต่สำหรับอาหาร Hill’s® Science Diet® จะมีลักษณะที่คล้ายกับตีนตุ๊กแก ซึ่งการปิดในลักษณะนี้สามารถป้องกันอากาศที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับอาหารได้เป็นอย่างดี ทำให้อาหารแมวอยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้ทำให้รสชาติของอาหารไม่เสียอีกด้วย
![]() | Hill's® Science Diet® Adult Chicken Recipe cat food สูตรพิเศษเพื่อให้พลังงานที่แมวต้องการ (อายุ 1-6 ปี) | |
![]() | Hill's® Science Diet® Youthful Vitality Adult 7+ Chicken & Rice Recipe cat food สูตรต่อสู้สัญญาณอายุที่มากขึ้น (อายุ 7 ปีขึ้นไป) |
การให้อาหารแมวอายุ 7 ปีขึ้นไป (Senior Cats)
ปริมาณการให้อาหารแมวในอายุ 7 ปีขึ้นไปนั้นจำเป็นที่จะต้องใส่ใจรายละเอียดให้มากครับ เพราะแมวในช่วงวัยนี้ต้องการการใส่ใจที่มากขึ้น หากแมวของคุณมีอาการป่วยหรือไม่แน่ใจว่าปริมาณอาหารที่ควรจะให้นั้นควรอยู่ที่ปริมาณเท่าไหร่ คุณควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือนักเทคนิคการสัตวแพทย์ เพื่อให้แมวได้รับสารอาหารที่ตรงจุดและถูกต้องที่สุด
ทั้งนี้ปัจจัยการให้อาหารนั้นอาจจะต้องคำนวนจากอายุและน้ำหนักของแมว นอกจากนี้อาจรวมไปถึงสุขภาพของตัวน้องแมวอีกด้วยว่าควรมีสัดส่วนสารอาหารในปริมาณเท่าไหร่ ในบางตัวอาจให้อาหารหลายมื้อต่อวันหรือบางตัวอาจให้จำนวนน้อยลงมา ลดหลั่นไปตามปัจจัยต่าง ๆ ของแมวแต่ละตัว
การให้อาหารแมวลูกแมววัย 1 – 6 ปี (Adult Cats)
วิธีการให้อาหารแมวในช่วงวัยนี้ก็ต้องเลือกอาหารที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับแมววัยอื่น ๆ ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยของสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงและปัญหาเรื่องสุขภาพของแมวด้วย อย่างเช่น หากใครเลี้ยงแมวในระบบปิด คุณก็ควรเลือกสูตรอาหารแมวสำหรับการเลี้ยงในบ้าน (Indoor) อย่างเช่น Hill’s® Science Diet® Adult Indoor cat food
แต่ถ้าแมวของคุณต้องการอาหารที่จะช่วยในการควบคุมน้ำหนักในอยู่ในเกณฑ์ก็ควรเลือก Hill’s® Science Diet® Adult Perfect Weight cat food หรือถ้าต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องขนเป็นก้อนก็จะต้องเลือก Hill’s® Science Diet® Adult Hairball Control cat food เป็นต้น ทั้งนี้ต้องอ่านสูตรผลิตภัณฑ์ให้ดี ๆ ในบางครั้งคุณอาจจะเห็นคำว่า Lights Cat Food ซึ่งคำนี้จะหมายว่าแมวที่ไม่ได้ใช้พลังงานเยอะหรือแมวที่ผ่านการทำหมันมาแล้วเรียบร้อย ดังนั้นจะต้องเลือกให้ตรงกับคุณสมบัติกับแมวของคุณครับ
การให้อาหารลูกแมว (Kitten)
การให้อาหารลูกแมวเราจะต้องคำนึงถึงสารอาหารที่ช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโต เนื่องจากแมววัยเด็กจะมีการพัฒนาในเรื่องของกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ดังนั้นอาหารเม็ดที่คุณควรจะให้ควรเป็นอาหารเกรดระดับพรีเมี่ยม ซึ่งถ้าให้อาหารคุณภาพสำหรับแมวในช่วงวัยนี้ ผมอยากแนะนำให้คุณเลือก Hill’s® Science Diet® สูตร Kitten Chicken Recipe เนื่องจากสูตรนี้มีการออกแบบมาเพื่อนแมวเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งมีสารอาหารอย่าง DHA ในการพัฒนาสมองและสายตาของแมวเด็ก รวมไปถึงโปรตีนที่จะเข้าไปช่วยสริมให้มีการเจริญเติบโตและพัฒนากล้ามเนื้อ ทั้งยังมีแร่ธาตุที่ทำให้ลูกแมวมีสุขภาพฟันและกระดูกที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
อาหารที่ไม่ควรให้แมวของคุณรับประทานอาหาร
หลายคนอาจศึกษาเพียงแค่อาหารหรือสารอาหารใดที่สามารถให้ประโยชน์แก่แมวที่คุณเลี้ยง แต่น้อยคนนักที่จะศึกษาว่าสิ่งใดที่แมวไม่สามารถจะรับประทานได้ โดยรายชื่ออาหารที่ไม่ควรให้แมวของคุณรับประทานได้แก่อ ช็อคโกแลต, อะโวคาโด, องุ่น, เห็ด, ถั่ว, หัวหอม
References