มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วครับสำหรับคนที่ชื่นชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ แล้วมักจะมีความไฝ่ฝันไปถึง รถบิ๊กไบค์ ในคลาสซุปเปอร์สปอร์ต 1,000 ซี.ซี. ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปสัก 10 ปีก่อน ความฝันเหล่านี้มันเป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่จะเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสของรถ Bigbike ในบ้านเราได้รับความนิยมสูงมาก ๆ หลาย ๆ แบรนด์ มีการขยายฐานการผลิตเข้ามา ส่งผลให้ตลาดรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทย มีการเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด มีการแข่งขันกันสูงมาก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ มันส่งผลให้ความฝันที่เราอยากจะมีบิ๊กไบค์ในคลาส 1,000 ซี.ซี. สักคัน มีโอกาสเป็นจริงได้ง่ายขึ้น หากเรามีความตั้งใจมากพอ
สำหรับ Bigbike ในคลาส 1,000 ซี.ซี. นั้น โดยทั่วไปจะเรียกว่า “Superbike” ซึ่งมันก็เหมือนกับรถยนต์นั่นแหละครับ ที่มีคลาสต่าง ๆ แบ่งย่อยออกไป เริ่มจาก “Eco Car“ รถยนต์ขนาดเล็ก ไปจนถึง “Supercar” รถยนต์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีสมรรถนะสูงเป็นพิเศษ ดังนั้น “รถ Superbike” ก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ มีการดีไซน์ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) รวมไปถึงการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยในการควบคุมรถ รวมไปถึงระบบเบรคคุณภาพสูง และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้มันมีทั้งความเร็ว ความแรง ความปลอดภัย และราคาที่แพงด้วย
สำหรับในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูรถ Superbike ว่าในปีนี้ 2020 มันมีรุ่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่เท่าไหร่? และมีความคุ้มค่ามากน้อยขนาดไหน? เผื่อว่ามีใครอยากจะกระโดดจาก 300cc 2 สูบไปควบ 1000cc 4 สูบ แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่การจัดอันดับ เป็นการรวมเอาเฉพาะรุ่นที่โดดเด่นมา ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ
1. Kawasaki Ninja ZX-10R

Kawasaki Ninja ZX-10R รุ่นรถ และ ราคา
รุ่น | ราคา |
Ninja ZX-10R | 709,000 บาท |
Ninja ZX-10R SE | 903,000 บาท |
Ninja ZX-10RR | 998,000 บาท |
สำหรับเจ้า ZX10R นั้น ถือเป็นรุ่นยอดนิยมในบ้านเรา ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยว มีความสปอร์ตสูง และยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ในส่วนของเครื่องยนต์ ZX10R ก็ได้แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่สุดยอด หลังโชว์ผลงานอันยอดเยี่ยม ในการแข่งขัน Superbike World Championship (WSB) ซีซั่นปัจจุบันที่ประเทศฝรั่งเศส “โจนาธาน เรีย” นักแข่งของทีม Kawasaki ก็สามารถปิดจ๊อบคว้าแชมป์เอาไว้ได้
![]() |
![]() |
ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ In-Line Four (4 สูบ) ความจุ 998 ซี.ซี. DOHC 16 วาล์ว เป็นเครื่องที่มีการพัฒนาใหม่ สามารถตอบสนองได้ดีขึ้นและทำความเร็วได้มากขึ้นกว่าเดิม บวกประสิทธิภาพของเพลาข้อเหวี่ยงรูปแบบใหม่ ช่วยให้สมรรถนะเครื่องยนต์มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 203 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที และกำลังสูงสุดที่มีแรมแอร์อยู่ที่ 213 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที และยังมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 114.9 นิวตันเมตร ที่ 11,200 รอบ/นาที โดยมีขนาดความจุ ถังน้ำมัน 17 ลิตร และน้ำหนักตัวรถ 206 กิโลกรัม
![]() |
![]() |
นอกจากนั้นยังมีคอท่อที่เป็นไทเทเนียม,โช้คหน้าคู่แบบอัพไซด์ดาวน์บวกซับแทงค์ที่ทาง Kawasaki พัฒนาร่วมกันกับ Showa โดยได้ผ่านการทดสอบมาแล้วจากตัวแข่งขัน, ได้พัฒนาระบบ Balance Free อีกทั้งในส่วนของระบบเบรคเป็น Brembo ซึ่งตัวนี้ มีความคล้ายคลึงกับเบรคที่ใช้ใน Ninja H2R ทำให้ระบบเบรคสามารถจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Ninja ZX-10R เป็นการนำเอาประสบการณ์จริงในสนามแข่งมาทำการศึกษาวิจัยและเพิ่มเติม เพื่อนำมาพัฒนาสมรรถภาพของรถให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทำให้ Ninja ZX-10R ยังคงสร้างชื่อได้อย่างต่อเนื่อง โดย Ninja ZX10R จะมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 709,000 บาท เท่านั้น
2. Honda CBR1000RR

Honda CBR1000RR รุ่นรถ และ ราคา
รุ่น | ราคา |
CBR1000RR | 731,190 บาท |
CBR1000RR SP | 885,850 บาท |
เรามาพูดถึงค่ายปีกนกกันบ้าง สำหรับเจ้า Honda CBR1000RR คือ “บิ๊กไบค์แนวซุปเปอร์สปอร์ต ที่ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ท้องถนน ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด” โดดเด่นทั้งด้านเครื่องยนต์ ที่ได้รับถ่ายทอดจากสนามแข่ง รวมไปถึงการควบคุมที่เสริมด้วยเทคโนโลยีการขับขี่กับชุดอุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิคเพื่อการขับขี่ที่ง่ายยิ่งขึ้น บวกกับ CBR1000RR ถือเป็นรถที่มีน้ำหนักเบา มันจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่
![]() |
![]() |
รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ แบบ 4 จังหวะ In-Line Four (4 สูบ) ความจุ 998 ซี.ซี. สามารถเรียกแรงม้าสูงสุดได้ที่ 189 แรงม้า ที่ 13,000 รอบ/นาที ความจุน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.2 ลิตร และน้ำหนักสุทธิของตัวรถอยู่ที่ 196 กิโลกรัม พร้อมกับระบบจ่ายน้ำมัน PGM-DSFI ระบบเบรกคุณภาพจากแบรนด์ดังอย่าง Brembo และคอท่อไอเสีย Tiatanium ใช้เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้าที่ทำงานประสานกับเซ็นเซอร์ APS ที่ฝังอยู่ใน Handlebar grip เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบสนองกับแรงบิดของผู้ขับขี่ได้อย่างดีที่สุด
สำหรับเจ้า CBR1000RR ถือเป็นรุ่นที่ให้ Option พิเศษและเทคโนโลยีต่าง ๆ มามากมาย มีระบบสมองกลที่เข้าช่วยสั่งงานระบบต่าง ๆ ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ขับขี่ง่ายยิ่งขึ้น และยังมีราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างมากด้วย สำหรับใครที่อยากจะอัพซีซีไปสู่ตัวพัน CBR1000RR คือทางเลือกที่ดี
3. Yamaha YZF-R1

Yamaha YZF-R1 รุ่นรถ และ ราคา
รุ่น | ราคา |
YZF-R1 | 849,000 บาท |
YZF-R1M | 1,149,000 บาท |
เป็นซุปเปอร์สปอร์ตไบค์ ที่มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตเต็มพิกัด มีความดุดันในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยเฟรมรถที่เป็น Alluminum Alloy – DeltaBox แบบใหม่ มีการปรับเปลี่ยนช่วงท้ายเฟรมเป็น Magnesium Alloy ซึ่งเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ส่งผลให้น้ำหนักของตัวรถลดลงเหลือ 199 กิโลกรัม เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มีความคล่องตัวมายิ่งขึ้น
![]() |
![]() |
ในส่วนของขุมพลัง Yamaha YZF-R1 มีความโดดเด่นด้านเครื่องยนต์อยู่แล้ว ซึ่งรุ่นนี้จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ความจุ 998 ซี.ซี. แบบ 4 จังหวะ ที่สามารถทำแรงม้าได้สูงสุดที่ 200 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที ด้านแรงบิดทำได้ 112 นิวตัน-เมตร ที่ 11,500 รอบ/นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ เทคโนโลยีก้านสูบไทเทเนียม ซึ่งมีน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแกร่งมาก ช่วยให้ขับในรอบสูง ๆ ได้อย่างลื่นไหล มีการติดตั้ง Inertial Measurement Unit (IMU) วัดมุมองศา 6 แกน องค์ประกอบหลักถูกปรับใหม่ทั้งหมด ตัวรถน้ำหนักที่เบาลง เพื่อช่วยให้มันขับขี่ได้อย่างสนุกมากยิ่งขึ้น ตอบสนองได้ดีเยี่ยม
นอกจากนี้ Yamaha YZF-R1 ยังมีหลายส่วนที่ได้รับการพัฒนามาใหม่ ทั้ง ระบบ QSS ที่มีการอัพเกรดระบบใหม่ เพื่อให้สามารถ Downshifting ได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น, ระบบ IMU 6 แกนนั้นจะสนับสนุนการทำงานกับระบบเบรก ABS ช่วยให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว ทั้งการขับขี่ปกติและการขับขี่ทางโค้ง ทำให้ระบบ Traction Control มีความแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับเจ้า YZF-R1 เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน การขับขี่สนุก เร้าใจ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย โดยรุ่นนี้มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 899,000 บาท แต่ในปัจจุบันมีการปรับลดราคาลงมาอยู่ที่ 799,000 บาท เท่านั้น
4. Suzuki GSX-R1000R

Suzuki GSX-R1000R รุ่นรถ และ ราคา
รุ่น | ราคา |
Suzuki GSX-R1000R | 811,000 บาท |
สำหรับ GSX-R1000R ถือเป็นตำนานของรถแข่งจนถูกขนานนามว่า “The King of Sportbikes” ที่มีทั้งความแรง ความคล่องตัวรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว พร้อมทั้งอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความแรงจากสนามแข่งทำให้ไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรืออยู่ในสนามแข่ง เจ้าตัวนี้ก็พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มสมรรถณะ
![]() |
![]() |
ขุมพลังของเจ้า GSX-R1000R เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 จังหวะ ความจุกระบอกสูบ 999.8 ซี.ซี. ใช้ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด พร้อมระบบผ่อนแรงในการบีบมือคลัตซ์ (Suzuki Clutch Assist System) ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยสามารถให้พละกำลังสูงสุดได้ที่ 202 แรงม้า ที่ 13,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 117.6 นิวตัน-เมตร ที่ 10,800 รอบ/นาที และมีความจุถังเชื่อเพลิงอยู่ที่ 16 ลิตร และน้ำหนักของตัวรถอยู่ที่ 203 กิโลกรัม
Suzuki ได้นำประสบการณ์การแข่งขันต่าง ๆ ที่สะสมมาจากการกวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลกนำมาพัฒนาโครงสร้างตัวถังใหม่แบบ Twin-Spar Aluminum เพื่อให้มีขนาดเล็กลง กะทัดรัด เพรียวบาง และมีน้ำหนักเบากว่า ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกเสมือนกับว่าได้ขับขี่อยู่บนสนามแข่งจริง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกสนุก เร้าใจ ไปพร้อม ๆ กับความปลอดภัย สำหรับ Suzuki GSX-R1000R มีราคาอยู่ที่ 811,000 บาท หากใครที่กำลังมองหารถที่มีทั้ง ความสปอร์ต มีความแรง บ้าพลัง ขับขี่ง่าย คล่องตัว รุ่นนี้สามารถตอบนองได้อย่างดีเยี่ยม
5. BMW S1000RR

BMW S1000RR รุ่นรถ และ ราคา
รุ่น | ราคา |
BMW S1000RR | 890,000 บาท |
สำหรับเจ้า BMW S1000RR ถือเป็นรถในฝันของใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้ เป็นรุ่นยอดนิยมตั้งแต่โฉมก่อน ๆ สำหรับรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาใหม่หมด เพื่อที่จะสามารถรีดประสิทธิภาพสูงสุดออกมา มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของโครง ถังน้ำมันเชื้อเพลิง รวมไปถึงตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์ ตัวรถมีดีไซน์ที่สวยงาม มีความดุดัน ดูโฉบเฉียบ เพรียวบาง ช่วยให้การขับขี่มีความคล่องตัวมากขึ้น
![]() |
![]() |
ขุมพลังของรุ่นนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนามาใหม่ แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาดความจุ 999 ซี.ซี. พร้อมระบบวาล์ว ไทเทเนี่ยม และใช้เทคโนโลยี BMW ShiftCam จะช่วยเลือกเวลาเปิดวาล์วและลิฟท์วาล์ว โดยใช้เพลาลูกเบี้ยวเพื่อให้มีแรงบิดและกำลังขับเคลื่อนที่สูงขึ้น ควบคุมหัวฉีดด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ แปรผันตามรอบเครื่องยนต์ ทำให้สามารถทำกำลังสูงสุดอยู่ที่ 207 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที มีแรงบิด 113 นิวตัน-เมตร ที่ 10,500 รอบ/นาที นอกจากนั้นยังมีการปรับแต่งส่วนประกอบอื่น ๆ อีกหลายส่วน ด้วยแนวคิดการควบคุมจังหวะใหม่ ทำให้เครื่องตัวนี้มีน้ำหนักลดลงถึง 4 กิโลกรัม
![]() |
![]() |
นอกจากนั้น BMW ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ BMW S1000RR จะมาพร้อมเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาพการจราจร อัดแน่นเต็มไปด้วยเทคโนโลยีมากมายอยู่ในทุก ๆ ส่วนของตัวรถ โดย “THE BMW S 1000 RR. สุดยอด SUPERBIKE สำหรับทุกสภาพการขับขี่”
6. Ducati Panigale V2

Ducati Panigale V2 รุ่นรถ และ ราคา
รุ่น | ราคา |
Panigale V2 | 799,000 บาท |
Panigale V2 Evo | 894,000 บาท |
คงไม่ต้องพูดมากสำหรับแบรนด์อย่าง Ducati ซึ่งในครั้งนี้ได้เปิดตัว New Ducati Panigale V2 ใหม่ ซึ่งเป็นการนำเอาเจ้า 959 Panigale รุ่นยอดนิยมมาพัฒนาต่อ โดยมีสายเลือดของ Ducati Panigale V4 มาเต็มรูปแบบ ถือเป็นการสืบต่อความยิ่งใหญ่ของเครื่องยนต์เครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ L-Twin ที่สร้างชื่อเสียงโดยการคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันระดับโลกต่าง ๆ มามากมาย ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง แบบค่ายอื่น ๆ แต่เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใส่มามันสามารถสู้กับรุ่น ๆ อื่นได้อย่างแน่นอน
![]() |
![]() |
แน่นอนครับ Panigale V4 เป็นรถในฝันของชาวไบค์เกอร์หลาย ๆ คน ซึ่งมันเป็นรถที่รวมความสุดยอดในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ ซึ่งมันไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ Ducati Panigale V2 จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ ความจุ 955 ซี.ซี. 2 สูบ Superquadro V2 90 องศา Desmodromic 8 วาล์ว สามารถส่งกำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 10,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 104 นิวตัน-เมตร ที่ 9,000 รอบ/นาที มีถังน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นวัสดุ Steel Tank มีความจุ 17 ลิตร โดยน้ำหนักตัวไม่รวมของเหลวอยู่ที่ 176 กิโลกรัมเท่านั้น อีกทั้งมีการติดตั้งแกน IMU แบบ 6 แกนที่จะทำงานร่วมกับระบบ Cornering ABS EVO และมีเทคโนโลยีอีกหลาย ๆ อย่าง ที่หยิบมาจากรุ่นพี่อย่าง Panigale V4R
![]() |
![]() |
นอกจากนั้นเจ้า V2 ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับการทำงานของระบบได้ตามต้องการ ช่วยให้มันสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะขับขี่บนท้องถนน หรือลงสนาม สำหรับ Ducati Panigale V2 เป็นเหมือนการย่อส่วนลงมาของ V4 มีดีไซน์ที่สปอร์ต ดุดัน ตามแนวทางของ Ducati อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยต่าง ๆ มากมาย หากใครที่อยากเป็นเจ้าของ V4 แต่ประสบการณ์น้อยกลัวจะควบคุมไม่อยู่ ต้องบอกเลยครับว่า Ducati Panigale V2 รุ่นนี้เหมาะมาก โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 799,000 บาท เท่านั้น
บทส่งท้าย
ต้องขอบอกอีกครั้งนะครับว่านี่ไม่ใช่เป็นการจัดอันดับ แต่เป็นการรวมรุ่นรถที่ได้รับความสนใจอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป มีนิสัยของเครื่องยนต์ที่ต่างกัน มีรูปทรงที่ไม่เหมือนกัน บางรุ่นคุณอาจขับขี่ได้สบาย แต่บางรุ่นคุณอาจจะเมื่อยเล็กน้อย เพราะฉะนั้นหากชื่นชอบรุ่นไหน ควรไปดูรถด้วยตนเองที่ศูนย์บริการนั้น เพื่อที่จะได้ลองขับ ลองทำความรู้จักกับรถให้มากขึ้น บางทีคุณอาจจะได้รับโปรโมชั่นดี ๆ อย่างพวกส่วนลด ประกันภัย และมีของแถมต่าง ๆ เพิ่มให้ด้วย อาทิเช่น หมวกกันน็อค, บลูทูธติดหมวก, กล้องติดหมวก, ถุงมือขับรถ หรือเสื้อแจ็คเก็ต เป็นต้น
สุดท้ายนี้หากคุณได้เป็นเจ้าของรถรุ่นใดรุ่นหนึ่งแล้ว ก็อย่าลืมขับขี่ด้วยความระมัดระวังนะครับ หากมีเวลาว่างก็ไปเรียนเพิ่ม เพื่อที่จะได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ที่จำเป็น เนื่องจากรถประเภทนี้มีสรรถนะที่สูง การขับขี่ต่าง ๆ จึงไม่เหมือนรถธรรมดา ฉะนั้นคุณต้องไปเรียนรู้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ และนอกจากนั้นก็อย่าลืมหาอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่จำเป็นมาใช้ดูแลรถของคุณด้วนนะครับ อาทิเช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์, น้ำยาล้าง, แว็กเคลือบสี และอื่น ๆ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :