แม้ว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามเราทุกคนก็ไม่ควรจะเมินเฉยกับปัญหาเหล่านี้ หากคุณติดตามข่าวสารอยู่ตลอดจะพบว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่เคยหายไปไหนเลยค่ะ มันมีแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกวันจนสร้างความเดือนร้อนให้แก่ผู้คนในพื้นที่ อย่างทางภาคเหนือที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงกว่า 600 µg/m³ ซึ่งเป็นค่าที่เกินกว่าเครื่องวัดคุณภาพอากาศจะประเมินได้ ตัวเลขที่สูงเช่นนี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

หากคุณยังต้องทนอยู่ร่วมกับฝุ่น PM2.5 ต่อไป โดยไม่มีการวางแผนรับมือกับใด ๆ ท้ายที่สุด คุณอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้เลยนะคะ (9) ด้วยสาเหตุนี่เองจึงทำให้ “เครื่องฟอกอากาศ“ กลายเป็นสินค้าขายดีที่สุดในขณะนี้ จนถึงกับขาดตลาดไปเลย แม้ว่าเราจะพยายามลองประดิษฐ์เครื่องฟอกอากาศ DIY แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองแล้ว แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่ใช้กำจัดฝุ่น PM2.5 ภายในบ้านให้สะอาดปลอดภัยได้อย่างหมดจด ดังนั้นเราขอแนะนำ “เครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศ” ที่จะช่วยดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศได้ โดยที่ยังคงทำหน้าที่มอบความเย็นพร้อมกันไปด้วย

เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาอ่านรีวิวแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศที่ดีที่สุด ขอปีนี้ กันเลยค่ะ !!
แอร์ระบบฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี
- แอร์ระบบฟอกอากาศ สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน: เครื่องปรับอากาศ Carrier Inverter รุ่น COPPER 11 (WIFI)
- แอร์ระบบฟอกอากาศ ที่มีระบบกรองอากาศหลากหลาย: เครื่องปรับอากาศ TOSHIBA Inverter รุ่น PM CLEAR
- แอร์ระบบฟอกอากาศเหมาะสำหรับใช้งานไม่บ่อย: เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Electric KX Series รุ่น Happy Inverter
- แอร์ระบบฟอกอากาศลดฝุ่นช่วยยับยั้งพวกแบคทีเรีย: เครื่องปรับอากาศ DAIKIN Max Inverter KQ Series
- แอร์ระบบฟอกอากาศ มีแผ่นฟอกอากาศ 4 ชั้น: เครื่องปรับอากาศ Hisense T Series (TU / TR)
![]() เครื่องปรับอากาศ Carrier Inverter รุ่น COPPER 11 (WIFI) | ![]() เครื่องปรับอากาศ TOSHIBA Inverter รุ่น PM CLEAR | ![]() เครื่องปรับอากาศ DAIKIN Max Inverter KQ Series | ![]() เครื่องปรับอากาศ Hisense T Series (TU / TR) |
ระบบฟอกอากาศในแอร์ คืออะไร ?
ระบบฟอกอากาศในแอร์นั้นเป็นการทำให้อากาศภายในห้องของคุณทั้งเย็น, สะอาด, บริสุทธิ์ และสดชื่น ทั้งยังสามารถควบคุมอุณหภูมิความชื้นและคุณภาพอากาศภายในห้องได้ มันจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของคุณดีกว่าเดิมแน่นอนค่ะ อย่างน้อย ๆ สำหรับใครที่เป็นโรคภูมิแพ้, โรคหอบหืด หรือหายใจไม่ค่อยสะดวก แอร์ที่มีระบบฟอกอากาศเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณสามารถรับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างไม่มีข้อกังขา
ระบบฟอกอากาศในแอร์ มีอะไรบ้าง ?
การดักฝุ่นด้วย : แผ่นกรอง
การใช้แผ่นกรองอากาศในการดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนในอากาศซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ โดยอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่ารูเส้นใยของแผ่นกรองจะถูกดักจับไว้หมด ซึ่งในเครื่องปรับอากาศบางรุ่นอาจจะใส่แผ่นกรองอากาศนี้มากกว่า 1 ชั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคุณจะต้องเปลี่ยนแผ่นกรองหรือทำความสะอาดเมื่อหมดอายุการใช้งานด้วยนะคะ

ชนิดของแผ่นกรองอากาศที่นิยมใช้ในเครื่องปรับอากาศ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ |
|
แผ่นกรองแบบหยาบ | แผ่นกรองแบบหยาบเป็นแผ่นกรองที่มักจะอยู่ด้านหน้าตัวกรองอื่น ๆ เพื่อช่วยทำให้แผ่นกรองชั้นอื่นไม่ต้องทำงานหนักเกินไป (ช่วยยืดอายุการใช้งานของแผ่นกรองแบบละเอียด) แผ่นกรองแบบหยาบโดยส่วนใหญ่จะใช้ดักจับฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้บ่อยเท่าที่ต้องการ (5) |
แผ่นกรองคาร์บอน | แผ่นกรองคาร์บอนเป็นตัวกรองที่ช่วยดูดซับกลิ่นโดยเฉพาะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยพบในเครื่องปรับอากาศมากนัก |
แผ่นกรองแบบละเอียด | แผ่นกรองแบบละเอียด หรือ Micro Filter เป็นตัวกรองที่ทำจากใยแก้วที่มีโครงสร้างที่หนาแน่นมาก ๆ สามารถของมันเหมาะสำหรับใช้ดักจับฝุ่นละอองอนุภาคขนาดเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็น โดยส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มากที่สุดจะเป็นแผ่นกรอง HEPA |
แผ่นกรอง HEPA ดีอย่างไร ? (1-3)
High Efficiency Particulate Air Filter ระบบฟอกอากาศในแอร์ โดยส่วนใหญ่มักนิยมใช้ตัวกรอง HEPA เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มันช่วยกำจัดสิ่งสกปรกอนุภาคขนาดเล็กออกจากอากาศได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการกรองฝุ่นละออง, เกสรของดอกไม้, เชื้อรา, เชื้อแบคทีเรีย, สปอร์ของเชื้อรา, ไรฝุ่น, เส้นขนของสัตว์เลี้ยง, เขม่าจากรถยนต์ และควันต่าง ๆ
ตัวกรอง HEPA สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.01 ไมครอนได้ ในส่วนของอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนนั้นมีประสิทธิภาพในการทำงานอยู่ที่ 99.97% ถือว่าเป็นตัวกรองที่มีความละเอียดมาก ๆ
อย่างไรก็ตามโปรดทราบไว้ว่า แผ่นกรอง HEPA จะมีอายุตามการใช้งานจริง หากพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่มีปัญหาเรื่องฝุ่นละอองสูงเป็นพิเศษ พยายามตรวจเช็กและเปลี่ยนแผ่นกรอง HEPA บ่อย ๆ ด้วยนะคะ ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นกับแผ่นกรอง HEPA สำหรับการนำมาใช้ซ้ำ เนื่องจากประสิทธิภาพในการกรองอากาศจะลดลง ควรซื้อแผ่นกรอง HEPA แล้วเปลี่ยนใหม่เท่านั้นค่ะ
การดักฝุ่นด้วย : ไฟฟ้าสถิต (ESP) (6)
Electrostatic Precipitator เป็นการใช้หลักการของประจุไฟฟ้าในการดักจับฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศ การทำงานของ ESP นั้นง่ายมาก มันจะสร้างประจุไฟฟ้าให้ไปเกาะที่ฝุ่นละออง จากนั้นก็ใช้แรงไฟฟ้าสถิตดูดอนุภาคฝุ่นที่มีประจุตรงข้ามเข้ามา แล้วจึงทำการจับแยกอีกครั้ง ซึ่งวิธีแบบ ESP จะเก็บฝุ่นไว้ในแผ่นเก็บฝุ่นหรือที่เรียกว่า Collecting Plate เพื่อให้คุณสามารถนำแผ่นเก็บฝุ่นนี้ไปกำจัดได้อย่างสะดวกในขั้นตอนต่อไป

การดักฝุ่นด้วย : ไอออนไนซ์ (7)
ไอออนก็คืออนุภาคมีประจุมันถูกสร้างขึ้นจากภายในเครื่องปรับอากาศ และปล่อยออกมาเพื่อดักจับหรือสลายอนุภาคมลพิษต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้องของคุณ ไอออนพวกนี้จะกระจายไปทั่วห้อง โดยมีวิธีที่ทำให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์อยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
- การปล่อยประจุไฟฟ้าให้ไปเกาะติดกับสารก่อมลพิษ จากนั้นก็สลายตัวด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชัน
- การทำให้สารก่อมลพิษเหล่านั้นกลายเป็นประจุลบก่อน จากนั้นเครื่องปรับอากาศก็จะดูดเข้าไปเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นประจุบวกอีกที
- ทำให้สารก่อมลพิษเกิดการตกตะกอนและเกาะอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ซึ่งคุณสามารถทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นหรือใช้ผ้าชุบน้ำเพื่อเช็ดออกก็ได้ค่ะ
ตัวกรอง “ไอออไนเซชัน” จะสามารถกำจัดฝุ่นควันอนุภาคขนาดเล็กได้บางส่วนเท่านั้น หน้าที่หลักจริง ๆ ของก็คือการกำจัดฝุ่นแบบทั่วไป, สปอร์ของเชื้อรา, กลิ่น, สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรคค่ะ
|
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบไว้ก็คือการดักฝุ่นด้วย “ไฟฟ้าสถิต” และ “ไอออนไนซ์” สามารถผลิตโอโซนได้ แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ในระยะยาวหากห้องของคุณไม่มีการระบายอากาศออกเลยสักครั้ง ระดับโอโซนที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในที่สุด
ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณโรคหอบหืดหรือปัญหาเกี่ยวกับปอดคุณควรหลีกเลี่ยงวิธีดักฝุ่นเหล่านี้ไปเลยค่ะ แนะนำให้ใช้แบบแผ่นกรองอากาศแทนจะดีกว่า เพราะว่าไม่มีการผลิตโอโซน (8) |
เครื่องฟอกอากาศ vs เครื่องปรับอากาศแบบปกติ

เครื่องฟอกอากาศ
- หน้าที่หลักของเครื่องฟอกอากาศคือการกำจัดอนุภาคในอากาศและสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจและความเจ็บป่วย ซึ่งรวมถึงสิ่งสกปรกทั่วไปในอากาศ อาทิเช่น ละอองเกสรดอกไม้, ฝุ่น, ขนสัตว์เลี้ยง, แบคทีเรีย, เชื้อรา, ควัน, ไวรัส และกลิ่นทุกชนิด
- เครื่องฟอกอากาศมีสองประเภทใหญ่ ๆ ที่ใช้ได้แก่ ตัวกรอง HEPA และการสร้างประจุไอออน เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA จะหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ผ่านแผ่นกรองที่ดักจับมลพิษทางอากาศไว้ในตัวกรองทั้งหมด เครื่องสร้างประจุไอออนจะปล่อยไอออนออกไปในอากาศเพื่อที่จะไปยึดติดกับสิ่งปนเปื้อนในอากาศต่าง ๆ และทำให้มันตกลงสู่พื้น นอกจากนี้เครื่องฟอกอากาศบางชนิดมีตัวกรองคาร์บอน ซึ่งออกแบบมาเพื่อกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
- เครื่องฟอกอากาศไม่สามารถขจัดความชื้นออกจากอากาศได้ พวกเขาเพียงกรองอากาศที่มีอยู่ เพื่อให้มันสะอาดเท่านั้น

เครื่องปรับอากาศแบบปกติ
- ใช้เพื่อทำให้สภาพแวดล้อมภายในห้องให้เย็นลง เป็นการปรับอากาศ ช่วยควบคุมอุณหภูมิ และระดับความชื้นภายในห้องของคุณ
- เครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่มาพร้อมกับความสามารถในการทำอากาศให้สะอาดบริสุทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมันไม่ใช่ฟังก์ชันหลักของพวกเขา
เห็นถึงข้อแตกต่างกันไปแล้วนะคะสำหรับเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศแบบปกติ แล้วถ้าเราสามารถรวม 2 เครื่องนี้ไว้ในเครื่องเดียว มันจะดีสำหรับเรามากขนาดไหน มาดูกันค่ะ
ข้อดีของ ระบบฟอกอากาศในแอร์
- ทำความสะอาดอากาศภายในห้องโดยกำจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศอาทิเช่น สารก่อภูมิแพ้, เชื้อโรค, ควัน และกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารเย็นลง และช่วยลดความชื้น
- ปรับปรุงคุณภาพอากาศโดยรวม และนำไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน อย่างไรก็ตามมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดและผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้
- สร้างสภาพแวดล้อมภายในห้องที่เย็นและสะดวกสบาย มีการฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจที่ไม่สามารถจัดการกับระดับความชื้นสูงได้
- หากคุณมีแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศภายในตัว คุณจะไม่ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศกับเครื่องปรับอากาศได้ไปพร้อม ๆ กันให้สิ้นเปลืองพลังงาน หรือต้องสิ้นเปลืองเงินในการซื้อทั้งเครื่องเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศ
วิธีการเลือกซื้อแอร์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด
สำหรับวิธีการเลือกซื้อแอร์นั้นเราขอสรุปง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
- แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดค่าไฟมากกว่าแอร์ทั่วไป
- ขนาด BTU ของแอร์แต่ละรุ่นแต่ละตัวจะมีค่าไม่เท่ากัน พยามเลือกขนาดที่เหมาะสมกับห้องของคุณมากที่สุด ไม่จำเป็นว่าแอร์ที่ดีจะต้องมี BTU สูง ๆ เสมอไป
- พยายามเลือกค่า EER หรือ SEER ยิ่งสูงยิ่งดี
- เลือกแอร์ที่มีสัญลักษณ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

เครื่องปรับอากาศ Carrier Inverter รุ่น COPPER 11 (WIFI)

ราคา 13,999 บาท*
สำหรับเครื่องปรับอากาศรุ่นนี้จะคล้ายกับ Carrier COPPER 10 แต่มีความพิเศษเพิ่มมาอีกหน่อยตรงที่มันสามารถสั่งงานผ่าน WIFI ได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถสั่งงานผ่านสามาร์ทโฟนได้ทันที ในส่วนของคุณสมบัติการทำความเย็นนั้นถือว่าใช้เวลาไม่นาน ตัวเครื่องควบคุมทิศทางอากาศได้ทั่วทุกมุมห้อง ทั้งยังมีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติและทำงานได้เงียบมาก ๆ ที่สำคัญคือมีการใช้แผ่นกรอง PM2.5 สำหรับคอยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กด้วยค่ะ
สรุป
- สั่งงานผ่าน WIFI / ผ่านเสียง
- รับรองการประหยัดพลังงานเบอร์ด้วยฉลากเบอร์ 5
- มีการใช้แผ่นกรองอากาศป้องกันฝุ่น PM2.5
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9200 / 12100 / 15000 / 18000 / 20400 / 25200 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ TOSHIBA Inverter รุ่น PM CLEAR

ราคา 10,999 บาท*
สรุป
- ประหยัดพลังงานด้วยค่า SEER 17.45 BTU/hr/W
- มีระบบช่วยกรองอากาศที่หลากหลายที่แบบปล่อยประจุและแบบแผ่นกรอง
ขนาด BTU | 8500 / 11900 / 17000 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Electric KX Series รุ่น Happy Inverter

ราคา 16,746 บาท*
ใครที่มีงบประมาณจำกัดแต่อยากได้เครื่องปรับอากาศที่มีฟังก์ชันใช้งานครบทั้งโหมดเย็นเร็ว, โหมดนอนหลับ, ระบบกรองฝุ่น PM2.5 รวมถึงมีความแข็งแรงทนทาน เราขอแนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศในตัว แถมยังมีราคาถูกที่สุดในแบรนด์ Mitsubishi หากให้เทียบกับ รุ่น Eco-Eye Inverter หรือ รุ่น Super Inverter แล้ว รุ่น Happy Inverter อาจจะประหยัดไฟได้น้อยกว่า แต่ราคาซื้อถูกกว่าอีกสองรุ่นมาก ๆ ดังนั้นรุ่น Happy Inverter จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยใช้แอร์บ่อย ๆ ค่ะ
สรุป
- ประหยัดพลังงานด้วยค่า SEER 17.47 Btu/h/W
- มีการใช้ Filter PM2.5 สำหรับดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9212 / 12283 / 15013 / 17742 / 22519 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ DAIKIN Max Inverter KQ Series

ราคา 14,399 บาท*
สรุป
- ประหยัดพลังงานด้วยค่า SEER 17.49 Btu/h/
- มีการใช้แผ่นกรองอากาศป้องกันฝุ่นและเชื้อรา PM2.5 + Enzyme Blue
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9200 / 12300 / 15000 / 18100 / 20500 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ Hisense T Series (TU / TR)

ราคา 11,010 บาท*
สรุป
- มีแผ่นฟอกอากาศ 4 ชั้น
- มีการปล่อยประจุไอออน Cold Plasma
หมายเหตุ : รุ่น TR และ TU เหมือนกันทุกอย่าง จะต่างกันแค่ดีไซน์ สำหรับ TU เป็นรุ่นใหม่กว่า
ขนาด BTU | 9500 / 12200 / 18500 / 23500 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ TOSHIBA Inverter รุ่น GEN-Z

ราคา 12,999 บาท*
เครื่องปรับอากาศจากแบรนด์ Toshiba รุ่น Gen-Z เป็นแอร์ระบบ Inverter ที่ช่วยประหยัดพลังงาน สามารถทำความเย็นได้ดี ปรับความแรงของลมได้ถึง 5 ระดับ มาพร้อมกับโหมดส่งลมอัตโนมัติ ในส่วนของระบบกรองอากาศก็มีแผ่นกรอง MP2.5 สำหรับดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ช่วยทำให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบทำความสะอาดตัวเองอัตโนมัติ และมีการใช้ Aqua Resin สำหรับลดการจับตัวของคราบสกปรกและฝุ่นละอองบนผิวคอยล์เหมือน TOSHIBA รุ่น PM CLEAR เลยค่ะ
สรุป
- ประหยัดพลังงานด้วยค่า SEER 16.45 BTU/hr/W
- มีระบบช่วยกรองอากาศแบบแผ่นกรอง MP2.5
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9200 / 12100 / 15000 / 18000 / 20400 / 25200 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ Carrier Inverter รุ่น COPPER 10

ราคา 12,999 บาท*
สรุป
- การันตีการประหยัดพลังงานเบอร์ด้วยฉลากเบอร์ 5
- มีการใช้แผ่นกรองอากาศป้องกันฝุ่น PM2.5
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9200 / 12100 / 15000 / 18000 / 20400 / 25200 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Electric GT Series รุ่น Super Inverter

ราคา 19,800 บาท*
Mitsubishi ซีรีส์ GT รุ่น Super Inverter จะมีความคล้ายกับ Mitsubishi ซีรีส์ XT รุ่น Eco-Eye หลายอย่างมากค่ะ เพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นแอร์ระบบ Inverter เหมือนกัน ในส่วนของระบบฟอกอากาศก็ใช้เป็นแผ่นกรอง PM2.5 เช่นเดียวกัน สิ่งต่างกันก็คือซีรีส์ XT รุ่น Eco-Eye จะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับว่ามีคนอยู่ในห้องไหม ? เพื่อจะได้ปิดเครื่องอัตโนมัติหรืออาจเข้าสู่โหมดประหยัดไฟ ในขณะที่ซีรีส์ GT รุ่น Super Inverter นั้นไม่มีเซนเซ็นอัจริยะตัวนี้ แต่ข้อดีก็คือมีค่า SEER ที่สูงกว่า ดังนั้นจึงช่วยประหยัดไฟได้มากกว่านั้นเองค่ะ หากคุณเป็นคนที่มักลืมปิดแอร์บ่อย ๆ แนะนำให้ซื้อรุ่น Eco-Eye Inverter ค่ะ เพราะจะช่วยคุณประหยัดไฟจากพฤติกรรมลืมปิดแอร์ได้ แต่ถ้าคุณอยากได้แอร์ที่ประหยัดในแง่ของการทำงานจริง ๆ แนะนำรุ่น Super Inverter ค่ะ
สรุป
- ประหยัดพลังงานด้วยค่า SEER 21.80 Btu/h/W
- มีการใช้ Filter PM2.5 สำหรับดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9554 / 12624 / 14330 / 17742 / 22519 / 27978 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ TCL Fixed Speed New Miracle Series

ราคา 8,990 บาท*
สรุป
- ราคาไม่แพง
- เป็นเครื่องปรับอากาศชนิด Non-Inverter ที่มีค่า SEER 13.51 BTU/wh
- มีระบบช่วยกรองอากาศที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9000 / 12000 / 18000 / 24000 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ LG DUAL Cool Pro รุ่น ICL

ราคา 11,730 บาท*
สรุป
- ประหยัดไฟ ทนทาน ทำงานเงียบ
- มีการใช้แผ่นกรองฝุ่นละออง PM 2.5
- ออกแบบแผงวงจรที่ทนทานต่อไฟตกหรือไฟกระชาก
ขนาด BTU | 8800 / 12000 / 18000 / 24000 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Electric XT-Serie รุ่น Eco-Eye Inverter

ราคา 19,956 บาท*
สรุป
- มีโหมดประหยัดพลังงานด้วยเซนเซอร์อัจริยะ
- มีการใช้ Filter PM2.5 สำหรับดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ขนาด BTU | 9554 / 12624 / 17742 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
ระบบกรองอากาศ | |
Inverter |
เครื่องปรับอากาศ DAIKIN Max Inverter KM Series

ราคา 18,810 บาท*
สำหรับเครื่องปรับอากาศจาก DAIKIN ซีรีส์ KM รุ่นนี้มีความพิเศษที่ต่างจาก DAIKIN ซีรีส์ KQ ตรงที่มีเซนเซอร์อินฟาเรดตรวจจับการเคลื่อนไหว โดยจะปรับอุณหภูมิขึ้น 2 องศาเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหว 20 นาที ในส่วนของโหมดการทำงานขั้นพื้นฐานก็มีมาให้ครบเลยค่ะ แต่ที่พิเศษขึ้นอีกระดับก็คือทางแบรนด์ได้ใช้ STREAMER สำหรับปล่อยประจุพลาสม่าออกมาเพื่อยับยั้งเชื้อโรคบนแผ่นกรองด้วย โดยจะมีแผ่นกรองอากาศทั้งแบบเอนไซม์บลูและแบบ PM 2.5 ที่สำคัญตัวนี้ค่อนข้างประหยัดพลังงานได้ดีกว่า DAIKIN ซีรีส์ KQ เรียกว่ายอมจ่ายราคาสูงหน่อยในครั้งแรก แต่คุ้มค่าต่อการใช้งานในระยาวมากค่ะ
สรุป
- ประหยัดพลังงานด้วยค่า SEER 20.13 Btu/h/W
- มีการใช้แผ่นกรองอากาศป้องกันฝุ่นและเชื้อรา PM2.5 + Enzyme Blue
- มีการใช้ระบบปล่อยประจุพลาสม่า
- มีตัวเลือกขนาด BTU ที่หลากหลาย
ขนาด BTU | 9200 / 12300 / 15000 / 18100 / 24200 BTU |
---|---|
ฉลากเบอร์ 5 | |
Inverter | |
ระบบกรองอากาศ |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
แอร์ที่มีแผ่นกรองอากาศทั่วไป ช่วยกรองฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เครื่องปรับอากาศทุกเครื่องจะมีแผ่นกรองฝุ่นในตัว เพื่อช่วยดักจับฝุ่นละอองในอากาศก่อนที่มันจะเข้าไปในเครื่องปรับอากาศ ดังนั้นจุดประสงค์หลักของแผ่นกรองอากาศพวกนี้ทำออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปอุดตันภายในเครื่องปรับอากาศ หรือจะเรียกว่ายืดอายุการใช้งานให้เครื่องปรับอากาศก็ได้ค่ะ

ในกรณีที่ห้องของคุณเต็มไปด้วยฝุ่นควันที่มีอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ แผ่นกรองที่ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องปรับอากาศจะช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ช่วยได้ 100% เหมือนเครื่องฟอกอากาศ นอกจากนี้ตัวแผ่นกรองอากาศจะต้องได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่มันจะได้กรองอากาศให้สะอาดชื่นและทำให้อากาศไหลเวียนได้ง่ายขึ้น ช่วยทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ติดตั้งแผ่นกรองอากาศเสริมในเครื่องปรับอากาศได้หรือไม่ ?
เราจะเห็นว่าปัจจุบันนี้มีหลาย ๆ ร้านค้าที่ทำแผ่นกรองอากาศสำหรับใช้กับเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะมาขาย โดยทางร้านจะระบุว่าแผ่นกรองทำงานร่วมกับเครื่องปรับอากาศได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ อย่างไรก็ตามโปรดระมัดระวังแผ่นกรองอากาศดังกล่าว แม้ว่าจะมีการกรองอากาศให้สะอาดตามที่กล่าวอ้างได้ แต่อย่าลืมว่าการใช้ชิ้นส่วนอื่นที่ไม่ได้มาจากแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศโดยตรงอาจทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศทำงานได้ลดลง ขั้นร้ายแรงที่สุดคือเครื่องปรับอากาศของคุณอาจจะเกิดความเสียหายหรือพังได้ ซึ่งในกรณีนี้อาจจะไม่ได้อยู่เงื่อนไขของการรับประกันสินค้า
หลายคนเลือกที่จะใช้แผ่นกรองอากาศมาติดในตัวแอร์ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องได้รับการดูแลอยู่ตลอดรวมถึงคุณจะต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเหล่านี้เป็นประจำเพื่อสุขลักษณะอนามัยที่ดี อีกทั้งมันยังส่งผลให้แอร์ของคุณกินพลังงานไฟฟ้ามากกว่าเดิมอีกด้วย
สิ่งที่สำคัญนั้นก็คือแผ่นกรองเหล่านี้แค่ช่วยกรองและดับจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่เท่านั้น แต่มันไม่สามารถดักจับกลิ่นไม่พึงประสงค์, ดักจับเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียที่มีขนาดเล็ก ๆ ได้ดีเท่ากับแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศภายในแน่นอนค่ะ เพราะประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคในแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศมักจะสามารถดักจับอนุภาคในขนาดที่เล็กมาก ๆ ได้ดีกว่านั่นเองค่ะ
วิธีปกป้องบ้านของเราไม่ให้มี ฝุ่น PM2.5
“หากสภาพอากาศไม่มีเปลี่ยนแปลงหรือไม่มีฝนตกในปริมาณที่มาก ฝุ่นละออง PM2.5 จะยังอยู่กับเราต่อไปเป็นเวลาหลายวันหรืออาจนานนับสัปดาห์ ระดับฝุ่นละอองที่ยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ทำให้การฉีดน้ำขึ้นบนฟ้าไม่ได้ช่วยให้ PM2.5 ลดลงแต่อย่างใด”
1. ปิดประตู หน้าต่าง อุดรูรั่วที่อากาศสามารถลอดเข้ามาได้
ในเมื่อเราไม่สามารถสั่งฝนสั่งฟ้าได้ตามใจชอบ สิ่งเดียวที่เราจะป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ก็คือการปิดประตูหน้าต่างและอุดรูเล็ก ๆ ต่าง ๆ ที่อากาศสามารถลอดเข้ามาได้ โดยจะต้องมั่นใจแล้วว่าคุณปิดสนิทจริง ๆ
2. ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองชนิด HEPA
หากคุณรู้สึกกว่าอากาศภายในห้องยังไม่สะอาดให้คุณเปิดใช้เครื่องฟอกอากาศ โดยเครื่องฟอกอากาศนั้นจะต้องมีแผ่นกรองชนิด HEPA ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการกรองฝุ่นควันขนาดเล็กค่ะ
3. ใช้เครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศในตัว
หากคุณไม่ต้องการลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศ หรือคุณไม่สามารถหาซื้อได้ในช่วงที่เครื่องฟอกอากาศขาดตลาด เราขอแนะนำให้คุณเปิดเครื่องปรับอากาศ แม้ว่ามันจะอาจช่วยขจัดได้เล็กน้อย เพราะจริง ๆ แล้วเครื่องปรับอากาศไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อกรองฝุ่นควันแต่คุณสมบัติหลักของมันคือการเปลี่ยนอุณหภูมิให้เย็นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศยังช่วยคัดกรองฝุ่นละอองได้มากกว่าในสถานการณ์ที่คุณไม่มีทางเลือกมากนัก อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้อากาศภายในห้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้คุณใช้เครื่องฟอกอากาศควบคู่กับเครื่องปรับอากาศ วิธีนี้จะช่วยคุณได้มากกว่าใช้การเครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศเพียงอย่างเดียวค่ะ
4. การทำความสะอาด
หากควันเข้าไปในบ้านและตกลงบนพื้นและพื้นผิววัตถุอื่น ๆ การทำความสะอาดบ้านจะช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ โดยคุณอาจจะใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA มาช่วยขจัดควันและเขม่าที่เกาะอยู่บนพื้นค่ะ นอกจากนี้หากคุณมีปัญหาเกี่ยวระบบหายใจอยู่แล้ว คุณควรจะดูดฝุ่นและทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ ไม่เพียงแต่ที่พื้นหรือพรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผ้าม่านและเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ด้วยนะคะ
ตัวกรอง HEPA สามารถดักจับเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ได้หรือไม่ ?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าสามารถแพร่ระบาดได้ในอากาศ หากมีละอองหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้ออย่างน้ำลายที่เกิดจากการจาม ไอ หรือพูดคุย ปะปนลอยอยู่ในอากาศช่วงระยะเวลาหนึ่ง สำหรับตัวเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 นั้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.125 ไมครอน หรือประมาณ 125 นาโนเมตร และแน่นอนค่ะว่าตัวกรอง HEPA นั้นมีประสิทธิภาพสามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.01 ไมครอน หรือ 10 นาโนเมตร ขึ้นไปได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นเมื่อเทียบกับขนาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 แล้วถือว่าตัวกรอง HEPA สามารถกรองเชื้อได้นั่นเองค่ะ
แต่บางที่หรือสื่อบางเว็บไซต์ก็มักจะบอกว่าตัวกรอง HEPA นั้นสามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาด 0.3 ไมครอนขึ้นไปได้เท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วถือว่าเป็นข้อมูลที่ยังคลาดเคลื่อน เพราะ NASA Technical Reports Server (NTRS) ได้มีศึกษาตัวกรอง HEPA แล้ว สรุปว่าตัวกรอง HEPA มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็ก 0.01 ไมครอนได้จริง (2)
แต่ช้าก่อนค่ะ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้การันตีว่าระบบฟอกอากาศจะสามารถป้องกันคุณจาก COVID-19 ได้ เพราะการที่เราสามารถรับเชื้อโควิดมาได้นั้น ทาง CDC ได้ออกมายืนยันแล้วว่าการแพร่กระจายจากคนที่ติด COVID-19 มักเกิดจากละอองของระบบทางเดินหายใจของผู้ติดเชื้อที่ไอ, จาม หรือพูดคุย โดยที่อยู่ในระยะใกล้ชิดกันมาก โดยละอองเหล่านี้สามารถกระเด็นไปสัมผัสหรือเข้า ตา, ปาก และ จมูกของเราได้ (3)
ดังนั้นมันจึงค่อนข้างกำจัดความเกี่ยวกับการติดต่อทางอากาศได้ยากพอสมควร เพราะหน้าที่ของตัวกรอง HEPA นั้นก็คือดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็ก ซึ่งขนาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเจ้าตัวกรอง HEPA ก็สามารถดักจับได้ แต่ปัญหาก็คือการติดต่อของ COVID-19 ไม่มีเพียงแต่ทางอากาศ เพราะละอองของผู้ติดเชื้อไม่ได้ลอยปะปนในอากาศอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเครื่องกรอง HEPA อาจจะมีประโยชน์เพียงเล็กน้อยหากคุณต้องการจะใช้มันในการป้องกัน COVID-19 เพราะการป้องกัน COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือการปฏิบัติตามคำแนะนำของ CDC (3) ซึ่งก็คือการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1-2 เมตร, การสวมหน้ากากอนามัย, การล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ, การหลีกเลี่ยงสัมผัสพื้นผิวต่าง ๆ โดยไม่จำเป็น หากมีความจำเป็นต้องจับ เราแนะนำให้คุณทำการฆ่าเชื้อพื้นผิวบริเวณนั้น ๆ ด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไปก่อนนะคะ
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สำหรับเครื่องปรับอากาศที่มีระบบฟอกอากาศในตัวที่เราแนะนำกันไป สำหรับใครที่คิดว่าพื้นที่ในบ้านของตัวเองไม่มีความจำเป็นในการกรองอากาศขนาดนั้น เนื่องจากไม่ได้อาศัยอยู่ในตัวเมืองหรือจังหวัดที่มีค่าฝุ่นหนาแน่น รวมถึงไม่ได้เป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้ใด ๆ และคุณคิดว่าต้องการเพียงแค่เครื่องปรับอากาศธรรมดาเราขอแนะนำ เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดไฟที่สุด, แอร์ฝังเพดาน, แอร์อินเวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องปรับอากาศที่มีขนาด BTU เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก ๆ อย่างคอนโดเพื่อช่วยประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น โดยมีให้เลือกทั้งระบบ Inverter, Heavy-Duty, Hybrid Cooling และบางตัวก็มีฟังก์ชันกรองอากาศแถมมาด้วยให้คุณได้เลือกกัน หรือหากใครต้องการเพียงแค่แอร์เคลื่อนที่ขนาดเล็ก ๆ รวมถึงพัดลมไอเย็นที่เน้นพกพาเคลื่อนย้ายก็ได้เช่นกันค่ะ
นอกจากคุณจะต้องเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับความต้องการแล้วนั้น การดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญเช่นกัน คุณควรล้างทำความสะอาดแอร์บ่อย ๆ ด้วยน้ำยาล้างแอร์บ้านโดยเฉพาะ หากคุณรู้ว่าพื้นที่ในห้องของคุณกว้างเกินไปเมื่อเทียบกับขนาด BTU ของเครื่องปรับอากาศที่ซื้อมา เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป คุณจัดสรรพื้นที่ให้เรียบร้อยโดยอาจจะใช้มุ้งแอร์หรือเต็นท์แอร์เป็นตัวเก็บความเย็นและจำกัดพื้นที่ให้มีขนาดเล็กลงก็ได้ค่ะ 🙂
References :
- Traffic-Related Air Pollution and Cognitive Function in a Cohort of Older Men
- Submicron and Nanoparticulate Matter Removal by HEPA-Rated Media Filters and Packed Beds of Granular Materials
- How COVID-19 Spreads
- Ultra-low particulate air
- ระบบกรองอากาศ โดย รศ.ชูชาติ อารีจิตรานุสรณ์
- Electrostatic precipitator
- Negative Air Ions and Their Effects on Human Health and Air Quality Improvement
- Health Effects of Ozone Pollution
- กรมอนามัย เผย PM2.5 กระทบปอด-เสี่ยงมะเร็ง ควรลดกิจกรรมนอกอาคารเมื่อค่าฝุ่นสูง