สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้เราก็ยังอยู่กันกับบทความแนะนำของฝากกันอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้เราก็ได้รวบรวมเอาของฝาก ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้จากหลายจังหวัดในภาคใต้ทั้งสงขลา, พัทลุง, ตรัง, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, กระบี่, พังงา และภูเก็ตกันไปแล้ว วันนี้ก็จะมารีวิวอีกหนึ่งจังหวัดจากทางภาคใต้เช่นเดียวกัน ซึ่งจังหวัดนี้ก็เป็นจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของเกาะพยาม เกาะที่มีความงดงามจนที่ได้รับฉายาว่าเป็นมัลดีฟส์เมืองไทยนั่นเอง เป็นอย่างไรบ้างคะคราวนี้พอจะนึกออกไหมเอ่ยว่าจังหวัดนี้คือจังหวัดอะไร?…. ใช่แล้วค่ะจังหวัดที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้คือ “จังหวัดระนอง” เมืองรองที่มีทั้งที่เที่ยวและของดีอีกมากมายที่ไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน

หลายคน ๆ อาจจะรู้จักจังหวัดระนองเพราะเกาะพยาม แต่สำหรับเราแล้วเรารู้จักจังหวัดระนองในมุมของความสวยงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นจังหวัดที่มีทั้งเกาะสวย ๆ พื้นที่สีเขียวชอุ่ม และยังเป็นจังหวัดที่ที่มีทั้งสายลม แสงแดดอุ่น ๆ และหมอกจาง ๆ เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อนที่สุดเลยค่ะ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและจะต้องไปเยี่ยมชมให้ได้นั้นก็มีเยอะแยะมากมายค่ะ ทั้งภูเขาหญ้า เนินเขาน้อยใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยหญ้าที่เขียวขจีที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา บ้านเทียนสือบ้านจีนโบราณที่มีอายุนานกว่าร้อยปี น้ำพุร้อนพรรั้งบ่อน้ำร้อนที่จะให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติกันแบบใกล้ชิด แถมยังมีที่พักที่โด่งดังมาก ๆ และเป็นที่ที่หลายคนจะต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิตอย่างบ้านไร่ไออรุณด้วยค่ะ
นอกจากที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้แล้วก็ยังมีอีกหลาย ๆ ที่เลยค่ะที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าหากมีโอกาสเราขอแนะนำให้คุณลองมาสัมผัสกับความสวยงามเหล่านี้ดูได้ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง ในความจริงแล้วจังหวัดระนองไม่ได้มีดีแค่ในเรื่องของที่เที่ยวอย่างเดียว แต่ยังมีของฝากที่เป็นทีเด็ดเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นเต้าส้อ, กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าชั้นดี, กะปิระนองของแท้, กุ้งแห้งคุณภาพเยี่ยม และอีกหลากหลาย โดยในวันนี้เราจะรวบรวมของฝากที่ถือว่าเป็นทีเด็ดประจำจังหวัดที่คุณจะต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปฝากคนที่คุณรักให้ได้ แต่จะมีอะไรบ้างนั้นก็ตามมาดูกันเลย
จังหวัดระนองที่มาของชื่อ “เมืองฝนแปดแดดสี่”
เมื่อเอ่ยถึงระนองเพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘เมืองฝนแปดแดดสี่’ กันบ้างใช่ไหมคะ? ซึ่งที่มาของชื่อนี้ก็มาจากสภาพอากาศของจังหวัดระนองนั่นเอง จังหวัดระนองเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคใต้ที่ตั้งอยู่บนด้ามขวานทองของไทย ระนองเป็นเล็ก ๆ ที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งป่าไม้ ขุนเขา รวมถึงทะเลอันดามันด้วยเช่นกัน และที่ทำเลที่ตั้งที่ติดกับอันดามันนี่เองทำให้จังหวัดระนองได้รับอิทธิพลมาจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ส่งผลให้เกิดฝนตกชุกติดกันเป็นระยะเวลานานหลายเดือนจนกลายมาเป็นที่มาของชื่อเมืองฝนแปดแดดสี่
หรือหากจะพูดง่าย ๆ ก็คือเมืองที่มีฝนตกชุกถึง 8 เดือนและเข้าสู่ช่วงฝนแล้งแค่เพียง 4 เดือนเท่านั้น ซึ่งช่วงหน้าร้อนก็จะเริ่มประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งก็แน่นอนว่าช่วงนี้คงจะไม่มีอะไรจะเหมาะเจาะไปมากกว่าการไปทะเลอีกแล้ว ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำในช่วงนี้ก็ต้องไปเกาะพยามเท่านั้น น้ำทะเลสวย คลื่นลมสงบเดินทางสะดวก ถือเป็นช่วงที่เพอร์เฟกต์สำหรับการพักผ่อนอย่างยิ่งค่ะ แต่เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงกลางเดือนตุลาคมก็จะเป็นช่วงฤดูฝน ใครเดินทางไปช่วงนี้ก็ต้องเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนกันให้ดีเพราะมีโอกาสได้ใช้แน่นอนค่ะ
และหลังจากเดือนนี้ไปจนกระทั่งกลางเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไปก็จะเป็นช่วงฤดูหนาว แต่…ก็ไม่ได้หนาวสั่นแบบภาคเหนือแน่นอนค่ะอาจจะแค่รู้สึกเย็นนิดหน่อยเท่านั้น ในช่วงนี้ก็ยังมีโอกาสเจอฝนได้อีก ก็เมืองฝนแปดอ่ะนะค่ะ ฉะนั้นต้องเตรียมตัวกันให้ดีนะ อิอิ แต่สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงปลายปีก็มีหลากหลาย ซึ่งสถานที่ที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่น ๆ อย่างเช่น ภูเขาหญ้าในช่วงหน้าฝนก็จะเขียวขจีสวยงาม พวกน้ำตกหรือบ่อน้ำร้อนก็ถือว่าโอเคเลยค่ะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วไม่ต้องกลัวเสียเที่ยวเพราะจังหวัดระนองก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกหลายแห่งที่เปิดรอต้อนรับนักเที่ยวตลอดไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน อย่างบ้านร้อยปีเทียนสือ, พระราชวังรัตนรังสรรค์ หรือจะแวะไปไหว้พระขอพรกันที่วัดบ้านหงาวก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ
ขนมเต้าส้อวารุณี

ราคา 40 บาท*
ขนมเต้าส้อก็ถือเป็นอีกหนึ่งของฝากที่ขึ้นชื่อจากจังหวัดระนองค่ะ แต่ถ้าหากจะซื้อไปเป็นของฝากก็ต้องเป็นเต้าส้อวารุณีเท่านั้น โดยร้านขนมของฝากวารุณีนั้นเป็นร้านที่รวบรวมเอาของดีของเด็ดและของอร่อยของจังหวัดมารวมไว้ในหนึ่งเดียวแต่ที่เป็นที่พูดถึงและขายที่เป็นอย่างมากนั่นก็คือเต้าส้อนั่นเองค่ะ ซึ่งเต้าส้อวารุณีก็ได้ขึ้นเป็นสินค้าโอท็อปด้วยนะคะทุกคน
สำหรับเต้าส้อวารุณีก็จะเป็นเต้าส้อสูตรดั้งเดิมที่ทำกันมาแต่โบราณ รับรองได้ว่าความอร่อยไม่เคยเปลี่ยน โดยเต้าส้อของทางร้านก็จะมี 2 ไส้ให้เราเลือกได้ตามใจชอบ ไส้เค็มก็จะเป็นไส้ถั่วที่ผสมด้วยพริกไทยเล็กน้อย รสชาติก็จะออกเค็ม มัน เผ็ดนิด ๆ และหอมพริกไทยอ่อน ๆ ส่วนไส้ถั่วหวานไข่เค็มก็จะมีความหวานมันจากถั่วตัดด้วยความเค็มมันจากไข่เค็มตรงกลาง ไส้แน่น แป้งบางนุ่มอร่อย ผลิตสดใหม่จากเตาทุกวัน หากนำมาอุ่นร้อนทานคู่กับชาร้อนหรือกาแฟจากระนองในตอนเช้า ๆ นี่คือลงตัวสุด ๆ เลยค่ะ และสำหรับแพคเกจจิ้งก็ถือว่าได้คุณภาพบรรจุมาในถุงซีลสุญญากาศอย่างดี รสชาติและความหอมอร่อยยังคงเดิมราวกับเพิ่งออกจากเตาใหม่ ๆ เลยค่ะ
โรตีนิสรา โรตีกึ่งสำเร็จรูปแช่แข็ง

ราคา 55 บาท*
มาถึงระนองทั้งทีจะไม่แวะมาจิบน้ำชาพร้อมกับโรตีอร่อย ๆ จากร้านโรตีนิสราถือว่าพลาดมาก ๆ เพราะร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่ถูกแนะนำโดยคนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวระนองมาแล้วต่างก็โหวตให้โรตีนิสราเป็นอีกหนึ่งร้านที่คุณจะต้องไปลองให้ได้สักครั้ง ซึ่งร้านโรตีนิสรานั้นตั้งอยู่ในตำบลหง่าวในอำเภอเมืองระนอง เปิดให้บริการตั้งแต่เช้าตรู่แต่ขอแนะนำว่าให้รีบไปเพราะมิฉะนั้นแล้วหมดหรืออาจจะต้องรอคิวนานมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งความพิเศษของร้านนี้ก็คือแป้งโรตีนั่นเอง แป้งของที่ร้านจะเป็นเอกลักษณ์ค่ะคือไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน แป้งจะมีความกรุบกรอบด้านนอก แต่ด้านในจะนุ่มน่าทาน แป้งหอมมาก ๆ ไม่ว่าจะทานคู่กับน้ำแกงเป็นของคาวหรือราดน้ำข้นหวานโรยน้ำตาลเป็นของหวานก็ละมุน บอกเลยว่าปังไม่ไหว…
ข่าวดีก็คือตอนนี้ทางร้านได้มีการจำหน่ายแป้งโรตีสำเร็จรูปแล้วค่ะ เรียกว่ารสชาติและเนื้อสัมผัสได้อารมณ์เดียวกับที่ร้านเป๊ะ! ซึ่งแป้งโรตีจะมาในรูปแบบแช่แข็งแผ่นกลม มีจำนวนทั้งหมด 5 แผ่น แป้งโรตีแบบสำเร็จรูปพร้อมลงกระทะทอดทันที ไม่ต้องเสียเวลานวดหรือฟัดแป้งโรตีเอง ง่ายดายสุด ๆ หากใครเคยมีโอกาสไปทานที่ร้านแล้วเกิดติดใจในรสชาติอยากจะซื้อไปทานที่บ้านก็เชิญเลยค่ะ หรือใครที่ยังไม่เคยลองอยากจะรู้ว่าสมคำร่ำลือหรือไม่นั้นก็ต้องลองเองเท่านั้นถึงจะรู้ค่ะ
ซีอิ๊วตรานกแก้วเมืองระนอง

ราคา 70 บาท*
ปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าซีอิ๊วนั้นเป็นเครื่องปรุงที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ ซึ่งซีอิ๊วที่ต้องยกให้เป็นของดีประจำจังหวัดและกลายเป็นหนึ่งในสินค้าโอท็อปไปแล้วนั้นก็ต้องเป็นซีอิ๊วตรานกแก้วเท่านั้น ความพิเศษของซีอิ๊วตรานกแก้วก็คือสูตรที่ใช้ในการหมักค่ะ ทางผู้ผลิตจะใช้สูตรการผลิตแบบโบราณดั้งเดิมที่ได้สืบทอดต่อจากบรรพบุรุษนานกว่า 200 ปี ซึ่งสูตรนี้จะต้องอาศัยทั้งผู้ผลิตที่มากประสบการณ์และระยะเวลาหมักที่นานพอสมควรเลยทีเดียว และอีกหนึ่งทีเด็ดคือซีอิ๊วตรานกแก้วจะใช้วิธีการต้มด้วยไม้ฟืนเพื่อเค้นเอารสชาติและกลิ่นออกมาให้ได้มากที่สุดทำให้รสชาติที่ได้นั้นค่อนข้างที่จะกลมกล่อมลงตัว
ไม่ใช่เพียงแต่ขั้นตอนการผลิตอย่างเดียวนะคะที่มีส่วนสำคัญทำให้ได้ซีอิ๊วรสชาติดี แต่สภาพอากาศของจังหวัดระนองเองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ซีอิ๊วระนองมีรสชาติที่เฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาที่ใดเปรียบ การผลิตซีอิ๊วระนองจะเป็นการผลิตในโรงต้มเล็ก ๆ สไตล์โฮมเมดแต่ก็ใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนของการผลิตทำให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ มั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัยว่าไม่ได้ต่างอะไรจากโรงงานใหญ่ ๆ เลยค่ะ ซีอิ๊วสูตรเด็ดจากระนองสามารถที่จะนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู จะเหยาะมากเหยาะน้อยก็ช่วยชูรสชาติให้อร่อยหอมน่าทานมากยิ่งขึ้นได้ค่ะ
ครองแครงกรอบพริกไทยดำ สูตรดั้งเดิม

ราคา 80 บาท*
สำหรับของฝากประเภทขนมทานเล่น ซื้อไปฝากเป็นของจุกจิกระหว่างมื้อก็ต้องนี่เลยค่ะครองแครงกรอบ สูตรพริกไทยดำแบบฉบับดั้งเดิมจากระนองของแท้ ถึงแม้ว่าครองแครงจะสามารถหาซื้อได้ทั่วไปแต่แต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างไม่ซ้ำใครค่ะ อย่างของจังหวัดระนองเองก็จะเป็นครองแครงที่มีเนื้อสัมผัสที่กรอบปนด้วยความหนึบหนับ แป้งฟูไม่แข็งกระด้าง รสชาติจะมีรสที่หวานกลมกล่อมและมีความเป็นร้อนจากพริกไทยนิด ๆ ที่เด็ดอีกอย่างเลยคือตัวครองแครงจะไม่อมน้ำมันและไม่มีกลิ่นเหม็นหืน มีขนาดครึ่งกิโลและ 1 กิโลกรัม สนใจแบบไหนก็สามารถคลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อทำการสั่งซื้อสินค้าได้เลยค่ะ
กะปิระนอง กุ้งล้วน 100%

ราคา 85 บาท*
จังหวัดระนองถือเป็นแหล่งผลิตกะปิชั้นเยี่ยมที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คุณพ่อบ้านหรือคุณแม่บ้านค่ะ เนื่องจากจังหวัดระนองนั้นมีพื้นที่ที่ติดกับทะเลทำให้อาชีพของชาวบ้านส่วนใหญ่คืออาชีพประมงนั่นเองค่ะ และการทำประมงก็ไม่ได้หมายถึงการจับปลาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังได้มีการนำสัตว์ทะเลอย่างกุ้งเคยมาแปรรูปเป็นกะปิอีกด้วย กะปิของระนองจะขึ้นชื่อในเรื่องของกลิ่นและรสชาติที่เฉพาะตัวแตกต่างจากจังหวัดอื่น ๆ ที่ผลิตกะปิเพื่อจำหน่ายค่ะ ว่ากันว่ากะปิของระนองนั้นจะมีกลิ่นที่หอมเตะจมูกชวนน่ารับประทาน ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นคาวในเนื้อเลยค่ะ เนื้อกะปิจะมีความเนียนละเอียดเป็นเนื้อกุ้งล้วนไม่มีเศษปลาผสม สีกะปิสวยไม่เข้มจัดและไม่คล้ำ ส่วนในเรื่องของรสชาติก็จะมีความเค็มนิด ๆ กลมกล่อมกำลังดี
คุณภาพของกะปิของระนองมาจากกระบวนการผลิตที่ได้คุณภาพคือทั้งสะอาดและถูกหลักอนามัย ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทุกท่านอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนผสมทั้งหมดคัดสรรจากธรรมชาติล้วน ๆ ไม่มีปนเปื้อนด้วยสีสังเคราะห์, แป้ง, สารกันบูด หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายอย่างแน่นอนค่ะ สำหรับกะปิระนองกระปุกนี้ก็มาในขนาด 500 กรัม เป็นสูตรที่ผลิตมาเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของแกงหรือใช้ตำน้ำพริกโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะซื้อไปทำกับข้าวทานเองที่บ้านหรือจะซื้อไปเป็นของฝากก็น่าสนใจไม่น้อย
กุ้งเคยแห้ง

ราคา 100 บาท*
นอกจากกุ้งตัวเล็ก ๆ หรือที่เรียกว่ากุ้งเคยจะนำมาทำเป็นกะปิได้แล้ว กุ้งเคยชนิดเดียวกันนี้สามารถนำมาอบแห้งเป็นกุ้งเคยแห้งได้ด้วย ซึ่งการผลิตกุ้งเคยแห้งนั้นจะค่อนข้างที่จะต้องพิถีพิถันมาเป็นพิเศษเลยค่ะ เนื่องจากตัวกุ้งนั้นเล็กมาก ๆ เลยต้องคัดแยกเอาเศษปลาตัวเล็ก ๆ หรือเศษขยะออกเพื่อให้ได้กุ้งล้วนที่สะอาด ส่วนผสมทั้งหมดมาจากกุ้งเคยจากทะเลอันดามันของแท้ ไม่มีส่วนผสมของสารปรุงรส วัตถุกันเสีย รวมถึงการเจือสีสังเคราะห์ ฉะนั้นแล้วกุ้งเคยที่บรรจุในถุงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกุ้งที่มาจากธรรมชาติล้วนจึงปลอดภัยในการบริโภค
กุ้งเคยสามารถที่จะนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไข่เจียวกุ้งเคย, กุ้งเคยชุบแป้งทอด, กุ้งเคยคั่วพริกเกลือ หรือจะนำไปใส่ในเมนูยำ ส้มตำ หรือแม้กระทั่งน้ำปลาหวานก็ช่วยเติมเต็มความอร่อยให้มากขึ้นได้ค่ะ นอกเหนือจากนี้แล้วกุ้งเคยยังมีประโยชน์อีกด้วยนะคะ เพราะกุ้งเคยนั้นยังมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะมีทั้งโปรตีน, แคลเซียม และโอเมก้าที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเราค่ะ
กุ้งแห้งระนอง ขนาดเล็ก

ราคา 264 บาท*
นอกจากกะปิระนองจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปขึ้นชื่อแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ถือเป็นของดีและเป็นอีกหนึ่งของฝากที่คุณจะต้องมองหาเมื่อมาถึงระนองเลยนั่นก็คือ ‘กุ้งแห้ง’ นั่นเอง กุ้งแห้งของที่นี่ถูกผลิตมาจากกุ้งจากทะเลอันดามันที่คัดสรรมาอย่างคุณภาพ นำมาต้มและตากแดดจนแห้งสนิท ไม่ชื้น ไม่มีกลิ่นเหม็นและที่สำคัญเลยคือใช้กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมที่ทั้งสะอาดและได้มาตรฐานทำให้คุณสามารถเก็บได้นานมากยิ่งขึ้นค่ะ และได้รสชาติดี มีความเค็มมันกลมกล่อมลงตัว ไม่เค็มมากเกินไปสามารถทานเปล่า ๆ ได้เลยค่ะ
สีของกุ้งแห้งจะเป็นสีแดงส้มธรรมชาติ ไม่ผ่านการแต่งสีทำให้ดูน่ารับประประทานมากขึ้นค่ะ สำหรับกุ้งแห้งที่เราเลือกมานี้ก็จะมีขนาด 500 กรัม เป็นกุ้งแห้งไซส์เล็ก เนื้อแน่นเต็มตัว ไม่เป็นเศษผงรับประกันได้ค่ะ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นกุ้งแห้งขนาดเล็กจิ๋วแต่ก็แจ๋วไม่เบาเลยทีเดียว เพราะไซส์นี้เป็นไซส์ที่จะนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย แถมยังเหมาะสำหรับใช้เพื่อโรยหน้าก็ช่วยให้อาหารดูมีสีสันสวยงามน่าทานมากขึ้นได้เหมือนกัน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่วโบราณ

ราคา 290 บาท*
หากเรียกว่า ‘กาหยู’ หลายคนก็อาจจะงงตาแตกว่าเอ๋...มันคืออะไรกันแน่? จริง ๆ กาหยูเป็นภาษาถิ่นที่ใช้เรียกเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั่นเอง ซึ่งเม็ดมะม่วงหิมพานต์หรือเม็ดกาหยูก็เป็นอีกหนึ่งของฝากที่จะต้องซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านให้ได้เลยค่ะ ความพิเศษของเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากระนองนั่นก็คือความหอมมันอร่อย ยิ่งคั่วโดยกรรมวิธีแบบโบราณแล้วด้วยก็ยิ่งเค้นเอาความหอมอร่อยออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ได้รสชาติที่กลมกล่อมและรสสัมผัสที่กรอบมันโดนใจ
สำหรับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เราเลือกมานำเสนอก็จะมาจากแบรนด์มานะชัย แบรนด์ที่ผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์ส่งออกรายใหญ่ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 40 ปี โดยมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ดังนั้นแล้วในเรื่องนี้ก็สามารถมั่นใจได้ค่ะว่าคุณภาพและความอร่อยจะถูกส่งถึงหน้าบ้านของคุณโดยที่ไม่มีวันเปลี่ยนแแปลง ลักษณะของเม็ดจะยังมีเปลือกอ่อน ๆ ด้านในติดอยู่แต่ก็ไม่ต้องกังวลค่ะเพราะเปลือกจะค่อนข้างบางและกรอบแกะออกง่ายทานสะดวก รสชาติอร่อย ไม่เค็มและที่สำคัญคือไร้ซึ่งกลิ่นเหม็นหืน
ทุเรียนกวนพันธุ์พื้นบ้านระนอง

ราคา 350 บาท*
ขึ้นชี้ว่าราชาแห่งผลไม้ก็จะหมายถึงอะไรไปไม่ได้นอกจากทุเรียนแน่นอนค่ะ ซึ่งของฝากอีกหนึ่งอย่างจากจังหวัดระนองที่เราหยิบมานำเสนอในวันนี้ก็คือทุเรียนกวนค่ะทุกคน แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าทุเรียนวันนี้ไม่ใช่ธรรมดา เพราะว่าเป็นทุเรียนกวนที่ได้มาจากเนื้อของทุเรียนพันธ์ุพื้นบ้าน ทุเรียนในเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าฝนแปดแดดสี่ ทำให้เนื้อทุเรียนของที่นี่มีสีเหลืองสวยงาม ลูกเล็กแต่เนื้อแน่น มีรสหวานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จัดว่าเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการนำมากวนที่สุดเลยค่ะ
ทุเรียนพันธุ์พื้นบ้านจากเจ๊ติ้งคัดสรรทุเรียนมาเป็นอย่างดี ก่อนจะนำมาปอกและคัดเอาแต่เนื้อล้วน ๆ จากนั้นนำมากวนด้วยไฟระดับกลางนานถึง 5-7 ชั่วโมงกว่าจะออกมาเป็นเนื้อทุเรียนกวนอย่างที่เราเห็น ๆ กันค่ะ ความพิเศษของทุเรียนพันธุ์นี้เมื่อกวนเสร็จแล้วคือจะมีกลิ่นที่หอมเตะจมูก กลิ่นจะไม่แรงเหมือนทุเรียนสุก รสชาติจะหวานละมุน ในส่วนเนื้อที่ผ่านการกวนเป็นเวลานานนั้นจะมีความหนึบ เนื้อเกาะตัวเป็นก้อน ไม่เหลว ไม่แฉะ รับรองว่ารสชาติไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน ใครที่ชอบทานทุเรียนหรือทุเรียนกวนอยู่แล้วก็ขอท้าให้มาลองพิสูจน์เสน่ห์ของความอร่อยที่ไม่ธรรมดาจากทุเรียนกวนจากระนองได้เลย
ก้องกาแฟ เมล็ดกาแฟโรบัสต้าคั่ว

ราคา 699 บาท*
ของฝากชิ้นต่อมาก็จะเป็นกาแฟโรบัสต้าคั่วจากแบรนด์ก้องกาแฟ จังหวัดระนอง เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าใครที่เป็นคอกาแฟอยู่แล้วหรืออาจจะศึกษาในเรื่องของกาแฟก็น่าจะคุ้นหูกันดีกับชื่อของคุณก้อง สุพจน์ กรณ์ประสิทธิ์วัฒน์ ผู้เปิดตำนานกาแฟคั่วมือระนองภายใต้แบรนด์ก้องกาแฟ คุณก้องนั้นเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นเกษตรกรที่เรียกได้ว่าอินดี้ที่สุด และเท่านั้นยังไม่พอค่ะเพราะคุณก้องยังเป็น 1 ในนักชิมกาแฟ 200 คนของโลกจากสถาบัน CQI (Coffee Quality Institute) อีกด้วย โดยจุดเริ่มต้นของก้องกาแฟก็เกิดการที่คุณก้องตระหนักถึงคุณค่าของเมล็ดกาแฟบวกกับความหลงใหลในกาแฟเป็นทุนเดิม จึงได้เริ่มทำการศึกษาและพัฒนากาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าของระนองเรื่อยมาจนตอนนี้จากที่เคยเป็นที่รู้จักในระดับประเทศก็กระโดดไปอยู่ในระดับสากลแล้วเรียบร้อย
ความพิเศษที่ถือเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ที่ไหนเลยคือกรรมวิธีตั้งแต่การปลูก การเก็บเมล็ด การตาก หรือแม้แต่การบ่มก็พิถีพิถันทุกขั้นตอน และทีเด็ดอีกอย่างเลยก็คือการคั่ว ก้องกาแฟจะเน้นการคั่วมือในกระทะเหล็กขนาดเล็กเท่านั้น เพราะว่าวิธีการเช่นนี้จะสามารถดึงเอากลิ่นหอมและรสชาติออกมาจากเมล็ดกาแฟได้อย่างเต็มเปี่ยมทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟระนองสายพันธ์ุโรบัสต้าถุงนี้นี่เลยค่ะ สำหรับกาแฟถุงนี้ก็มาในรูปแบบเมล็ดกาแฟคั่วเข้ม ไม่บดมีขนาด 250 กรัม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรังสรรค์กาแฟดื่มเองตั้งแต่เริ่มต้น
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
จริง ๆ แล้วการที่เราซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากใครสักคน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว เพื่อนสนิท คนรักหรือใครก็แล้วแต่ เราอยากให้รู้ไว้ว่าของฝากชิ้นนั้นไม่ใช่เป็นเพียงของที่ของฝากที่ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ อย่างเดียวเท่านั้นแต่ของฝากไม่ว่าจะมากหรือน้อยที่คุณซื้อกลับไปนั้นเท่ากับเป็นการช่วยสนับสนุนอาชีพของคนในพื้นที่ รวมถึงช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ในจังหวัดนั้นด้วยค่ะ
ดังนั้นแล้วนอกจากจะเที่ยวแล้วก็อย่าลืมช้อปของฝากกลับมาด้วยนะคะ และสำหรับใครที่ต้องการของฝากจากจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้แล้วล่ะก็ สามารถแวะเข้ามาอ่านบทความเพิ่มเติมของเราได้ค่ะเพราะก่อนหน้านี้เราได้ทำการรีวิวของฝากของแต่ละจังหวัดไว้ให้แล้ว เรียกได้ว่าคัดมาแบบเน้น ๆ จากคนในพื้นที่เองเลยทีเดียว ซึ่งจังหวัดที่ว่านี้ก็ได้แก่ จังหวัดสงขลา, จังหวัดพัทลุง, จังหวัดตรัง, จังหวัดพังงา, จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดกระบี่ รวมถึงจังหวัดภูเก็ตเองก็เช่นกันค่ะ