การมีเล็บที่สวยงามนั้นเป็นสิ่งที่สาว ๆ หลายคนปรารถนาเพราะนอกจากจะทำให้นิ้วเราดูสวยทำให้เรามีความมั่นใจแล้ว ยังสามารถเพิ่มสีสันให้กับเล็บได้ดีมาก ๆ อีกด้วย สาว ๆ หลายคนชอบเลือกสีทาเล็บที่ดูสวยโดดเด่น ซึ่งน้ำยาทาเล็บนั้นมีหลายแบบมีทั้งแบบธรรมดาและการทาเล็บแบบเจลโดยใช้เครื่องอบเล็บแบบยูวีนั่นเองค่ะ การทาเล็บแบบธรรมดาจะไม่ได้ให้ความทนทานมากนักแต่สามารถเปลี่ยนสีได้ง่ายเพียงแค่ใช้น้ำยาล้างเล็บค่ะ แต่แบบเจลนั้นจะมีความทนทานมาก ๆ ไม่หลุดง่ายเอาสีออกเองก็ยากมากค่ะ แต่การทำเล็บทั้ง 2 แบบก็สามารถทำเล็บเสียและพังมากได้ด้วยเช่นกันค่ะ

การทาเล็บที่ดีจะต้องมีการเคลือบเล็บเพื่อให้เล็บดูแววาวมีสีสันสดใส หรือมีอีกแบบหนึ่งเป็นแบบที่ทำให้สีเล็บแมตต์นั่นเองค่ะ แต่อุปกรณ์ที่คุณต้องมีคือ “น้ำยาเคลือบเล็บหรือ Top Coat” ค่ะ การเคลือบเล็บนั้นมีดีมากกว่าการทำให้เล็บเป็นประกาย การเคลือบเล็บจะเป็นเกราะให้เล็บของคุณ ช่วยปกป้องสีเล็บจากสภาพแวดล้อม เนื่องจากเล็บเมื่อโดนแสงแดดหรือน้ำนั้นจะทำให้อายุการใช้งานของเล็บของคุณสั้นลงค่ะ วันนี้เราขอแนะนำแฟชั่นการทำเล็บรวมทั้งการใช้งานเพื่อให้คุณสามารถทำเล็บได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น
วิธีเลือกน้ำยาเคลือบเล็บ
1. ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ

- แบบเคลือบเงา : น้ำยาเคลือบเล็บแบบนี้เป็นที่นิยมที่สุด มันให้เล็บที่มีพื้นผิวมันวาวและเงางามเหมือนแก้ว เล็บจะดูสดใสทันทีเมื่อทา

- แบบผิวด้าน : พื้นผิวด้านเป็นเทรนด์ใหม่ในการเพ้นท์เล็บและจะทำให้ไม่มีการสะท้อนแสงบนเล็บของคุณค่ะ กำลังฮิตมาก ๆ เลยทีเดียว

- แบบกลิตเตอร์ : น้ำยาเคลือบเล็บแบบนี้ทำให้เล็บแวววาว พวกมันแตกต่างกับแบบเคลือบเงาตรงที่มันมีกลิตเตอร์น่ารัก ๆ มาก ๆ ค่ะ

- แบบเจล : น้ำยาเคลือบเล็บแบบนี้ทำให้เล็บของคุณดูเป็นเหมือนเล็บเจล ซึ่งเป็นสีเงางามติดทนนาน น้ำยาเคลือบเล็บแบบเจลบางตัวอาจต้องใช้แสง UV ในการทำให้แห้ง ส่วนมากจะใช้ควบคู่กับยาทาเล็บเจล
- แบบ Hologram : น้ำยาเคลือบเล็บชนิดนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเอฟเฟกต์พิเศษให้กับเล็บของคุณได้ จะทำให้มีการหักเหแสงที่แตกต่างกันและทำให้เล็บดูสวยและโดดเด่นมาก ๆ
2. ป้องกัน UV
คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของน้ำยาเคลือบเล็บที่มีการป้องกันรังสียูวีจะช่วยป้องกันเล็บของคุณจากแสงแดด
3. สารอาหารสำหรับเล็บ
น้ำยาเคลือบเล็บบางชนิดมีสารอาหารบำรุงเล็บ เช่นวิตามินซีและอีเพื่อเสริมสร้างเล็บของคุณ อย่างไรก็ตามส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ในการเคลือบฐานเล็บมากกว่าการเคลือบเล็บชั้นบน
4. แห้งอย่างรวดเร็ว
คุณสมบัติยอดนิยมนี้จะช่วยให้การทำเล็บของคุณแห้งได้ง่าย อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดคือการทาทับหน้าเล็บหลังจากชั้นที่เหลือแห้งสนิท แล้วเพราะกระบวนการนั้นจะทำให้เล็บแห้งเร็วกว่าการเคลือบทับไปในขณะที่สีทาเล็บยังไม่แห้ง
5. ความต้านทานต่อรอยขีดข่วน
น้ำยาเคลือบเล็บควรปกป้องเล็บของคุณจาก รอยขีดข่วน หากคุณไม่อยากให้เล็บของคุณเป็นรอยข่วนหลังจากทาไปแค่ไม่กี่วันให้มองหาน้ำยาเคลือบเล็บที่มีเขียนกำกับว่าป้องกันรอยขีดข่วน หากคุณต้องทำงานหนักด้วยการใช้มือ
6. ปลอดสารพิษ
คุณต้องเลือกน้ำยาเคลือบเล็บที่ไม่มีสารเคมีสารอันตรายจากน้ำยาทาเล็บ อาทิเช่น สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde), Dibutyl Phthalate (DBP) และโทลูอีน (Toluene) เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากการทาเล็บนั่นเองค่ะ อีกทั้งมันยังป้องกันเล็บพัง เล็บเหลืองได้ดีอีกด้วย
7. ความชุ่มชื้น
เนื่องจากน้ำยาเคลือบเล็บมักจะทำให้เล็บแห้ง และส่งผลให้เล็บแห้งเปราะ คุณอาจต้องการเลือกน้ำยาเคลือบเล็บชั้นดีที่ให้ความชุ่มชื้นกับเล็บเพื่อป้องกันเล็บแตกและเปราะ นอกจากนั้นการใช้แฮนท์ครีม ครีมทามือและบำรุงเล็บอยู่เสมอก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ
Mistine Glitzy Nail Coat ผลิตภัณฑ์เคลือบสีเล็บ

ราคา 19 บาท*
ปริมาณ | 5.5 ml. |
---|---|
ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ | แบบเคลือบเงา |
TenTen Nail Colour

ราคา 39 บาท*
ปริมาณ | 12 ml. |
---|---|
ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ | แบบกลิตเตอร์ |
TENTEN Nail Color Topcoat

ราคา 40 บาท*
ปริมาณ | 12 ml. |
---|---|
ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ | แบบเคลือบเงา |
Charlee Nail Polish Top Coat

ราคา 42 บาท*
ปริมาณ | 15 ml. |
---|---|
ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ | แบบเคลือบเงา |
Gelpolish Top Coat gel

ราคา 119 บาท*
ปริมาณ | 15 ml. |
---|---|
ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ | แบบเจล |
Dashing Diva Top Gel Coat

ราคา 290 บาท*
ปริมาณ | 7 ml. |
---|---|
ชนิดของน้ำยาเคลือบเล็บ | แบบผิวด้าน |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
สารอันตรายจากน้ำยาทาเล็บ
1. Dibutyl Phthalate (DBP)
เป็นพลาสติกที่ใช้กันทั่วไป มันทำให้ผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สารเคมีนี้ดูเหมือนจะมีความเป็นพิษเฉียบพลันระยะสั้นและระยะยาว(ระยะยาว) ที่ค่อนข้างต่ำ มันมีผลกระทบไม่รุนแรง แต่การได้รับสัมผัสระยะสั้นนั้นสามารถเชื่อมโยงกับอาการคลื่นไส้และระคายเคือง ตา ผิวหนัง จมูก ปากและลำคอ นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุว่า DBP อาจมีผลเสียหายต่อระบบสืบพันธุ์โดยเฉพาะในเพศชาย
2. โทลูอีน (Toluene)
มันเป็นของเหลวที่ไม่ละลายน้ำ ไม่มีสีและมักใช้ในกาวทั่วไป มันเป็นส่วนผสมที่มีกลิ่นเหมือนกาว ความเป็นพิษของโทลูอีนเกี่ยวข้องกับอาการวิงเวียนศีรษะ มึนงง ผิวแห้งและจมูกระคายเคือง โทลูอีนเหลวนั้นอันตรายกว่าไอระเหยของน้ำมันและบางคนอาจไวต่อสารนี้
3. ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde)
มักจะถูกใช้ในความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แม้ว่ามันจะ สามารถก่อให้เกิดอันตราย มันเป็นสารตั้งต้นของสารประกอบที่ซับซ้อนและมันเป็นวัสดุที่ใช้ในสาขาอุตสาหกรรมจำนวนมาก ฟอร์มัลดีไฮด์ในระดับต่ำเกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารหลากหลายชนิด เช่นผลไม้ แต่ระดับเหล่านั้นไม่อันตราย องค์การอาหารและยาซึ่งดูแลอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไม่ได้ห้ามหรือควบคุมการใช้ฟอร์มาลดีไฮด์ในเครื่องสำอาง ยกเว้นในยาทาเล็บ เนื่องจากอาจเป็นพิษได้จึงมีการจำกัดปริมาณฟอร์มัลดีไฮด์ในยาทาเล็บ
Reference:
ขอบคุณข้อมูลจาก: ncbi.nlm.nih.gov