ในขณะที่ปัญหาเรื่องของมลพิษทางอากาศนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ยังแก้ไม่ตก แถมมิหนำซ้ำตอนนี้ก็ยังมีปัญหาเรื่องไวรัสโควิดตามมาซ้ำอีกระลอกก็ยิ่งตอกย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรหันกลับมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น หากพูดถึงการดูแลสุขภาพในยุคนี้ นอกจากจะหมายถึงการทานอาหารที่มีประโยชน์และบำรุงร่างกายด้วยอาหารเสริมแล้ว ก็ยังรวมถึงการออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็ยังต้องเพิ่มมาตรฐานการป้องกันตัวเองจากเชื้อโควิดด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และรู้จักเว้นระยะห่างทางสังคมเมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้านในช่วงนี้กันด้วย

หากแต่ภายในบ้านเองเราก็ควรเฝ้าระวังพวกเชื้อโรค ฝุ่น หรือเชื้อไวรัสที่อาจจะแอบแฝงเข้ามาด้วย อีกทั้งพวกสิ่งปนเปื้อนในอากาศพวกนี้ยังมีขนาดเล็กมาก ๆ จนเราแทบจะมองไม่เห็นเลยทีเดียว ซึ่งอุปกรณ์ที่จะจัดการกับปัญหาเรื่องพวกนี้ก็คือ “เครื่องฟอกอากาศ” นั่นเองค่ะ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นมีประสิทธิภาพและสามารถกรองอากาศให้บริสุทธิ์ได้จริง อันนี้คุณก็ต้องเลือกที่แบรนด์ที่น่าไว้ใจและเชื่อถือได้ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำที่ทุกคนไว้วางใจก็คือ ‘เครื่องฟอกอากาศจาก Philips’ ใช่มั้ยคะ?
หากพูดถึงเครื่องฟอกอากาศจาก Philips แล้วก็จะพบว่ามันก็มีอยู่หลายรุ่นด้วยกันนะคะ แล้วแต่ละรุ่นนั้นแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร แล้วรุ่นไหนคือรุ่นที่เหมาะและใช่ที่สุดสำหรับคุณ วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ ถ้าหากอยากทราบกันแล้วก็ตามมาดูเลยค่ะ
ทำไมต้องเป็น Philips (ฟิลิปส์) ?
Philips (ฟิลิปส์) ถือได้ว่าเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก โดยแบรนด์ Philips นั้นได้เริ่มต้นมาจากการผลิตหลอดไฟเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็ค่อย ๆ พัฒนาและออกแบบสินค้าที่มีความหลากหลายประกอบกับได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ในตอนนี้สินค้าจาก Philips ครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกความต้องในทุก ๆ กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสินค้าของ Philips ก็มีตั้งแต่ เตารีด, ไดร์เป่าผม, หม้อทอดไร้น้ำมัน, เครื่องดูดฝุ่น, เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า ไปจนถึงหลอดไฟ LED และหลอดไฟอัจฉริยะ แต่สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาอยู่ขณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีที่ใช้ในการกำจัดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อย่างหลอดไฟฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C, เครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C และที่โด่งดังอีกตัวเลยก็คือ “เครื่องฟอกอากาศในบ้าน” นั่นเองค่ะ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศของ Philips สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กที่อยู่ในอากาศได้เป็นอย่างดี โดยผ่านการใช้เซนเซอร์อัจฉริยะและแผ่นกรองที่รับการทดสอบสถาบันชั้นนำของโลก สิ่งเหล่านี้จึงทำให้แบรนด์ Philips ขึ้นชื่อในเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือที่สร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ใช้ได้ไม่น้อยเลยค่ะ
การทำงานของเครื่องฟอกอากาศ
คุณทราบหรือไม่? ว่าจากรายงานของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (US EPA) พบว่าอากาศภายในบ้านนั้นมีสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศมากกว่านอกบ้าน 2-5 เท่า ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นปริมาณที่มากพอสมควรเลยนะคะ (1)
หลาย ๆ คนอาจมองว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากอากาศภายในบ้านมีปัจจัยที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศได้น้อยมาก ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วอากาศภายในบ้านของเราเป็นพื้นที่ระบบปิดที่ไม่มีอากาศถ่ายเท จึงทำให้เกิดการสะสมของฝุ่น ควัน และสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งมันจะลอยอยู่ในอากาศภายตลอดเวลา ยิ่งหากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำความสะอาดก็อาจจะทำให้ฝุ่นเหล่านี้เกาะอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้ และส่งผลให้คุณภาพอากาศภายในบ้านแย่ลงยิ่งขึ้นค่ะ

ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศที่คอยดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่องและส่งอากาศเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการกรองอากาศให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการใช้แผ่นกรองหลาย ๆ ชั้นหรือฟิลเตอร์ตัวกรองที่มีคุณสมบัติต่างกัน ในการดักจับสิ่งปนเปื้อนในอากาศอนุภาคขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นไม่พึงประสงค์, ฝุ่นละออง, สารก่อภูมิแพ้ รวมถึงเชื้อไวรัสที่อยู่ในอากาศด้วย ฟิลเตอร์ตัวกรองจึงถือว่าเป็นเหมือนหัวใจหลักของเครื่องฟอกอากาศเลยก็ได้ว่าได้ค่ะ
เครื่องฟอกอากาศของ Philips ทำงานได้ดีแค่ไหน? ใช้การทำงานอย่างไร?
โดยหลัก ๆ แล้วสิ่งที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศของ Philips แตกต่างออกไปจากแบรนด์อื่น ๆ นั้นก็คือนวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ทางแบรนด์ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นมา ผ่านการทดสอบและการรับรองจากหลาย ๆ สถาบันไม่ว่าจะ AHAM, ECARF และ Airmid ซึ่งการทำงานที่ว่านี้ก็มีด้วย 2 นวัตกรรมด้วยกันคือ
1. ระบบฟอกอากาศ VitaShield (2)
ระบบ VitaShield เป็นระบบการฟอกอากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและถือเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงในการฟอกอากาศภายในบ้านให้กลับมาบริสุทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยการเข้าไปจัดการกับสารปนเปื้อนในอากาศ ไม่ว่าจะทั้งฝุ่น, ควัน, สารก่อภูมิแพ้, เชื้อไวรัส, แบคทีเรีย, ฟอร์มาลดีไฮด์, สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายที่เป็นอันตราย รวมถึงฝุ่นที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง PM2.5 ก็ด้วยเช่นกัน

ในระบบตัวนี้ก็จะประกอบไป แผ่นกรองอากาศ HEPA ที่มีความสามารถในการกำจัดอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.02 ไมครอน และ Activated Carbon filter หรือแผ่นกรองผงถ่านกัมมันต์ ที่ช่วยเรื่องกลิ่นและขจัดสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย โดยการทำงานของระบบ VitaShield ตัวนี้จะมีความปลอดภัยต่อตัวผู้ใช้ค่อนข้างสูง และที่สำคัญคือไม่ก่อให้เกิดสารอันตรายหรือโอโซนด้วยเช่นกัน
2. เทคโนโลยี AeraSense
สำหรับเทคโนโลยีอย่าง AeraSense ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวที่เป็นเอกสิทธิ์สุดล้ำเฉพาะตัว โดยตัวนี้มันก็จะเป็นเซนเซอร์ที่ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศที่มีความแม่นยำสูงระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะ PM 2.5 หรืออนุภาคที่เล็กกว่าก็สามารถตรวจจับได้ ความสามารถของเทคโนโลยี AeraSense นั้นมีความละเอียดและว่องไว สามารถตรวจจับได้แม้ว่าสภาพอากาศภายในอาคารจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม หลังจากที่ตรวจเจอแล้วเครื่องก็เร่งการทำงานเพื่อฟอกอากาศให้กลับมาปกติตามเดิมโดยทันที
PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC0820 (16 - 49 ตร.ม.)

ราคา 4,990 บาท*
เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC0820 มาในดีไซน์โมเดิร์นที่สามารถผสมผสานเข้ากันกับการตกแต่งบ้านในทุก ๆ สไตล์ ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก ใช้ 2 เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการทำงานร่วมกับแผ่นกรองอากาศรุ่น FY0194 ซึ่งเป็นแผ่นกรองในลักษณะทรงกลมที่สามารถรับอากาศเข้ามาเพื่อทำการฟอกได้รอบทิศทาง พร้อมกันนี้ยังมีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ อย่างอนุภาค 0.003 ไมครอนได้ถึง 99.5% ด้วยเช่นกัน
การสั่งงานทำได้ง่ายและสะดวก มาพร้อมกับไฟแสดงคุณภาพอากาศที่ภายในห้องที่มีถึง 4 สีด้วยกัน โหมดการทำงานมีด้วยกัน 3 โหมด ได้แก่ โหมดอัตโนมัติ, โหมดเทอร์โบ และโหมดสลีปไล่การทำงานไปตามลำดับไม่ซับซ้อน และรุ่นนี้ก็ยังเหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอนด้วยค่ะเพราะว่าในโหมดสลีปนั้น ระดับความดังของเสียงแค่ 35 เดซิเบลเท่านั้นเอง
ข้อดี
- สามารถฟอกอากาศในห้องขนาด 20 ตร.ม.ได้เร็วกว่า 16 นาที
- ราคาไม่แพง
- ขจัดฝุ่นและไวรัสได้สูงสุดถึง 99.99%
- ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา รูปทรงสวยและทำความสะอาดง่าย
ข้อควรพิจารณา
- บริเวณฐานไม่มีกันลื่นและตัวเครื่องไม่มีที่จับสำหรับเคลื่อนย้าย
- ช่องใส่แผ่นกรองที่บริเวณฐานด้านล่าง อาจจะไม่สะดวกสำหรับการใช้งานในบางครั้ง
- ไม่ได้มาพร้อมกับแผ่นสำหรับกรองกลิ่น
อายุการใช้งานแผ่นกรอง | 1 ปี |
---|---|
ขนาด | 25 x 25 x 36.7 ซม. |
อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ | 190 ลบ.ม./ชม. |
น้ำหนัก | 2.4 กก. |
โหมดทำงาน | 3 โหมด |
ขนาดห้อง | 16 - 49 ตร.ม. |
ไฟแสดงคุณภาพอากาศ | ✔ |
แผ่นกรอง | แผ่นกรอง HEPA |
สายไฟยาว | 1.6 ม. |
PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่นAC3854 (42 - 130 ตร.ม.)

ราคา 8,900 บาท*
และแล้วเราก็มาถึงตัวสุดท้ายกันแล้วนะคะ ซึ่งในเรื่องราคาก็อย่างที่เห็นเลยค่ะว่าจะแพงที่สุดแต่ขอบอกก่อนว่าเรื่องการทำงานและลูกเล่นต่าง ๆ นั้นคุ้มค่าสมกับราคามาก ๆ เริ่มต้นจากตัวนี้สามารถควบคุมการทำงานได้ทั้งกับตัวเรื่องและผ่านแอปที่มีชื่อว่า ‘Clean Home+’ ที่พัฒนามาเพื่อการทำงานของรุ่นนี้โดยเฉพาะ ให้คุณใช้งานสะดวกขึ้นเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ไส้กรองจะเป็นลักษณะทรงกลมมีแผ่นกรองทั้งหมด 3 ชั้น กรองได้ทั้งฝุ่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย สิ่งแปลกปลอมอันไม่พึงประสงค์ รวมถึงกลิ่นที่กวนใจก็เอาอยู่ค่ะ
การดีไซน์ของรุ่นนี้ถือว่าสวยงามมาก ๆ ภายนอกดีไซน์ออกมาดูหรูหราโดยการใช้สีขาวตัดสลับกับสีเงิน หน้าจอควบคุมด้านบนจะเป็นหน้าจอ LED ทัชสกรีนพร้อมปุ่มทั้งหมด 5 ปุ่ม สัมผัสง่าย ตอบสนองเร็ว หน้าจอจะแสดงค่า PM2.5, ค่าแก๊ส และค่าสารก่อภูมิแพ้ ล้อมรอบด้วยวงแหวนแสดงคุณภาพอากาศและสามารถหรี่แสงหรือปิดแสงได้ในขณะพักผ่อนในช่วงค่ำคืน
ข้อดี
- ดีไซน์ตัวเครื่องเรียบหรูดูดีสามารถวางเข้ากับการตกแต่งได้ทุกสไตล์
- หน้าจอแสดงผลชัดเจน สวยงาม และมีลูกเล่นที่น่าสนใจ
- ควบคุมการทำงานผ่านแอปของ Philips ได้
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูงเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่
- ไส้กรองสามารถใช้งานได้นาน
- เซนเซอร์และการทำงานแม่นยำและรวดเร็ว สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในเวลาอันสั้น
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดค่อนข้างใหญ่
- ราคาค่อนข้างสูง
อายุการใช้งานแผ่นกรอง | 3 ปี |
---|---|
ขนาด | 31 x 31 x 71.8 ซม. |
อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ | 500 ลบ.ม./ชม. |
น้ำหนัก | 9.4 กก. |
โหมดทำงาน | 3 โหมด |
ขนาดห้อง | ไม่เกิน 98 ตร.ม. |
ไฟแสดงคุณภาพอากาศ | ✔ |
แผ่นกรอง | 3 ชั้น (HEPA, ผงถ่านกัมมันต์ และแผ่นกรองขั้นต้น) |
สายไฟยาว | 1.8 ม. |
PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC2887 (25 - 79 ตร.ม.)

ราคา 10,990 บาท*
มาต่อกันที่อีกหนึ่งรุ่นนะคะ ซึ่งในรุ่นนี้มีชื่อรุ่นว่า AC2887 เรียกได้ว่าเป็นตัวรองลงมาจากตัวถัดไปเลยว่าได้ ราคาเบากว่าแต่การทำงานและเทคโนโลยีก็ไม่ต่างกันมาก เสียเปรียบตรงที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับแอปได้และมีอัตราการส่งผ่านอากาศที่น้อยกว่าเท่านั้นเองค่ะ มันจึงเหมาะกับการใช้งานในห้องที่ไม่เกิน 79 ตร.ม. แผ่นกรองมีทั้งหมด 3 ชั้นและสำหรับแผ่นกรอง HEPA ในรุ่นนี้เองค่อนข้างที่จะหนามากเลยทีเดียวค่ะ ช่วยฟอกและขจัดฝุ่น รวมถึงพวกเชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ได้โดยมีโหมดการทำงานที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
แล้วอีกอย่างรุ่นนี้เองก็เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอนเพราะในโหมดสลีปนั้นจะทำงานได้ค่อนข้างเงียบด้วยระดับความดังเพียงแค่ 20.5 เดซิเบลเท่านั้นถือว่าเงียบสุด ๆ ไปเลยค่ะ ส่วนไฟที่จอแสดงผลสามารถที่จะหรี่หรือปิดเพื่อไม่ให้สร้างความรำคาญขณะพักผ่อนได้ตลอดทั้งคืน แถมรุ่นนี้ยังใช้งานได้นานโดยที่คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟว่าจะบานปลายเพราะว่ามันมีการพัฒนาออกมาให้กินไฟน้อย ช่วยประหยัดค่าไฟบ้านคุณไว้ได้มากค่ะ
ข้อดี
- มีช่องสำหรับยกเคลื่อนย้าย
- ใช้พลังงานต่ำโดยใช้กำลังเพียงแค่ 56 วัตต์เท่านั้น
- ตั้งเวลาการทำงานได้
- หน้าจอแสดงผลค่า PM2.5 แบบเรียลไทม์
- จอมาพร้อมกับ 6 ปุ่มในการควบคุม เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันได้
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
อายุการใช้งานแผ่นกรอง | แผ่นกรอง HEPA 2 ปี, แผ่นกรองผงถ่านกัมมันต์ 1 ปี |
---|---|
ขนาด | 35.9 x 24 x 55.8 ซม. |
อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ | 333 ลบ.ม./ชม. |
น้ำหนัก | 7.7 กก. |
โหมดทำงาน | 3 โหมดอัตโนมัติและปรับความเร็ว 5 แบบ |
ขนาดห้อง | 25 - 79 ตร.ม. |
ไฟแสดงคุณภาพอากาศ | ✔ |
แผ่นกรอง | 3 ชั้น (HEPA, ผงถ่านกัมมันต์ และแผ่นกรองขั้นต้น) |
สายไฟยาว | 1.8 ม. |
PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215 (63 ตร.ม.)

ราคา 19,999 บาท*
เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215 ถือว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาในระดับนึงค่ะ ความสามารถในการส่งอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 270 ลบ.ม./ชม. ในรุ่นนี้ก็ได้มีการใช้เทคโนโลยีการฟอกอากาศอัจฉริยะ VitaShield IPS ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทาง Philips ร่วมด้วยแผ่นกรองอากาศถึง 3 ชั้น ได้แก่ NanoProtect HEPA, แผ่นกรองผงถ่านกัมมันต์ และแผ่นกรองขั้นต้น สามารถช่วยลดผลกระทบจากมลพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ รวมถึงฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ได้ด้วย
ระบบเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งผิดปกติทำงานได้รวดเร็วพร้อมกันกับมีหน้าจอแสดงคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ด้วยค่ะ และที่ดูน่าจะถูกใจใครหลายคนเป็นพิเศษก็เพราะในโหมดสลีปนั้นการทำงานก็จะเงียบเป็นพิเศษ พร้อมกับหน้าจอที่หรี่ความสว่างลงเพื่อให้คุณได้พักผ่อนได้เต็มที่มากขึ้น หากใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความรีวิวเครื่องฟอกอากาศฟิลิปส์ PHILIPS รุ่น AC1215 ได้เลยค่ะ
ข้อดี
- แผ่นกรองแยกชิ้น สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและสะดวกต่อการเปลี่ยนใหม่ในครั้งถัดไป
- มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี
- หน้าจอสามารถล็อกการตั้งค่าได้ เหมาะมากโดยเฉพาะกับบ้านที่มีเจ้าตัวเล็ก
- มีโหมดตรวจจับสารก่อภูมิแพ้
- ใช้พลังงานต่ำ ไม่กินไฟ
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอแสดงผลไม่ได้มีตัวเลขบอกค่าต่าง ๆ อย่างละเอียดมีเพียงแค่สีบอกคุณภาพเท่านั้น
- ไม่สามารถเชื่อมต่อแอปได้
วีดีโอ รีวิวการใช้งานจริง
อายุการใช้งานแผ่นกรอง | แผ่นกรอง HEPA 2 ปี, แผ่นกรองผงถ่านกัมมันต์ 1 ปี |
---|---|
ขนาด | 32.5 x 21 x 54.3 ซม. |
อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ | 270 ลบ.ม./ชม. |
น้ำหนัก | 5.3 กก. |
โหมดทำงาน | 5 แบบ |
ขนาดห้อง | ไม่เกิน 63 ตร.ม. |
ไฟแสดงคุณภาพอากาศ | ✔ |
แผ่นกรอง | 3 ชั้น (HEPA, ผงถ่านกัมมันต์ และแผ่นกรองขั้นต้น) |
สายไฟยาว | 1.8 ม. |
PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC3259 (31 - 95 ตร.ม.)

ราคา 32,990 บาท*
สำหรับการใช้งานกับห้องที่มีขนาดใหญ่ไซส์ XL หรือขนาดไม่เกิน 95 ตร.ม.คุณจำเป็นต้องใช้งานเครื่องฟอกที่มีประสิทธิภาพสูงและทำงานได้เต็มกำลังเพื่อให้อากาศภายในออกมาบริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC3259 ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเพราะด้วย CARD ในระดับสูง 393 ลบ.ม./ชม. มีการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยอย่าง Vitashield IPS ที่กรองได้ละเอียดผ่านแผ่นกรองถึง 3 ชั้น และเทคโนโลยี AeraSense ที่เป็นเซนเซอร์ตรวจจับที่มีความแม่นยำสูงมาทำงานร่วมกัน ใช้แสดงผลแบบเรียลไทม์ทั้งแบบตัวเลขบอกระดับ PM2.5 และไฟสีแจ้งเตือนคุณภาพอากาศ
และที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้เลยก็คือมันสามารถเชื่อมต่อเข้ากับแอพ Air Matters เพื่อให้คุณสามารถควบคุมระยะไกลได้ทุกที่และทุกเวลา โหมดการทำงาน 3 โหมด (โหมดทั่วไป โหมดไวต่อสารก่อภูมิแพ้ และโหมดกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส) และความเร็วสามารถปรับได้มากถึง 5 ระดับ ดีไซน์ออกมาให้ดูสวยงามทันสมัยและถูกต้องเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์
ข้อดี
- เซนเซอร์มีความไวและแม่นยำมากขึ้นในการตรวจจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศ
- สามารถเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นได้
- โหมดการทำงานสุดล้ำจัดการกับสารก่อภูมิแพ้, เชื้อโรค และไวรัสโดยเฉพาะ
- ตั้งเวลาการทำงานได้
- สามารถล็อกหน้าจอแสดงผลได้
- อายุการใช้งานของแผ่นกรองแต่ละแผ่นจะมีบอกไว้ในแอพแล้วเรียบร้อย
- มีที่จับที่แข็งแรงและแน่นหนาเพื่อให้ยกเคลื่อนย้ายได้สะดวก
ข้อควรพิจารณา
- ราคาค่อนข้างสูง
- ค่อนข้างที่จะมีน้ำหนัก
อายุการใช้งานแผ่นกรอง | แผ่นกรอง HEPA 2 ปี, แผ่นกรองผงถ่านกัมมันต์ 1 ปี |
---|---|
ขนาด | 36.6 x 25.1 x 69.8 ซม. |
อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ | 393 ลบ.ม./ชม. |
น้ำหนัก | 8.42 กก. |
โหมดทำงาน | 3 โหมดอัตโนมัติและปรับความเร็ว 5 แบบ |
ขนาดห้อง | ไม่เกิน 95 ตร.ม. |
ไฟแสดงคุณภาพอากาศ | ✔ |
แผ่นกรอง | 3 ชั้น (HEPA, ผงถ่านกัมมันต์ และแผ่นกรองขั้นต้น) |
สายไฟยาว | 2 ม. |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศจาก Philips
1. ตรวจสอบค่า CADR
แต่ก่อนอื่นเลยก่อนที่คุณจะไปดูค่า CADR หรือค่าอัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธิ์ที่แต่ละเครื่องแต่ละรุ่นทำได้นั้น คุณต้องทราบขนาดของห้องที่คุณต้องการที่จะใช้งานเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยนำไปเปรียบเทียบกับ CADR หรือค่าอัตราการส่งผ่านอากาศที่บริสุทธิ์ของรุ่นนั้น ๆ ซึ่งถ้าหากว่าเราไม่เลือกให้ทั้งสองตัวนี้บาลานซ์กันก็จะมีผลต่อคุณภาพอากาศในบริเวณที่ใช้งานได้ค่ะ
2. จุดประสงค์การใช้งาน

คุณสมบัติการใช้งานของ Philips ในและรุ่นนั้นย่อมต่างกันอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นการนำไปใช้งานให้เหมาะสมเองก็ต่างกันเช่นกัน ยิ่งถ้าหากคุณจะนำไปใช้งานในห้องนอนก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบในเรื่องของเสียง รวมถึงการควบคุมแสงไฟเป็นหลัก แต่ถ้าบ้านไหนที่มีเจ้าตัวเล็ก การเลือกแบบที่ล็อกการตั้งค่าได้ก็จะเหมาะมาก ๆ เลยค่ะ ยิ่งถ้าหากว่าก่อนซื้อได้มีการกำหนดพื้นที่ที่จะใช้งานหรือจุดประสงค์ก่อนก็จะยิ่งทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
3. ราคา
ราคาเปิดตัวของเครื่องฟอกอากาศ ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นสุดท้ายที่เราเลือกมาในวันนี้ก็ไล่ไปตั้งแต่หลักพันไปจนถึงราคาแพงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว ดังนั้นราคาเราขอแนะนำให้เลือกสินค้าจากงบประมาณที่คุณตั้งไว้ และให้ลองตรวจสอบการใช้งานดูว่าฟังก์ชันไหนบ้างที่คุณจำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ หากพบว่าสินค้าที่ต้องการมีราคาที่สูงเกินงบประมาณของคุณ ก็ค่อยตัดฟังก์ชันที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง แล้วค่อยไปพิจารณาสินค้ารุ่นอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันแทนค่ะ
4. แผ่นกรอง
แผ่นกรองเองก็ถือเป็นสิ่งที่ควรที่จะนำมาพิจารณาตั้งแต่ตอนก่อนซื้อเลยนะคะ โดยนอกจากจะดูที่ประสิทธิภาพการทำงานอย่างเดียวแล้ว อายุการแผ่นกรองอากาศ ราคาแผ่นกรองใหม่ถูกหรือแพงแค่ไหนก็ต้องลองคำนวณดูด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งแผ่นกรองหลัก ๆ ที่จำเป็นต้องมีคือ แผ่นกรอง AC สำหรับดักจับเรื่องกลิ่นและแผ่นกรอง HEPA สำหรับดักจับอนุภาคขนาดเล็กค่ะ
5. ความสะดวกในการใช้งาน
สำหรับข้อสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำให้นำมาพิจารณาด้วยเช่นกันนั่นคือ ความสะดวกในการใช้งานไม่ว่าจะในเรื่องของน้ำหนักของตัวเครื่อง ความยาวของสายไฟ การออกแบบที่จับ-ล้อสำหรับเคลื่อนย้าย รูปทรงของตัวเครื่องว่าใช้งานได้สะดวกแค่ไหน? หากมีการเคลื่อนย้ายจะสามารถทำได้หรือไม่? เพราะหากว่าหากต้องมีการเคลื่อนย้ายไปใช้ในที่อื่น ๆ ก็จะได้ทำได้สะดวก ดังนั้นถ้าหากว่าเราลองคำนึงถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะดีมากค่ะ
เครื่องฟอกอากาศ Philips จัดการเชื้อโควิดได้หรือไม่? (3)
เราเชื่อว่าในสถานการณ์ตอนนี้หลาย ๆ คนก็คงจะกำลังมองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยจัดการกับทั้งฝุ่นธรรมดาทั่วไป รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด 19 กันอยู่ใช่ไหมละคะ? เชื้อไวรัสโควิด 19 นอกจากที่จะติดจากการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อจากการที่มีการแพร่กระจายตัวในอากาศด้วยเช่นกัน และจากการศึกษาและทดลองของทาง Philips ได้ผลสรุปออกมาว่าแผ่นกรอง HEPA ของของทางแบรนด์เองนั้นมีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคขนาดเล็ก 0.003 ไมครอนหรือเท่ากับ 3 นาโนเมตรได้อยู่ที่ 99.97% ในขณะที่ขนาดของไวรัสโควิด 19 นั้นอยู่ที่ 0.07 – 0.09 ไมครอนเท่านั้น (4)
ถึงแม้ว่าตอนนี้อาจจะไม่ได้มีหลักฐานที่ระบุว่าเครื่องฟอกอากาศ Philips จะสามารถจัดการกับปัญหาเชื้อโควิดที่กระจายอยู่ในอากาศได้ แต่จากประสิทธิภาพในการจัดการกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N1 จากการทดลองครั้งก่อนหน้านี้ที่ได้ผลดีถึง 99.9 % ก็คงจะพอเดาได้ว่าประสิทธิภาพก็คงจะไปในทำนองเดียวกันนั่นเองค่ะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่การใช้แค่เครื่องฟอกอากาศอาจจะไม่ใช่แนวทางเดียวที่จะช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโควิดได้ดีที่สุด ยังไงก็ยังจำเป็นต้องอาศัยการป้องกันตัวเองในด้านอื่น ๆ เพิ่มด้วยเช่นกันนะคะ
การทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศ
1. การทำความสะอาดแผ่นกรองขั้นต้น
- ปิดเครื่องและถอดปลั๊กออกจากเตาเสียบทุกครั้งหากมีการทำความสะอาดไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตาม
- ดึงส่วนแผงของตัวเครื่องออก โดยแผ่งที่เปิดตัวนี้อาจจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นนะคะ
- กดคลิปที่ล็อกแล้วดึงแผ่นเข้าหาตัวเราเอง
- ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า ควรปล่อยให้น้ำไหลผ่านชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดค้างออกไปให้หมด ซึ่งถ้าแผ่นกรองสกปรกมากก็สามารถใช้แปรงช่วยถูก็ได้ค่ะ แต่แนะนำว่าไม่ควรถูแรงมากเพราะมันอาจก็ให้เกิดความเสียหายได้
- นำไปผึ่งให้แห้ง แต่ไม่ควรนำไปตากแดด แนะนำว่าวิธีที่ดีที่สุดคือใช้ไดร์เป่าผมลมเย็นหรือใช้ความร้อนระดับต่ำเป่าให้แห้ง
- หลังจากแผ่นกรองแห้งแล้วเรียบร้อยก็ใส่กลับเข้าไปตามเดิม โดยต้องใส่ให้ลงล็อกพอดีนะคะ ปิดฝาเครื่องให้เรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จ
- การทำความสะอาดควรทำทุก ๆ เดือน
2. การทำความสะอาดแผ่นกรองทรงกลม
สำหรับในบางรุ่นที่แผ่นกรองจะมีลักษณะเป็นทรงกลมนั้น ห้ามนำไปล้างทำความสะอาดเหมือนกันแผ่นกรองขั้นต้นโดยเด็ดขาดนะคะ ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก ๆ นั่นคือ
- ปิดเครื่องและถอดปลั๊กให้เครื่องหยุดทำงาน
- เปิดฝาตัวเครื่องออก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวของแผ่นกรอง ให้จับตรงที่จับเล็ก ๆ ที่ติดตั้งมาให้กับแผ่นกรองนะคะ
- การทำความสะอาดแค่เช็ดด้วยผ้าหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นก็เพียงพอแล้วค่ะ
- ควรทำความสะอาดทุก ๆ เดือนเพื่อให้ประสิทธิภาพในการฟอกนั้นยังคงเหมือนเดิม
3. การทำความสะอาดแผ่นกรองถ่านกัมมันต์และแผ่นกรอง HEPA
ก็ที่ทุกคนพอจะทราบกันมาบ้างแล้วหรืออาจจะเห็นได้จากสัญลักษณ์ที่ได้มีบอกไว้บนแผ่นกรองแล้วว่าแผ่นกรองทั้งสองแบบนี้ก็ไม่ควรที่จะนำไปล้างทำความสะอาดโดยเด็ดขาด เพราะน้ำนอกจากจะทำให้เสื่อมสภาพแล้ว ยังมีผลทำให้เส้นใยเกิดความเสียหายหรือขยายใหญ่ขึ้น และจากคำแนะนำจากทาง Philips เองก็ไม่แนะนำให้ล้างด้วยน้ำหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกด้วยนะคะ แค่คุณคอยสังเกตไฟแจ้งเตือนความผิดปกติหรือไฟแจ้งเตือนให้เปลี่ยนแผ่นกรองใหม่เท่านั้นเองค่ะ
4. การทำความสะอาดเซนเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ
นอกจากแผ่นกรองที่ต้องทำความสะอาดแล้ว ตัวเซนเซอร์เองก็มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการทำความสะอาดที่ถูกวิธีเช่นกันค่ะ โดยการทำความสะอาดจะต้องใช้คอตตอนบัดชุบน้ำจากนั้นนำไปเช็ดทำความสะอาดตัวเซนเซอร์ จากนั้นให้ใช้ด้วยคอตตอนบัดแบบแห้งนำมาเช็ดอีกครั้งเพื่อให้เซนเซอร์นั้นแห้งสนิท ก็เป็นอันเรียบร้อย ซึ่งการทำความสะอาดในส่วนนี้ควรทำทุก ๆ สองเดือนนะคะ
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่นไหนดีที่สุด ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
References :