เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความเย็นถือว่าเป็นสินค้าที่ขายดีมากในประเทศไทย เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอากาศและอุณหภูมิของบ้านเราเรียกได้ว่าร้อนจนตับแลบ ดังนั้นสินค้าอย่าง พัดลมเพดาน, พัดลมไอน้ำ, พัดลมติดผนัง, พัดลมตั้งโต๊ะ, พัดลมทาวเวอร์, พัดลมไอเย็น หรือแม้แต่ พัดลมพกพา ที่หลายคนต้องพกติดตัวออกไปด้วยเมื่อออกจากบ้าน อย่างไรก็ดีพัดลมก็อาจจะไม่สามารถให้ความเย็นได้เพียงพอต่อสภาพอากาศที่ร้อนเช่นนี้ เพราะในช่วงฤดูร้อนลมจากพัดลมก็อาจทำให้มันกลายเป็นลมไอร้อนที่ปะทะกับเรา ซึ่งจะรู้สึกร้อนกว่าเดิมครับ
โดยสิ่งที่น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดสำหรับการแก้ปัญหานี้คือการซื้อ “เครื่องปรับอากาศ“ หรือ “แอร์” เนื่องจากคุณสมบัติหลักของมันคือการดึงเอาความร้อนภายในห้องออก จากนั้นก็ทำความเย็นปล่อยออกมาให้ภายในห้องมีอุณหภูมิที่เย็นขึ้น ซึ่งด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันก็ทำให้แอร์ในยุคนี้มีฟังก์ชันดี ๆ มากมาย และมีตัวเลือกให้เลือกใช้งานมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นมุ้งแอร์เก็บความเย็น, แอร์เคลื่อนที่, แอร์ฝังเพดาน, แอร์ติดผนังขนาดเล็ก, แอร์ระบบฟอกอากาศ หรือ แอร์ติดระบบอินเวอร์เตอร์
แต่การเลือกแอร์ไม่ได้มีเพียงแค่ฟังก์ชันหรือระบบการทำงานเท่านั้น เพราะคุณจะต้องเลือกจากหน่วยของ BTU ด้วย โดยขนาดที่นิยมกันจะเป็น “เครื่องปรับอากาศ 9000 BTU “ ซึ่งเหมาะกับทั้งห้องนอนในบ้านและคอนโดเป็นอย่างมาก ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากมาแนะนำข้อมูลและสินค้าแอร์ขนาด 9000BTU มาฝากกันครับ
เครื่องปรับอากาศ 9000BTU เหมาะสำหรับห้องขนาดไหน
หลายคนอาจจะตั้งคำถามเกี่ยวกับขนาดของแอร์กันเป็นจำนวนมาก เพราะค่า BTU เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่นัก เพราะมองว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ใกล้ตัวสักเท่าไหร่ แต่บอกได้เลยว่าค่า BTU สำคัญสำหรับการเลือกซื้อแอร์เป็นอย่างมากนะครับ
ทั้งนี้เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรามาทำความเข้าใจถึงความหมายของ BTU กันก่อน โดยตัวย่อนี้จะมาจากคำว่า ‘British Thermal Unit’ หรือ หน่วยความสามารถในการดึงความร้อน ยิ่งแอร์มีค่านี้มากเท่าไหร่แสดงว่าประสิทธิภาพในการทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นมากเท่านั้น
อย่างไรก็ดีการเลือกค่าของ BTU จะต้องสัมพันธ์ไปกับขนาดของห้องด้วยครับ เพราะถ้าหากห้องของเราเล็ก แต่ไปเลือกแอร์ที่มีหน่วยนี้เยอะ ๆ มันจะทำให้เกิดการกินไฟ ชนิดที่บิลค่าไฟมาแต่ละที ทำเอาเจ้าของบ้านแทบจะเป็นลม ในขณะเดียวกันใครที่มีห้องใหญ่แต่เลือกแอร์ที่มีหน่วย BTU น้อย มันก็จะทำให้เครื่องทำความเย็นช้าหรือทำความเย็นได้ไม่เพียงพอ
แต่สำหรับครื่องปรับอากาศที่มีขนาด 9000BTU จะเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาด 9 – 14 ตารางเมตร โดยการเลือกแอร์ไม่ได้มีเพียงแค่หน่วยนี้เท่านั้นนะครับ คุณจะต้องดูสเปคและรายละเอียดในส่วนอื่นด้วย ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

วิธีการเลือกเครื่องปรับอากาศ
1. ค่า EER (Energy Efficiency Ratio)
ค่า Energy Efficiency Ratio หรือตัวย่อที่เรียกว่า ‘EER’ คือประสิทธิภาพที่แอร์สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้ โดยยิ่งมีค่านี้มากเท่าไหร่แสดงว่าแอร์จะประหยัดค่าไฟฟ้าให้กับเราได้มากขึ้นเท่านั้น วิธีการคำนวนก็ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิดกันครับ ซึ่งสูตรการคิดจะมีดังนี้
บีทียู / ชม. ÷ กำลังไฟฟ้า
ยกตัวอย่างเช่น แอร์ 9000 BTU ÷ 700 = 12.85
ดังนั้นค่า EER ของแอร์ตัวนี้จะอยู่ที่ 12.85 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากระดับประสิทธิภาพที่ดีที่สุดควรจะมากกว่า 11.00 ขึ้นไปครับ
2. ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวการันตีเกี่ยวกับเรื่องของค่าไฟให้กับเราได้ดีและมีความน่าเชื่อถือนั่นคือ ฉลากประหยัดไฟ เพราะมันเป็นข้อมูลที่มาจากกระทรวงพลังงานโดยตรง ซึ่งการที่แอร์มีฉลากนี้แสดงว่ามันสามารถช่วยประหยัดไฟให้กับเราได้เป็นอย่างดี เป็นการรับประกันได้ว่าค่า EER ของแอร์มากกว่า 11.00 นั่นเอง ฉะนั้นใครที่ไม่มั่นใจในเรื่องของการคำนวนหน่วย EER ฉลากประหยัดไฟสามารถช่วยคุณได้ครับ
3. เลือกแอร์ที่ใช้น้ำยา R32
หากพูดถึงในเรื่องของน้ำยาแล้ว แน่นอนว่าน้ำยาแอร์ R32 ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เนื่องจากมันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกของเรา ไม่ทำให้เกิดโลกร้อน อีกทั้งยังในแง่ของประสิทธิภาพในการทำความเย็น น้ำยาประเภทนี้ก็ถือว่าทำความเย็นได้ดีมากและประหยัดไฟอีกด้วย
4. อะไหล่หรือวัสดุของเครื่องปรับอากาศ
วัสดุหรืออะไหล่ของเครื่องปรับอากาศควรจะต้องมีความแข็งแรงครับ เพราะมันจะช่วยทำให้แอร์มีระยะการใช้งานที่ยาวนาน ถึงแม้ว่าระบบมอเตอร์ของแอร์จะสำคัญและมีผลต่องระยะใช้งาน แต่เรื่องของวัสดุของแอร์ก็สำคัญไม่แพ้กันเลยครับ
5. ความดังระหว่างเปิดใช้งาน
สิ่งนี้ถือว่าสำคัญมากนะครับ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนยิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าหากแอร์ทำงานเสียงดัง มันจะรบกวนเวลานอนหลับของเรา นอกจากนี้อาจรบกวนในการทำงานด้วย หากคุณนำไปติดตั้งในห้องทำงาน ดังนั้นความดังของแอร์ควรที่จะไม่เกิน 19 เดซิเบล
6. ฟังก์ชันของเครื่อง
แอร์แต่ละรุ่นหรือแต่ละแบรนด์จะมีฟังก์ชันที่ไม่เหมือนกัน โดยบางรุ่นอาจจะมีระบบการทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ ในขณะที่บางรุ่นอาจจะโดดเด่นในเรื่องของการกระจายความเย็นได้ทั่วทิศ ดังนั้นก่อนจะซื้อลองเช็กสเปคหรือรายละเอียดของฟังก์ชันให้ดีก่อนว่ามันเหมาะสำหรับคุณหรือตรงความต้องการหรือไม่
7. ต้องมีประกันสินค้า
ด้วยอะไหล่ของแอร์และตัวสินค้าที่มีราคาค่อนข้างจะแพง ดังนั้นประกันสินค้าถือว่าสำคัญมาก เพราะเมื่อเกิดปัญหาเราจะได้ไม่ได้ต้องเสียเงินหลักพันหรือหลักหมื่นในการซ่อม โดยประกันควรจะมีทั้งในเรื่องของตัวเครื่องและคอมเพรสเซอร์ เพื่อครอบคลุมทุกส่วนของแอร์ครับ
แอร์ AUX เครื่องปรับอากาศติดผนัง รุ่น ASW-09

ราคา 7,290 บาท*
ขนาด BTU | 9000 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | Auto Clean |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | อะไหล่ 5 ปี / คอมเพรสเซอร์ 10 ปี |
OTOKO Air ConditIoner Fixed Speed แอร์บ้านเครื่องปรับอากาศติดผนัง

ราคา 7,480 บาท*
ขนาด BTU | 9000 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | Auto Cleaning Function และ 4 Way Air Flow |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | คอยล์ร้อน 10 ปี / คอยล์เย็น 3 ปี |
เครื่องปรับอากาศ TCL แอร์บ้าน รุ่น MAC-TW10FSI

ราคา 7,998 บาท*
ขนาด BTU | 9000 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | 3D Air Flow |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | มอเตอร์ 10 ปี / เครื่อง 3 ปี |
Haier เครื่องปรับอากาศติดผนัง Fixed Speed รุ่น HSU-09CTB03T

ราคา 8,778 บาท*
ขนาด BTU | 9000 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | Turbo Cool และ 2-Way Drain Pipe |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | คอมเพรสเซอร์ 5 ปี / ตัวเครื่อง 5 ปี |
TOSHIBA แอร์ติดผนัง รุ่น Magic Cool

ราคา 8,900 บาท*
ขนาด BTU | 9000 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | 3D Air Flow และ Automatic Self-Cleaning |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | อะไหล่ 3 ปี / คอมเพรสเซอร์ 10 ปี |
SAMSUNG เครื่องปรับอากาศ รุ่น AR10TYHZCWKN

ราคา 10,771 บาท*
ขนาด BTU | 9000 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | Auto Clean และ Fast & Wide Cooling |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | ตัวเครื่อง 1 ปี / คอยล์เย็น 3 ปี / คอยล์ร้อน 3 ปี / คอมเพรสเซอร์ 10 ปี |
เครื่องปรับอากาศ Daikin Inverter รุ่น Sabai Plus

ราคา 14,298 บาท*
ขนาด BTU | 9200 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | Mold - Proof Opreation |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | คอมเพรสเซอร์ 5 ปี / แผงคอยล์เย็น 3 ปี |
CENTRAL AIR ติดผนัง รุ่น CFW-IFE-1 Series New R32 เบอร์ 5

ราคา 20,989 บาท*
ขนาด BTU | 2500 BTU |
---|---|
ฟังก์ชัน | Timer Mode, Turbo Mode, Auto Swing, Sleep Mode และ Auto Restart |
น้ำยาแอร์ | R-32 |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
ประกันสินค้า | คอมเพรสเซอร์ 5 ปี / ตัวเครื่อง 1 ปี |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว เครื่องปรับอากาศ 9000 BTU ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
OTOKO Air ConditIoner Fixed Speed แอร์บ้านเครื่องปรับอากาศติดผนัง |
| |||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
วิธีเช็กแอร์ในเบื้องต้นเมื่อเกิดปัญหาแอร์ทำงานไม่ปกติ
ด้วยอากาศของประเทศไทยที่ค่อนข้างจะร้อน แน่นอนว่ามันเป็นเหตุที่ทำให้แอร์ทำงานอย่างหนัก ซึ่งเมื่อแอร์ทำงานเยอะ ๆ มันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ทั้งนี้เมื่อแอร์ทำงานไม่ปกติ หลายคนก็คงจะยกหูโทรศัพท์เพื่อโทรหาช่างให้มาซ่อมแอร์ โดยการซ่อมแอร์แต่ละครั้งก็ต้องเสียเงินหลายบาท แต่ในบางครั้งหากคุณทราบถึงวิธีการเช็กในเบื้องต้นและรู้ถึงปัญหาของมัน คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องเสียเงินสักบาทเลยก็ได้ครับ ดังนั้นวันนี้ผมจึงอยากนำข้อมูลดี ๆ ฝากกันครับ
- รีโมทแอร์แบตเตอรี่หมด หลายคนที่เปิดแอร์ไม่ได้จริง ๆ แล้วในบางครั้งอาจจะไม่ได้เกิดจากตัวเครื่อง แต่มันอาจจะเกิดจากรีโมทแอร์ที่แบตเตอรี่หมดก็ได้ครับ ดังนั้นก่อนที่จะไปเช็กเครื่องคุณต้องดูรีโมทก่อนว่าแบตเตอรี่มันยังปกติหรือไม่ หากแบตหมดก็แค่เปลี่ยนถ่านให้เรียบร้อย ถึงแม้ว่าข้อนี้อาจดูเป็นอะไรที่พื้นฐานมาก แต่มีหลายคนที่พลาดท่าเรียกช่างมาซ่อม เพราะลืมเช็กรีโมทมาแล้วครับ
- แอร์ปล่อยลมได้ไม่สม่ำเสมอ ปัญหาการปล่อยแอร์ออกมาได้ไม่สม่ำเสมอ ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากฟิลเตอร์ที่โดนฝุ่นเกาะจนบังลมภายในแอร์ไม่ให้ออกมาอย่างอิสระ ซึ่งวิธีการแก้คือการดึงฟิลเตอร์ออกมาล้างทำความสะอาดจนฝุ่นที่เกาะหลุดออกไปจนหมด นอกจากนี้ผมแนะนำให้เปลี่ยนฟิลเตอร์อย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง
- เช็กเบรกเกอร์เมื่อแอร์หยุดทำงานเอง ในบางครั้งการที่แอร์หยุดทำงานไปเองอาจจะมาจากเบรกเกอร์ ที่ระบบป้องกันไม่ให้ไฟโอเวอร์โหลดหรือปล่อยไฟมากจนเกินไป ดังนั้นให้ลองไปเช็กที่เบรกเกอร์ก่อนว่ามันสับลงมาหรือไม่ครับ ถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ก็ให้ปิดไฟที่ไม่ได้ใช้งาน
- ให้ช่างมาเช็กแอร์อย่างน้อยปีละครั้ง การเรียกช่างให้มาเช็กประสิทธิภาพของแอร์อย่างน้อยปีละครั้งอาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับแอร์ได้เยอะเลยครับ เพราะช่างเขาจะแก้ปัญหาของแอร์ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้มันเกิดปัญหาขึ้นจนอะไหล่หรือระบบของแอร์ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้การดูแลเครื่องปรับอากาศเพื่ออากาศที่บริสุทธิ์และอายุการใช้งานยาวนานขึ้น คุณสามารถใช้ “หวีคอยล์” ในการทำความสะอาดแผงฟินคอยล์ (Coil Fin) ที่เป็นลักษณะเหมือนหวีสางทั่วไป แต่จะสางสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกได้อย่างสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ร่วมถึงการใช้โฟมล้างแอร์หรือน้ำยาล้างแอร์ได้เองง่าย ๆ ทุก ๆ 6 เดือนครับ