เครื่องฟอกอากาศ Philips – AC1215 ช่วยส่งเสริมการนอนหลับด้วยการมอบอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดคืน จากเซนเซอร์อัจฉริยะและแผ่นกรองที่ผ่านมาตรฐานสถาบันชั้นนำของโลก
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.3 เต็ม 10
![]() |
|
มีคำกล่าวไว้ว่า “ช่วงเวลาหนึ่งในสามของชีวิตมนุษย์เรามักใช้ไปกับนอน” เนื่องจากเราใช้เวลาไปกับการนอนหลับโดยเฉลี่ย 8 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นสภาพแวดล้อมในห้องนอนจึงมีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะคุณภาพของอากาศที่จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคุณโดยตรง นอกจากนี้เรายังใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในที่ร่มมากกว่าสถานที่กลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้านเองก็ตาม จึงเห็นได้ชัดว่าคุณภาพอากาศที่ดีจะทำให้เรามีความสุขและมีสุขภาพดีเช่นกัน แต่หากอากาศภายในห้องของเรามีคุณภาพต่ำ อันเนื่องมาจากมีอนุภาคอื่น ๆ ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง (PM), ควันไฟควันบุหรี่, สารก่อภูมิแพ้อย่าง พวกไรฝุ่น เกสรดอกไม้ และสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ที่อาจทำให้คุณรู้สึกระคายเคืองผิวหนัง, จมูก, ตา รวมถึงมีอาการเวียนหัวคลื่นไส้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีโรคภูมิแพ้ร่วมด้วย ก็จะยิ่งมีอาการที่รุ่นแรงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
แม้ว่าการใช้เครื่องดูดไรฝุ่นหรือวางต้นไม้ฟอกอากาศรอบๆ ห้องจะช่วยให้ปรับปรุงคุณภาพอากาศได้ในระดับหนึ่ง แต่การใช้ “เครื่องฟอกอากาศ“ ที่ได้รับการออกแบบคิดค้นมาเพื่อทำให้อากาศบริสุทธิ์โดยเฉพาะจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากกว่า ซึ่งปัจจุบันนี้มีเครื่องฟอกอากาศมากมายหลายขนาดให้คุณเลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์, เครื่องฟอกอากาศแบบพกพา หรือเครื่องฟอกอากาศตั้งโต๊ะ ต่างก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือสร้างอากาศที่ดีให้แก่เรา แต่หากคุณอยากจะใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้านหรือต้องการเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้นอนสบายตลอดทั้งคืน ดูเหมือนว่าคุณจะต้องใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดพอเหมาะกับพื้นที่ของห้องด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเราจึงขอแนะนำเครื่องฟอกอากศของ Philips รุ่น AC1215 ที่สามารถใช้งานในห้องขนาด 63 ตร.ม. ได้อย่างครอบคลุมทั่วทั้งห้อง ทั้งยังมีระบบหมุนเวียนอากาศที่ดีสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ในอัตรา 270 ลบ.ม./ชม. ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการกดปุ่มเครื่องฟอกอากาศเพียงครั้งเดียว เครื่องฟอกอากาศจะกรองมลพิษทางอากาศ, ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, สารก่อภูมิแพ้ หรือไวรัสอนุภาคเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นได้ถึง 99.9% ด้วยระบบการทำงานอัจฉริยะที่จะทำให้อากาศภายในห้องบริสุทธิ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดนั่นเองค่ะ
เครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์ รุ่น AC1215 ทำงานอย่างไร?
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร? และควรหันเครื่องด้านไหนออกกันแน่? ต้องบอกก่อนว่าเครื่องฟอกอากาศแต่ละยี่ห้อจะออกแบบมาไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์นั้น เราจะให้ด้านหน้าของเครื่องหันออกจากผนัง/เฟอร์นิเจอร์ เพราะอากาศที่สกปรกจะโดนช่องลมด้านหน้าดูดเข้าไปในเครื่องและจะผ่านแผ่นกรองทั้ง 3 ชั้น โดยจะเริ่มจาก แผ่นกรองชั้นแรก, แผ่นกรอง AC (คาร์บอน หรือ ผงถ่านกัมมันต์) รุ่น FY1413 และแผ่นกรอง HEPA รุ่น FY1410 ตามลำดับ จากนั้นอากาศที่ได้กรองจนสะอาดแล้ว จะออกมาทางช่องลมด้านหลัง

ความสามารถของเครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์ รุ่น AC1215
→ คุณภาพของการกรองอากาศ
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าในเครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์รุ่น AC1215 มีแผ่นกรองทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่ต่างกันดังนี้
|
|
ด้วยความสามารถทั้งหมดของแผ่นกรองที่กล่าวมาก คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าจะปลอดภัยจากฝุ่นละออง PM2.5 ทุกครั้งที่เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ค่ะ เพราะมันกรองอนุภาคที่เล็กกว่า PM2.5 ได้ถึง 800 เท่า อีกทั้งยังได้รับการทดสอบโดย Airmid HealthGroup* แล้วว่าขจัดไวรัสและฝุ่นละอองตามอากาศได้สูงสุดได้สูงถึง 99.9% รวมถึงเชื้อไวรัสที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ด้วย
→ การทำงานของเซนเซอร์ที่ชาญฉลาด
ในส่วนของเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศนั้น ได้รับการออกแบบมาให้สามารถตรวจจับอนุภาคในอากาศขนาดเล็กสูงถึง 1000 ครั้ง/วินาที แบบเรียลไทม์ ที่จะคอยบอกดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index หรือ AQI) ถึง 4 ระดับ ซึ่งหากคุณตั้งค่าอยู่ในโหมดอัตโนมัติ เซนเซอร์ตัวนี้จะคอยเลือกความเร็วของลมในการฟอกอากาศที่เหมาะสมที่สุดให้เองค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับแสงสว่างที่จะคอยควบคุมแสงไฟ (หรี่แสงลง) บนหน้าจอแสดงผลอย่างอัจฉริยะด้วย และหากคุณตั้งค่าอยู่ในโหมดอัตโนมัติ มันก็จะเข้าสู่โหมด Night sensing mode ให้เองโดยที่คุณไม่ต้องสั่งการควบคุมใด ๆ เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างเงียบที่สุดในขณะที่คุณนอนหลับ และหลีกเลี่ยงการรบกวนของแสงไฟบนแผงควบคุม
→ แจ้งเตือนอายุการใช้งานของแผ่นกรอง
เครื่องฟอกอากาศรุ่นี้สามารถแจ้งเตือนอายุของแผ่นกรอง AC และ HEPA บนหน้าจอแสดงผลได้ ซึ่งการคำนวณนั้นก็ไม่ได้ดูจากจำนวนวันที่ระบุไว้ในสเปคคร่าว ๆ ของสินค้านะคะ แต่มาจากการคำนวณอายุแผ่นกรองตามระดับมลพิษที่ใช้งานจริง ๆ หากตัวเครื่องพบว่าภายใน 14 วันที่แจ้งเตือนไปแล้ว คุณไม่ยอมเปลี่ยนแผ่นกรองใหม่ มันก็จะล็อคตัวเองให้หยุดการทำงานทุกอย่าง วิธีนี้จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพของคุณหากยังคงดันทุรังใช้ต่อไป และยังช่วยบำรุงรักษาตัวเครื่องไปในตัวอีกด้วย
→ ระบบหมุนเวียนอากาศ
เครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์รุ่น AC1215 สามารถหมุนเวียนและกระจายอากาศภายในห้องขนาดไม่เกิน 63 ตร.ม. ได้อย่างครอบคลุมทั่วทั้งห้อง โดยมีประสิทธิภาพ CADR (clean air rate) ซึ่งหมายถึงอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์อยู่ที่ 270 ลบ.ม./ชม.
ข้อมูลจำเพาะด้านเทคนิคของ PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215
![]() |
|
วิธีใช้งานเครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์ รุ่น AC1215
→ ความหมายของปุ่มกดบนแผงควบคุม
การจะเริ่มเปิดใช้งานเครื่องเราจะต้องรู้ความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ และความหมายของสีสถานะบนแผงควบคุมกันก่อนนะคะ ซึ่งแผงควบคุมของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้จะเป็นระบบสัมผัสทั้งหมด และจะมีปุ่มกดเพียง 4 ปุ่มเท่านั้น เรามาดูกันค่ะว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไรได้บ้าง?
- ปุ่ม Power : มีหน้าที่เปิด-ปิดเครื่อง ในกรณีที่คุณต้องการปิดเครื่องให้กดค้างที่ปุ่ม Power ไว้ 3 วินาที แต่ถ้าจะเปิดเครื่องไม่ต้องกดค้างนะคะสามารถกดทีเดียวได้เลย
- ปุ่ม Night sensing mode : เหมาะสำหรับใช้ในช่วงกลางคืนในยามที่คุณนอนหลับ เพราะตัวเครื่องจะทำงานเงียบที่สุด ซึ่งจะหรี่แสงไฟที่หน้าจอให้อ่อนลงอัตโนมัติอีกด้วย เพื่อให้แสงและเสียงไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ
- ปุ่มเลือกโหมดการทำงาน : ปุ่มนี้จะเป็นการเปลี่ยนระดับความเร็วของตัวพัดลมที่ใช้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 5 แบบ คือ A (โหมดอัตโนมัติ), 1, 2, 3 และ t (โหมดเทอร์โบ) การเลือกระดับความเร็วของพัดลมนั้น ทำได้โดยการกดปุ่มเดิมซ้ำ ๆ เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้โหมดที่ต้องการค่ะ
- (A) เป็นโหมดอัตโนมัติที่จะทำงานตามระดับคุณภาพของอากาศในห้องแบบอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องตั้งค่าควบคุมอะไรเลย ซึ่งหลัก ๆ แล้วโหมดนี้ต้องอาศัยการตรวจจับของเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศเป็นตัวเปลี่ยนโหมดทำงานเอง
- (1) ความเร็วระดับ 1
- (2) ความเร็วระดับ 2
- (3) ความเร็วระดับ 3
- (t) ย่อมาจากโหมดเทอร์โบมีความเร็วแรงลมระดับที่แรงที่สุด
- + (A) ตัวนี้เป็น “โหมดอัตโนมัติ” ที่ทำงานร่วมกับ “โหมดระบบป้องกันสารก่อภูพิแพ้” ซึ่งมันสามารถดูดจับพวกเกสรดอกไม้หรือสะเก็ดผิวหนังสัตว์เลี้ยงได้ด้วย
- ปุ่มป้องกันเด็ก : เป็นระบบที่ออกแบบมาป้องกันเด็กไปสัมผัสแผงควบคุม ซึ่งขณะที่เปิดใช้งานโหมดนี้ตัวคุณเองก็จะไม่สามารถกดปุ่มใด ๆ ได้เช่นกัน ในกรณีที่จะเปิดใช้งานให้กดปุ่ม ป้องกันเด็ก ค้างไว้ 3 วินาที และหากคุณต้องการปิดโหมดนี้ก็ให้กดปุ่มเดิมค้าง 3 วินาทีเช่นกันค่ะ
→ ความหมายของสถานะสีคุณภาพอากาศบนจอแสดงผล
การบอกระดับคุณภาพอากาศในห้องของเครื่องฟอกอากาศจากฟิลิปส์รุ่นนี้ จะบอกเป็นสีสันที่สามารถแยกออกได้ง่าย มองเห็นได้ชัดเจน และเข้าใจได้ทันที ซึ่งจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 สี 4 สถานะ ด้วยกันค่ะ
สีน้ำเงิน : อากาศดี | สีม่วง : อากาศดีปานกลาง | สีชมพู : อากาศไม่ดีต่อสุขภาพ | สีแดง : อากาศไม่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก |
→ การติดตั้งแผ่นกรองแต่ละชั้น
- อันดับแรกคุณจะต้องมองหาที่ช่องแผงด้านหน้าของเครื่องฟอกอากาศให้ได้ก่อนค่ะ ซึ่งจะอยู่ด้านบริเวณข้างของเครื่อง (ทั้งสองด้าน) จากนั้นให้คุณจับที่เปิดทั้งสองข้างพร้อมกันและค่อย ๆ ดึงแผงให้เปิดอ้าออกเล็กน้อย แล้วจึงยกแผงขึ้นเบา ๆ เพื่อให้ตัวล็อคหลุดออกจากเครื่อง และค่อย ๆ ถอดออกมาทั้งแผง
- เมื่อถอดแผงด้านหน้าได้แล้วให้แกะพลาสติกที่ห่อหุ้มแผ่นกรองทั้งหมดออก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้จัดวางลำดับของแผ่นกรองอย่างถูกต้องตามเดิม คือ ด้านในสุด = แผ่น HEPA, ตรงกลาง = แผ่น AC และนอกสุด = แผ่นกรองทั่วไป
- เมื่อจัดการติดตั้งแผ่นกรองเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยทุกครั้งด้วยนะคะ และสุดท้ายให้คุณติดตั้งแผงด้านหน้ากลับเข้าที่ให้เรียบร้อยตามเดิม
→ วิธีเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
- จัดวางตำแหน่งของเครื่องให้เหมาะสม โดยหันด้านหน้าออกจากผนัง เสียบปลั๊กเครื่องฟอกอากาศและกดปุ่ม Power เพื่อให้เครื่องเริ่มทำงาน จากนั้นจะมีการเปลี่ยนสีสถานะอากาศในห้องบนหน้าจอสลับไปมาประมาณ 30 วินาที ให้รอจนกว่าจอหน้าแสดงผลจะคงที่ จึงเริ่มกดสั่งงานใด ๆ
- หลังจากเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศเรียบร้อยแล้ว หน้าจอแสดงผลจะบอกสถานะคุณภาพอากาศในห้องเป็นสีใดสีหนึ่งออกมา โดยจะมีโหมดทำงานเริ่มต้นของเครื่องคือโหมด Auto (โหมดอัตโนมัติ)
- คุณสามารถกดปุ่มเลือกโหมดการทำงานได้ด้วยการกดปุ่ม รูปใบพัด ซ้ำ ๆ กัน
หมายเหตุ : คุณสามารถอ่านวิธีใช้งานอย่างละเอียดรวมถึงคำแนะนำต่าง ๆ ได้จากคู่มือที่ให้มาในกล่อง หรือจะไปที่เว็บไซต์ของ philips.co.th เพื่อดาวน์โหลด "คู่มือและเอกสาร (User Manual)" การใช้งานเครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215 โดยตรงก็ได้ค่ะ
→ คำแนะนำในการใช้งานที่ควรทราบ
- ไม่แนะนำให้วางเครื่องฟอกอากาศใต้เครื่องปรับอากาศ (แอร์) เพราะหากมีหยดน้ำจากแอร์ตกลงมา อาจทำให้เครื่องฟอกอากาศเสียหายได้
- ไม่ควรให้มีสิ่งของใด ๆ บดบังช่องทางลมเข้าออกของเครื่องฟอกอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- เพื่อป้องกันการรบกวนขณะที่เครื่องฟอกอากาศทำงาน ควรตั้งให้ห่างจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้คลื่นวิทยุอย่างโทรทัศน์ อย่างน้อย 2 เมตร
- เครื่องฟอกอากาศไม่ใช่พัดลมดูดอากาศ จึงไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้ ดังนั้นไม่ควรใช้ขณะที่ปรุงอาหารและไม่ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ในห้องครัว รวมถึงพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น การตั้งไว้ใกล้กับอุปกรณ์ให้ความร้อนอย่าง เตาไฟ, หม้อหุงข้าว หรือ กาน้ำร้อน เป็นต้น
รีวิวการใช้งานเครื่องฟอกอากาศของ PHILIPS (ฟิลิปส์) รุ่น AC1215
→ รีวิวการออกแบบใช้งานตัวเครื่อง + รูปลักษณ์ภายนอก

กล่องบรรจุสินค้ามีความแข็งแรง ภายในกล่องมีลังกระดาษกันกระแทกมาให้ ซึ่งจะมี User Manual หลายภาษารวมถึงภาษาไทยด้วย ตัวเครื่องฟอกอากาศเป็นวัสดุแข็งแรงทนทาน มาในธีมสีขาวหน้าจอสีดำที่ดูหรูมีสไตล์ มีขนาดกลาง ๆ และหูหิ้วที่ด้านหลังเครื่องจึงสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายมาก ๆ ไม่ต้องกลัวว่าลื่นหลุดมือระหว่างเคลื่อนย้าย สายไฟยาวถึง 1.8 เมตรสามารถนำไปวางไว้บริเวณกลางห้องได้สะดวก หัวปลั๊กสามารถใช้งานได้เลย เพราะเป็นแบบ 2 ขาทั่วไปไม่ต้องซื้อหัวแปลงเพิ่มเติม แต่น่าเสียดายที่ฐานเครื่องไม่มีแผ่นกันลื่นมาให้ เป็นเพียงฐานพลาสติกทั่วไปค่ะ
ส่วนแผงควบคุมทำงานง่ายเป็นระบบสัมผัสที่ไม่ไวเกินไปรู้สึกใช้แล้วไม่ขัดใจ ส่วนแผงที่เป็นพลาสติกเปลี่ยนไส้กรองและแผงตรงเซนเซอร์ มีสลักล็อคมาให้ทำให้เปิด-ปิดและทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องออกแรงให้ยุ่งยาก ในส่วนช่องปล่อยลมออกนั้น ทางฟิลิปส์ออกแบบให้มีการสโลปเฉียงขึ้นเล็กน้อย ทำให้อากาศที่สะอาดสามารถกระจายได้ทั่วห้องมากกว่าแบบช่องลมปกติ
การปิด-เปิดของแผงด้านหน้าของแผ่นกรองจะเป็นลักษณะช่องจับเล็ก ๆ สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย โดยที่คุณไม่ต้องออกแรงมากเลยค่ะ มีสลักล็อคมาให้เรียบร้อย ตอนที่ปิดฝาเพียงแต่ปล่อยเบา ๆ ตัวแผงก็จะยึดติดกับเครื่องได้เลย โดยไม่ต้องออกแรงกด ในกรณีที่คุณเผลอถอดแผงหน้าจอขณะที่ทำงานอยู่ ตัวเครื่องก็จะปิดระบบทำงานทันที เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้ใช้งาน เมื่อเสียบแผงกลับเข้าไปก็จะเริ่มทำงานอัตโนมัติอีกครั้ง
→ ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ : ความสามารถในการกรองฝุ่น + ความดังของเสียง
สำหรับการกรองฝุ่นนั้นเราจะเครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์ใช้เป็น “แป้งฝุ่นทาตัวเด็ก” ในการทดสอบ โดยจะเทแป้งลงบนผ้าและสะบัดผ้าให้แป้งฟุ้งกระจายในระยะกระชั้นชิดเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งจะตั้งโหมดของเครื่องฟอกอากาศไว้ที่ “โหมด (A) อัตโนมัติ” เพื่อจะดูว่าเซนเซอร์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด? ซึ่งจากผลการทดสอบออกมาตามตารางด้านล่างดังนี้

เซนเซอร์ตรวจจับ อากาศดี → อากาศแย่มาก (น้ำเงิน → แดง) | ใช้เวลา 5-10 วินาที | |
ใช้เวลาฟอกอากาศจาก อากาศแย่มาก → อากาศแย่ (แดง → ชมพู) | 8 นาที | ความดัง 44-50 เดซิเบล |
ใช้เวลาฟอกอากาศจาก อากาศแย่ → อากาศปานกลาง (ชมพู → ม่วง) | 5 นาที | ความดัง 35-40 เดซิเบล |
ใช้เวลาฟอกอากาศจาก อากาศปานกลาง → อากาศดี (ม่วง → น้ำเงิน) | 8 นาที | ความดัง 33-34 เดซิเบล |
กลับมาโหมด (A) อัตโนมัติ | ความดัง 26-28 เดซิเบล |
*** จำนวนตัวเลขในตารางขึ้นอยู่กับปริมาณของแป้งที่ใช้ ขนาดของห้อง ระยะห่างการเทแป้งกับตัวเครื่อง
เครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์ใช้เวลาประมาณ 5-10 วินาที ในการตรวจจับคุณภาพของอากาศในห้อง และค่อย ๆ ปรับคุณภาพอากาศไปเรื่อย ๆ ตามขั้นตอนของเครื่องทีละสเต็ปตามระดับสีบนหน้าจอแสดงผล โดยความดังของพัดลมจะค่อย ๆ เบาลง ๆ ตามลำดับเช่นกัน ซึ่งจะมีเสียงดังเพียงแค่ช่วงแรก ๆ เท่านั้น โดยรวมแล้วเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ทำงานไปประมาณ 20 นาที สำหรับการฟอกอากาศที่มีฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กปริมาณสูง ในแง่คุณภาพอากาศนั้นที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีเครื่องคอยบอกสถานะ ก็สามารถสัมผัสได้ว่าอากาศดีขึ้นจริง ๆ อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ในกรณีที่เครื่องเมื่อกลับเข้าสู่โหมด (A) อีกครั้ง เครื่องก็จะทำงานแบบเงียบมาก ๆ แต่ก็ยังคงฟอกอากาศและปล่อยลมบริสุทธิ์อ่อน ๆ ออกมาตลอด (เครื่องไม่ได้หยุดทำงาน) ซึ่งความวัดที่วัดได้อยู่ 26-28 เดซิเบลเท่านั้น ทั้งนี้ความดังอาจรวมถึงความดังของเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ในห้องด้วยนะคะ แต่โดยรวมถือว่าเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างทำงานได้เงียบมาก ๆ เลยค่ะ
สรุป การทดสอบกรองฝุ่น + ความดังของเสียง : ค่อนข้างประทับใจในศักยภาพการทำงานของตัวเซนเซอร์ที่ตรวจจับคุณภาพอากาศได้อย่างแม่นยำมาก ๆ เพราะเรายังได้ทดสอบเทแป้งลงในอีกฝากของมุมห้องด้วยเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องฟอกอากาศของฟิลิปส์ยังคงสามารถจับคุณภาพอากาศที่แย่ได้ในระยะไกล นอกจากนี้โหมด (A) ก็ทำงานได้อย่างเงียบมาก ๆ แทบจะไม่ส่งเสียงรบกวนเลยค่ะ
→ ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ : ความสามารถในการดูดควัน
แม้ว่าจะมีการทดสอบด้วยแป้งฝุ่นไปแล้ว แต่สำหรับ “ควัน” นั้นถือว่ามีอนุภาคที่เล็กกว่าแป้งฝุ่นมาก ๆ ซึ่งจากข้อมูลของเครื่องรุ่นนี้ ระบุไว้ว่ามันสามารถกรองอนุภาคที่เล็กเพียง 0.003 ไมครอนได้ อีกทั้งยังสามารถกรองไวรัส, เชื้อแบคทีเรีย, ละอองในอากาศ รวมถึง PM2.5 ได้อีกด้วย
ดังนั้นเพื่อทดสอบว่าเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศที่อนุภาคขนาดเล็ก ๆ สามารถทำงานได้จริงหรือไม่? เราจึงได้ทดลองใช้การเผาไหม้ของควันธูปที่มีอนุภาคเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ด้วยการใช้กำยานจุดภายในห้อง และดูว่าแผนกรองมีประสิทธิภาพกับฝุ่นละอองขนาดเล็กมากเพียงใด? ผลลัพธ์อากาศภายในห้องจะดีขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า? จึงสรุปได้ดังนี้ค่ะ

- ในช่วง 5 นาทีแรก เครื่องฟอกอากาศไม่มีการตอบสนองใด ๆ จึงต้องเพิ่มจำนวนกำยานเป็น 3 อัน เครื่องจึงเปลี่ยนสถานะสีไฟเป็นม่วง แต่เนื่องจากทิศทางของควันธูปไม่สามารถกำหนดได้ เพราะมันพัดไปมาแบบไร้ทิศทาง ทำให้ตัวเซนเซอร์อ่านค่าออกมาได้ช้าเล็กน้อย
- แต่เมื่อจุดกำยานไปต่ออีก 5-10 นาที พบว่าแม้จะเลื่อนตำแหน่งของกำยานให้ออกห่างจากตัวเครื่องไปไกลแล้ว แต่คุณภาพอากาศที่เซนเซอร์วัดได้ยังคงเป็นอากาศที่ไม่ดี ซึ่งในขณะที่เลื่อนตำแหน่งจุดเกิดควันอาจจะมีสลับโหมดเป็นสีม่วง ชมพู และแดงบ้าง แต่ไม่ได้เปลี่ยนค่าไปมาอย่างกะทันหัน แสดงว่าเซนเซอร์สามารถวัดคุณภาพอากาศในระยะไกลได้ดีมาก ไม่ได้วัดเพียงแค่บริเวณที่เกิดควันรอบ ๆ ตัวเซนเซอร์เท่านั้น
- เมื่อนำกำยานออกจากห้อง พบว่าเครื่องยังคงฟอกอากาศอย่างต่อเนื่องในโหมดสถานะไฟสีแดงด้วยความแรงแบบเทอร์โบไปอีก 20-30 นาที จนรู้สึกได้ว่าอากาศในห้องเริ่มดีขึ้นจริง ๆ แสดงว่าแม้เราจะกำจัดต้นตอของการเผาไหม้ไปแล้ว แต่หากอากาศในห้องยังไม่สะอาดจริง ๆ เซนเซอร์ที่วัดค่าอากาศได้ก็ยังคงส่งให้เครื่องทำการฟอกอากาศต่อไปเรื่อย ๆ
สรุป การทดสอบกรองควัน : ขณะที่เกิดการเผาไหม้ของควันธูป แม้ว่าเซนเซอร์จะปรับโหมดการฟอกช้าไปบ้างเพราะควันธูปกำลังอยู่ในช่วงกระจายตัว แต่เมื่ออากาศโดยรอบเริ่มคงที่และเครื่องสามารถรับรู้คุณภาพของอากาศได้อย่างแน่ชัด เครื่องฟอกอากาศก็ทำงานตลอดไม่มีหยุดพัก (รู้สึกอุ่นใจมากค่ะ) แสดงให้เห็นว่ามันยังคงฟอกอากาศในห้องอย่างทั่วถึงทั้งห้องจนกว่าควันธูปจะหมดไป 100% ไม่ใช่แค่เพียงในบริเวณที่เกิดควันเท่านั้น
→ ฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- เซนเซอร์วัดแสงทั่วไป : นอกจากนี้ยังมีการใช้เซนเซอร์วัดแสงในการตรวจจับแสงสว่างรอบ ๆ หากพบว่ามีแสงสว่างลดลง เครื่องจะหรี่ไฟที่แผงควบคุมทั้งหมดให้เอง เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับพักผ่อนของคุณ
- เซนเซอร์วัดแสงในโหมดต่าง ๆ :ในกรณีที่เครื่องอยู่ในโหมด (A) หรือโหมด + (A) เมื่อเซนเซอร์ตรวจวัดแสงพบว่าแสงไฟในห้องดับลง เครื่องจะเข้าสู่โหมด Night sensing mode (โหมด พักผ่อน) ให้อัตโนมัติเองโดยที่คุณไม่ต้องเดินไปกดปุ่มที่ตัวเครื่อง
- โหมด Night sensing mode : หากอยู่ในโหมด พักผ่อน ในกรณีที่เครื่องตรวจจับได้ว่าอากาศในห้องไม่บริสุทธิ์ มันจะเข้าสู่โหมดโหมดเทอร์โบ (t) ให้อัตโนมัติ และจะกลับเข้าสู่โหมด พักผ่อนเองอีกครั้งเมื่อการฟอกอากาศเสร็จเรียบร้อยแล้ว
- ไฟดับ: ในกรณีที่เกิดเหตุการไฟดับ ระบบจะกลับมาทำงานอีกครั้งอัตโนมัติหลังจากไฟฟ้ากลับมา
- แจ้งเตือนอายุแผ่นกรอง : สิ่งสำคัญคือเมื่อเราเริ่มใช้งานเครื่องฟอกอากาศไปสักระยะ เราจะลืมเรื่องอายุการใช้งานของแผ่นกรองไปเลย ดังนั้นทางฟิลิปส์จึงแก้ปัญหาด้วยการทำระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานอย่างเราจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์อยู่เสมอ ซึ่งเครื่องจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงผลเป็นรหัสแผ่นกรองดังนี้
-
- รหัส A3 หมายถึง ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง HEPA รุ่น FY1410
- รหัส C7 หมายถึง ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง แผ่นกรองคาร์บอนAC รุ่น FY1413
- รหัส A3 และ C7 ขึ้นสลับกัน หมายถึง ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองทั้ง 2 ชนิด
- กรณีที่มีรหัสอื่นอย่าง E1, E2, E3 และ E4 ขึ้นบนหน้าจอ ให้คุณติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของฟิลิปส์
ทั้งนี้หากไม่มีการเปลี่ยนแผ่นกรองเลยภายในระยะเวลา 14 วัน เครื่องฟอกอากาศจะหยุดทำงานและล็อคเครื่องโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้คุณใช้งานต่อให้เสี่ยงต่อสุขภาพ แต่หากคุณได้ทำการเปลี่ยนแผ่นกรองเรียบร้อยแล้วแต่เครื่องยังคงแจ้งเตือนอยู่ ให้คุณทำเสียบปลั๊กเครื่องฟอกอากาศใหม่และกดปุ่ม Power เพื่อเปิดเครื่องจากนั้นกดปุ่ม ป้องกันเด็กค้างไว้ 3 วินาที เพื่อรีเซตเวลานับอายุการใช้งานของแผ่นกรองอากาศใหม่ค่ะ
วีดีโอ รีวิวการใช้งานจริง เครื่องฟอกอากาศของ PHILIPS (ฟิลิปส์) รุ่น AC1215
วิเคราะห์ความคุ้มค่าในการซื้อ (คุณภาพของสินค้าเมื่อเทียบกับราคา)
![]() |
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 9.3 เต็ม 10
ด้วยราคานี้ถือว่าน่าลงทุนมาก ๆ แม้ว่าในเรื่องของฟังก์ชันเสริมอย่างการสั่งงานด้วยรีโมทหรือการใช้ผ่านแอปพลิเคชันยังไม่มีในรุ่นนี้ แต่ตัวเครื่องก็มีระบบทำงานให้อัตโนมัติโดยอาศัยเซนเซอร์วัดคุณภาพของอากาศและเซนเซอร์วัดแสงที่มีความแม่นยำและสามารถวัดได้ในระยะไกล ถือว่าไม่เป็นอุปสรรคในเรื่องความสะดวกสบายเลยค่ะ
รวมถึงมีระบบป้องกันภัยที่ดีเยี่ยม และมีระบบป้องกันสารก่อภูมิแพ้ด้วย อีกทั้ง PHILIPS (ฟิลิปส์) เองก็ขึ้นชื่อในเรื่องอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือ จึงสร้างความอุ่นใจได้เป็นอย่างดีว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ รวมถึงการบริการหลังการขายที่เป็นมิตรและจริงใจ โดยรวมแล้วขอตอบเลยว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาวมาก ๆ ค่ะ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรเรามาดูสรุปกันอีกครั้งพร้อมกันค่ะ
→ ข้อดีของเครื่องฟอกอากาศ PHILIPS (ฟิลิปส์) รุ่น AC1215
- ความสามารถในการฟอกอากาศได้รับการรับรองจาก ECARF* และ Airmid Health Group*
- เซอเซอร์ค่อนข้างมีความแม่นยำ สามารถวัดได้ในระยะไกล
- สามารถกรองอากาศได้ในพื้นที่กว้างทำงานทั่วทั้งห้อง
- มีเซนเซอร์วัดแสงจะคอยปรับโหมดการทำงานรวมถึงแสงไฟหน้าจอให้อัตโนมัติ
- มีระบบปุ่มป้องกันเด็กสัมผัสแผงหน้าจอ
- โหมด Night sensing สามารถปรับโหมดทำงานให้เข้ากับคุณภาพอากาศได้เองอัตโนมัติ
- มีระบบป้องกันภัยสำหรับตัวเครื่องและผู้ใช้งานที่รัดกุม
- หากเป็นโหมด A หรือโหมด Night sensing เครื่องจะทำงานเงียบมาก ๆ
- มีการแจ้งเตือนอายุแผ่นกรอง และล็อคการใช้งานหากไม่เปลี่ยนตามวันที่กำหนด
- การใช้งานง่ายดายไม่ต้องตั้งค่ายุ่งยาก สามารถปรับความเร็วระดับได้หลากหลาย
- การแสดงผลบนจอเป็นรูปแบบสีไฟบอกสถานะที่ดูง่าย
- แผงเปลี่ยนไส้กรองและแผงเซนเซอร์แกะทำความสะอาดได้ง่าย
- ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน มีหูหิ้วที่เคลื่อนย้ายสะดวก น้ำหนักเบา
- อะไหล่หรือแผ่นกรองสามารถหาซื้อได้ง่าย มีศูนย์ดูแลหลังการขายบริการทั่วทั้งประเทศ
→ ข้อควรพิจารณา + สิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติม
- หน้าจอไม่มีตัวเลขบอกระดับความหนาแน่นของมลพิษทางอากาศ
- ไม่มีรีโมทควบคุมหรือการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
- ไม่สามารถตั้งเวลาปิดเครื่องล่วงหน้าได้
*ECARF หรือ European Centre for Allergy Research Foundation เป็นมาตรฐานการทดสอบอันเคร่งครัดจากสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้ในยุโรป
*Airmid Health Group คือ ศูนย์วิจัยชั้นนำทางการแพทย์ของโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างมากมาย