มีหลาย ๆ คนที่ยังคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับ รถยนต์อีโคคาร์ (Eco car) ว่ามันเป็นรถยนต์ราคาถูก ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ครับ ในคำว่า Eco car นั้นย่อมาจาก Ecology Car หมายถึงรถที่ออกแบบมาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถประหยัดพลังงาน มีการปล่อยมลพิษออกมาน้อยเป็นพิเศษ และมีการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อให้ประหยัดขึ้นไปอีก ไม่ใช่ Economy Car หรือรถยนต์ราคาประหยัดอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ

หากคุณสงสัยว่า “แล้วทำไมรถยนต์อีโคคาร์ถึงมีราคาถูก ?” ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่จะเป็นรถ Eco car สักคันหนึ่งให้เราได้ขับนั้น มันจะต้องผ่านการตรวจมาตรฐานมากมาย ซึ่งในประเทศไทยเองก็ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับ รถยนต์อีโคคาร์ (Eco car) ว่า ถ้าหากรถยนต์รุ่นนั้น ๆ สามารถผ่านมาตรฐานทั้งหมดนี้ได้ รถยนต์รุ่นนั้นจะได้รับการลดภาษีสรรพสามิตร ทำให้มีราคาประหยัดกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ นั่นเอง ไม่ใช่ว่าว่าเป็นรถยนต์เกรดรองที่เอาเศษอะไหล่มารวม ๆ กัน
และด้วยข้อดีต่าง ๆ ของรถยนต์อีโคคาร์ โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัด ทั้ง ค่าซ่อมบำรุง, ค่าน้ำมัน รวมไปถึงค่าอะไหล่ที่ค่อนข้างถูก มันจึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่กำลังย้ำแย่อยู่แบบนี้ การเลือกรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในเรทราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คุณต้องอย่าลืมนะครับว่าการซื้อรถยนต์นั้น ไม่ใช้ซื้อแล้วจบเลย มันยังมีรายจ่ายอีกมากมายที่จะตามมา ยิ่งซื้อรถราคาสูง ๆ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็จะสูงตามไปด้วย สำหรับวันนี้เราได้รวบรวม รถยนต์อีโคคาร์ (Eco car) รุ่นต่าง ๆ ที่มีความน่าสนใจ และกำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะมีรุ่นไหนน่าสนใจ รุ่นไหนราคาคุ้มค่าบ้าง เราไปดูกันเลย
1. All-New Nissan Almera
เรามาดูกันที่รุ่นแรกนั่นก็คือ All-New Nissan Almera ที่เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่แบบโมเดลเชนจ์ ไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งถือว่าได้รับเสียบตอบรับที่ดีมาก ๆ รุ่นนึงเลยครับ มาพร้อมดีไซน์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม เส้นสายมีความคมรับกันรอบคัน โดยตัวนี้ถึงแม้จะมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นสปอร์ต แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความกว้างขวาง นั่งสบาย ของภายในห้องผู้โดยสารไว้ได้เป็นอย่างดี
![]() |
![]() |
สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์ Nissan ปรับแก้มาให้เรียบร้อย ทำให้มันแรงมากขึ้น ด้วยขุมกำลังใหม่จากเครื่องยนต์ 3สูบ ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่สามารถรีดพลังกำลังสูงสุดได้ 100 แรงม้า ที่ 5,000 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400-4,000 รอบต่อนาที ด้วยความที่เป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ ช่วยให้มันมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น ทำงานจับคู่กับเกียร์ Xtronic CVT with D-Step Logic ที่มีการตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้คุณขับสนุก คล่องตัว สามารถตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี
![]() |
![]() |
นอกจากนั้นในส่วนของเทคโนโลยีที่อยู่ใน Almera นั้นก็ไม่ธรรมดา ซึ่งจุดเด่นของมันอยู่ที่เทคโนโลยีความปลอดภัยที่มาแบบครบครันไม่ว่าจะเป็น กล้องมองรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM), การตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection – MOD), การเตือนการชนด้านหน้า (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW), การเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Braking – IEB), ตรวจจับวัตถุด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert – RCTA), การเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) และอื่น ๆ นอกจากนั้นยังอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบมาตรฐาน ทั้งในเชิงป้องกันอุบัติเหตุและลดความรุนแรง รวมถึงความเสียหายจากอุบัติเหตุ โดนรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นเพียง 499,000 บาท เท่านั้น ทั้งสวย ทั้งปลอดภัย และแถมประหยัดอีกด้วย
สำหรับ All-New Nissan Almera มีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้
รุ่น | ราคา |
S | 499,000 บาท |
E | 509,000 บาท |
EL | 559,000 บาท |
V | 599,000 บาท |
VL | 639,000 บาท |
2. All-New Honda City 2020
เราคงไม่ต้องพูดเยอะสำหรับเจ้า Honda City รถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยม สำหรับเจ้า All-New Honda City2020 ใหม่นี้ ถือว่าเดินทางเข้าสู่โฉมที่ 5 อย่างสมบูรณ์แบบ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมาท้าชิงในตลาดอีโคคาร์อย่างเป็นทางการ ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบภายนอกใหม่ ที่มีความสปอร์ตแบบเรียบง่าย ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว และด้วยชื่อเสียงของเจ้า Honda City ในเรื่องของการขับขี่ที่สนุก เร้าใจ มันสามารถทำได้ดีกว่าเดิม
![]() |
![]() |
โดย Honda City 2020 ใช้ขุมพลังจากเครื่องยนต์ 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร VTEC Turbo ที่ถึงแม้จะเล็กแต่กลับให้พลังกำลังมากถึง 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที และทำงานจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ช่วยให้มันสามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่ง Honda City ถือเป็นตัวแรงที่สุดในคลาสเลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายที่เราต้องแลกกับการขาดไปของออฟชั่นพื้นฐานบางอย่าง ที่ส่วนใหญ่มีอยู่ในอีโคคาร์หลาย ๆ รุ่นแล้ว
![]() |
![]() |
ในส่วนของความปลอดภัยต่าง ๆ จัดมาให้แบบครบครันครับ ทั้ง ระบบถุงลมทั้งหมด 6 ตำแหน่ง ครอบคลุมรอบคัน, Hill Start Assist (HSA) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน, Emergency Stop Signal (ESS) ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก, Multi-angle Rearview Camera กล้องส่องภาพด้านหลังที่สามารถปรับมุมมองได้ถึง 3 ระดับ ช่วยให้ถอยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และระบบอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าหากใครที่ชื่นชอบความแรง การขับขี่ที่สนุกเร้าใจ จะขับในเมืองก็ได้ หรือจะขับออกต่างจังหวัดก็สบาย แรงด้วย ประหยัดด้วย แถมราคาเริ่มต้นเพียง 579,500 บาท นอกจากนั้นยังเอาใจสายซิ่งด้วยรุ่น RS ที่มีการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตเร้าใจด้วยกระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต และอื่น ๆ ในราคา 739,000 บาท เท่านั้น
สำหรับ All-New Honda City 2020 มีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้
รุ่น | ราคา |
S | 579,500 บาท |
V | 609,000 บาท |
SV | 665,000 บาท |
RS | 739,000 บาท |
3. New Mazda 2
Mazda 2 ก็เป็นซิตี้คาร์อีกรุ่นนึงที่ได้รับความนิยมสูงเราสามารถพบเห็นได้บ่อย ๆ บนท้องถนน สำหรับตัวนี้เป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งได้มีการเปิดตัวมาสักระยะนึงแล้ว โดยมีการปรับดีไซน์ตัวรถใหม่ภายใต้แนวคิด Kodo : Soul of Motion ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสปอร์ตแบบเรียบหรูเข้าไป ทำให้ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกันกับ All-New Mazda 3 ในรุ่นนี้ยังคงมีให้เลือก 2 แบบทั้งซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู ช่วยตอบโจทย์ทุก ๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยม
![]() |
![]() |
สำหรับ New Mazda 2 2020 มีขุมพลังจากเครื่องยนต์ 2 แบบให้เลือกใช้งานกันเช่นเดิม ประกอบด้วย :
- เครื่องเบนซิน Skyactiv-G ความจุ 1.3 ลิตร แถวเรียง 4 สูบ ที่ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร
- เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
ซึ่งเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบ จะทำงานควบคู่กับเกียร์ Skyactiv-Drive อัตโนมัติแบบ 6 สปีด พร้อมทั้งยังมีโหมดการขับขี่ ที่จะช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
![]() |
![]() |
ในด้านความปลอดภัยทางมาสด้าก็ยัดมาให้แบบครบครัน ระบบช่วยควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control Plus (มีทุกรุ่นย่อย), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังหรือ RCTA (Rear Cross Traffic Alert), ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้งระบบความปลอดภัยพิ้นฐานอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับราคาของเจ้า Mazda 2 เครื่องยนต์ Skyactiv-G มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นเพียง 546,000 บาท ส่วน Mazda 2 เครื่องยนต์ Skyactiv-D มี 2 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่ 782,000 บาท สำหรับใครที่เน้นขับสนุก ต้องการความคล่องตัว พร้อมทั้งดีไซน์สปอร์ตเรียบหรู รุ่นนี้ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน
Mazda 2 เครื่องเบนซิน Skyactiv-G 1.3 มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังนี้
![]() |
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
1.3 E | 546,000 บาท | |
1.3 C | 602,000 บาท | |
1.3 S | 627,000 บาท | |
1.3 S LEATHER | 648,000 บาท | |
1.3 SP | 690,000 บาท |
Mazda 2 เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D 1.5 เทอร์โบ มี 2 รุ่นย่อย ดังนี้
![]() |
รุ่น | ราคา |
---|---|---|
1.5 XD | 782,000 บาท | |
1.5 XDL | 799,000 บาท |
4. Toyota New YARIS และ New Yaris ATIV
สำหรับ Toyota ถือเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน ทำตลาดระยนต์ในหลายระดับ มีหลาย ๆ รุ่นที่เปิดตัวออกมาได้รับเสียงตอบรับที่ดี อาทิเช่น Toyota Fortuner, Toyota Corolla Cross และรวมถึง New Toyota YARIS และ New Toyota Yaris ATIV ซึ่งก็ถือเป็น Eco Car รุ่นยอดนิยมในบ้านเราอีกรุ่นหนึ่งตั้งแต่เปิดตัวออกมา ซึ่งปีนี้เป็นการ Minorchange ใหม่ อยู่ภายใต้แนวคิด “This is what I am นี่สิ…ที่เป็นเรา” มีการปรับหน้าตาใหม่ เพิ่มเติมฟังก์ชันต่าง ๆ สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงด้านระบบความปลอดภัยของโตโยต้าอย่าง Toyota Safety Sense
![]() |
![]() |
ในด้านของเครื่องยนต์ทั้งคู่มาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ รหัส 3NR-FE เป็นแบบ 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลัง 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock และ S-Mode ให้คุณสนุกกับการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ ทำให้มันมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว
![]() |
![]() |
นอกจากนั้นในส่วนของภายในมีการเพิ่มกล้องติดรถยนต์สำหรับบันทึกเหตุการณ์ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง( Video Cam Recorder) มีการปรับเปลี่ยนหน้าจอเป็นหน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 6.7 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ในส่วนของความปลอดภัยก็มีมาให้ครบครันทั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง, ระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Brake System), ระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Stability Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System), ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake-force Distribution), ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist), ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-start Assist Control) และอื่น ๆ อีกมากมาย
Toyota New YARIS มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้
รุ่น | ราคา |
Entry | 539,000 บาท |
Sport | 599,000 บาท |
Sport Premium | 674,000 บาท |
Toyota New Yaris ATIV มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย เช่นกัน ดังนี้
รุ่น | ราคา |
Entry | 549,000 บาท |
Sport | 609,000 บาท |
Sport Premium | 679,000 บาท |
5. New Suzuki CIAZ 2020
Suzuki ก็เป็นอีกแบรนด์นึงทำราคาออกมาได้น่าประทับใจในหลาย ๆ รุ่น อย่าง All-New Suzuki XL7 รถยนต์ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่งที่มีราคาคุ้มค่ามาก ๆ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง Suzuki CIAZ ซึ่งถือเป็นรถอีโคคาร์ราคาสุดคุ้มค่าอีกรุ่นหนึ่ง ถูกออกแบบมาภายใต้แนวคิด “สัมผัสใหม่ สบายทุกมิติ” เป็นอีกหนึ่งรุ่นของรถอีโคคาร์ทรงซีดานที่ได้รับความนิยมสูง โดยรุ่นนี้เป็นการไมเนอร์เชนจ์ใหม่ มีการปรับโฉม เพิ่มเติมความหรูหราเข้าไป กระจังหน้าที่มีการดีไซน์ใหม่ ไฟโปรเจคเตอร์ LED Projector พร้อมไฟหรี่แบบ LED ด้วย รวมไปถึงชุดแต่งต่าง ๆ เป็นทรงสปอร์ตเพิ่มความโฉบเฉี่ยว
![]() |
![]() |
สำหรับส่วนของเครื่องยนต์จะใช้ เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาดความจุ 1.2 ลิตร สามารถให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที จะทำงานพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT (เว้นแต่รุ่นล่างสุดจะใช้เป็นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ) ซึ่งถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็ต้องบอกเลยว่ามันสามารถตอบสนองการใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี หรือจะออกต่างจังหวัดก็ขับสบายไม่มีปัญหา
![]() |
![]() |
ในส่วนของความปลอดภัย Suzuki CIAZ ก็จัดมาให้ทั้ง ระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS, เซ็นเซอร์ถอยหลัง, ระบบลดเสียงรบกวนจากภายนอก, ลดแรงสั่นสะเทือน, ระบบเบรก ABS/EBD และอื่น ๆ โดยหากเทียบกับรุ่นอื่น ๆ อาจจะมองว่าให้มาน้อยไป แต่หากเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก ซึ่งเอาจริง ๆ ระบบบางอย่างที่ให้มาในรุ่นอื่น ๆ เราก็แทบจะไม่ได้ใช้เลยในชีวิตประจำวัน
New Suzuki CIAZ 2020 มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ดังนี้
รุ่น | ราคา |
GL M/T | 523,000 บาท |
GL CVT | 559,000 บาท |
GLX CVT | 625,000 บาท |
RS CVT | 675,000 บาท |
6. New Mitsubishi Mirage 2020
เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ มาพร้อมกับความคุ้มค่าอัดแน่นเต็มไปเทคโนโลยีต่าง ๆ หลายตัว โดยเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ ถูกออกแบบมาสำหรับชีวิตคนเมืองโดยเฉพาะ มีการดีไซน์หน้าตาใหม่ ไฟหน้าเป็นโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED, กระจังหน้าออกแบบใหม่ และ ไฟท้ายใหม่รูปตัว L ก็เป็นแบบ LED เช่นกัน ขนาดตัวรถเล็กกระทัดรัด ช่วยให้มีความคล่องตัวสูง
![]() |
![]() |
Mitsubishi Mirage 2020 เลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาดความจุ 1.2 ลิตร MIVEC สามารถทำกำลังสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 100 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT (เว้นแต่รุ่นล่างสุด) พร้อมทั้งมีระบบ Auto Stop & Go ช่วยให้คุณประหยัดเชื้อเพลิงได้มากยิ่งขึ้น โดยทำให้มันมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร
![]() |
![]() |
ในด้านของระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ก็จัดมาเต็มที่ มีทั้ง ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมกับระบบช่วยชะลอความเร็ว, ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงหรือขณะตกใจ, ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก, ระบบช่วยกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์, ระบบเสริมแรงเบรก, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวในสภาวะที่รถเสียสมดุล, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยในรุ่นเริ่มต้น มีราคาเพียง 467,000 บาท เท่านั้น
New Mitsubishi Mirage 2020 มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ดังนี้
รุ่น | ราคา |
GLX 5MT | 467,000 บาท |
GLX CVT | 501,000 บาท |
GLS CVT | 567,000 บาท |
GLS-LTD CVT | 609,000 บาท |
บทส่งท้าย
เราต้องขอออกตัวก่อนว่า ในบทความนี้เป็นการหยิบยกมาแนะนำเฉพาะบางรุ่นเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดจะเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยตลาดรถยนต์อีโคคาร์ในบ้านเรานั้น ยังมีอีกหลายรุ่น อาทิเช่น Mitsubishi Attarge, Suzuki Swift, Nissan Note และ March, Honda Brio และรุ่นอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทุก ๆ รุ่นก็สามารถเป็นทางเลือกให้กับคุณได้ ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเอง แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนที่คุณจะตัดสินใจหรือตัดตัวเลือกไหนออกไป เราอยากให้คุณได้มีโอกาสไปลองสัมผัส และได้ลองขับดูก่อน เพื่อให้ได้รถที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
ดังนั้น การไปดูรถด้วยตนเองที่ศูนย์บริการนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถบิ๊กไบค์ หรือรถยนต์ นอกจากจะได้ลองขับดูแล้ว คุณอาจจะได้รับโปรโมชั่นดี ๆ มากมาย หากเป็นรถบิ๊กไบค์ก็อาจจะมีแถม อาทิ หมวกกันน็อค, บลูทูธ, กล้องติดหมวก, ถุงมือขับรถ หรือเสื้อแจ็คเก็ต เป็นต้น หรือถ้าหากเป็นรถยนต์ อาจจะแถมทั้ง ประกันภัย, กล้องติดรถยนต์, ฟิล์มกรองแสง, ส่วนลดเงินสด, ชุดแต่ง, ของใช้กระจุกกระจิกพวก กล่องใส่ทิชชู่, ที่เก็บของรถยนต์, ร่ม, แก้วน้ำ, ชุดหุ้มพวงมาลัย หรือที่เก็บของ, คูปองเติมน้ำมัน และอื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งต่าง ๆ เหล่าขึ้นอยู่กับคุณ ว่ามีการพูดคุยตกลงกับเซลล์อย่างไร อาจจะได้อย่างเสียอย่างก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยใช่มั๊ยครับ
และถ้าหากคุณได้เป็นเจ้าของรุ่นใดรุ่นหนึ่งแล้ว ก็อย่าลืมมองหา ผ้าไมโครไฟเบอร์, น้ำยาล้างรถยนต์, แว็กเคลือบสีรถยนต์ และรวมไปถึงเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ มาไว้สำหรับล้างและทำความสะอาดรถยนต์ของคุณด้วยนะครับ เพื่อให้ยังคงดูสวย และเงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
- All-New NISSAN ALMERA
- Honda City The City Turbo
- New Mazda2
- New YARIS New ATIV
- Suzuki Ciaz
- New Mitsubishi Mirage