เหตุผลที่หลายคนไม่ค่อยอยากเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสักเท่าไหร่ก็เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูง และการเดินทางอันยาวนาน ถ้าหากเป็นในแถบอเมริกาหรือยุโรปอาจใช้เวลานานหลัก 10 กว่าชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนในทวีปเอเชียเองอย่างญี่ปุ่น, จีน หรือเกาหลีก็อาจต้องเก็บหอมรอมริบนานสักหน่อย เพื่อจ่ายค่าตั๋ว, ค่าที่พัก และค่าอาหาร แต่จริง ๆ แล้วเรายังมีตัวเลือกที่น่าสนใจในแถบอาเซียนของเราอย่าง ‘เวียดนาม’ ครับ เพราะเวียดนามเป็นประเทศที่เพรียบพร้อมทั้งในเรื่องของธรรมชาติ, อาหาร และแหล่งช็อปปิ้งมากมาย

หากใครชอบแสงสีเสียงเวียดนามก็มีให้เที่ยว หรือถ้าชอบความเป็นธรรมชาติเวียดนามเองก็มีอุทยานแห่งชาติและเกาะสวย ๆ ให้เราได้ไปกัน ที่สำคัญคือการเดินทางใช้เวลาเพียงแค่ 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น ค่าครองชีพก็ถูกมีเงินเหลือให้ได้ช็อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน หากใครอยากเปิดประสบการณ์เที่ยวต่างประเทศครั้งแรก เวียดนามคือตัวเลือกอันดับต้น ๆ เลยครับ ซึ่งในบทความนี้ผมจะมาแนะนำ ‘ที่เที่ยวเวียดนาม’ ให้กับทุกคนได้วางแผนทริปกันในช่วงวันหยุด

1. ซาปา

ซาปาอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาจะมาเพื่อชมวิวทะเลหมอกโดยเฉพาะ เนื่องจากเทือกเขามีความสูงมากถึง 1,650 เมตร และด้วยเทือกเขามีชาวบ้านอาศัยอยู่จึงมีการทำเกษตรที่เรียกว่าวิวนาขั้นบันได ซึ่งสวยตัดกับธรรมชาติและหมอกได้ดีสุด ๆ ทั้งนี้ปกติแล้วซาปามีอากาศดีตลอดทั้งปี แต่ที่สวยมาก ๆ คือช่วงมีนาคมถึงสิงหาคม รวมไปถึงอีกช่วงหนึ่งคือกันยายนไปจนถึงพฤศจิกายน ใครขี้ร้อนอยากไปอยู่ในบรรยากาศดีพร้อมกับวิวหลักล้านถ้ามีโอกาสเข้ามาเที่ยวเวียดนามต้องแวะมาซาปาครับ

2. ฮอยอัน

ฮอยอันเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยบ้านเรือนตกแต่งด้วยสีเหลืองฟิลลิ่งคล้าย ๆ กับมัสตาร์ด มีสไตล์การออกแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างจีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย และดัตช์ ความสวยงามสุดยูนีคและความเก่าแก่หลายร้อยปี ทำให้ฮอยอันได้รับการแต่งตั้งจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก กลิ่นอายของความวินเทจช่วยให้บรรยากาศด้านในฮอยอันมีความสโลไลฟ์มาก ๆ สามารถเดินวนในหมู่บ้านได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังมีร้านอาหาร, บาร์ และคาเฟ่ให้เราอิ่มท้องและอิ่มใจในการชมวิว แต่ที่ไม่อยากให้พลาดคือการล่องเรือชมวิวรอบเมือง บอกเลยว่าประทับใจอย่างแน่นอนครับ

3. เกาะฟู้โกว๊ก

เกาะฟู้โกว๊กคือเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศเวียดนาม มีหลายคนตั้งชื่อให้ว่าเป็นเกาะสวรรค์ เพราะสีของน้ำจะเป็นฟ้าครามและทรายสีขาวละเอียดเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ หากใครเป็นคนรักทะเลรับรองว่าไม่มีผิดหวัง เพราะเกาะมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น การดำน้ำชมปะการัง, เที่ยวสวนสัตว์, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสวนสนุกขนาดใหญ่ หากใครมาเที่ยวกันเป็นครอบครัวเกาะฟู้โกว๊กถือว่าเหมาะเลยทีเดียว มาเที่ยวเกาะฟู้โกว๊กเหมือนได้เที่ยวแบบครบวงจร โดยนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายแล้ว เกาะแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการทำน้ำปลาและหอยมุกอีกด้วย ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ควรมาสักครั้งในชีวิต

4. ดาลัด

ดาลัดจัดได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางของคนไทยจำนวนมากที่ไปเที่ยวเวียดนามเลยละครับ เพราะดาลัดให้อารมณ์เหมือนกับเข้าไปในเมืองเล็ก ๆ ของทวีปยุโรป ด้วยตึกราบ้านช่องที่ออกแบบทันสมัยดูโมเดิร์น ธรรมชาติที่สวยมีทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง บวกกับการที่เมืองไม่ได้ใหญ่มากทำให้ดาลัดค่อนข้างมีความเงียบสงบหากเทียบกับเมืองอื่น ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยแหล่งท่องเที่ยวในเมืองมีทั้งคาเฟ่สวยให้เราถ่ายรูป เหมืองแก้วน้ำที่เป็นเหมือนหุบเขาพร้อมกับน้ำใสสะอาดจนเห็นพื้นด้านล่าง มีแพให้นั่งถ่ายรูปกลางน้ำ สวนดอกไฮเดรนเยียเป็นสวนดอกไม้ระรานตา และพลาดไม่ได้เลยคือ Lam Vien Square สถาปัตยกรรมรูปทรงสุดแปลก ไม่ว่าใครก็จะต้องแวะเวียนมาถ่ายรูปกัน

5. ญาจาง

เมืองญาจางน่าจะเป็นที่ค่อนข้างสำหรับวัยรุ่นหรือคนที่เพิ่งหัดเที่ยวเวียดนามเป็นครั้งแรก เนื่องจากการเดินทางค่อนข้างง่าย มีตั๋วไทยไปยังเมืองญาจางแบบไม่ต้องต่อเครื่องให้ปวดหัว ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ประมาณ 2 เกือบ 3 ชั่วโมงเท่านั้น รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวก็เพรียบพร้อมมากทั้ง วัด, โบสถ์, ปราสาทเก่า, สวนสนุก, ตลาด และชายหาดที่สวยไม่แพ้ใคร ในขณะเดียวกันค่าครองชีพก็ไม่ได้แพงครับ ไม่ต้องสำรองเงินเยอะ ทั้งนี้ยังมีข่าวดีสำหรับคนที่รักอาหารทะเลด้วยครับเพราะทั้งสดและราคาไม่แรงเลยกินกันได้เต็มที่แบบสบายกระเป๋า

6. มุยเน่

หลังจากแนะนำภูเขากับทะเลกันไปแบบฉ่ำ ๆ แล้ว ก็มาเปลี่ยนบรรยากาศมาพูดถึงทะเลทรายกันบ้าง ซึ่ง ‘มุยเน่’ ถือเป็นที่พูดถึงในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว เนื่องจากความใหญ่และความสวยมาเป็นอันดับแรก ๆ ถ้าสังเกตจะเห็นเลยว่าเฉดสีของทรายมีทั้งขาวและแดงเป็นหลัก แต่ในข้อมูลได้บอกว่าทะเลทรายของมุยเน่มีมากถึง 18 เฉดสี ไม่ว่าจะถ่ายด้วยมุมไหนหรือกล้องอะไรก็ดูสวยทั้งหมด ใครชอบอัพเดทภาพในโซเชียลต้องรักมุยเน่แน่นอน นอกจากทะเลทรายที่เป็นไฮไลท์สำคัญของมุยเน่แล้ว ยังมีวิวแกรนด์แคนยอนและลำธารนางฟ้าซึ่งมีสายน้ำยาวกว่า 20 เมตร สามารถเดินลงไปแช่เท้ากันแบบชุ่มฉ่ำ

7. พระราชวังเว้

พระราชวังเว้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้กษัตริย์ในยุคสมัยนั้นประทับ สาเหตุที่ราชวังตั้งชื่อว่าพระราชวังต้องห้ามก็เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้คนทั่วไปเข้ามาด้านในโดยไม่ได้รับอนุญาต คนที่เข้ามาได้มีเพียงแค่คนถวายตัวเพื่อรับใช้ทำงานเท่านั้น โดยเหตุของการแนะนำให้มาเที่ยวพระราชวังเว้ก็เพราะเราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ระดับโลก เนื่องจากพระราชวังเว้ได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ อีกทั้งสถาปัตยกรรมของราชวังค์มีกลิ่นอายของตะวันตกผสมกับความเป็นตะวันออกซึ่งดูลงตัวมาก ๆ นอกจากนี้บริเวณรอบราชวังเองก็มีต้นไม้และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่กลมกลืนไปกับราชวังค์ได้เป็นอย่างดี เมื่อเดินเข้าไปแล้วเหมือนกับย้อนอดีตกลับไปหลายร้อยปีก่อน ถ้าให้ได้ฟิลแนะนำให้เช่าชุดราชวงค์เวียดนามเข้าไปด้วยจะได้ถ่ายรูปและอินมากขึ้น

8. อุทยานแห่งชาติบาเบ๋

อุทยานแห่งชาติบาเบ๋เป็นสถานที่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นแบบ 100% ถ้าให้นับเวลาคงนานนับ 200 ล้านปีก่อนเลยทีเดียวครับ เมื่อเข้าไปด้านในอุทยานคุณจะเห็นวิวภูเขาเรียงรายสูงต่ำกันอย่างสวยงามเหมือนกับหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ในขณะเดียวกันด้านในก็บ้านของชาวบ้านและการเกษตรที่กลมกลืนไปธรรมชาติอย่างสวยงาม แต่ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือทะเลสาบบาเบ๋ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุด โดยเราสามารถใช้บริการนั่งเรือชมวิวแม่น้ำและถ้ำกับชาวบ้านได้ อีกทั้งด้านในก็มีที่พักสวย ๆ ให้เราค้างคืนอีกด้วยครับ

9. เกาะกั๊ตบา

ถึงแม้ว่าประวัติของเกาะกั๊ตบาอาจเศร้าสักหน่อย เนื่องจากในอดีตมีการลอบสังหารคนในราชวงศ์ Tran ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้หญิง โดยฆาตรกรได้ทิ้งศพลงทะเลจนร่างของทั้ง 3 ท่านลอยเกยบริเวณเกาะดังกล่าว จนถึงวันหนึ่งชาวบ้านมาเห็นเข้าเลย ดังนั้นจึงมีการตั้งชื่อเกาะว่า ‘กั๊ตบา’ ที่แปลว่า ‘ผู้หญิง’ หลังจากนั้นเกาะก็มีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กของการเที่ยวในเวียดนามไปแล้วเรียบร้อย ทั้งนี้บนเกาะก็มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำบริเวณชายหาดหรือจะพายเรือคายัคสนุก ๆ ก็ได้ สามารถนั่งเรือไปเยี่ยมชมหมู่บ้านกลางแม่น้ำและเที่ยวตามเกาะเล็ก ๆ ซึ่งมีเกาะลิงที่น่าไป เหมาะแก่การชมวิวพระอาทิตย์ตกและชมลิงธรรมชาติบนเกาะ

10. โฮจิมินห์

‘โฮจิมินห์’ น่าจะเป็นเมืองที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะมันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 1 ของประเทศเวียดนาม สิ่งที่โดดเด่นและทำให้ทราบได้ทันทีว่าคือโฮจิมินห์คือตึกราบ้านช่องมีกลิ่นอายของตะวันตก มีความเป็นฝรั่งเศสผสมผสานกับวัฒนธรรมของชาวบ้านซึ่งดูสวยงามและเข้ากันได้แบบไม่น่าเชื่อ เอาเป็นว่าเตรียมกล้องเอาไว้ให้ดี ๆ เพราะแลนด์มาร์กสวย ๆ เยอะมาก อย่างเช่น ไปรษณีย์กลางไซง่อนที่ดีไซน์ออกมาในสไตล์หอไอเฟลฝรั่งเศส เห็นครั้งแรกแล้วเหมือนอยู่ในฝรั่งเศสเลยครับ รวมไปถึงบริเวณนั้นก็ยังมีโบสถ์ไซง่อนนอร์เทรอดามที่ถูกสร้างขึ้นในสมัย 1959 ที่ไม่ว่าใครก็จะต้องแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายความสวยงามกลับบ้าน และอีกหนึ่งที่ที่ควรไปคือวิวแม่น้ำไซง่อนในช่วงเย็น เพราะคุณจะเห็นวิวแม่น้ำตัดกับความสวยงามของแสงไฟในตัวเมือง ถ้าหากพูดถึงเรื่องวิวในเมืองโฮจิมินห์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

11. ถ้ำซันดอง

ถ้ำซันดองเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์หรือพูดง่าย ๆ ว่าสายลุยครับ เนื่องจากการเข้าไปค่อนข้างจะลาดชันและต้องเข้าไปในป่า อาจต้องปีนเขาและเดินทางไกลเล็กน้อย ดังนั้นก่อนมาแนะนำให้เตรียมร่างกายให้ดี แต่หากแลกกับความสวยงามของธรรมชาติด้านในแล้วต้องบอกว่าคุ้มค่ากับการลงทุนมากเลยครับ โดยด้านในมีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่ความสวยงามตระการตาเหมือนกับการออกแบบด้วยนักสถาปัตยกรรมระดับโลก มีแม่น้ำสีเขียวมรกตให้เราได้พายเรือชม มีแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านถ้ำส่องแสงสว่างให้เห็นความตระการตาของธรรมชาติแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน การปีนเข้าไปจะมีความยากทั้งหมด 6 ระดับ ยิ่งไปลึกยิ่งสวยเหมือนกับอยู่ในสวรรค์ แต่อย่างไรก็ดีก่อนไปจะต้องจองคิวกันยาวข้ามปีเลยนะครับ เพราะถ้ำจำกัดนักท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์อันสวยงามเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะรอนานแต่คุ้มค่ากับการไปสุด ๆ

12. เกิ่นเทอ

เกิ่นเทอเหมาะกับคนที่รักความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายยังคงวัฒนธรรมอันคลาสสิกเอาไว้ โดยเกิ่นเทอเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของเวียดนาม ซึ่งไฮไลท์ของเมืองจะเป็นตลาดน้ำที่ผู้คนในเมืองมีการทำมาค้าขายกันทางน้ำ มีอาหารท้องถิ่นให้เลือกกินเยอะมากอีกทั้งเป็นรสชาติที่คนไทยกินได้สบาย ๆ และบริการเช่าเรือล่องแม่น้ำอีกด้วยครับ ใครเป็นสายชิล ๆ น่าจะชอบกัน นอกจากนี้ในเมืองยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น วัดสไตล์จีน, บ้านโบราณนานกว่า 100 ปี, ตัวเมืองที่มีสะพานไฟสวย ๆ ในยามค่ำคืน และคาเฟ่ที่เสิร์ฟของหวานอร่อยให้รู้สึกสดชื่นตลอดทั้งวัน ถือเป็นตัวเลือกอีกที่หนึ่งที่น่าไปครับ