ซึ่งด้วยความที่ปีนี้ ตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet) มีให้เลือกหลายรุ่นมาก ๆ ดังนั้นเราจึงได้คัดเลือก แท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet) รุ่นที่น่าสนใจที่สุด ในปี 2023 มารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกัน (แต่ก็อาจจะมีรุ่นเก่า ผสมมาบ้างนะครับ เนื่องจากรุ่นเก่า ๆ บางรุ่น มีสเปกและราคาที่ดีอยู่แล้ว แต่พอมีรุ่นใหม่มา ราคาก็ยิ่งถูกลงไปอีก ทำให้มันคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม) เพื่อให้คนที่ยังสับสนและไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ? และแต่ละรุ่นเหมาะกับใครที่สุด ? ตามไปดูกันได้เลยครับ
แท็บเล็ต (Tablet) เป็นอุปกรณ์ที่มีความอเนกประสงค์เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยข้อจำกัดทางด้านขนาดที่ถูกตัดออกไป ทำให้แท็บเล็ตมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่ามือถือสมาร์ทโฟนหลายเท่าตัว เพราะเหตุนี้แท็บเล็ตจึงสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายกว่ามือถือมาก ๆ ทั้งด้าน การทำงานที่เราสามารถเชื่อมต่อกับเมาส์, คีย์บอร์ด, ปากกาสไตลัสและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้, ความบันเทิงที่เราได้ชมภาพบนหน้าจอที่ใหญ่กว่า, ใช้ท่องอินเทอร์เน็ตและอ่านบทความต่าง ๆ ได้ดีกว่า และอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนครับคุณสมบัติเหล่านี้มือถือไม่ให้ได้ เพราะฉะนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกซื้อ แท็บเล็ต มาใช้งานอีกเครื่องนึง มันจึงได้รับความนิยมสูงไม่แพ้สมาร์ทโฟนเลย
แท็บเล็ตมีระบบปฏิบัติการอยู่หลัก ๆ 3 ระบบ คือ iPadOS, Windows และ Android ครับ ซึ่งทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่า iPadOS ก็คือ iPad ของ Apple นั่นเอง ส่วน Windows ก็เริ่มมีให้เลือกมากขึ้น แต่แน่นอนครับว่า ระบบปฏิบัติการที่มีตัวเลือกมากที่สุด คือ แท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet)

วันนี้เราจะมาพูดถึง แท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet) ว่าในปี 2023 นี้ จะมีรุ่นไหนน่าซื้อบ้าง และแต่ละรุ่นจะเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง โดยเราได้ทำการคัดเลือกมาให้คุณหลากหลายรุ่น เริ่มต้นกันที่งบหลักพัน – ไปจนถึงหลักหมื่น เลยครับ พร้อมแล้วมาดูกันว่าจะมีรุ่นไหนบ้าง
แท็บเล็ตแอนดรอยด์ รุ่นไหนดี (ที่คุ้มค่า, สเปคสูง, ใช้เล่นเกมส์ หรือดูหนัง/ฟังเพลง)
- แท็บเล็ต Android ที่คุ้มค่าแถมปากกา จอสวย สเปกใช้ได้ : Lenovo Tab M10 Plus (3rd Gen)
- แท็บเล็ต Android ที่ดีที่สุด ประสิทธิภาพสูงที่สุด : Samsung Galaxy Tab S8 Ultra
- แท็บเล็ต Android ที่เหมาะกับการเล่นเกมที่สุด ใช้งานได้อย่างลื่นไหล : Xiaomi Pad 5
- แท็บเล็ต Android ที่เหมาะกับการเขียนมาพร้อมปากกาประสิทธิภาพสูง : Samsung Galaxy Tab S7 FE
- แท็บเล็ต Android ที่เน้นความบันเทิงที่สุด จอใหญ่ คมชัด แถมลำโพง 8 ตัว : Honor Pad 8
- แท็บเล็ต Android รุ่นเริ่มต้น จากแบรนด์ยอดนิยมอย่างซัมซุง : Samsung Galaxy Tab A8

คำแนะนำในการเลือกซื้อแท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet)
1. ขนาดหน้าจอแสดงผล
แท็บเล็ตที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนั้น มีหน้าจอหลากหลายขนาดให้คุณได้เลือกซื้อครับ มีตั้งแต่ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ไปจนถึงขนาด 13 นิ้ว เลยทีเดียว หรืออาจจะมากกว่านี้ ซึ่งแน่นอนครับว่า ยิ่งมีหน้าจอขนาดใหญ่เท่าไหร่ ขนาดตัวเครื่องและน้ำหนัก ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ฉะนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองว่า อยากใช้หน้าจอใหญ่แค่ไหน ?
ซึ่งเราขอแนะนำว่า ถ้าหากคุณเน้นการพกพา ขนาดหน้าจอไม่ควรเกิน 10 นิ้ว ครับ เพราะตัวเครื่องจะมีขนาดและน้ำหนักที่สามารถพกพาได้ง่าย แถมเวลาถือใช้งานนาน ๆ มันก็จะไม่เมื่อยด้วย แต่ถ้าหากคุณต้องการนำไปพิมพ์เอกสาร หรือใช้ดูหนัง หน้าจอขนาด 10 นิ้วขึ้นไป ก็จะตอบโจทย์กว่าครับ เนื่องจากมันจะให้พื้นที่การใช้งานเพิ่มมากขึ้น เวลาใช้ทำงานก็จะสะดวกยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

2. สเปกของตัวเครื่อง
แน่นอนครับ ยิ่งมีสเปกสูงเท่าไหร่ ราคาก็จะสูงตาม ดังนั้นขอแนะนำให้คุณพิจารณาตามการใช้งานครับ หากคุณต้องการนำไปใช้งานพื้นฐานทั่ว ๆ ไป เช่น
ดูหนัง หรือเล่นโซเชียลฯ แนะนำให้เลือกแท็บเล็ตรุ่นเริ่มต้นอย่าง Samsung Galaxy Tab A8 ก็พอครับ เพราะการใช้งานเหล่านี้ มันกินสเปกไม่เยอะ คุณจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงขนาดนั้น
ส่วนหากคุณต้องการนำไปเล่นเกม แท็บเล็ตรุ่นกลาง ๆ อย่าง Xiaomi Pad 5 หรือ Honor Pad 8 ก็เพียงพอแล้วครับ
![]() | Honor Pad 8 แทบเล็ตสายบันเทิง จอ 12 นิ้ว ระดับ 2K พร้อมลำโพง 8 ตัว | |
![]() | Xiaomi Pad 5 แท็บเล็ตแอนดรอยด์ สเปกจัดเต็ม จอใหญ่ 120Hz |
ส่วนคนที่ต้องการนำไปจดบันทึก เราขอแนะนำ Lenovo Tab M10 Plus หรือ Samsung Galaxy Tab S7 FE เลยครับ เพราะมันมาพร้อมปากกาเลย
![]() | Lenovo Tab M10 Plus (3rd Gen) แท็บเล็ตราคาประหยัด แต่ได้จอ 2K ลำโพง 4 ตัว แถมปากกา Precision Pen 2 | |
![]() | Samsung Galaxy Tab S7 FE (LTE) แท็บเล็ต พร้อมปากกา รุ่นประหยัด |
แต่ถ้าคุณจะนำไปใช้ตกแต่งภาพ วาดภาพ ตัดต่อ หรือทำกราฟฟิก แน่นอนครับ คุณจำเป็นต้องเลือกรุ่นไฮเอนด์อย่าง Samsung Galaxy Tab S8 Ultra แท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้ทำงานได้อย่างราบรื่นครับ
3. การเชื่อมต่อ
ในปัจจุบันแท็บเล็ตมีทั้ง รุ่นที่สามารถใส่ซิมโทรศัพท์ได้ (รุ่น LTE) และรุ่นที่ไม่สามารถใส่ซิมโทรศัพท์ได้ (รุ่น Wi-Fi) ซึ่งรุ่นที่ใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์ได้นั้น จะตอบโจทย์คนที่ต้องการต้องการ พกพาแท็บเล็ตติดตัวไปด้วยเสมอ โดยเฉพาะคนที่ชอบเดินทางบ่อย ๆ เพราะมันจะมีอินเทอร์เน็ตให้ใช้ ไม่ต้องเสี่ยงกับ Wi-Fi สาธารณะ แต่ถ้าที่ที่คุณต้องการนำแท็บเล็ตไปใช้งาน มี Wi-Fi อยู่แล้ว หรือคุณมี Pocket WiFi เราขอแนะนำให้เลือกรุ่น Wi-Fi ก็พอแล้วครับ เพราะมันจะช่วยคุณประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลย
4. ขนาดและน้ำหนัก
ลักษณะการใช้งานของแท็บเล็ต แน่นอนครับคุณจะต้องถือเป็นหลัก ดังนั้นถ้าหากแท็บเล็ตของคุณมีขนาดใหญ่ มันก็จะส่งผลให้มีน้ำหนักมากขึ้นด้วย ซึ่งด้วยน้ำหนักที่มาก (อย่างน้อย ๆ ก็เกือบครึ่งกิโลกรัม) ลองนึกดูเล่น ๆ ครับว่า ถ้าคุณถือของหนัก ๆ ค้างไว้มันจะเมื่อยมากแค่ไหน ? ยิ่งใช้ต่อเนื่องนานเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรพิจาราณาน้ำหนักของตัวเครื่อง และลักษณะการใช้งานของคุณด้วยนะครับ
หากคุณลองค้นหา “แท็บเล็ต” ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน คุณจะพบว่ามันมีวางจำหน่ายอยู่หลายรุ่น หลายราคามาก ๆ ซึ่งแน่นอนนี่คือปัญหาใหญ่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังมองหาแท็บเล็ตสักเครื่องนึงไปใช้งาน ดังนั้นในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมเอา แท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet) รุ่นที่ได้รับความนิยมมารีวิว เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้นครับ
ราคา 9,580 บาท* Lenovo Tab M10 Plus เป็นแท็บเล็ต Android ประสิทธิภาพกลาง ๆ ที่มาในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานทั่วไปเป็นหลักครับ โดยรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอที่โดดเด่น โดยเป็นจอ IPS ขนาด 10.61 นิ้ว ระดับ 2K พร้อมลำโพงที่ดังสะใจ ช่วยให้ตอบโจทย์ความบันเทิงต่าง ๆ ได้ดีมาก ๆ ส่วนกล้องหน้าและหลัง ให้ความละเอียดมา 8MP เท่ากัน ซึ่งสามารถถ่ายภาพที่น่าประทับใจออกมาได้ และยังมีปากกา Precision Pen 2 แถมมาด้วย ช่วยให้ใช้จดบันทึก และวาดรูปต่าง ๆ ได้ด้วย โดยสเปกใช้ชิป Snapdragon SDM680 กับ RAM 4GB และ ROM 128GB ซึ่งให้ประสิทธิภาพโดยรวมไม่ได้สูง โดยจากที่เราทดสอบมา พบว่า มันทำงานได้ลื่นไหล เมื่อใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ และเปิดแค่ 1-2 แอปฯ แต่เมื่อใช้งานหนักขึ้น เปิดหลาย ๆ แอปฯ มากขึ้น มันจะเริ่มมีกระตุก และทำงานช้าลง ในส่วนการเล่นเกมเราได้ทดลองเล่นไปหลายเกมเลย พบว่ามันสามารถเล่นเกมดัง ๆ ได้ ทั้ง Pub G, FreeFire หรือ ROV แต่เราแนะนำให้ปรับกราฟฟิกที่ระดับ กลาง หรือต่ำก็พอนะครับ และจุดแข็งอีกอย่างคือ อายุการใช้งาน ซึ่งเราได้ทดสอบโดยการใช้ท่องเว็บอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดความสว่างหน้าจอ 50% พบว่า Tab M10 Plus สามารถใช้งานได้นานถึง 14 ชั่วโมง 9 นาทีเลยทีเดียวครับ ดังนั้นรุ่นนี้ใช้งานทั้งวันได้สบาย ๆ แน่นอน แต่ในการชาร์จ มันทำได้ค่อนข้างช้าครับ ซึ่งอาจจะต้องชาร์จทิ้งไว้ตอนเข้านอน สำหรับ Tab M10 Plus ถ้าเราดูภาพรวม ส่วนตัวมองว่า มันตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดีมากครับ ถ้าใครกำลังหาแท็บเล็ตมาใช้รับชมความบันเทิง เล่นเกม เล่นโชเชียลฯ อ่าน e-book หรือใช้จดบันทึก และวาดภาพ รุ่นนี้จะคุ้มค่ามาก ๆ ครับ ใครที่สนใจรุ่นนี้สามารถตามไปอ่านรีวิวเต็ม ๆ ได้ที่ : [รีวิว] Lenovo Tab M10 Plus (3rd Gen) แท็บเล็ตงบไม่ถึงหมื่น แต่ได้จอ 2K ใส่ซิมได้ พร้อมปากกาในตัว ราคา 32,900 บาท* Galaxy Tab S8 Ultra นี่คือแท็บเล็ต Android ที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ครับ โดยมีทั้งรุ่น Wi-Fi และ LTE เลย แต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่มหึมา ทำให้การพกติดตัวดูจะลำบากไปหน่อย เราจึงเลือก รุ่น Wi-Fi มาแนะนำ ซึ่งในด้านดีไซน์ ต้องยอมรับเลยว่า ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ วัสดุมีคุณภาพสูง ทนทานสุด ๆ แถมบอดี้ยังบางเฉียบ รอบ ๆ มีลำโพงถึง 4 ตัว พร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos ให้คุณภาพเสียงที่ดี เบสถึงใจ สามารถใช้ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมได้อรรถรสมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีปากกา S Pen ที่พัฒนาให้ดีขึ้น ทำให้ตอบสนองได้ไวขึ้น 2.8 ms ช่วยให้การจดบันทึก การทำงานด้านกราฟฟิก และวาดภาพ ทำได้ง่ายขึ้นครับ ในด้านสเปก มันจัดเต็มตามสไตล์รุ่นไฮเอนด์อยู่แล้ว ไล่ตั้งแต่ จอ Super AMOLED ขนาด 14.6 นิ้ว ที่คมชัดระดับ WQXGA+ มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และรองรับ HDR10+ ด้วย มอบภาพที่สมูท ดูราบรื่น และเนียนตามากขึ้น ขุมพลังใช้ชิปฯ Snapdragon 8 Gen 1 ตัวท๊อป ที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมกับ RAM 8GB และ ROM อีก 128GB ซึ่งใช้เทคโนโลยีล่าสุด ช่วยให้มันแรงขึ้น ในส่วนการถ่ายภาพ ใช้กล้องหน้า 2 เลนส์ก็คือ เลนส์ไวด์ 12MP และเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP เหมาะกับการวิดีโอคอลและการถ่ายเซลฟี่ทั่ว ๆ ไป ส่วนกล้องหลังใช้ 2 เลนส์เช่นกัน ก็คือ เลนส์ไวด์ 13MP และเลนส์อัลตร้าไวด์ 6MP ซึ่งไม่ได้มีอะไรโดดเด่นครับ ทำให้เหมาะกับการสแกนเอกสารซะมากกว่า ส่วนแบตเตอรี่ให้ความจุมาสูงถึง 11,200mAh เลยทีเดียว ซึ่งให้มาเผื่อสำหรับหน้าจอขนาดมหึมาของมันแล้ว และยังมีโหมดประหยัดแบตเตอรี่มาให้ด้วย ทำให้อายุการใช้งานอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ โดยถ้าใช้ดูหนัง 90 นาที แบตฯ จะลดประมาณ 16% เท่านั้น ดังนั้นมันจึงใช้งานทั้งวันได้แน่นอนครับ ส่วนการชาร์จรุ่นนี้ก็รองรับชาร์จไวที่ 45W แต่ด้วยความจุแบตฯ ที่เยอะมาก ๆ ทำให้การชาร์จอาจจะใช้เวลานานพอสมควรครับ ราคา 9,999 บาท* ส่วนตัวเรามองว่า Xiaomi Pad 5 คือ แท็บเล็ต android มันคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด สำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไปครับ ซึ่งก็เป็นไปตามสไตล์ของ Xiaomi เลย ที่มักจะให้สเปกมาเกินราคาเสมอ โดยเรามาดูหน้าตากันก่อน ซึ่งต้องบอกเลยว่า รุ่นนี้มีหน้าตาที่เรีบยหรู ดูดีมาก ๆ บอดี้ส่วนใหญ่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม ทำให้มีสัมผัสที่พรีเมียม แถมทนทาน ส่วนขนาดกับน้ำหนักก็พอดี เมื่อเทียบกับจอ IPS LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ รองรับ HDR10 และมีอัตรารีเฟรชเรทถึง 120Hz ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส แถมภาพยังดูลื่นไหล สบายตาขึ้นด้วย และจอตัวนี้รองรับปากกา Xiaomi Smart Pen ด้วยนะครับ (ซื้อแยก) ด้านสเปกใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 860 ที่มีประสิทธิภาพน้อง ๆ เรือธงครับ ช่วยให้เราสามารถเล่นเกมได้ลื่น ๆ แบบไม่มีสะดุดเลย ยิ่งรุ่นนี้ให้ RAM มาถึง 6GB และ ROM แบบ UFS 3.1 ความจุ 128GB มันเลยลื่นมากขึ้นครับ ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมพวก Pub G, RoV หรือ Free Fire ด้วยการปรับกราฟฟิกสูงสุด พบว่า ลื่นมาก ๆ แทบไม่มีอาการกระตุกให้เห็นเลย แต่หากเป็นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ ในบางจังหวะ มันก็อาจจะมีอาการสะดุดอยู่บ้างนะครับ ดังนั้นแนะนำให้ลดกราฟฟิกลงมาที่ระดับกลาง ๆ ก็พอ นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos ขับด้วยลำโพง 4 ตัว ซึ่งให้เสียงรอบทิศทาง ช่วยให้แยกเสียงซ้ายขวาได้ดีขึ้น สำหรับการถ่ายภาพให้กล้องหน้ามา 8MP และกล้องหลัง 13MP ครับ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่กำลังดีครับ ใช้งานได้ แต่จะเหมาะกับการใช้งาน เช่น การวิดีโอคอล และสแกนพวกเแกสารต่าง ๆ มากกว่า แต่หากถ่ายบุคคลคุณภาพของภาพถือว่าธรรมดา ๆ ครับตามสไตล์ของแท็บเล็ต ส่วนอายุการใช้งาน รุ่นนี้ให้แบตฯ ความจุ 8,720 mAh ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวันอยู่แล้ว พร้อมกับรองรับชาร์จไวได้สูงสุดที่ 33W ครับ แต่อแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องจะจ่ายไฟได้แค่ 22.5W นะครับ ถ้าจะใช้แบบ 33W ต้องซื้อแยกครับ ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าดีเลย ราคา 14,980 บาท* สำหรับ Samsung Galaxy Tab S7 FE ( LTE) ถือเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัด ที่คุณสามารถใช้สอยได้สารพัดครับ บอดี้มาในรูปลักษณ์ที่เรียบหรู ดูสวยงาม มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล TFT ขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ที่มีขอบบางเฉียบ มีความละเอียดอยู่ที่ 2K WQXGA ที่สามารถให้พื้นที่การใช้งานมากขึ้น ช่วยให้ทั้ง การรับชมภาพ การจดบันทึก หรือวาดรูปทำได้ง่ายขึ้น ด้วยภาพที่ดูคมชัด มีสีสันสมจริง พร้อมกับมีฟังก์ชันต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การใช้งานของคุณง่ายดายยิ่งขึ้นทั้ง การปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือ การชาร์จ S Pen แบบไร้สาย (ประกบเข้ากับร่องแม่เหล็ก) อีกทั้งปากกา S Pen ที่ให้มา มี Air Actions ซึ่งช่วยให้คุณสามารถควบคุมแท็บเล็ตโดยไม่ต้องสัมผัส ในด้านสเปก รุ่นนี้มาพร้อมกับขุมพลังจากชิปฯ Snapdragon 750G ที่ประมวลผลได้รวดเร็ว แต่ในส่วนของหน่วยความจำอาจจะน้อยไปสักนิดนึง สำหรับราคานี้ โดยให้ RAM 4GB และ ROM 64GB เท่านั้น แต่ก็ยังดีที่มันรองรับ MicroSD สูงสุดถึง 1TB ด้วย ทำให้ทดแทนกันได้บางส่วน ในด้านกล้อง ใช้เป็นกล้องธรรมดา ๆ ครับ ซึ่งมีกล้องหน้า 5 MP และกล้องหลัง 8 MP พร้อมออโต้โฟกัส ที่จะเหมือนกับกล้องของ Galaxy Tab A8 รุ่นเริ่มต้นเลย ซึ่งจะเหมาะกับการวิดีโอคอล และการถ่ายเอกสารมากกว่า ซึ่งนอกจากสเปก และหน้าจอที่ดีแล้ว รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอระบบ Dolby Atmos ถึง 4 ตัว ซึ่งให้เสียงรอบทิศทาง แยกซ้ายขวาได้ชัดเจน แถมยังให้เสียงเสมือนจริงด้วย สามารถช่วยให้คุณได้เพลิดเพลินกับการใช้งานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้ง การรับชมวิดีโอ ดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงเล่นเกมด้วย นอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างคือ แบตเตอรีครับ โดยรุ่นนี้ให้ความจุมามากถึง 10,090 mAh เลยทีเดียว พร้อมกับระบบชาร์จเร็ว 45W ดังนั้นคุณสามารถใช้งานได้ทั้งวันแน่ ๆ ถือเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัด ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายมาก ๆ ราคา 9,990 บาท* เรามาต่อกันที่ Honor Pad 8 เป็นแท็บเล็ตสุดคุ้ม ที่มาพร้อมกับสเปกที่เกินราคา บนดีไซน์ที่ดูเรียบหรู บางเพียง 6.9 มม. ซึ่งบางกว่ามือถือบางรุ่นซะอีก โดยใช้วัสดุเป็นโลหะ แบบ Unibody ที่เน้นน้ำหนักเบา แต่ยังแข็งแรง ที่ด้านหลังใช้การพ่นทราย แบบอะโนไดซ์ มอบสัมผัสที่พรีเมียม โดดเด่นด้วยการแสดงผลแบบเต็ม ๆ ตา บนหน้าจอขนาด 12 นิ้ว ที่ขอบหนาแค่ 7.2 มม. เท่านั้น หรือหนากว่าตัวเครื่องนิดเดียว ซึ่งทำให้มันดูแพงขึ้นมาก ๆ ครับ โดยจอตัวนี้ให้ความละเอียด 2K ช่วยให้ภาพที่คมชัด และมีสีสันสดใส พร้อมกับมีระบบเสียงเซอร์ราวด์ ที่ขับด้วยลำโพง 8 ตัว รอบตัวเครื่อง ซึ่งแบ่งเป็นเสียงแหลม 4 ตัว และเสียงเบสอีก 4 ตัว โดยผ่านการจูนเสียงจาก DTS:X Ultra และ HONOR Histen ช่วยมอบเสียงที่ดียิ่งขึ้น ส่วนขุมพลังรุ่นนี้ใช้ชิปฯ Snapdragon 680 ชิประดับกลาง ที่ทำงานได้รวดเร็ว ตอบสนองไวไม่มีสะดุด พร้อม RAM 6GB และ ROM 128GB ซึ่งจุดนี้ให้มาดีมาก ๆ ครับ เพราะอย่าง Lenovo Tab M10 Plus ที่มีราคาพอ ๆ กัน ยังให้มาแค่ 4GB เท่านั้น ในขณะที่ ROM ทั้งคู่จะให้มาเท่ากันเลย แต่ Honor Pad 8 ไม่สามารถเพิ่ม microSD ได้ ทำให้ถ้าคุณมีข้อมูลเยอะ ๆ มันอาจไม่เหมาะกับคุณครับ ส่วนการใช้งาน ด้วยสเปกที่ให้มาสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานแล้วครับ เพียงแต่การใช้งานหนัก ๆ เช่น เปิดแอปฯ หลาย ๆ ตัว มันก็อาจจะมีอาการกระตุกบ้าง ส่วนการเล่นเกมทำได้สบายครับ แต่บางเกมก็ปรับกราฟฟิกสุดไม่ได้ ราคา 6,450 บาท* Galaxy Tab A8 (Wi-Fi) เป็นแท็บเล็ตตัวเริ่มต้นของทาง Samsung ครับ ซึ่งด้วยราคาที่คุ้มค่า ทำให้รุ่นนี้ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงเลย โดยตัวเครื่องมีการออกแบบหน้าตาที่ถือว่าสวยงามดูเรียบหรู มีความบางเพียง 6.9 มม. เท่านั้น ทำให้สะดวกต่อการพกพาเป็นอย่างมาก สามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา ด้านหน้ามีน้าจอแสดงผล TFT LCD ขนาด 10.5 นิ้ว ละเอียดอยู่ที่ WUXGA สามารถมอบภาพที่คมชัด สีสันสมจริง ตัวเครื่องมาพร้อมขุมพลังที่มีประสิทธิภาพกลาง ๆ ครับ ใช้ชิปฯ Unisoc Tiger T618 ทำงานกับ RAM 4GB และ ROM 64GB ซึ่งแม้มันจะดูน้อย แต่ก็ยังรองรับ microSD สูงสุดถึง 1TB ทำให้สเปกโดยรวมสามารถใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี บวกกับมีลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว ช่วยเพิ่มอรรถรสในการใช้ดูหนัง ฟังเพลงมาก ๆ ครับ แต่การเล่นเกม รุ่นนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นะครับ ถ้าจะเล่นแนะนำให้ปรับกราฟฟิกต่ำ ๆ ก็พอ สำหรับการถ่ายภาพรุ่นนี้จะให้เลนส์กล้องหลังมาที่ 8MP และเลนส์กล้องหน้า 5MP เพื่อให้คุณสามารถใช้ถ่ายภาพ และวิดีโอได้ในระดับนึง แต่ถ้าคุณหวังประสิทธิภาพสูง ๆ เหมือนมือถือรุ่นนี้ไม่เหมาะครับ ส่วนการเชื่อมต่อก็ให้มาครบครันทั้ง การรองรับ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 และแจ็ค 3.5 มม. ในส่วนแบตเตอรี่ให้ความจุ 7,040 mAh ช่วยให้คุณใช้งานได้ตลอดทั้งวันอย่างแน่นอนครับ แต่การชาร์จอาจจะน้อยไปหน่อยที่สูงสุด 15W เท่านั้น * หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้าLenovo Tab M10 Plus (3rd Gen) แท็บเล็ตราคาประหยัด แต่ได้จอ 2K ลำโพง 4 ตัว แถมปากกา Precision Pen 2
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
ปีที่เปิดตัว กรกฏาคม 2022 หน้าจอแสดงผล
CPU Snapdragon SDM680 GPU Mali-G52 RAM 4GB LPDDR4x ROM 128GB UFS 2.2 MicroSD Card สูงสุด 1TB ระบบปฏิบัติการ Android 12 กล้องหน้า 8MP, FF กล้องหลัง 8MP, AF การเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่
ขนาด 251.2 × 158.8 × 7.45 mm. น้ำหนัก 465 g. Samsung Galaxy Tab S8 Ultra (Wi-Fi) แท็บเล็ต Android ที่ดีที่สุด ตัวท็อปสุดของซัมซุง
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
ปีที่เปิดตัว เมษายน 2022 หน้าจอแสดงผล
CPU Snapdragon 8 Gen 1 GPU Adreno 730 RAM 8GB LPDDR5 ROM 128GB UFS 3.1 MicroSD Card สูงสุด 1TB ระบบปฏิบัติการ One UI 4.1 based on Android 12 กล้องหน้า
กล้องหลัง
การเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่
ขนาด 326.4 × 208.6 × 5.5 mm. น้ำหนัก 726 g. Xiaomi Pad 5 แท็บเล็ตแอนดรอยด์ สเปกจัดเต็ม จอใหญ่ 120Hz
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
ปีที่เปิดตัว กันยายน 2021 หน้าจอแสดงผล
CPU Snapdragon 860 GPU Adreno 610 RAM 6GB LPDDR4X ROM 128GB UFS 3.1 MicroSD Card ระบบปฏิบัติการ MIUI 12.5 based on Android 11 กล้องหน้า 8MP กล้องหลัง 13MP, AF การเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่
ขนาด 254.6 × 166.2 × 6.8 mm. น้ำหนัก 511 g. Samsung Galaxy Tab S7 FE (LTE) แท็บเล็ต พร้อมปากกา รุ่นประหยัด
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
ปีที่เปิดตัว พฤษภาคม 2021 หน้าจอแสดงผล
CPU Snapdragon 750G GPU Adreno 619 RAM 4GB ROM 64GB MicroSD Card microSD สูงสุด 1 TB ระบบปฏิบัติการ One UI 3.1 base on Android 11 กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 8 MP, AF การเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่
ขนาด 284.8 × 185 × 6.3 mm. น้ำหนัก 608 g. Honor Pad 8 แทบเล็ตสายบันเทิง จอ 12 นิ้ว ระดับ 2K พร้อมลำโพง 8 ตัว
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
ปีที่เปิดตัว กันยายน 2022 หน้าจอแสดงผล
CPU Snapdragon 680 GPU Adreno 610 RAM 6GB ROM 128GB MicroSD Card ระบบปฏิบัติการ MagicUI 6.1 based on Android 12 กล้องหน้า 5MP กล้องหลัง 5MP, AF การเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่
ขนาด 278.5 × 174.1 × 6.9 mm. น้ำหนัก 520 g. Samsung Galaxy Tab A8 (Wi-Fi) แท็บเล็ตตัวประหยัด ราคาคุ้มค่า
ข้อดี
ข้อควรพิจารณา
ปีที่เปิดตัว มกราคม 2022 หน้าจอแสดงผล
CPU Unisoc Tiger T618 GPU Mali G52 RAM 4GB ROM 64GB ระบบปฏิบัติการ One UI 5 based on Android 11 กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 8 MP, AF MicroSD Card microSD สูงสุด 1TB การเชื่อมต่อ
แบตเตอรี่
ขนาด 246.8 × 161.9 × 6.9 mm. น้ำหนัก 508 g.
แท็บเล็ต (Tablet) คืออะไร ?
หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ แท็บเล็ต ก็คืออุปกรณ์ที่นำเอาข้อดีของอุปกรณ์ต่าง ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยตัวเครื่องจะเอาความบางเบาและการพกพาที่สะดวกสบายของสมาร์ทโฟนมา พร้อมกับใส่หน้าจอขนาดใหญ่เหมือนกับแล็ปท็อป เพิ่มคุณสมบัติการเชื่อมต่อ ทำให้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น คีย์บอร์ด และปากกาสไตลัสได้ เพื่อใช้ทำงานด้านอื่น ๆ และบางรุ่นก็ใส่สเปกระดับไฮเอนด์มา ส่งผลให้แท็บเล็ตสามารถทำงานได้เหมือนกับคอมพิวเตอร์เลย ทั้งหมดนี้ทำให้ แท็บเล็ต กลายเป็นอุปกรณ์ที่พกง่าย ประสิทธิภาพสูง หยิบขึ้นมาใช้ก็สะดวก แถมใช้ได้ทุกที ทุกเวลาอีกด้วย หลาย ๆ คนจึงหันมาใช้แท็บเล็ตกันมากขึ้น
ข้อดีของการมีแท็บเล็ต ไว้ใช้งาน !
ก็อย่างที่เราได้พูดไปตั้งแต่ต้นครับว่า แท็บเล็ต เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการผสมผสานข้อดีของอุปกรณ์ต่าง ๆ เอาไว้ มันจึงพกพาได้ง่าย และสะดวกสบาย หยิบออกมาใช้งานได้ง่าย ๆ เหมือนกับสมาร์ทโฟน แถมยังมีคุณสมบัติ และประสิทธิภาพที่ทำได้พอ ๆ กับแล็บท๊อปเลย ดังนั้นถ้าหากใครต้องออกไปทำงานนอกสถานที่บ่อย ๆ ต้องไปพรีเซนงานลูกค้าหรือไปประชุม การพกพาแท็บเล็ตติดตัวไปด้วยมันดีกว่าแล็ปท็อปอย่างแน่นอน ทั้ง สะดวกกว่า และรวดเร็วกว่า หรือถ้าใครต้องการจะนำมาใช้งานที่บ้าน มันก็สามารถใช้แทนโน้ตบุ๊คสมุด หรือหนังสือได้เลย ทุก ๆ อย่างจะง่ายเหมือนคุณเล่นมือถือเลย
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับข้อมูลต่าง ๆ และ แท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android Tablet) ที่เราได้ทำการรวบรวมมารีวิวในวันนี้ คุณพอจะเห็นถึงความแตกต่างของแท็บเล็ตแต่ละรุ่นบ้างมั๊ยครับ ? โดยแท็บเล็ตแต่ละรุ่นนั้น จะเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป คุณไม่จำเป็นต้องซื้อแท็บเล็ตที่มีสเปกสูงมากเกินไป เพราะคุณจะไม่ได้ใช้ฟังก์ชันเหล่านั้นเลย สำหรับใครที่ใช้มือถือ Android อยู่แล้ว แนะนำให้เลือกใช้ แท็บเล็ต Android จะดีกว่าครับ เพราะอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ อย่างหัวชาร์จแบตฯ, ที่ชาร์จไร้สาย, จอยเกมมือถือ หรืออื่น ๆ ส่วนใหญ่จะรองรับระบบปฏิบัติการเดียวกันเท่านั้น ไม่สามารถใช้ข้ามกันได้