ประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวกันเยอะไม่ต่างไปจากญี่ปุ่นและเกาหลีนั่นคือ ‘ไต้หวัน’ เพราะเป็นประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน การขออนุญาตเข้าไปเที่ยวไม่ยุ่งยากหรือเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่า มีเพียงพาสปอร์ตก็เที่ยวได้นานถึง 30 วัน ในขณะเดียวกันไต้หวันก็มีค่าเงินที่ไม่สูงมากสามารถเหลือเงินเอาไว้ช้อปปิ้งได้อีกด้วย แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยคือความสวยงามของธรรมชาติและอากาศที่ดีสุด ๆ เป็นประเทศซึ่งมีฤดูกาลค่อนข้างเยอะ ดังนั้นในแต่ละฤดูจะมีความสวยแตกต่างกันออกไป มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้งประวัติศาสตร์, ธรรมชาติ และแหล่งช็อปปิ้ง ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ในการไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ดังนั้นวันนี้ผมจึงอยากจะมาแนะนำ ‘ที่เที่ยวไต้หวัน’ ให้ทุกคนได้วางแผนไปเที่ยวกัน

1. หอรำลึกเจียงไคเช็ค (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)

ประธานาธิบดีเจียงไคเช็คเป็นผู้นำที่มีบทบาทมากสำหรับประเทศไต้หวัน เพราะท่านก่อตั้งรัฐบาลและสร้างความก้าวหน้าให้กับไต้หวันจนกลายเป็นประเทศที่มีความเจริญจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นทางไต้หวันจึงได้มีการสร้างหอรำลึกเจียงไคเช็คเพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และเป็นการรำลึกถึงผู้นำคนสำคัญของประเทศ

โดยด้านในหอมีการตกแต่งสถาปัตยกรรมตามสไตล์ของจีนที่สวยและดูคลาสสิกมีรูปปั้นของเจียงไคเช็คขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านบนของอนุสรณ์ ส่วนบันไดทางขึ้นจะมีทั้งหมด 89 ขั้น (ตรงกับอายุของประธานาธิบดี) และด้านในมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวจริง ๆ ให้ทุกคนได้เห็นกัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ที่หลายคนรอชมกันคือการเปลี่ยนเวรทหารและพิธีเชิญธงที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของนักท่องเที่ยวในการเข้ามาเที่ยวในประเทศไต้หวัน

2. วัดหลงซาน (Longshan Temple)

วัดหลงซานไม่ได้เป็นเพียงวัดสวยงามในไต้หวันเท่านั้น แต่เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 300 ปี เลยทีเดียว รวมไปถึงชาวไต้หวันเองก็มีความศรัทธาและเชื่อว่าวัดหลงซานนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก เนื่องจากในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 วัดแห่งนี้ได้รับความเสียหาย เรียกว่าเผาไหม้ไปหลายจุดแต่ความน่าแปลกใจคือถึงแม้ว่าวัดจะเสียหายไปแทบทุกจุดแต่องค์เจ้าแม่กวนอิมกลับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย เป็นเหตุให้ชาวบ้านนับถือและเชื่อในความศักดิ์ อีกทั้งหลาย ๆ คนที่เดินทางเข้ามาเพื่อขอพรในด้านความรัก, ความปลอดภัยในการเดินทาง และการเงินก็ได้สมหวังไปหลายคนเลยทีเดียว หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวผมแนะนำวัดแห่งนี้ครับอย่างน้อยก็ได้รับความเป็นสิริมงคลและความสบายใจกลับบ้าน

3. พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติไต้หวัน (National Palace Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวเหมือนกับได้ย้อนอดีตกลับไปในไต้หวันเมื่อหลายร้อยปีหรือพันปีก่อน เพราะด้านในมีการรวบรวมผลงานทางด้านศิลปะเกี่ยวกับราชวงศ์เอาไว้หลายแสนชิ้น ว่ากันว่ามากถึง 6 – 7 แสนชิ้นเลยทีเดียวครับ โดยภายในอาคารจะมีทั้งหมด 4 ชั้น ในแต่ละชั้นจะแบ่งแยกออกเป็น หนังสือโบราณ, ภาพวาด และอุปกรณ์ที่ใช้ในอดีต อย่างเช่น เครื่องประดับ, จานชาม หรือแม้แต่อาวุธก็มีให้เรารับชมครับ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้สร้างสถิติว่ามีของโบราณเก็บรักษาและโชว์เอาไว้มากที่สุดของโลก หากใครอยากเห็นของเก่าของโบราณและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยต้องมาที่นี่เลยครับ

4. อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชาน (Yangmingshan National Park)

อุทยานแห่งชาติหยางหมิงชานเป็นที่ท่องเที่ยวซึ่งสามารถเข้าไปได้ตลอดทั้งปี เพราะด้วยพื้นที่มีภูเขาโอบล้อมและต้นไม้หนาแน่น ทำให้อากาศเย็นสบายแทบจะตลอดทั้งปี โดยหยางหมิงซานในอดีตเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อนแต่ในปัจจุบันภูเขาไฟได้ดับแล้วเรียบร้อย ดังนั้นมั่นใจว่าปลอดภัยในการเที่ยวแน่นอนไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ทั้งนี้ไฮไลท์ของอุทยานต้องบอกว่ามีหลายอย่างเลยครับเพราะมีทั้ง บ่อน้ำพุร้อนที่สามารถลงไปแช่ได้ ทุ่งดอกไม้ธรรมชาติ (สวยมาก) มีทั้งดอกซากุระ, กุหลาบพันปี, ดอกลิลลี่และอื่น ๆ อีกเยอะมาก นอกจากนี้ด้วยอดีตที่อุทยานเคยเป็นฐานของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกมาก่อนอีกด้วยครับ ถือว่าได้ไปเที่ยวชมความสวยของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน

5. สวนสัตว์ไทเป (Taipei Zoo)

สวนสัตว์แน่นอนว่ามีให้เข้าชมในทุกประเทศครับ แต่ที่อยากแนะนำให้ไปเที่ยวสวนสัตว์ไทเปเพราะพื้นที่ด้านในกว้างกว่า 500 ไร่ ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย ด้วยขนาดของสวนสัตว์ที่ใหญ่มากทำให้สัตว์ป่าของที่นี่เรียกว่าแทบจะมีครบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น นก, แพนด้า, โคอาลา, เสือ, สิงโต, แพนกวิ้น และสัตว์น้ำเยอะแยะมากมาย ทั้งยังมีอาคารให้ได้ศึกษาสัตว์ในอดีตที่เคยสูญพันธ์มาแล้วอย่างเช่นไดนาเสาร์เป็นต้น สำหรับคนไหนอยากจะเข้าสวนสัตว์แล้วชมสัตว์ป่าและสัตว์หายากแบบครบจบที่เดียวต้องมาสวนสัตว์ของทางไทเปครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแถมค่าเข้าชมก็ถูกมากเพียงแค่ประมาณ 60 กว่าบาทเท่านั้น

6. พุทธอุทยานพระใหญ่ โฝ กวง ซาน (Fo Guang Shan Buddha Museum)

พุทธอุทยานอาจเป็นคำที่คนไทยหลายคนอาจไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่นัก ซึ่งเหตุผลที่สถานที่ถูกตั้งชื่อว่าพุทธอุทยานเนื่องจากพื้นที่ด้านในกว้างมากเรียกว่ากินภูเขาทั้งลูกเลยครับ เปรียบเสมือนกับการรวบรวมสถาปัตยกรรมหรือการก่อสร้างเกี่ยวกับพุทธศาสนาเอาไว้ มีองค์พระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ความสูง 50 เมตรให้เราได้กราบเคารพบูชา ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่สวยมากคือเจดีย์ทั้งหมด 8 องค์ เรียงตัวกันอย่างสวยงามบริเวณส่วนหน้าขององค์พระพุทธเจ้า ทั้งนี้ด้วยสถานที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและต้นไม้ก็ทำให้บรรยากาศด้านในมีความสวยงามรู้สึกสงบ อิ่มทั้งบุญและความสวยงามของทิวทัศน์ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากควรมากันสักครั้งในชีวิต

7. เผิงหู (Penghu)

เผิงหูเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในประเทศไต้หวันครับ ความพิเศษของหมู่เกาะแห่งนี้คือมันมีเกาะย่อยมากกว่า 90 เกาะ ซึ่งถือว่าเยอะมาก ! อีกทั้งบนหมู่เกาะยังมีการจัดเทศกาลอาหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้ออาหารทะเลแบบสด ๆ กันอย่างเต็มที่ และในช่วงฤดูร้อนเองก็จะมีเทศกาลดอกไม้ไฟฤดูร้อนระดับนานาชาติ แต่เหตุผลหลัก ๆ ที่นักท่องเที่ยวเข้ามากันเยอะคงเป็นเพราะความสวยงามของหมู่เกาะซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น ‘ไข่มุกแห่งไต้หวัน’ เพราะน้ำจะใสสะอาดมาก เหมาะแแก่การลงไปดำน้ำมาก ถ้าใครมีเวลาสักหน่อยผมอยากให้ไปดำน้ำชมความสวยใต้ท้องทะเลครับ

8. ฟาร์มแกะชิงจิ้ง (CingJing Farm)

ถ้าพูดถึงเรื่องของความสวยบอกเลยว่า ‘ฟาร์มแกะชิงจิ้ง’ ไม่มีข้อกังขาใด ๆ อย่างแน่นอน เพราะมีหลายคนตั้งฉายาให้ว่าเป็น ‘สวิตเซอร์แลนด์’ ของไต้หวันเลยครับ ซึ่งลักษณะภูมิทัศน์ของฟาร์มจะเป็นพื้นที่ลาดชันคล้าย ๆ กับเนินบนภูเขาแต่เป็นเนินที่หญ้าเขียวชอุ่มมาก อีกทั้งด้วยฟาร์มอยู่บนเขาสูงก็ทำให้เหมือนเราได้ใกล้ชิดกับเมฆมากขึ้น มีปุยเมฆและหมอกลอยล่องบริเวณรอบฟาร์มเป็นอะไรที่โรแมนติกสุด ๆ ยิ่งถ้าไปในช่วงหน้าหนาวจะฟินมาก ทั้งนี้ภายในฟาร์มจะมีน้องแกะบาร์บาโดสและคอร์ริเดลออกมาหลายตัวให้เราเห็นกันแบบตัวเป็น ๆ มีกิจกรรมน่าสนใจอย่างการให้อาหารและตัดขนแกะด้วยมือของตัวเอง หากใครยังไม่เคยเที่ยวอะไรแบบนี้อยากให้ได้ไปลองกันครับละจะติดใจจนต้องกลับมาเยี่ยมน้อง ๆ กันอีกรอบ

9. ซื่อหลินไนท์มาร์เก็ต (Shilin Night Market)

ใครที่เป็นสายตลาดกลางคืนหรือ Night Market ต้องไป ‘ซื่อหลินไนท์มาร์เก็ต’ ครับ เพราะตลาดแห่งนี้มีของถูกและครบตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงอาหารที่นี่มีหมด ด้วยซอยในตลาดค่อนข้างยาวทำให้มีการแบ่งโซนออกเป็นสองส่วน ในส่วนแรกจะเป็นแนวร้านค้าแผงลอยใครอยากกิน Local Food ต้องมาในโซนนี้ครับ มีทั้งของทอดของหวานแต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือชาไข่มุกซึ่งหลายคนน่าจะทราบกันดีว่าไต้หวันคือต้นตำรับ ถ้าได้มาแล้วก็อย่าลืมไปลองชิมกันครับ ในขณะที่โซนสองจะเน้นเป็นร้านค้าแนว ๆ คาเฟ่, ร้านขายเสื้อผ้า และเครื่องประดับต่าง ๆ เป็นตลาดที่อิ่มทั้งท้องและได้เสื้อสวยราคาไม่แพงกลับไปใส่ครับ

10. ท่าเรือประมง (Zhengbin Fishing Harbor)

ท่าเรือประมงเจิ้งปินเหมาะสำหรับคนที่อยากอยู่กับความสวยงามของแม่น้ำและบรรยากาศอันเงียบสงบ เพราะท่าเรือแห่งนี้วิวค่อนข้างสวยคนไม่พลุกพล่านวุ่นวาย เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไฟล์มาก ๆ ที่สำคัญคือคาเฟ่บริเวณท่าเรือเยอะมาก มีเมนูเครื่องดื่มให้ลิ้มรสพร้อมกับชมวิวและถ่ายภาพชิค ๆ ลงโซเชียลกันได้แบบเต็มที่ นอกจากวิวแม่น้ำจะสวยแล้วพวกบ้านเรือนก็มีสีออกแนว Colourful หลากหลายสีเป็นวิวที่สวยไม่ว่าใครก็ต้องคันไม้คันมือเพื่อแชะภาพเก็บไว้อวดเพื่อน ๆ

11. ตึกไทเป 101 (Taipei 101)

ใครที่อยากชมวิวของไทเปเหมืองหลวงของไต้หวันแบบเต็มตาต้องแวะเข้าไปใน ‘ตึกไทเป 101’ ครับ เนื่องจากตึกมีความสูงมากถึง 101 ชั้น (เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก) หากขึ้นไปยังชั้น 89 เราจะเห็นวิวไทเปแบบใกล้สุดลูกหูลูกตาเป็นมุมพาโนรามาที่สวยประทับใจอย่างแน่นอน แต่จริง ๆ แล้วตึกไม่ได้มีเพียงวิวสวยให้เราชมกันเพียงเท่านั้น เพราะมีบาร์เครื่องดื่มรสเลิศให้เราจิบไปพร้อมกับการชมวิวและแหล่งช็อปปิ้งแบรนด์ชั้นนำให้เราผลาญเงินกันอย่างเต็มที่

12. หมู่บ้านแมวหูต่ง (Houtong Cat Village)

หมู่บ้านแมวหูต่งน่าจะทำให้ทาสแมวใจฟูขึ้นได้เป็นอย่างดีครับ เพราะหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีแมวให้เล่นกว่า 200 ตัว ถึงแม้ว่าในอดีตหมู่บ้านจะเกิดปัญหาเรื่องของแมวจรจัดแต่ทางกลุ่มจิตอาสาได้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการบูรณะให้หมู่บ้านกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยน้องเหมียวภายในเกาะนั่นละครับ มีการแชร์ความน่ารักและปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ให้แมวดีขึ้นจนหมู่บ้านเริ่มมีชื่อเสียง จากหมู่บ้านธรรมดา ๆ กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ที่มีคาเฟ่ให้ไปนั่งชิลกันและน้องเหมียวมาอ้อนกันจนใจฟู ต้องบอกว่าแมวของที่นี่น่ารักและเชื่องมากพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา

13. อาลีซาน (Alishan)

อาลีซานเป็นอีกหนึ่งอุทยานที่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ถ้าหากมีโอกาสเข้ามาแล้วสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการนั่งรถไฟสีแดงชื่อว่า ‘Alishan Forest Railway’ เพราะรถไฟจะเดินทางผ่านท่ามกลางอุทยานซึ่งจะมีทั้งต้นไม้และดอกไม้สวย ๆ อย่างซากุระหรือเมเปิ้ลเป็นวิวที่สวยประทับใจมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีวิวภูเขาทั้งสองข้างทางพร้อมกับหมอกสุดโรแมนติก ส่วนใครที่อยากใช้เวลากับอุทยานมากกว่าหนึ่งวันผมแนะนำให้ตื่นขึ้นมาเช้าสักหน่อยเพื่อชมสวนชาและดูพระอาทิตย์ยามเช้ากับหมอกที่สวยมากเป็นวิวหลักล้านที่หาชมได้ยาก