“เครื่องเล่นเกมคอนโซล” ไม่ได้มีไว้สำหรับเล่นเกมเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มันมีการเสริมฟังก์ชันมากมายเข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยคอนโซลได้รวบรวมเอาความบันเทิงต่าง ๆ ภายในบ้าน มาติดตั้งเข้าด้วยกัน ส่งผลให้คุณสามารถใช้เป็นเครื่องเล่น DVD/Blu-ray สามารถรองรับไฟล์สื่อดิจิทัลทั้ง เสียง, ภาพนิ่ง และวิดีโอ และสามารถรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อให้การเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ ได้ และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ผลิตรายใหญ่ในวงการนี้มีอยู่ 3 ราย ได้แก่ Nintendo, Sony และ Microsoft ซึ่งพวกเขาต่างใช้แนวทางที่แตกต่างกันใส่ลงไปในเครื่องคอนโซลของตัวเอง ทำให้มันมีความแตกต่างกัน (อ่านเพิ่มเติม 7 เหตุผล ทำไมเกมคอนโซล ถึงดีกว่าเกมพีซี ?)

ซึ่งหากเราย้อนไปสมัยก่อนการพิจารณาเลือกเครื่องเล่นเกมคอนโซลมักจะขึ้นอยู่กับเกมที่เราชอบเล่น อาทิเช่น ถ้าหากใครเป็นแฟนเกมมาริโอ้ก็จะเลือก Nintendo หรือใครเป็นแฟนเกมฟุตบอลคงต้องเลือก PlayStation เป็นต้น แต่มาในยุคสมัยนี้เกมต่าง ๆ ที่ออกมาส่วนใหญ่มักจะออกแบบ Multi-Platform ก็คือสามารถเล่นได้ทุกเครื่องทุกแพลตฟอร์ม ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้การเลือกเครื่องเกมคอนโซลมาเล่นในทุกวันนี้ยากมากขึ้น สำหรับวันนี้เราก็ขอมาอาสาช่วยคุณเปรียบเทียบเครื่องเกมคอนโซลแต่ละรุ่น และบอกวิธีการเลือกซื้อเครื่องเล่นเกมคอนโซลให้เหมาะสมกับคุณ โดยเราหวังว่าบทความนี้จะสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

Nintendo Switch Lite

ราคา 6,990 บาท*
Nintendo Switch Lite เครื่องเกมรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์ โดยรุ่นนี้มีจุดเด่นของรุ่นนี้มาพร้อมกับสีสันที่สดใส มีให้เลือกหลายสี และดีไซน์การออกแบบที่เหมาะกับการเป็นเครื่องเล่นแบบพกพาสุด ๆ รุ่นนี้มีขนาดตัวเครื่อง 91.1 x 208 x 13.9 มม. หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว เป็นจอแสดงผลแบบ IPS-LCD ความละเอียด HD รุ่นนี้จะมีข้อจำกัด คือ ไม่สามารถถอดแยก Joy-Con ออกจากตัวเครื่องได้ทำให้ไม่สามารถเล่นเกมในโหมด Tabletop หรือเกมที่ต้องอาศัยการควบคุม 2 คนกับเพื่อนได้ ซึ่งเกมที่เล่นได้จึงถูกจำกัดตามไปด้วย
เครื่องเกมรุ่นนี้ไม่สามารถเชื่อมต่อ Dock เข้ากับทีวีได้ทำให้รองรับได้เฉพาะเกมที่เล่นในโหมด Handheld เท่านั้นครับ แต่หากใครที่อยากเล่นเกมแบบหลายคนในหน้าจอเดียวก็สามารถซื้อ Joy-Con เสริมมาใช้งานได้ครับ และในส่วนของชิปประมวลผลรุ่นนี้ใช้ชิป NVIDIA Tegra X1+ RAM 4 GB และมีความจำของเครื่อง 32 GB แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ประมาณ 3 - 7 ชม. สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ไม่ได้มีความต้องการที่จะถอด Joy-Con ออก เน้นเล่นเฉพาะเกมที่ไม่ได้จำเป็นต้องต่อกับทีวี หรือเน้นแบบพกพา และต้องการเครื่องเกมที่ราคาย่อมเยา เครื่องเกมรุ่นนี้บอกเลยว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ และจะต้องถูกใจทุก ๆ คน อย่างคนแน่นอนครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์ของเครื่องเกมมีขนาดบางและเล็ก
- เหมาะสำหรับคนที่เน้นใช้งานแบบพกพา
- เหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัด เพราะราคาประหยัด
- การใช้งานไม่ได้ต่างจากรุ่น V2 หรือ รุ่น OLED มากนัก
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถใช้เล่นแบบโหมด Tabletop หรือแยก Joy-Con ได้
- ไม่สามารถเสียบเข้ากับ Dock เพื่อเชื่อมต่อกับทีวีได้
- เกมบางเกมถูกจำกัดทำให้บางฟีเจอร์จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์แยกหากจำเป็นต้องใช้งาน
ประเภทหน้าจอ | IPS LCD |
---|---|
ขนาดหน้าจอ | 5.5 inch |
ความจำเครื่อง | 32 GB |
โหมด TV | ✘ |
โหมด Tabletop | ✘ |
โหมด Handheld | ✓ |
Nintendo Switch V2

ราคา 9,490 บาท*
Nintendo Switch V2 เป็นเครื่องเกมที่มีการอัปเกรดใหม่จาก V1 โดยดีไซน์ภายนอกไม่ได้แตกต่างจากรุ่นแรกจะมีออกมา 2 แบบ คือ รุ่น Joy-Con สีแดง - น้ำเงิน และ สีดำ รุ่นนี้มีขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว เป็นจอแบบ IPS-LCD สามารถใช้ระบบสัมผัสหน้าจอได้ ความคมชัดอยู่ในระดับ HD เมื่อนำไปเสียบ Dock และเชื่อมต่อเข้ากับทีวีจะแสดงความละเอียดที่ FHD ตัวเครื่องมีขนาด 102 x 239 x 13.9 มม. น้ำหนักรวม Joy-Con ประมาณ 398 ก. และมีขาตั้งเล็ก ๆ ด้านหลังสำหรับใช้เล่นในโหมด Tabletop ได้ ซึ่งขาตั้งปรับได้เพียงระดับเดียวครับ
รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล NVIDIA Tegra X1 RAM 4 GB และมีความจำ 32 GB ซึ่งน้อยกว่า Nintendo Switch OLED และในส่วนของการใช้งานไม่ได้ต่างกันมาก แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานประมาณ 4 - 9 ชม. เช่นกัน แต่รุ่นนี้จะไม่มีช่องสำหรับเสียบสาย LAN โดยตรงมาให้ทำให้จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์แยกหากจำเป็นต้องใช้งานสาย LAN ครับ ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นรุ่นที่แรก ๆ ที่เหล่าเกมเมอร์นิยมซื้อมาเล่นกัน ราคาก็ไม่สูงมาก แถมยังครบครันสุด ๆ เพราะสามารถรองรับทุกเกมของ Nintendo Switch ได้อีกด้วยครับ
จุดเด่น
- สามารถต่อเข้ากับทีวีได้
- เล่นเกมของ Nintendo Switch ได้ครอบคลุมทุกรูปแบบ
- สามารถเล่นต่อเนื่องได้นานขึ้นกว่ารุ่น V1
- เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นเกมแบบพกพาและต้องการเล่นเกมที่เชื่อมต่อกับทีวีได้
ข้อควรพิจารณา
- Dock ไม่มีช่องสำหรับต่อสาย LAN หากจำเป็นต้องใช้งานต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม
- หน้าจอมีความละเอียดเพียง HD
- เครื่องไม่ได้มีความแตกต่างจาก V1 มาก
ประเภทหน้าจอ | IPS LCD |
---|---|
ขนาดหน้าจอ | 6.2 inch |
ความจำเครื่อง | 32 GB |
โหมด TV | ✓ |
โหมด Tabletop | ✓ |
โหมด Handheld | ✓ |
Xbox Series S (512 GB)

ราคา 11,790 บาท*
Xbox Series S เป็นเครื่องเกมที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Xbox Series X โดยรุ่นนี้มีการออกแบบดีไซน์ของตัวเครื่องที่ดูเรียบง่าย ตัวเครื่องเกมเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกว่า Series X ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.9 kg โดยขนาดและน้ำหนักก็ทำให้สามารถจัดพื้นที่วางได้ง่าย สามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน งานประกอบของรุ่นนี้ดูดีมาก ๆ งานประกอบมีความแน่นหนาดูแข็งแรง สีเครื่องของรุ่นนี้กลับมาใช้เป็นสีขาวแบบ Xbox 360 ทำให้ดูพรีเมียมมาก ๆ จุดเด่นของเครื่องดีไซน์รุ่นนี้จะอยู่ตรงที่ช่องระบายอากาศทรงกลมสีดำที่ตัดกับตัวเครื่องสีขาวได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสามารถระบายความร้อนได้ดีมาก ๆ ครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อของรุ่นนี้ด้านหน้าจะมีพอร์ต USB 3.1 มีปุ่มเปิด - ปิด และปุ่มสำหรับจับคู่ ด้านหลังจะมีพอร์ต USB 3.1 จำนวน 2 พอร์ต มีพอร์ต LAN สำหรับอินเทอร์เน็ต พอร์ต HDMI ช่อง Strorage Expension Card และช่องเสียบสายไฟ ซึ่งรุ่นนี้จะถูกตัดช่องสำหรับอ่านแผ่นออกไปทำให้การเล่นเกมทำได้เฉพาะดาวน์โหลดแบบดิจิทัลเท่านั้นและไม่สามารถดูหนังหรือภาพยนตร์จากแผ่น Blu-ray ได้นั่นเองครับ
ในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งานเนื่องจากเป็นรุ่นราคาประหยัด ประสิทธิภาพการทำงานจึงอาจจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับรุ่น Series X ซึ่งรุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล AMD Zen 2 8 Core RAM 10 GB GDDR6 ความสามารถในการทำงาน 4 TFLOPS และความละเอียดของภาพจะอยู่ที่ 1440p ซึ่งหากใครที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องของความละเอียดมาก ก็ถือว่าเป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อยที่ไม่ได้ส่งผลต่อการเล่นเกมมากเท่าไหร่ครับ ด้วยราคาที่ย่อมเยากว่า ดีไซน์ที่ดูมินิมอล และคุณภาพที่ดีกว่า Xbox One รุ่น Series S ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์ขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถจัดวางได้ง่าย ประหยัดเนื้อที่
- เครื่องเกมสามารถระบายความร้อนได้ดี
- รองรับ Ray Tracing ทำให้ภาพในเกมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
- สามารถเพิ่มความจุจากภายนอกได้
- มีระบบ Xbox Game Pass ทำให้สามารถเล่นเกมได้มากมายในราคาสุดคุ้ม
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีช่องสำหรับใส่แผ่นทำให้ไม่สามารถใช้ใส่แผ่นเกมหรือดูภาพยนตร์จากแผ่น Blu-ray ได้
- ตัวเครื่องเกมเป็นสีขาวทำอาจจะติดคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกได้ง่าย
- รองรับการแสดงภาพได้เพียง 2K Native
- ตัวจอยใช้พลังงานจากถ่านอัลคาไลน์
- ตัวจอยมีเสียงกดปุ่มที่ค่อนข้างดัง
CPU | AMD Zen 2 8 Core 3.8 GHz |
---|---|
GPU | AMD RDNA 2 GPU 1.565 GHz |
GPU Power | 4 TFLOPS |
RAM | 10 GB GDDR6 |
Storage | SSD 512 GB |
Nintendo Switch OLED

ราคา 11,890 บาท*
Nintendo Switch OLED เครื่องเกมรุ่นใหม่ล่าสุดที่อัปสเปกจาก Nintendo Switch V2 โดยรุ่นนี้มีดีไซน์แบบ Nintendo Switch รุ่นก่อน ๆ แต่จะมีจุดเด่นอยู่ตรงที่หน้าจอแสดงผลที่เป็นจอขนาดใหญ่ถึง 7 นิ้ว เพราะมีขอบจอที่บางลง หน้าจอแบบ OLED ความละเอียด HD ทำให้คุณภาพความคมชัดและสีสันที่สดใส เมื่อนำไปต่อเข้ากับ Dock และต่อเข้ากับทีวีจะได้รับความละเอียดเป็น FHD ตัว Joy-Con สีประจำรุ่นนี้มีสีใหม่เพิ่มเข้ามาเป็นสีขาวทั้งด้านซ้ายและด้านขวา สามารถถอดแยกเพื่อใช้เล่นในโหมด TV และ โหมด Tabletop กับเพื่อนๆ ได้ ที่สำคัญในส่วนของขาตั้งสามารถปรับระดับได้และมีความแข็งแรงมากกว่าเดิมอีกด้วยครับ
รุ่นนี้ไม่เพียงมาพร้อมหน้าจอที่สวยขึ้นแต่สเปกก็มีการอัปเกรดจากรุ่นก่อน ๆ โดยใช้ชิป NVIDIA Tegra X1 RAM 4 GB และความจุที่เพิ่มขึ้นจาก 32 GB เป็น 64 GB ตัว Dock หากซื้อสีประจำรุ่นจะเป็นสีขาว มีขอบมุมที่โค้งมนมากยิ่งขึ้น ช่องเสียบเครื่องเกมใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับตัวเครื่องที่มีการติดแผ่นกันรอย พร้อมกับช่องเสียบสายไฟ AC Adapter, HDMI และสาย LAN ในส่วนของแบตเตอรี่สามารถใช้ได้นานประมาณ 4.5 - 9 ชม. ขึ้นอยู่กับเกม ซึ่งเล่นได้นานเท่า ๆ กันกับรุ่นก่อน ๆ โดยรุ่นนี้มีราคาสูงกว่ารุ่น V2 เล็กน้อย หากใครที่เน้นการเล่นแบบพกพาหรือต้องการหน้าจอสวย ๆ รุ่นนี้ก็ห้ามพลาดคุ้มสุด ๆ ครับ
จุดเด่น
- สามารถต่อเข้ากับทีวีได้
- หน้าจอแบบ OLED ทำให้ภาพมีความคมชัด สีสันสดสวยสดใส
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้น
- มีพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้นถึง 64 GB ทำให้เหมาะกับเกมที่กินสเปกสูง ๆ
- Dock สามารถเสียบสาย LAN ได้โดยตรงทำให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอมีความละเอียดเพียง HD
- สเปกมีความแตกต่างจากรุ่น V2 เพียงเล็กน้อย
ประเภทหน้าจอ | OLED |
---|---|
ขนาดหน้าจอ | 7 inch |
ความจำเครื่อง | 64 GB |
โหมด TV | ✓ |
โหมด Tabletop | ✓ |
โหมด Handheld | ✓ |
PlayStation 4 Slim

ราคา 12,590 บาท*
PlayStation 4 Slim เป็นเครื่องเกมที่เปิดตัวมาพร้อมกับ PlayStation 4 Pro โดยทั้ง 2 รุ่นถูกพัฒนามาจากรุ่น 4 ซึ่งรุ่น Slim เป็นรุ่นที่ถูกออกแบบดีไซน์เน้นที่ความเบาบางและเล็กลง มีความโค้งมน ดูเรียบ ๆ แบน ๆ ตัววัสดุยังคงใช้โทนสีดำ สเปกการใช้งานแทบจะไม่ได้ต่างจาก PlayStation 4 เลย โดยจะใช้ CPU AMD Jaguar 8 x86-64 Core ใช้ GPU AMD Radeon 1.84 TFLOPS และ RAM 8 GB GDDR5 สามารถรองรับ Blu-ray และแผ่น DVD ได้ มีพอร์ต USB 3.0 ถึง 2 ตัว และพอร์ต HDMI 2.0a ซึ่งจะต่างกันที่รุ่นนี้มีข้อดีของการประหยัดงานที่ใช้พลังงานน้อยและน้ำหนักดีไซน์ของตัวเครื่องที่เล็กลงเท่านั้นครับ
ถึงแม้ PlayStation 4 ทุกรุ่นได้ถูกยุติการผลิตและการวางจำหน่ายไปแล้ว เนื่องจากเครื่องเกมของ PlayStation ได้เข้าสู่ Gen ใหม่แล้ว ซึ่งเป็น PlayStation 5 ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพและประสิทธิภาพในการเล่นเกมย่อมดีกว่า แต่เกมจาก PS4 ก็ยังคงมีอีกหลายเกมที่ยังได้รับความนิยมและมีผู้ใช้งานเครื่อง PS4 อยู่เป็นจำนวนมากทำให้เกมใหม่ที่เปิดตัวออกมาก็ยังมีการรองรับทั้ง PS4 และ PS5 หากใครที่มีงบจำกัดเครื่องหรือต้องการซื้อเครื่องเกมให้เด็ก ๆ PlayStation 4 Slim ก็ยังถือเป็นรุ่นที่น่าสนใจอยู่ครับ
จุดเด่น
- เครื่องเกมมีขนาดที่เล็กลงและน้ำหนักเบากว่ารุ่น PS4
- เน้นการประหยัดพลังงาน
- ราคาประหยัด
- สามารถเล่นเกมจาก PlayStation 4 และเกมใหม่ ๆ ได้
- สามารถรองรับ Blu-ray และแผ่น DVD ได้
ข้อควรพิจารณา
- สามารถแสดงผลได้สูงสุดเพียง FHD 1080p
- ปัจจุบันได้ยุติการผลิตแล้ว
รูปแบบ | Disc / Digital |
---|---|
CPU | AMD Jaguar x86-64 8 Core |
GPU | AMD Radeon 1.84 TFLOPS |
RAM | 8 GB GDDR5 |
Storage | 1 TB |
น้ำหนัก | 2.1 kg |
Xbox Series S (1 TB)

ราคา 16,490 บาท*
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ต้องการเครื่องเกม Xbox Series S แต่ต้องการพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่เยอะในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป เครื่องเกม Xbox Series S ความจุ 1 TB เป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ๆ โดยรุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Zen 2 8 Core จะมีความเร็วอยู่ที่ 3.6 GHz RAM จะอยู่ที่ 10 GB GDDR6 ชิปประมวลผลกราฟิกแบบ AMD RDNA 2 ความถี่ 1.565 GHz ความสามารถในการทำงาน 4 TFLOPS ทำให้รองรับการแสดงภาพได้เพียง 2K Native
ดีไซน์ของเครื่องเกมรุ่นนี้เป็น Model แบบเดียวกับรุ่น Series S ความจุ 512 GB ครับ จะมีความแตกต่างกันในส่วนของสีตัวเครื่องและความจุ โดยดีไซน์จะเป็นเครื่องเกมกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสีดำทั้งเครื่องและจอยเกม ตัวเครื่องเกมสามารถวางได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอน มีช่องระบายความร้อนเป็นแผงวงกลมขนาดใหญ่ ด้วยโทนสีของรุ่นนี้เป็นสีดำทำให้ส่วนที่เป็นช่องระบายความร้อนดูกลมกลืนไปกับตัวเครื่องเกม แต่จะมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกครับ
สำหรับเครื่องเกม Xbox Series S เป็นเครื่องเกมที่สามารถเล่นเกมได้แบบเดียวเครื่องเกมรุ่น Series X ถึงแม้ประสิทธิภาพการทำงานจะไม่ได้แรงเท่า รุ่น Series X แต่ก็สามารถเล่นเกมใหม่ ๆ ได้อย่างลื่นไหลและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ ครับ ดังนั้นจึงทำให้เครื่องเกมรุ่น Series S เหมาะกับคนเฉพาะกลุ่มมากกว่า ซึ่งหากใครที่ไม่ได้เน้นการใช้เล่นเกมที่มีหน้าจอทีวีคุณภาพระดับ 4K และต้องการเครื่องเกมที่มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลเยอะ ๆ ในงบที่จำกัด ก็เหมาะที่จะใช้งานรุ่นนี้ แต่หากข้อจำกัดเรื่องงบไม่ใช่ปัญหาและต้องการเครื่องเกมที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกับมีทีวีระดับ 4K การเลือกเครื่องเกมรุ่น Series X ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- มีความจุมากถึง 1 TB
- ดีไซน์ขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถจัดวางได้ง่าย ประหยัดเนื้อที่
- เครื่องเกมใช้โทนสีดำทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องคราบฝุ่นและสิ่งสกปรก
- เครื่องเกมสามารถระบายความร้อนได้ดี
- รองรับ Ray Tracing ทำให้ภาพในเกมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
- สามารถเพิ่มความจุจากภายนอกได้
- มีระบบ Xbox Game Pass ทำให้สามารถเล่นเกมได้มากมายในราคาสุดคุ้ม
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีช่องสำหรับใส่แผ่นทำให้ไม่สามารถใช้ใส่แผ่นเกมหรือดูภาพยนตร์จากแผ่น Blu-ray ได้
- ตัวเครื่องเกมเป็นสีขาวทำอาจจะติดคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกได้ง่าย
- รองรับการแสดงภาพได้เพียง 2K Native
- ตัวจอยใช้พลังงานจากถ่านอัลคาไลน์
- ตัวจอยมีเสียงกดปุ่มที่ค่อนข้างดัง
CPU | AMD Zen 2 8 Core 3.8 GHz |
---|---|
GPU | AMD RDNA 2 GPU 1.565 GHz |
GPU Power | 4 TFLOPS |
RAM | 10 GB GDDR6 |
Storage | SSD 1 TB |
Xbox Series X

ราคา 17,488 บาท*
Xbox Series X เป็นเครื่องเกม Gen ใหม่รุ่นล่าสุดของทาง Xbox โดยรุ่นนี้เป็นเครื่องที่พัฒนามาจาก Xbox One X มีตัวเครื่องเกมที่คงคอนเซ็ปต์คุมโทนสีดำ ดีไซน์เรียบ ๆ ซึ่งดูคล้ายกับ CPU ของเครื่องคอมพิวเตอร์ วัสดุเป็นพลาสติกผิวด้าน จุดเด่นจะอยู่ตรงที่รูระบายอากาศขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งใช้สำหรับดูดลมเย็นเพื่อระบายความร้อน ด้านในจะมีวัสดุเป็นพลาสติกสีเขียวทำให้ดูล้ำสมัยและมีความรู้สึกที่ดูเป็นอุปกรณ์เกมมิงมาก ๆ ครับ
ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อด้านหลังจะประกอบด้วย ช่องเสียบสายไฟ AC พอร์ต HDMI พอร์ต LAN สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พอร์ต USB 3.1 จำนวน 2 ช่อง และช่องสำหรับ Strorage Expension Card สำหรับเพิ่มความจุ ส่วนด้านหน้าจะมีปุ่มเปิด - ปิด ช่องสำหรับใส่แผ่น ปุ่มสำหรับต่อจอย และพอร์ต USB 3.1 อีก 1 ช่อง ครับ
ประสิทธิภาพในการเล่นเกมเครื่องเกมรุ่นนี้รองรับความละเอียดได้ตั้งแต่ FHD 1080p ไปจนถึง 4K UHD และรองรับ HDR10 และทำงานโดยใช้ชิปประมวลผล AMD Zen 2 8 Core RAM 16 GB GDDR6 ความสามารถในการทำงาน 12.15 TFLOPS ที่สำคัญมีรองรับอัตรารีเฟรชเรทของภาพอยู่ที่ 120 Hz ทำให้ประสิทธิภาพในการแสดงผลของกราฟิกต่าง ๆ ทำออกมาได้อย่างสวยงาม ภาพมีความลื่นไหลไม่มีสะดุดเลยครับ สำหรับใครที่ต้องการเครื่องเกมที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชัน มีช่องสำหรับดูแผ่น Blu-ray สามารถรองรับภาพความละเอียดระดับ 4K และ 8K ในอนาคตได้ ซื้อเครื่องนี้เครื่องเดียวรับรองว่าจบครบทุกความบันเทิงแน่นอนครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์แข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับการใช้เล่นเกม
- เครื่องเกมสามารถระบายความร้อนได้ดี
- มีช่องสำหรับเล่นแผ่นทำให้สามารถใช้ใส่แผ่นเกมหรือดูภาพยนตร์จากแผ่น Blu-ray ได้
- รองรับ Ray Tracing ทำให้ภาพในเกมดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
- สามารถเพิ่มความจุจากภายนอกได้
- มีระบบ Xbox Game Pass ทำให้สามารถเล่นเกมได้มากมายในราคาสุดคุ้ม
ข้อควรพิจารณา
- วัสดุของตัวเครื่องเกมติดรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ตัวจอยใช้พลังงานจากถ่านอัลคาไลน์
- ตัวจอยมีเสียงกดปุ่มที่ค่อนข้างดัง
CPU | AMD Zen 2 8 Core 3.8 GHz |
---|---|
GPU | AMD RDNA 2 GPU 1.825 GHz |
GPU Power | 12.15 TFLOPS |
RAM | 16 GB GDDR6 |
Storage | SSD 1 TB |
PlayStation 5 Standard Edition

ราคา 18,690 บาท*
PlayStation 5 Standard Edition เครื่องเกมคอนโซลที่มาแรงที่สุด ณ ปี 2023 นี้ เป็นเครื่องเกมรุ่นที่ 5 ของ PlayStation โดยดีไซน์ของเครื่องเกมรุ่นนี้มาในธีมสีขาวและประกบแผงวงจรเครื่องเป็นสีดำ วัสดุด้านนอกเป็นพลาสติก ซึ่งปกติเครื่องเกมจะเน้นโทนสีดำเป็นมาตรฐานมาตั้งแต่ PS2 โดยตัวเครื่องสามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งภายในกล่องจะมีฐานสำหรับวางเครื่องเกมแถมมาให้ด้วย พอร์ตการเชื่อมต่อจะมีช่อง USB-C แบบ Superspeed และช่อง USB แบบ Hi-Speed สำหรับชาร์จจอยและเสียบ Flash Drive ส่วนแถบอีกฝั่งด้านล่างจะมีช่อง USB 3.0 จำนวน 2 ช่อง ช่อง Gigabit Lan ช่อง HDMI 2.1 และสุดท้ายเป็นช่องเสียบสายไฟครับ
เครื่องเกมรุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่มีช่องสำหรับใส่แผ่น Blu-ray Dics ทำให้สามารถใส่แผ่นเกมเพื่อเล่นเกมได้ ซึ่งสามารถนำแผ่นเกม PS4 มาเล่นได้เกือบทุกเกม และยังสามารถเล่นเกมในรูปแบบดิจิทัลได้อีกด้วย ในด้านของจอย รุ่นนี้เป็นจอย DualSense Wireless Controller ที่มีธีมเป็นสีขาว - ดำ ดูเข้าคู่กับเครื่องเกม มีไฟสถานะ พร้อมไมค์ในตัว และช่องหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ตชาร์จจะเป็นแบบ USB-C ที่สำคัญมีระบบ Bluetooth ทำให้สามารถนำไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น มือถือหรือแท็บเล็ตได้นั่นเองครับ
ในส่วนประสิทธิภาพของการเล่นเกมต้องบอกเลยว่าทำได้ดีเกินคาดมาก ๆ สามารถรองรับเกมจาก PS4 ได้เกือบทั้งหมด อีกทั้งเกมจาก PS5 ก็มีการปรับคุณภาพทำให้ภาพมีความสวยงามรวมไปถึงการเล่นที่มีความลื่นไหลไม่มีสะดุด รวมไปถึงเทคโนโลยี Ray Tracing ที่ช่วยสะท้อนวัตถุทั้งหมดภายในเกมให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพและคุณภาพทำให้เครื่องเกมรุ่นนี้เป็นเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่ของชาวเกมเมอร์อย่างแท้จริงครับ
จุดเด่น
- มีช่องสำหรับใส่ Blu-ray Disc เหมาะสำหรับคนที่ชอบสะสมแผ่นเกม
- สามารถเล่นเกมผ่านแผ่นเกมและแบบดิจิทัลได้
- สเปกถูกอัปเกรดจาก PlayStation 4 ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
- มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทำให้การเล่นเกมได้สมจริงมากยิ่งขึ้น
- สามารถเล่นโซเชียลจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูงกว่ารุ่น Digital Edition
- วัสดุของตัวเครื่องเป็นสีขาวทำให้อาจจะติดคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกได้ง่าย
รูปแบบ | Disc / Digital |
---|---|
CPU | AMD 8 Cores (3.5 GHz) |
GPU | 10.28 Teraflops |
RAM | 16 GB GDDR6 |
Storage | SSD 825 GB |
น้ำหนัก | 4.5 kg |
PlayStation 5 Digital Edition

ราคา 18,990 บาท*
PlayStation 5 Digital Edition เป็นเครื่องเกมที่เปิดตัวออกมาพร้อมกันกับ PlayStation 5 Standard Edition ซึ่งหากเทียบสเปกแล้วไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย เพราะทั้ง 2 รุ่น ใช้สเปกแบบเดียวกัน โดยจะใช้ CPU AMD 8 Cores (3.5 GHz) GPU 10.28 Teraflops ตัว RAM 16 GB GDDR6 และที่เก็บข้อมูล SSD 825 GB รวมไปถึงฟีเจอร์การทำงานต่าง ๆ ก็สามารถทำงานได้แบบเดียวกัน อีกทั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกันได้ไม่จำเป็นต้องแบ่งรุ่นครับ
ข้อแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้มีเพียงข้อเดียวนั่นก็คือ ในรุ่น Digital Edition จะถูกตัดฟังก์ชันของการเล่นเกมด้วยแผ่นเกมออกไปทำให้ไม่มีส่วนที่เป็นเครื่องสำหรับใช้อ่านแผ่น Blu-ray Disc หรือแผ่น DVD ในส่วนของตัวเครื่องเกมก็จะบางลงเล็กน้อย และเมื่อไม่มีช่องใส่แผ่นทำให้ไม่สามารถใช้แผ่นเกมเพื่อเล่นเกมหรือแผ่นดูภาพยนตร์ได้ โดยการเล่นเกมจะสามารถเล่นได้เฉพาะแบบดิจิทัลดาวน์โหลดจาก PlayStation Store เท่านั้น ซึ่งรุ่นนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการสะสมแผ่นเกม อีกทั้งเกมแบบดิจิทัลหลาย ๆ เกม ก็มีราคาที่ประหยัดกว่า ซึ่งก็ช่วยประหยัดงบในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปได้ และในส่วนของการจำหน่ายตัวเครื่องก็จะมีการจับคู่วางขายร่วมกับเกมอื่น ๆ ถือได้ว่าเป็นเครื่องเกม PlayStation ที่มีความคุ้มค่ามาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- ราคาประหยัดกว่ารุ่น Standard Edition
- สเปกถูกอัปเกรดจาก PlayStation 4 ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
- มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทำให้การเล่นเกมได้สมจริงมากยิ่งขึ้น
- สามารถเล่นโซเชียลจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีช่องสำหรับใส่แผ่น Blu-ray Disc ทำให้ไม่สามารถเล่นเกมผ่านแผ่นเกมหรือดูแผ่นภาพยนตร์ได้
- วัสดุของตัวเครื่องเป็นสีขาวทำให้อาจจะติดคราบฝุ่นหรือสิ่งสกปรกได้ง่าย
รูปแบบ | Digital |
---|---|
CPU | AMD 8 Cores (3.5 GHz) |
GPU | 10.28 Teraflops |
RAM | 16 GB GDDR6 |
Storage | SSD 825 GB |
น้ำหนัก | 3.9 kg |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
วิธีเลือกซื้อเครื่องเล่นเกมคอนโซล !
นี่คือปัญหาโลกแตกเพราะเราก็ไม่สามารถตอบคุณได้ว่าเครื่องเกมคอนโซลรุ่นไหนที่เหมาะกับคุณ เนื่องจากเครื่องเกมคอนโซล ในปัจจุบันมีอยู่มากมาย หลายรุ่น หลายแบบให้เลือกสรร ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละแบบแต่ละแพลตฟอร์มนั้นก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นในการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่เหมาะกับคุณ คุณจำเป็นต้องตอบคำถามต่าง ๆ เหล่านี้ก่อน เพื่อให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้น
1. พิจารณาจากการใช้งาน คุณต้องการเกมคอนโซลแบบไหน ?
ปัจจุบันมี เครื่องเล่นเกมคอนโซล อยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งประเภทแรกคือ คอนโซลเกมที่คุณนั่งเล่นอยู่ภายในห้องของคุณ โดยเชื่อมต่อกับ TV 4K หรือ TV 8K และอีกประเภทก็คือ คอนโซลเกมที่คุณสามารถพกติดตัวไปได้ทุกๆ ที่ สามารถเล่นที่ไหนก็ได้
ซึ่งแน่นอนว่า เครื่องคอนโซลเกมแบบแรก มีประสิทธิภาพสูงกว่าและสามารถมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงได้ดีกว่าและสามารถใช้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงของครอบครัวได้ด้วย เนื่องจากคุณสามารถจะเรียกดูเว็บไซต์หรือรับชมสื่อความบันเทิงผ่านสตรีมมิ่งต่าง ๆ ได้ด้วย ส่วน คอนโซลเกมแบบพกพา ก็จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้าน นอกจากนั้นก็ยังเหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมมือถือด้วย เนื่องจากคอนโซลเกมแบบพกพามักจะรองรับเกมที่ได้รับความนิยมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตด้วย
2. เกมที่คุณต้องการจะเล่น ?
แน่นอนเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่มีราคาสูง ๆ ย่อมให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีกว่า แต่ใช่ว่าเกมทุก ๆ เกมในปัจจุบันจะต้องการสเปคที่สูงขนาดนั้นทั้งหมด อย่างในรุ่น Xbox Series X และ Sony PlayStation 5 ซึ่ง ณ ตอนนี้มีอยู่ไม่กี่เกมที่สามารถรองรับประสิทธิภาพสูงสุดของเครื่องเหล่านั้นได้ ดังนั้นเมื่อคุณเลือกประเภทของเครื่องเล่นเกมคอนโซลได้แล้ว เราขอแนะนำให้คุณมาดูเกมที่คุณอยากจะเล่นเพื่อเลือกเครื่องเล่นเกมคอนโซลให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ให้ดูราคาของ เกมด้วย แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถ้าหากคุณมีงบประมาณที่ไม่จำกัด เครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่ที่มีราคาสูงก็เป็นรุ่นที่ดีและคุ้มค่าที่สุดค่ะ เพราะมันสามารถเล่นได้อีกหลายปี
3. คุณจะเล่นเกมออนไลน์หรือไม่ ?
เกมออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของเกมในยุคนี้ และก็มีอยู่ในทุกแพลตฟอร์มทั้ง สมาร์ทโฟน, แล็บท็อป, คอมพิวเตอร์ และรวมไปถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซลในปัจจุบันด้วย การเล่นเกมออนไลน์ มันหมายความว่าคุณกำลังจะเล่นเกมเพื่อนจากทุกที่ในโลก โดยการเล่นเกมออนไลน์บนคอนโซลนั้นก่อนอื่นคุณต้องสร้างบัญชี ซึ่งช่วยให้คุณเข้าถึงคุณสมบัติมากมาย ในบางแพลตฟอร์มมีการแจกเกมฟรี คุณสามารถดาวน์โหลด ซึ่งบริการออนไลน์ของแต่ละค่ายก็จะเรียกต่างกันอย่าง Sony ใช้ PlayStation Plus, Nintendo ใช้ Nintendo eShop และ Microsoft ก็จะใช้ชื่อว่า Xbox Live
4. ความจุ พื้นที่เก็บข้อมูล
เครื่องเล่นเกมคอนโซลส่วนใหญ่ มักจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในมาให้ตั้งแต่ 32GB ถึง 1TB โดยคุณก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ ถ้าหากคุณไม่ต้องการเล่นออนไลน์ และไม่ได้วางแผนที่จะจัดเก็บเกมหรือเนื้อหาใด ๆ ไว้บนคอนโซลคุณก็สามารถเลือกใช้แผ่นดิสก์ทดแทนได้ ซึ่งคุณสามารถเลือกตัวเลือกที่ถูกกว่าโดยมีพื้นที่เก็บข้อมูลบนเครื่องน้อยลง ในทางกลับกันถ้าหากคุณวางแผนที่จะดาวน์โหลดเกมผ่านบริการต่าง ๆ เราขอแนะนำให้ใช้คอนโซลที่มีความจุมากขึ้น เนื่องจากเกมหลาย ๆ เกมในปัจจุบันมักจะใช้พื้นที่เยอะมาก ๆ ดังนั้นพื้นที่เก็บข้อมูลจึงเป็นส่วนสำคัญของคอนโซลเกมในยุคนี้
เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเราก็ได้รอบรวมข้อมูลของ เครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม มารีวิวเปรียบเทียบ เพื่อให้คุณได้เห็นถึงความแตกต่าง จะได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาเลือกซื้อต่อไป สำหรับวันนี้เราจะนำเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นอะไรมา ? และมีราคาเท่าไหร่บ้าง ? ตามไปดูกันเลย
7 เหตุผล ทำไมเกมคอนโซล ถึงดีกว่าเกมพีซี ?
1. เครื่องเกมคอนโซลเล่นได้ง่ายกว่า
สำหรับเครื่องเกมคอนโซล มันไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการติดตั้งอะไรมากมาย เพียงแค่คุณใส่แผ่นดิสก์หรือดาวน์โหลดเกม และในเวลาเพียงไม่กี่นาที มันก็พร้อมให้คุณได้สนุกแล้ว ซึ่งไม่มีไดรเวอร์ที่น่ารำคาญให้ต้องกังวล และคุณไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเครื่องมือต่าง ๆ มาติดตั้งให้วุ่นวายอีก และนอกจากนี้การเล่นบนคอมพิวเตอร์ คุณอาจต้องทำการปรับเปลี่ยนการตั้งค่าบางอย่าง เพื่อปรับให้เข้ากับสเปคของคอมพิวเตอร์ของคุณ ตัวอย่างเช่น การปรับตั้งค่ากราฟิกของเกมเพื่อไม่ให้อัตราเฟรมลดลง โดยต่างกับการเล่นบนคอนโซลอย่างสิ้นเชิง เพราะคุณไม่ต้องมาคอยตั้งค่าเพื่อให้มันเล่นได้อย่างลื่นไหล
2. คุณไม่จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลจำเพาะ
คุณต้องดูข้อมูลจำเพาะต่าง ๆ ของเกมโดยละเอียด เพื่อตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเล่นเกมนี้ได้หรือไม่ ? ในบางครั้งอาจจะมีสเปคการ์ดจอที่ต่ำเกินไป มีแรมไม่เพียงพอ หรือมีพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความต้องการของเกมที่คุณอยากจะเล่น ถ้าอยากจะเล่นคุณต้องอัพเกรดคอมฯ ใหม่ ซึ่งแน่นอนมันไม่ถูกเลย หรือถึงแม้ว่าจะเล่นได้คุณก็ต้องปรับคุณภาพลงมาให้ต่ำ จนทำให้เสียอรรถรสในการเล่นเกม ต่างจากเกมคอนโซลคุณไม่ต้องตรวจดูสเปคอะไรมากมาย นอกจากนี้มันสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและรันเกมล่าสุดได้แม้หลังจากใช้งานไปสองสามปี โดยทั่วไปแล้ว PC จะเสื่อมสภาพเร็วกว่า และคุณจะถูกบังคับให้อัพเกรดอีกสองถึงสามปีข้างหน้า (โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการลองเกมล่าสุด)
3. มีเกม AAA หรือเกมฟอร์มยักษ์
Red Dead Redemption 2 ได้รับการสนับสนุนจากสตูดิโอ เช่น Sony และ Microsoft ทำให้เกมคอนโซลได้รับประโยชน์จากเกม AAA มากมาย ตัวอย่างเช่น เกมที่ได้รับคะแนนสูงสุดบางเกม อย่างเช่น The Last of Us, the Uncharted series, God of War (2018) และ Red Dead Redemption 2 ซึ่งบางเกมไม่มีบนพีซี แต่ในทางกลับกันเกมพีซียอดนิยมส่วนใหญ่จะถูกย้ายไปยังคอนโซล
4. เครื่องเล่นเกมคอนโซลราคาประหยัดกว่า
เครื่องเล่นเกมคอนโซลส่วนใหญ่ มีราคาไม่แพงมาก หากเทียบกับสเปคของคอมพิวเตอร์ คุณสามารถจ่ายเงิน 2 หมื่นกว่าบาท เพื่อเล่นเกมความละเอียด 4K หรือมากกว่านี้ได้ เป็นสิบ ๆ เกม แต่ถ้าจ่ายเงิน 2 หมื่นกว่าบาท ให้กับคอมพิวเตอร์เครื่องนึง คุณจะได้เพียงคอมพิวเตอร์ที่สามารถเล่นเกมในระดับกลางได้ไม่กี่เกมเท่านั้น นอกจากนี้คุณยังจะต้องใช้เงินเพิ่มอีกหลายพันบาท เพื่ออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น หน้อจอคอมพิวเตอร์, โต๊ะเกมมิ่ง, เก้าอี้เกมมิ่ง, แป้นพิมพ์เกมมิ่ง และเมาส์เกมมิ่ง เป็นต้น
5. คุณสามารถเล่นเกมคอนโซลได้จากโซฟาของคุณ
เนื่องจากคอนโซลเข้ากันได้กับสมาร์ททีวี คุณจึงสามารถควบคุม และเล่นเกมจากคอนโซลได้บนโซฟาที่แสนสบายของคุณได้ ตัวเครื่องเกมคอนโซลกูถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้มันสามารถจัดวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นได้อย่างลงตัว สำหรับคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำแบบนี้ได้
6. เล่นกับเพื่อนง่ายกว่า
คอมพิวเตอร์พีซียังขาดในสถานการณ์เช่นปาร์ตี้ อย่างเช่น การเล่นเกมโดยใช้จอยเกมหรือคอนโทรลเลอร์ ซึ่งบนคอมพิวเตอร์พีซีมันมียังมีข้อจำกัดอีกมากมายหลายอย่าง ทั้งโต๊ะทำงานของคุณอาจไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับหลายคน การใช้คีย์บอร์ดไร้สาย หรือเมาส์ไร้สาย หลาย ๆ ตัวแล็ปท็อปของคุณอาจมีพอร์ตไม่เพียงพอ และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย แต่บนเกมคอนโซล คุณสามารถเสียบคอนโซลเพิ่มเติมเพื่อเล่นกับเพื่อนของคุณ นอกจากนี้คอนโซลยังมีสล็อตสำหรับ USB ด้วย ดังนั้นถ้าหากคุณมีคีย์บอร์ดอยู่รอบ ๆ คุณก็สามารถนำมาเสียบปลั๊กได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากจอภาพของคุณเล็กไปหน่อยหรือไม่มีที่ว่างให้คนมากกว่าสองหรือสามคนในห้องทำงานของคุณ คุณสามารถย้ายไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ขึ้น และมีที่นั่งเพิ่มได้
7. ตัวควบคุมดีกว่าคีย์บอร์ดและเมาส์
จอยเกม หรือคอนโทรลเลอร์ สามารถช่วยให้คุณควบคุมเกมได้กว่าการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์อย่างแน่นอน เพราะคอนโทรลเลอร์สร้างขึ้นด้วยการออกแบบที่เป็นธรรมชาติตามหลักสรีรศาสตร์ โดยออกแบบตามท่าทางตามมือของมนุษย์ เพื่อทำให้เมื่อเราถือใช้งาน มือของเราจะอยู่ในท่าทางเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้ไม่รู้สึกเมี่อย ต่างกับแป้นพิมพ์ และเมาส์ ซึ่งจะมีท่าทางการจับถือที่ฝืนธรรมชาติอยู่ นอกจากนี้คอนโทรลเลอร์ของ PlayStation ยังมีทัชแพดมาให้ด้วย เพื่อให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ของอินเทอร์เฟซได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น