หลงทางยังพอจะหาเจอ แต่หลงเธอให้ทำยังไง…ฮิ้ว! แหม่ ๆ วันนี้ก็เปิดหัวข้อกันด้วยคำคมบาดใจไปเลยสิจ๊ะ พอพูดถึงเรื่องหลง ๆ โดยเฉพาะการหลงทางแล้วเนี่ย บางคนก็บอกว่าการหลงทางเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันในการเดินทางใช่ไหมละค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วมันก็อาจจะเสียทั้งเวลา ทั้งยังทำให้แผนการเดินทางต้องเลื่อนออกไปอีก แถมที่เจ็บใจที่สุดก็คือต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มอีกด้วย ยิ่งโดยเฉพาะยุคสมัยนี้แล้วด้วยเนี่ยคงจะบอบช้ำกับค่าน้ำมันน่าดูเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้ใครไม่อยากหลงเธอ เอ้ย! หลงทาง 😂 ก็ให้ติดตามกันให้ดี ๆ เพราะเรามีแอปแผนที่ที่น่าสนใจประจำปี 2022 มาฝากกันค่ะ

พอพูดถึงแอปแผนที่จะว่ามันก็สะดวกมาก ๆ เลยละค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดคนเดียวหรือต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่คุณไม่คุ้นเคยคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวหลงอีกต่อไป อีกทั้งมันยังมีประโยชน์สำหรับคนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเดินทางไปที่นั้นมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจเรื่องของเส้นทาง แอปแผนที่เหล่านี้ก็จะช่วยคุณได้ดีเลยค่ะ นอกจากนี้แล้วคู่รักคู่ไหนที่มักจะทะเลาะกันบ่อยเรื่องการบอกทางไม่ถูก หลงทิศหลงทางบ่อยเสียจนคุณแฟนที่กำลังขับรถอาจจะเกิดอาการหัวร้อนเบา ๆ อันนี้เราก็แนะนำให้ดาวน์โหลดแอปแผนที่ไว้ให้คนขับดูเองเลยค่ะ เพราะมิฉะนั้นแล้วเดี๋ยวจะเกิดสงครามในรถเอาได้นะคะ อิอิ
แอปแผนที่ (Sat Nav) ใช้แอปไหนดี ?
- แอปแผนที่ฟรียอดนิยม มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการเดินทาง : Google Maps
- แอปแผนที่ออฟไลน์ ใช้ค้นหาเส้นทาง โรงแรม และใช้วางแพลนการเดินทางได้ : MAPS.ME
- แอปแผนที่ออฟไลน์ 3D ตรวจจับป้ายและกล้องจับความเร็วได้ : Sygic GPS
- แอปแผนที่สำรวจเส้นทางและสภาพจราจรเรียลไทม์ อัปเดตข้อมูลปัจจุบัน 24 ชม. : Waze
1. แอปแผนที่ Google Maps
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Google Maps ผ่าน Android และ iOS
สำหรับแอปแรกก็น่าจะเป็นแอปที่หลาย ๆ คนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วกับ Google Maps ซึ่งนอกจากจะเป็นแอปที่ใช้บอกเส้นทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ แล้วเนี่ย ตัวแอป Google Maps เองก็ยังช่วยให้เราสามารถเลือกคาดเดาเวลาที่ใช้เดินทางได้ ช่วยให้เราเลือกรูปแบบของการเดินทางได้ อีกทั้งยังมีรายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ รวมถึงข้อมูลในการติดต่อด้วยเช่นกันค่ะ แต่นอกเหนือจากนี้ในตัวแอปเองก็ยังมีการรายงานสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์ สามารถเลือกปรับเปลี่ยนสไตล์รูปแบบของแผนที่ได้ สามารถแชร์ตำแหน่งได้ ทั้งยังเข้าถึง Street View จากในตัวแอปนี้ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
นอกจากนี้แล้วคุณก็ยังสามารถตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของคุณโดยตรงได้ค่ะ อย่างการเลือกปักหมุดสถานที่ที่คุณเดินทางบ่อย ๆ เช่น บ้านของเพื่อนคนสนิทก็สามารถติดป้ายกำกับได้เลยทันที ทำให้การเดินทางครั้งต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาให้เสียเวลา หรือจะให้แอปช่วยคำนวณเวลาในการเริ่มออกเดินทางเองก็ทำได้เช่นกัน แต่ถ้าในกรณีที่ใครเดินทางเท้าเค้าก็มีฟีเจอร์ Live View ที่ได้นำเทคโนโลยี AR เข้ามาช่วยบอกเส้นทางด้วยเช่นกัน จริง ๆ แล้วนอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกมากมายเอาเป็นว่าใครสนใจก็ลองไปดาวน์โหลดตามลิงค์ที่เราให้ไว้ได้เลยค่ะ
2. แอปแผนที่ Sygic GPS
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Sygic GPS ผ่าน Android และ iOS
แอปแผนที่ตัวที่ 2 นี้ก็คือ Sygic ซึ่งก็จะเป็นแอปแผนที่ออฟไลน์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในขณะนั้นคุณจะไม่ได้เปิดใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ตามแต่อย่างไรก็ยังสามารถค้นหาตำแหน่งและยังสามารถคำนวณระยะทางได้ค่ะ โดยในส่วนของกราฟิกนอกจากที่นอกจากจะแสดงรูปแบบของแผนที่ธรรมดาทั่วไปแล้ว ในตัวแอปเองก็ยังสามารถเลือกแสดงเป็นแผนที่ 3D คุณภาพสูงได้อีกด้วย อีกทั้งข้อมูลต่าง ๆ เองก็ยังมีการอัปเดตอยู่ค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียวค่ะ
ในกรณีที่ใครสนใจอยากจะอัปเดตมาใช้แบบพรีเมียมเองก็สามารถทำได้ค่ะ โดยในระดับพรีเมียมก็จะมีฟีเจอร์เพิ่มเติมค่อนข้างเยอะและถือว่าครอบคลุมมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ 3D ที่มีการอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ ทุกเดือน สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอในรถได้ มีบอกเรื่องของความเร็วและเตือนหากว่ามีกล้องจับความเร็วในถนนเส้นนั้น บอกสภาพการจราจร ตรวจจับป้ายจราจรต่าง ๆ ขณะใช้งาน สามารถเปิดใช้การนำทางจากมุมมองปัจจุบันได้ การแชร์ตำแหน่ง ที่น่าสนใจอีกอย่างคือสามารถเปิดการฉายภาพสะท้อนบนกระจกหน้ารถได้ด้วย และอื่น ๆ อีกมากมายที่น่าสนใจค่ะ ซึ่งนอกจากนี้แล้วหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือหน้าตาของแอปจะดูค่อนข้างเฟรนลี่ เอาเป็นว่าใครอยากได้แอปแผนที่ที่ครบครันและเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าก็จัดไปเลยค่ะกับ Sygic GPS นั่นเอง
3. แอปแผนที่ MAPS.ME
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MAPS.ME ผ่าน Android และ iOS
MAPS.ME ก็เป็นอีกหนึ่งแอปแผนที่ออฟไลน์ที่มีความน่าสนใจไม่กันค่ะ โดยตัวแอปนั้นสามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งในแผนที่ออฟไลน์นั้นก็ไม่ได้มีแค่เฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังสามารถดูเส้นทางปีนเขา ปั่นจักรยาน เดินเท้า และเส้นทางการท่องเที่ยวได้ด้วยเช่นกัน โดยการทำงานของตัวแอปก็ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างเร็ว ๆ เพราะหลาย ๆ คนอาจจะเจอกับปัญหาที่เมื่อเราซูมเข้าหรือซูมออก แอปก็อาจจะค้างหรือโชว์แผนที่สี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่าบนหน้าจอมือถือได้ค่ะ แต่สำหรับ MAPS.ME นี้ก็ถือว่าเป็นจุดแข็งอีกหนึ่งจุดที่ทางทีมได้ออกแบบและได้รับการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นอย่างดี
ตัวแอปพลิเคชันตัวนี้มีการใช้งานที่คล้ายคลึงกับตัว Google Maps เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากเรื่องของการค้นหาตำแหน่งและระบุเส้นทางแล้วนั้น มันก็ยังมาพร้อมกับการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้นและง่ายขึ้นอีกด้วย ทั้งโหมดหมู่การค้นหาที่มีให้เลือกกันอย่างหลากหลาย นอกจากนี้แล้วคุณก็ยังสามารถใช้แอป MAPS.ME วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งในและต่างประเทศด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งคุณก็จะสามารถจองโรงแรมผ่านตัวแอปโดยตรง แล้วก็ยังสามารถค้นหาข้อมูลของสถานที่ต่าง ๆ รูปภาพและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับจุดหมายของคุณได้จากแอปนี้แอปเดียวเลยค่ะ
4. แอปแผนที่ Waze
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Waze ผ่าน Android และ iOS
สำหรับ Waze เค้าก็จะเป็นแอปแผนที่ที่ใช้นำทางแล้วก็ยังโดดเด่นในเรื่องของการแจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ด้วยเช่นกันซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าอย่างหลังนี้คือค่อนข้างที่จะเป็นจุดขายเลยทีเดียวค่ะ เพราะว่าการทำงานของ Waze นั้นจะเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ที่อยู่ในพื้นที่การจราจรตรงนั้นแล้วนำมาแปลงเป็นโครงสร้างการจราจรโดยทันทีซึ่งนั่นแหละค่ะถึงทำให้ Waze สามารถระบุสภาพการจราจรได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ, การตั้งด่าน, สภาพอากาศ, การปิดถนน และอื่น ๆ เพื่อที่จะช่วยให้คุณเลี่ยงไปใช้ถนนเส้นอื่นได้ซึ่งนี่ก็จะทำให้คุณถึงเป้าหมายได้ทันเวลานั่นเองค่ะ
ไม่ใช่เพียงเท่านี้นะคะเพราะว่าใน Waze นั้นคุณสามารถเลือกที่จะแชร์ตำแหน่งให้กับเพื่อน คนรัก หรือคนในครอบครัวได้ คุณสามารถเลือกวางแผนการเดินทางได้ว่าหากต้องการไปถึงจุดหมายในเวลาไหน คุณจะต้องออกเดินทางตอนไหน อีกทั้งยังมีการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางด้วยค่ะ นอกจากนี้คุณก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพลงเพื่อให้คุณได้รู้สึกเพลิดเพลินตลอดการเดินทางได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วสำหรับ Waze นั้นจำเป็นที่จะต้องเปิดใช้อินเตอร์เน็ตตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ค่ะ อีกทั้งข้อควรพิจารณาอีกอย่างคือแอปนั้นจะไม่ได้ครอบคลุมถึงเส้นทางสำหรับการเดินเท้า ปั่นจักรยาน ขนส่งสาธารณะ และอื่น ๆ ดังนั้นสำหรับ Waze แล้วจะเหมาะแค่สำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเท่านั้นค่ะ
5. แอปแผนที่ HERE WeGo
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน HERE WeGo ผ่าน Android และ iOS
HERE WeGo เองก็คือหนึ่งในแอปแผนที่ออฟไลน์ที่ได้มีการจับมารีดีไซน์ใหม่นั่นเองค่ะ ซึ่งในเวอร์ชันนี้ก็จะมีการปรับเปลี่ยนสี รูปแบบการใช้งาน ตลอดจนการอัปเดตในด้านของประสิทธิภาพให้โดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นแอปฟรีที่คุณสามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินอีกด้วยนะคะ สำหรับ HERE WeGo ก็จะเป็นแอปแผนที่ที่เราสามารถเลือกค้นหาจุดหมายปลายทางได้ง่าย มีการแสดงระยะทาง เวลาโดยประมาณ แล้วก็สามารถเลือกรูปแบบการเดินทางได้อย่างหลากหลาย รวมถึงการใช้การขนส่งสาธารณะเองก็ถูกรวบรวมไว้ในแอปนี้ด้วยเช่นกันค่ะ
และไม่เพียงแค่จะนำคุณจากจุดหมายหนึ่งไปยังอีกจุดหมายหนึ่งเท่านั้น แต่ในแอปตัวนี้คุณสามารถมองหาที่จอดรถได้ด้วย ในกรณีที่คุณเดินทางไปที่เดิม ๆ ซ้ำ ๆ ก็สามารถบันทึกไว้ได้ด้วยค่ะทำในภายหลังแอปจะนำคุณไปสู่จุดหมายได้ภายในคลิกเดียว เห็นไหมล่ะคะว่ารวดเร็วทันใจสุด ๆ สำหรับการจราจรเองก็จะมีการแสดงผลแบบเรียลไทม์ และที่สำคัญมาก ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือแอปแผนที่ฟรีแอปนี้ก็ยังอนุญาตให้คุณสามารถดาวน์โหลดแผนที่เก็บไว้ใช้งานในกรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยเช่นกันค่ะ และนอกจากที่เรากล่าวไปแล้วทางแอปก็ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้คุณได้ใช้งานกันอีกเพียบเลยด้วย เอาเป็นว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งแอปแผนที่ฟรีและน่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ
6. แอปแผนที่ Karta GPS
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Karta GPS ผ่าน Android และ iOS
Karta GPS เองก็ถือเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันนำทางที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการหลัก ๆ ได้ดีเหมาะสำหรับคนที่ต้องการการใช้งานที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือต้องการค้นหาแค่ข้อมูลการเดินทางนี่ก็ถือว่าตรงโจทย์ของคุณเลยทีเดียวค่ะ โดยฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแอปก็มีทั้งการเปิดใช้ระบบเสียงน้ำทาง การค้นหาด้วยเสียง มีการแสดงข้อมูลการจราจรเพื่อให้คุณได้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นได้ การค้นหาที่จอดรถ การบันทึกตำแหน่งบนแผนที่ การนำเสนอร้านอาหารหรือสถานที่สำคัญอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และอีกมากมายเลยทีเดียว
แน่นอนที่สุดค่ะว่าอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้อย่างการนำทางออนไลน์นั้น Karta GPS เองก็มีให้คุณดาวน์โหลดเก็บไว้ใช้งานในตอนที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตขาดหายหรือไม่มีอินเตอร์เน็ตด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นการนำเอาแผนที่มาจาก Open Street Map และนำมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้นอีกด้วยซอฟต์แวร์ของทางแอปเอง นี่จึงทำให้การใช้งานแบบออฟไลน์ถึงไม่มีอุปสรรค แถมยังค่อนข้างที่จะแม่นยำเพราะว่าข้อมูลเป็นปัจจุบันและได้มีการอัปเดตที่ค่อนข้างถี่เลยด้วยค่ะ
7. แอปแผนที่ NOSTRA
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน NOSTRA ผ่าน Android และ iOS
สุดท้ายก็คือแอปแผนที่ที่มีชื่อว่า NOSTRA ค่ะ ซึ่งแอปพลิเคชันตัวนี้จะเป็นแอปที่แผนที่ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ มีข้อมูลเส้นทางต่าง ๆ ที่ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดและมากกว่า 1 ล้านจุดทั่วประเทศเลยทีเดียว ซึ่งในจำนวน 1 ล้านจุดที่ว่านี้ก็มีครบทั้งร้านอาหาร ที่เที่ยว แหล่งช้อปปิ้ง และอีกมากย คือเรียกได้ว่าหาอะไรก็เจอ แถมยังแสดงเส้นทางออกมาได้หลากหลายรูปแบบตามที่คุณต้องการ ซึ่งไม่ใช่แค่เส้นทางสำหรับการใช้รถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น แต่มันยังมีเส้นทางสำหรับรถจักรยานยนต์ เดินเท้า และการปั่นจักรยาน
จุดเด่นของแอปตัวนี้เลยก็คือมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานภายในประเทศ ฉะนั้นแล้วพวกข้อมูลและโครงข่ายเส้นทางต่าง ๆ จึงค่อนข้างที่จะเป็นปัจจุบันและมีความแม่นยำที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ฟีเจอร์ต่าง ๆ เองก็มีหลากหลายให้ได้ใช้งานกันค่ะ ทั้งการเพิ่มและจัดเก็บเส้นทางและสถานที่ที่คุณเดินทางประจำ การแสดงความเร็ว การแชร์ตำแหน่งผ่านโซเชียลมีเดีย และอีกหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจค่ะ ซึ่งถ้าหากใครสนใจก็สามารถดาวน์โหลดตามลิงค์ที่เราให้มาได้เลยค่ะ
วิธีเลือกแอปแผนที่
เนื่องจากในปัจจุบันนี้เองก็มีแอปแผนที่มาให้เราได้ดาวน์โหลดกันเยอะมาก ๆ เลยทีเดียวซึ่งแน่นอนค่ะว่าสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะเลือกใช้แอปไหนดีนั่นก็คือเรื่องของฟีเจอร์ในการใช้งานนั่นเองค่ะ โดยตัวฟีเจอร์นั้นไม่ได้แค่จะช่วยให้เราเข้าถึงการใช้งานของตัวแอปได้ง่ายขึ้นอย่างเดียวนะคะ แต่มันยังช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกและตอบโจทย์ทุกรูปแบบการเดินทางด้วยเช่นกัน ซึ่งด้านล่างนี้ก็คือฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่คุณควรจะมองหานั่นเองค่ะ
1. การแสดงระยะทาง
หลังจากที่มีการค้นหาและเลือกปลายทางเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติค่ะที่เราจะต้องทราบว่าระยะทางประมาณนี้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน จากข้อมูลที่ได้มานั้นใช้ความเร็วในการเดินทางเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็ดีระยะเวลาในการเดินทางก็เป็นเพียงเวลาโดยประมาณเท่านั้น ซึ่งในความจริงแล้วคุณอาจจะไปถึงจุดหมายช้าหรือเร็วกว่าที่แอปบอกได้ค่ะ โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย แต่อย่างไรเสียฟีเจอร์ต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ นั้นพอที่จะวางแผนการเดินทางคร่าว ๆ ได้นั่นเอง

2. การแสดงสภาพการจราจร
การแสดงสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่มีไม่ได้เลยทีเดียวค่ะเพราะฟีเจอร์ตัวนี้จะบอกว่าเส้นทางที่คุณต้องใช้เดินทางนั้นมีสภาพการจราจรอย่างไร หนาแน่นมาก หนาแน่นน้อย สามารถใช้เส้นทางนั้นได้หรือไม่ หรืออาจจะต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นซ่งนี้ก็ไม่ทำให้เราต้องเสียเวลาหรือเกิดอาการหัวร้อนหากว่ารถติดยาวเหยียดยังไงละค่ะทุกคน
3. การนำทางโดยเสียง
โดยปกติทั่วไปแล้วแอปแผนที่จะใช้การนำทางโดยจะแสดงเส้นทางบนหน้าจอเท่านั้น แต่ก็มีบางแอปที่คุณสามารถเลือกระบบการนำทางพร้อมกันทั้งภาพและเสียงได้ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยทำให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ถึงกระนั้นแล้วใบบางแอปแผนที่แบบที่เปิดให้ใช้งานฟรีก็ยังไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ตัวนี้ได้ค่ะ

4. ฟีเจอร์แสดงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
นอกจากจะเป็นการนำทางไปสู่จุดหมายปลายทางแล้วนั้นหากว่าในตัวแอปมีการแสดงตำแหน่งของสถานที่ที่น่าสนใจหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ด้วยก็จะดีมากเลยทีเดียวค่ะ อย่างเช่น ปั๊มน้ำมัน, โรงพยาบาล, ร้านอาหาร, โรงแรม และอื่น ๆ เพื่อที่ว่าเราจะได้แวะเติมน้ำมัน แวะทานอาหาร หรืออื่น ๆ ระหว่างทางนั่นเองค่ะ
5. การใช้งานแผนที่ออฟไลน์
ในกรณีที่คุณอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองหรืออยู่ในตำแหน่งที่อับสัญญาณก็มีโอกาสสูงค่ะที่สัญญาณอินเตอร์เน็ตจะขาดหายหรืออาจจะไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตเลยก็เป็นได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือคุณอาจจะหลงทาง แต่ถ้าหากคุณมองหาแอปที่สามารถดาวน์โหลดแผนที่และเปิดใช้งานแบบออฟไลน์ได้ก็จะเป็นอะไรที่ดีกว่าอย่างปฏิเสธไม่ได้เลยละค่ะ
6. การใช้งานที่ง่ายและสะดวก
สำหรับในหัวข้อที่ 6 คือเรื่องของความง่ายและความสะดวกในการใช้งานนั่นเองค่ะ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญมาก ๆ โดยแอปแผนที่ที่ดีนั้นควรที่จะเข้าถึงง่าย ติดตั้งไม่ยาก ใช้งานสะดวก มีจำนวนขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนแต่สามารถครอบคลุมทุกความต้องการของคุณได้ดี นอกจากนี้ตัวแอปก็ควรจะดูเป็นมิตร ไม่ลายตา ฟอนต์อ่านง่าย มีการนำเสนอแผนที่ดูแล้วเข้าใจง่าย และจะต้องดูมีความน่าเชื่อถือด้วยเช่นกัน

7. การใช้งานฟรีหรือเสียเงิน
แอปแผนที่ก็มีให้เลือกทั้งที่ใช้งานกันแบบฟรี ๆ ไม่มีเสียเงินและแบบที่เสียเงินค่ะ ดังนั้นแล้วก่อนทำการดาวน์โหลดก็อาจจะต้องลองตรวจสอบดูก่อนสักเล็กน้อยค่ะว่าแอปที่คุณต้องการนั้นมีการเสียเงินในภายหลังหรือไม่ โดยปกติแล้วแอปที่เสียเงินก็ย่อมมาพร้อมกับฟังก์ชันในการใช้งานที่หลากหลาย แต่แนะนำให้ลองถามตัวเองก่อนค่ะว่าจริง ๆ แล้วคุณต้องการการใช้งานมากน้อยขนาดไหน แล้วฟีเจอร์ที่คุณตามหานั้นแอปแผนที่ฟรีสามารถตอบโจทย์ของคุณได้หรือไม่ ซึ่งในส่วนของการลงทุนตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคนค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วหากว่าใครต้องการจะซื้อแอปแผนที่จริง ๆ ก็อาจจะลองศึกษาเพิ่มเติมหรืออาจจะดาวน์โหลดมาเพื่อทดลองใช้งานก่อนได้เลยค่ะ
การใช้งานแอปแผนที่ให้ปลอดภัย
1. เลือกจุดหมายและตั้งค่าต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
ข้อแรกที่อยากจะแนะนำนั่นก็คือให้คุณเลือกจุดหมายปลายทางและตั้งค่าต่าง ๆ ให้เรียบก่อนออกเดินทางค่ะเพราะในขั้นตอนแรก ๆ นั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหาสถานที่ การเลือกเส้นทาง และจะต้องมีการปรับตั้งค่าหรือแก้ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นแล้วในขั้นตอนนี้อาจจะต้องให้เวลากับตัวแอปได้เตรียมความพร้อมกันก่อนสักเล็กน้อย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไปก็ควรทำก่อนออกเดินทาง ไม่แนะนำให้ทำระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนที่เด็ดขาดเพราะนั่นอาจจะเป็นอันตรายได้ค่ะ
มากไปกว่านั้นก่อนการใช้งานจริงเราก็อยากจะให้คุณได้ดาวน์โหลดแอปแผนที่มาเพื่อทดลองใช้งานกันก่อน เพื่อมาดูว่าการทำงานของแอปนั้นเป็นอย่างไร จะต้องค้นหาตรงไหน การตั้งค่ามีอะไรบ้าง ลูกเล่นอะไรดูน่าใช้งาน หรือมีฟีเจอร์อะไรให้มาบ้าง เพราะนี่จะเป็นการช่วยให้การใช้งานของคุณนั้นง่ายดายและรวดเร็วมากขึ้นค่ะ
2. ปรับแผนที่ให้อ่านง่ายที่สุด
อย่างแรกเลยก็คือตำแหน่งในการวาง โดยควรจะวางอยู่ในที่ที่คุณสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและควรจะเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่บดบังการมองเห็นขณะขับรถ รวมไปถึงเรื่องของความสว่างเองก็ควรจะเลือกระดับที่คุณสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
3. เลือกใช้ระบบเสียงนำทาง
สำหรับบางแอปแผนที่ก็จะมีฟีเจอร์นำทางด้วยเสียงซึ่งอันนี้ก็ถือว่าค่อนข้างที่จะสะดวกเลยทีเดียว เพราะฟีเจอร์ตัวนี้จะคอยบอกทางให้คุณแบบเรียลไทม์ ทำให้เราสามารถโฟกัสกับการขับรถได้มากกว่าการที่จะต้องคอยดูแผนที่ตลอดเวลานั่นเอง

4. ไม่สนใจการแจ้งเตือนต่าง ๆ
ข้อนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะต้องเจออย่างแน่นอนค่ะ เพราะในระหว่างที่คุณเปิดใช้งานแอปแผนที่ก็จะมีทั้งข้อความ การแจ้งเตือนจากแอปต่าง ๆ รวมไปถึงสายเรียกเข้าในขณะนั้นด้วยก็ได้ ซึ่งในส่วนนี้ก็ให้พยายามโฟกัสแค่ในส่วนของแผนที่และควรจดจ่ออยู่กับการขับรถเท่านั้น
5. ไม่ควรปรับหรือตั้งค่าต่าง ๆ ขณะขับรถ
หลังจากที่ในข้อแรกเราก็ได้พูดถึงการตั้งค่าก่อนการเดินทางกันไปแล้ว แต่ในบางครั้งคุณอาจจะอยากที่จะเปลี่ยนจุดหมายกลางคันหรืออยากจะแก้ไขการตั้งค่าต่าง ๆ สำหรับข้อนี้หากว่าคุณเดินทางคนเดียวก็อาจจะหาที่ที่ปลอดภัย จากนั้นก็จอดแวะข้างทางเพื่อแก้ไขได้ค่ะ แต่หากว่ามีผู้โดยสารท่านอื่นนั่งรถไปกับคุณด้วยก็สามารถให้คนข้าง ๆ ช่วยแก้ไขได้คะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ควรที่จะแก้ไขอะไรใด ๆ ในขณะที่คุณกำลังขับรถอยู่เป็นอันขาด
6. หมั่นอัปเดตแอปแผนที่อย่างสม่ำเสมอ
และสำหรับข้อสุดท้ายก็คือการอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งการอัปเดตนั้นจะช่วยให้ระบบนำทางของคุณแม่นยำและถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้มันก็ยังช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายได้รวดเร็วและปลอดภัยขึ้นด้วยค่ะ
บทส่งท้าย
ถึงแม้ว่าแอปแผนที่หลาย ๆ แอปจะช่วยให้คุณเดินทางได้สะดวกขึ้นก็จริง แต่หลายต่อหลายครั้งเช่นกันค่ะที่เราอาจจะเคยได้ยินข่าวการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้แอปนำทางกันค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียว ซึ่งในส่วนนี้นอกจากทั้ง 6 วิธีข้างต้นจะสามารถนำไปปรับใช้เพื่อช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุได้แล้ว เราก็ขอแนะนำว่าในการขับขี่ยานพาหนะในพื้นที่ที่คุณไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับขี่ในช่วงกลางคืนหรือในช่วงที่ทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำก็อาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษและที่สำคัญเลยคือควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมก็จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยได้ค่ะ
นอกจากนี้บางครั้งเส้นทางที่ปรากฏอยู่ในแผนที่อาจจะขัดแย้งกับป้ายจราจรก็เป็นได้หรืออาจจะมีการก่อสร้างเพิ่มเติมที่ไม่ได้มีการระบุไว้ในแผนที่ ในกรณีนี้คุณจำเป็นต้องปฏิบัติตามป้ายจราจรหรือป้ายเตือนในขณะนั้นค่ะ แอปแผนที่ถือเป็นเพียงตัวช่วยที่ทำให้คุณไปถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่นมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีคุณควรใช้แอปแผนที่ควบคู่ไปกับการประเมินจากสถานการณ์และสภาพแวดล้อมจริงไปพร้อม ๆ กันค่ะ เส้นทางไหนที่ดูเสี่ยงเกินไปก็แนะนำให้เลี่ยงเสียจะดีกว่านะคะ