ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่เรียกได้ว่าร้อนระอุจนเหงื่อไหลกันไป ๆ ตามกัน ยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิแตะถึง 40 องศา ก็ยิ่งทำให้เราร้อนชนิดที่เรียกได้ว่าอาบน้ำเย็นหรือการเปิด พัดลมมือ, พัดลมเพดาน, พัดลมติดผนัง หรือ พัดลมไอน้ำ ก็อาจช่วยได้แค่ชั่วคราวหรือไม่เพียงพอที่จะให้ความเย็นในอากาศที่ร้อนขนาดนี้ได้ ดังนั้นตัวช่วยที่ดีที่สุดคงจะหนีไม่พ้น “เครื่องปรับอากาศ” หรือ “แอร์” อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์อย่างแอร์แล้ว มันก็มีให้เราเลือกอยู่หลากหลายประเภทเลยละครับ โดยส่วนใหญ่แล้วแอร์ติดผนังจะเป็นประเภทที่นิยมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น แอร์ติดระบบอินเวอร์เตอร์, แอร์ติดผนังขนาดเล็ก, แอร์ระบบฟอกอากาศ แต่จะมีแอร์อีกประเภทที่ให้ความเย็นได้ทั่วถึงแล้วรวดเร็วเช่นกัน ทั้งยังให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูสวยงามและมีระเบียบ ซึ่งก็คือ “แอร์ฝังเพดาน“ สำหรับแอร์ฝังเพดานถือเป็นแอร์ที่สามารถทำความเย็นได้เร็วที่สุด ทั้งยังสามารถควบคุมได้อีกด้วยว่าจะให้มันปล่อยไปกี่ทิศทาง รวมไปถึงค่า BTU ที่มีให้เลือกตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ดังนั้นเราจะเห็นว่าแอร์ชนิดนี้นิยมในการนำไปติดตั้งภายในห้องใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้องรับแขก, ออฟฟิศ หรือ คาเฟ่ เพราะมันจะให้ความเย็นได้อย่างทั่วถึงนั่นเองครับ
ข้อดีของแอร์ฝังเพดาน
ไม่มีเสียงรบกวน

แอร์ฝังเพดานเป็นแอร์ที่เสียงการทำงานของมันค่อนข้างจะเบามาก ดังนั้นคุณจะไม่รู้สึกถูกรบกวนในระหว่างการพักผ่อนหรือการทำงานแน่นอน หากเลือกใช้แอร์ฝังเพดานไปติดตั้งไว้ภายในห้อง
กระจายความเย็นได้ดี
ไม่ว่าพื้นที่ภายในห้องจะใหญ่ขนาดไหน แอร์ฝังเพดานก็สามารถให้ความเย็นได้แบบทั่วถึง เพราะขนาดหรือค่า BTU มีให้เลือกเยอะมาก ดังนั้นคุณสามารถเลือกค่า BTU ที่เหมาะสมกับขนาดของห้องได้เลยครับ
การฟอกอากาศ

โดยส่วนใหญ่แล้วแอร์ฝังเพดานจะมาพร้อมกับฟีลเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ สามารถกำจัดเชื้อโรค ฝุ่น หรือสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงนี้เป็นข้อดีและคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่แอร์ฝังเพดานเกือบทุกตัวสามารถทำได้ ดังนั้นอากาศที่คุณสูดเข้าไปจะมีความสะอาด ยิ่งใครที่เป็นโรคภูมิแพ้บอกได้เลยว่าแอร์ตัวนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน
ประหยัดไฟฟ้า
แอร์ฝังเพดานมีข้อดีอย่างหนึ่งคือมันจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นค่าไฟในทุก ๆ เดือนจะถูกลงมาก หากเปรียบเทียบกับแอร์ชนิดอื่น ที่จำเป็นต้องใช้แอร์หลายตัวในการให้ความเย็นอย่างทั่วถึง ซึ่งใครที่ต้องการติดตั้งแอร์ภายในห้องขนาดใหญ่ ผมแนะนำให้ติดแอร์ฝังเพดานครับ เพราะมันช่วยเรื่องค่าไฟได้ค่อนข้างเยอะ
ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย
อย่างที่หลาย ๆ คนเห็นกันเลยครับว่าแอร์ชนิดนี้กินพื้นที่ในการติดตั้งน้อยมาก อีกทั้งการติดตั้งไว้ใบฝ้าหรือเพดานก็ไม่เกะกะพื้นที่ด้านล่างของเราด้วย ดังนั้นใครที่อยากจะประหยัดพื้นที่ภายในห้อง แอร์ฝังเพดานถือว่าตอบโจทย์มากครับ
วิธีการเลือกแอร์ฝังเพดาน
1. ค่าบีทียู (BTU) ของแอร์
สำหรับใครที่ไม่ทราบว่าค่า BTU คืออะไร ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ครับว่าค่านี้เป็นการบอกว่าแอร์แต่ละตัวมีการถ่ายเทความร้อนได้มากเท่าไหร่ ดังนั้นหมายความว่ายิ่งแอร์ตัวนั้นมีค่า BTU มากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนภายในห้องให้หายไปก็ยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ดีค่า BTU ก็จะต้องเลือกให้เหมาะกับขนาดของห้องที่เราติดตั้งด้วย เพราะถ้าเราเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ในหลัก 60,000 ไปติดตั้งภายในห้องที่มีความกว้างเพียงแค่ 150 ตารางเมตร แน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมาคือค่าไฟที่มหาศาลจนคุณแทบจะต้องขูดเลือดขูดเนื้อมาจ่ายเลยละครับ ฉะนั้นค่า BTU ของแอร์จะต้องเหมาะสำหรับห้องที่เราจะนำไปติดตั้งด้วย ซึ่งผมจะมีคำแนะนำให้ดังนี้ครับ
-
- ห้องนอนหรือห้องทำงานส่วนตัวที่มีขนาด 9 – 28 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 5,000 – 6,000 BTU
- ห้องนอนขนาดกลางหรือห้องทำงานส่วนตัวขนาดกลาง 23 – 37 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 7,000 – 8,500 BTU
- ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นที่เปิดกว้าง 32 – 60 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 9,800 – 13,500 BTU
- ออฟฟิศขนาดใหญ่ ร้านกาแฟ หรือพื้นที่กว้างที่คนอยู่เยอะ ควรเลือกแอร์ตั้งแต่ 33,000 BTU ขึ้นไป
แต่ถ้าหากคุณมีพื้นที่ภายในห้องที่แตกต่างจากที่ผมแนะนำไปก็ให้ใช้สูตรคำนวณง่าย ๆ ดังนี้
ค่า BTU = [กว้าง x ยาว (พื้นที่ห้อง)] x ตัวแปร
* ตัวแปรจะมีอยู่ 2 ค่า นั่นคือ 700 สำหรับห้องปกติที่ไม่โดดแดด และ 800 สำหรับห้องที่โดนแดด
อย่างเช่น ห้องทำงานที่โดนแดดมีขนาดห้อง [7.5 x 9] x 800 ดังนั้นค่า BTU ที่เหมาะสมจะเท่ากับ 54,000 ครับ
2. โหมด
คุณควรจะเลือกแอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะกับสิ่งที่คุณต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมลม การปรับอุณหภูมิ หรือโหมดอื่น ๆ เพราะอย่าลืมว่าอากาศในแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าหากแอร์ไม่มีโหมดให้เราได้ปรับ ความเย็นที่ปล่อยออกมาอาจไม่ทั่วถึงหรือไม่เย็นตามที่เราต้องการ ซึ่งก่อนเลือกซื้อคุณควรอ่านรายละเอียดส่วนนี้ให้ดีก่อนครับ
3. รีโมท
รีโมทถือว่าสำคัญมากสำหรับแอร์ทุกประเภท เพราะมันจะช่วยทำให้เราสามารถปรับค่าต่าง ๆ ตามที่เราต้องการได้อย่างสะดวก ยิ่งแอร์ยุคสมัยใหม่ที่มีหน้าจอ LED หรือสามารถควบคุมผ่านมือถือได้ ก็จะช่วยทำให้เราควบคุมการทำงานของแอร์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
4. ระบบฟอกอากาศ
ถ้าถามว่าเลือกแอร์ฝังเพดานที่ไม่มีระบบฟอกอากาศได้มั้ยก็ตอบว่าซื้อได้ครับ แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้ามันมีระบบนี้อยู่ในตัว เพราะนอกจากที่เราจะได้ความเย็นตามที่ต้องการแล้ว เรายังได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ เมื่อสูดอากาศเข้าไปแล้วจะไม่ทำส่งผลให้สุขภาพของเราเสีย ยิ่งในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากเลยทีเดียวครับ ทั้งนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วครับว่าจะเลือกแอร์ที่มีระบบนี้หรือไม่ ?
5. การติดตั้ง
การติดตั้งถือเป็นเรื่องสำคัญครับ ยิ่งโดยเฉพาะแอร์ฝังเพดานที่อาจจะต้องยุ่งยากกว่าแอร์ทั่วไปเล็กน้อย หากคุณมีช่างประจำตัวหรือมีความสามารถในการติดตั้งแอร์อยู่แล้วก็หายห่วงเรื่องนี้ไปได้ แต่สำหรับใครที่ไม่มีช่างหรือไม่มีทักษะตรงนี้ คุณก็อาจจะต้องเลือกสินค้าที่มีบริการติดตั้งให้ด้วยครับ โดยอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
6. การดูแลทำความสะอาด
ถึงแม้ว่าหลายคนจะใช้บริการช่างหรือคนที่ล้างแอร์เป็น แต่ในบางเวลาที่ช่างไม่ว่างหรือเราไม่สะดวกที่จะให้ช่างแอร์เข้ามาทำความสะอาด เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ที่กำลังระบาดอยู่ เราก็มีความจำเป็นที่อาจจะต้องทำความสะอาดด้วยตัวเอง ดังนั้นหากเราเลือกแอร์ฝังเพดานที่ดูแลทำความสะอาดในเบื้องต้นได้ง่าย แน่นอนว่ามันก็ทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น
7. การรับประกัน
การรับประกันถือว่าสำคัญมากสำหรับการเลือกซื้อแอร์ทุกชนิด เพราะมันเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงและอะไหล่ของแอร์ก็แพงด้วย ซึ่งถ้าหากเราเลือกซื้อแบรนด์ที่ไม่มีประกันสินค้าแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา เราอาจจะต้องเสียเงินซื้อใหม่หรือเผลอ ๆ ค่าซ่อมอาจมีราคาที่แพงกว่าการซื้อใหม่เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนจะซื้อต้องอ่านรายละเอียดตรงนี้ให้ดีเลยละครับ
8. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
สาเหตุที่ให้เลือกแอร์ที่มีฉลากเบอร์ 5 ก็เพราะมันเป็นตัวที่บ่งบอกว่าแอร์ตัวนั้นจะไม่กินไฟมากจนเกินไป เพราะอย่างที่หลายคนน่าจะทราบกันดีว่าแอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ ดังนั้นก่อนซื้อลองเช็กฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก่อนครับว่ามีหรือไม่ ?
แอร์ฝังฝ้าสี่ทิศทาง CARRIER รุ่น 40TSF ขนาด 13000-51500 BTU

ราคา 26,213 บาท*
ขนาด BTU | 13,000 - 60,000 BTU |
---|---|
โหมด | ควบคุม 4 ทิศทาง |
รีโมท | ✔ |
ระบบฟอกอากาศ | ✔ |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
การรับประกัน | อะไหล่ 1 ปี / คอมเพรสเซอร์ 5 ปี |
CARRIER เบอร์ 5 แอร์สี่ทิศทางรุ่น 42TSF-UP ขนาด13000-60000BTU

ราคา 26,499 บาท*
ขนาด BTU | 13,000 - 60,000 BTU |
---|---|
โหมด | เทอร์โบ (Tuebo) / สวิงขึ้นลง |
รีโมท | ✔ |
ระบบฟอกอากาศ | ✔ |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
การรับประกัน | อะไหล่ 1 ปี / คอมเพรสเซอร์ 5 ปี |
SAIJO DENKI แอร์ฝังฝ้าสี่ทิศทาง รุ่น TURBO SSC ขนาด 13553-60000 BTU

ราคา 29,099 บาท*
ขนาด BTU | 13553 - 60000 BTU |
---|---|
โหมด | ควบคุม 4 ทิศทาง |
รีโมท | ✔ |
ระบบฟอกอากาศ | ✔ |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
การรับประกัน | อะไหล่ 5 ปี / คอมเพรสเซอร์ 5 ปี |
แอร์ DAIKIN สี่ทิศทางอินเวอร์เตอร์ CASSETTE TYPE รุ่น FCFC-DV2S

ราคา 46,150 บาท*
ขนาด BTU | 13,600 - 48,000 BTU |
---|---|
โหมด | โหมดฉุกเฉิน / โหมดป้องกันแรงดันต่ำ / โหมดสําหรับติดตั้งในที่สูง |
รีโมท | ✔ |
ระบบฟอกอากาศ | ✔ |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
การรับประกัน | 1 ปีสำหรับการติดตั้ง / 1 ปีสำหรับอะไหล่ / 5 ปีสำหรับคอมเพรสเซอร์ |
แอร์ LG INVERTER ฝังฝ้า 4 ทิศทาง AT-Q 24,000 BTU

ราคา 51,690 บาท*
ขนาด BTU | 24,000 BTU |
---|---|
โหมด | ควบคุม 4 ทิศทาง |
รีโมท | ✔ |
ระบบฟอกอากาศ | ✔ |
ฉลากเบอร์ 5 | ✔ |
การรับประกัน | 5 ปี |
แอร์ฝังฝ้าสี่ทิศทาง Mitsubishi รุ่น PLY INVERTER

ราคา 63,400 บาท*
ขนาด BTU | 13,989 - 48,000 BTU |
---|---|
โหมด | โหมดสวิง / โหมดเลือกทิศทางลม |
รีโมท | ✔ |
ระบบฟอกอากาศ | ✔ |
ฉลากเบอร์ | ✔ |
การรับประกัน | อะไหล่ 1 ปี / คอมเพรสเซอร์ 5 ปี |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว แอร์ฝังเพดาน ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
CARRIER เบอร์ 5 แอร์สี่ทิศทางรุ่น 42TSF-UP ขนาด13000-60000BTU |
| |||
SAIJO DENKI แอร์ฝังฝ้าสี่ทิศทาง รุ่น TURBO SSC ขนาด 13553-60000 BTU |
| |||
แอร์ DAIKIN สี่ทิศทางอินเวอร์เตอร์ CASSETTE TYPE รุ่น FCFC-DV2S |
| |||
| ||||
|
วิธีการทำความสะอาดแอร์ฝังเพดานใรเบื้องต้น
1. ทำความสะอาดส่วนนอกของแอร์
ก่อนที่จะทำความสะอาดผมแนะนำให้คุณสับคัทเอ้าท์ลงให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารัดวงจรที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากนั้นให้เริ่มทำความสะอาดได้ด้วยการใช้ผ้าแห้งเช็ดบริเวณส่วนนอกของแอร์ ยิ่งโดยเฉพาะหน้ากากควรเช็ดให้ดีเลยครับ เพราะมันอาจจะเกิดการอุดตันได้
2. ทำความสะอาดส่วนในของแอร์
ให้คุณทำการถอดหน้ากากแอร์โดยการไขน็อตออกมาอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แอร์ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้เมื่อถอดออกมาแล้วให้คุณนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดสิ่งสกปรกออกให้หมด หลังจากนั้นนำน้ำยาทำความสะอาดสูตรธรรมชาติผสมเข้ากับน้ำอุ่น แล้วนำมาเช็ดหน้ากากแอร์ให้สะอาด เมื่อเสร็จแล้วให้นำไปตากแดดจนแห้งแล้วนำมาประกอบใหม่เหมือนเดิม
3. ทำความสะอาดฟิลเตอร์ฟอกอากาศ
ภายในแอร์ฝังเพดานจะมีฟิลเตอร์หนึ่งที่เรียกว่าพลัสมาร์ฟิลเตอร์ ซึ่งสามารถถอดออกมาเพื่อทำความสะอาดได้ โดยวิธีการทำความสะอาดคือนำน้ำสะอาดมาผสมกับผงซักฟอกอ่อนแล้วนำเอาฟิลเตอร์มาแช่ให้สิ่งสกปรกออกไป ทั้งนี้ฟิลเตอร์ตัวรี้ควรจะเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ปีต่อครั้ง
4. ตรวจสอบรอยรั่วและเสียงที่ผิดปกติ
การที่คุณได้ยินเสียงผิดปกติแสดงว่ามันอาจเกิดปัญหาติดขัดในการปล่อยลมเย็นออกมา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้คุณอาจจะต้องเช็กหรือเรียกช่างมาซ่อมแอร์ของเรากลับมาให้เป็นปกติ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ แอร์อาจพังจนไม่สามารถใช้ได้เลยละครับ