ถ้าหากเพื่อน ๆ ชื่นชอบการจัดโต๊ะคอมฯ หรือโต๊ะทำงาน ให้ดูเรียบร้อย ไม่มีภาพของสายไฟที่พันกันระโยงระยาง แน่นอนครับว่า สายไฟที่เพื่อน ๆ สามารถเอาออกได้ง่าย ๆ ก็คือ สายไฟของคีย์บอร์ด และเมาส์ ครับ ซึ่งจริงอยู่ครับว่าในอดีตเมาส์ไร้สาย ยังทำงานได้ไม่ดีพอ เมื่อเทียบกับเมาส์แบบมีสาย อีกทั้งอายุการใช้งานของเมาส์ไร้สายก็ไม่มากพอ แต่ทุกวันนี้ด้วยเทคโนโลยีที่มี ทำให้เมาส์ไร้สายรุ่นใหม่ ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเมาส์แบบมีสายมากครับ ซึ่งถ้าเราสังเกตุในตลาดเมาส์เกมมิ่งทุกวันนี้จะเห็นเลยครับว่า มีหลาย ๆ แบรนด์ รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำอย่าง Logitech ก็เริ่มทำเมาส์เกมมิ่งแบบไร้สายออกมามากขึ้น ทำให้ในปัจจุบัน มีเกมเมอร์หลาย ๆ คนที่หันมาใช้เมาส์ไร้สายกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
เมื่อพูดถึง เมาส์ไร้สาย ในตลาดปัจจุบัน แน่นอนครับ เรามีตัวเลือกอยู่เยอะมาก ๆ ดังนั้นในการเลือกซื้อเมาส์ไร้สาย ที่เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่สุด มันขึ้นอยู่กับว่าเพื่อน ๆ จะนำเมาส์ไปใช้อย่างไร? เมาส์บางตัวเราสามารถใช้งานได้นานหลายเดือน โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จใหม่เลย หรือบางตัวก็มีประสิทธิภาพที่สูงมาก ๆ ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จนเราสามารถนำไปใช้เพื่อการแข่งขันได้
เพราะฉะนั้นเพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ในวันนี้เราได้คัดเมาส์ไร้สายมารีวิวหลายรุ่นหลายราคาเลยล่ะครับ โดยทุกรุ่นจะอยู่ในงบไม่เกิน 1,000 บาทครับ และเราจะสรุปให้เพื่อน ๆ ด้วยครับว่าเมาส์แต่ละตัวได้คะแนนการใช้งานด้านต่าง ๆ มากน้อยขนาดแค่ไหน ? หากพร้อมกันแล้วตามไปดูกันเลยครับ
เมาส์ไร้สายราคาไม่เกิน 1000 บาท ยี่ห้อไหนดี?
- เมาส์เกมมิ่งไร้สาย ที่คุ้มค่าที่สุด : EGA Type M8 เล่นเกมก็ดี พกพาไปใช้งานทั่วไปก็ได้
- เมาส์สุขภาพไร้สาย ที่คุ้มค่าที่สุด : Rapoo EV250 เมาส์แนวตั้งให้ท่าทางการจับเมาส์ที่สบายที่สุด
- เมาส์ทำงานไร้สาย ที่คุ้มค่าที่สุด : Xiaomi Dual Mode Silent Edition มีฟังก์ชันเยอะ ครอบคลุมหลายอุปกรณ์
- เมาส์ไร้สาย ที่ดีที่สุด : Logitech G304 Lightspeed ที่รวดเร็ว แม่นยำ ตอบโจทย์ทั้งการทำงาน และเล่นเกม
- เมาส์ทำงานไร้สาย ที่พกพาง่าย : Logitech Pebble M350 สไตล์น่ารัก มินิมอล บางเบา พกพาสะดวกที่สุด
- เมาส์กึ่งแนวตั้งไร้สาย ที่จับสบาย : Bewell Semi-vertical ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องปรับตัวเยอะ
- เมาส์ไร้สาย ที่มีคุณภาพ ราคาเบา ๆ : Logitech M330 Silent Plus) ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ดี
วิธีเลือก เมาส์ไร้สาย ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด
เชื่อว่าหลาย ๆ คนอยากจะเปลี่ยนมาใช้ เมาส์ไร้สาย แต่ก็ยังไม่มั่นใจ กลัวว่ามันจะตอบสนองช้า และแบตฯ หมดระหว่างใช้งาน อีกทั้งหลาย ๆ คนก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหน ? และควรจะเลือกอย่างไรดี ? ดังนั้นเพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เมาส์ได้ที่มีคุณภาพ มีสเปกที่ตรงตามการใช้งานมากที่สุด เราจึงมีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกเมาส์ไร้สาย เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการเลือกซื้อสิ่งที่คุ้มค่าและดีที่สุดสำหรับเพื่อน ๆ ครับ
1. เลือกจากประเภทของการเชื่อมต่อ
ในปัจจุบัน เมาส์ไร้สาย จะมีประเภทการเชื่อมต่ออยู่ 2 แบบ หลัก ๆ ดังต่อไปนี้ครับ
|
1. เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetoothเป็นการเชื่อมต่อที่สะดวกมาก และสามารถใช้ร่วมกับหลาย ๆ อุปกรณ์ได้ ขอแค่อุปกรณ์นั้นรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ดังนั้นทั้ง มือถือ, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป, คอมฯ หรือแม้กระทั่งสมาร์ททีวี ก็สามารถใช้งานกับเมาส์ประเภทนี้ได้ครับ ถึงแม้ว่าอุปกรณ์นั้น ๆ จะไม่มีพอร์ต USB มาให้ก็ตาม สรุป เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานร่วมกับหลาย ๆ อุปกรณ์ |
|
2. เชื่อมต่อผ่านตัวรับสัญญาณ USBเชื่อมต่อด้วยตัวรับสัญญาณ USB : เป็นประเภทการเชื่อมที่ง่ายกว่าครับ ซึ่งจะเหมือนกับเมาส์ทั่ว ๆ ไปเลย เพียงแต่มันจะมีแค่หัว USB ไม่มีสายไฟเหมือนเมาส์ทั่วไป ซึ่งวิธีใช้เพื่อน ๆ ก็แค่นำหัว USB มาเสียบเข้ากับอุปกรณ์ มันก็จะมีการจับคู่กันเองอัตโนมัติครับ ดังนั้นหมายความว่า การเชื่อมต่อแบบนี้ สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB เท่านั้น สรุป เหมาะกับคนที่เน้นใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB |
2. เลือกเซ็นเซอร์ที่ใช้
ในตลาดปัจจุบัน เมาส์ มีหลายรุ่น หลายราคามาก ๆ ครับ ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ก็เป็นเพราะว่า เมาส์แต่ละรุ่น มีการเลือกใช้เซ็นเซอร์ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เมาส์แต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นเพื่อให้เมาส์สามารถจะตอบสนองความต้องการของเพื่อน ๆ ได้ดีที่สุด ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ กันก่อนครับ
โดยในปัจจุบันเมาส์จะใช้เซ็นเซอร์อยู่ 2 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ Laser Sensor และ Optical Sensor ครับ ซึ่งความแตกต่างหลัก ๆ จะเป็นเรื่องของค่า DPI หรือค่าความไวเมาส์ ครับ ส่งผลให้มีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
- Laser Sensor : เป็นเซ็นเซอร์ที่จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อใช้งานบนพื้นผิวเรียบ ๆ อย่าง แผ่นรองเมาส์ แต่หากเราใช้งานบนที่ผิวอื่น ๆ มันก็จะมีความแม่นยำลดลงครับ พูดง่าย ๆ ว่า ยิ่งไม่เรียบ มันก็จะยิ่งมีปัญหา ใช้งานไม่ได้ครับ โดยปัญหาที่เราจะเจอก็คือ เมาส์จะขาดความแม่นยำ เช่น เราลากเมาส์ไปแล้ว แต่เคอร์เซอร์ในจอไม่ไปตามนั่นเอง
จุดเด่น : มีราคาประหยัด หาซื้อง่าย
จุดด้อย : การตอบสนอง และความแม่นยำน้อยกว่า อีกทั้งยังจำเป็นต้องใช้งานบนพื้นผิวที่เรียบเท่านั้น
- Optical Sensor : มันก็จะสามารถทำงานได้หลากหลายเช่นกันครับ แต่มันจะมีการตอบสนองที่ไว และแม่นยำกว่า อีกทั้งการใช้งานบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ และมีความขรุขระ มันก็ยังคงใช้งานได้อย่างแม่นยำครับ เนื่องจากเซ็นเซอร์มีการตรวจจับที่ดีกว่า ช่วยให้การเคลื่อนไหว มีความเสถียรเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนครับว่า เซ็นเซอร์ตัวนี้ก็จะต้องแลกมา ด้วยราคาที่สูงกว่า
จุดเด่น : มีการตอบสนองที่รวดเร็ว และมีความแม่นยำมาก สามารถใช้งานได้ทุกพื้นผิว ต่อให้ไม่เรียบก็ใช้งานได้
จุดด้อย : มีราคาสูง
3. เลือกจากแหล่งพลังงาน
แน่นอนครับว่าอุปกรณ์ไร้สายทุกประเภท จะมีการใช้แหล่งพลังงานอยู่ 2 แบบ นั่นก็คือ แบบแบตเตอรี่ในตัว (ชาร์จไฟ) และแบบใส่ถ่าน ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ มันก็มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปครับ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเพื่อน ๆ เลย
- เมาส์ไร้สายแบบชาร์จไฟ เราก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อถ่านอยู่เรื่อย ๆ ให้สิ้นเปลือง เมื่อใช้จนแบตฯ หมดเราก็สามารถนำสายชาร์จมาเสียบชาร์จได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้สาย USB-C เป็นพื้นฐานกันหมดแล้ว ทำให้ไม่ต้องพกสายชาร์จไปเพิ่มเลย
- เมาส์ไร้สายแบบใส่ถ่าน เวลาถ่านหมดเราก็สามารถซื้อถ่านมาเปลี่ยนได้ทันที โดยไม่ต้องรอชาร์จให้เสียเวลาเลย
เพื่อน ๆ ก็ลองชั่งน้ำหนักดูครับว่า สะดวกแบบไหน ?
4. เลือกดีไซน์ และขนาดของเมาส์ ที่เหมาะกับมือของเราที่สุด
ใช่ครับ ดีไซน์ และขนาดของเมาส์ไร้สาย แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน รวมทั้งสรีระของฝ่ามือกับความถนัดของเพื่อน ๆ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในการเลือก มันจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเพื่อน ๆ ล้วน ๆ ครับ ซึ่งเพื่อความง่ายขอแนะนำให้ลองดูขนาดของเมาส์ที่เพื่อน ๆ ใช้อยู่ รวมไปถึงท่าทางการจับเมาส์ของเพื่อน ๆ โดยในปัจจุบัน มีท่าทางในการจับเมาส์ ที่เป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์ 3 ท่า หลัก ๆ ซึ่งในแต่ละท่าจับ ก็จะมีจุดเด่น-จุดด้อยที่แตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้ครับ
|
1. Fingertip Gripคือท่าทางการจับเมาส์ ด้วยปลายนิ้วเพียงส่วนเดียว ส่วนอื่น ๆ จะลอย ไม่ได้แนบกับตัวเมาส์ ซึ่งข้อดีของจับแบบนี้ก็คือ ช่วยให้ขยับเมาส์ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำครับ ดังนั้นคนที่ต้องการความแม่นยำ อาจจะติดท่านี้ แต่ข้อเสียก็คือ เราต้องเกร็งมืออยู่ตลอดเวลา ทำให้อาจเสี่ยงเกิดอาการมือชาได้ ฉะนั้นจึงไม่ควรจับแบบนี้ต่อเนื่องนาน ๆ ครับ ใครที่ชอบจับเมาส์ด้วยปลายนิ้ว ขนาดของเมาส์ที่เหมาะสมที่สุด ก็คือ เมาส์ที่มีขนาดกะทัดรัดครับ ซึ่งจะทำให้เราเกร็งมือน้อยลง แต่ถ้าหากเราใช้เมาส์ขนาดใหญ่ เราก็จะต้องเกร็งมือมากขึ้นนั่นเองครับ |
|
2. Palm Gripคือท่าการจับเมาส์ที่เราปล่อยทั้ง นิ้วมือ, อุ้งมือ, ข้อมือ และท่อนแขนไปตามธรรมชาติเลย ทำให้ทุกส่วนแนบไปกับเมาส์ และโต๊ะเลย ดังนั้นคนส่วนใหญ่ จึงมักจะติดท่านี้เยอะเป็นพิเศษ เพราะข้อดีก็คือ ช่วยลดการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียคือ เราจะขยับเมาส์ได้ยาก เพราะข้อมือ และท่อนแขน วางแนบไปกับโต๊ะ ทำให้มันอาจจะช้าและขาดความแม่นยำไปบ้างครับ ใครที่ชอบจับเมาส์ด้วยอุ้งมือ ขนาดของเมาส์ที่เหมาะสมที่สุด ก็คือ เมาส์ที่มีขนาดพอดีมือครับ ดังนั้นถ้ามีมือใหญ่ ก็ต้องเลือกเมาส์ที่มีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีมือเล็ก ก็ต้องเลือกเมาส์ที่มีขนาดเล็กตามครับ |
|
3. Claw Gripคือท่าที่อยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 ท่าแรกครับ พูดง่าย ๆ คือ การจับด้วยปลายนิ้ว แต่ถูกปรับให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยการวางข้อมือแนบไปกับโต๊ะได้เลย ช่วยให้ข้อดีก็คือ สามารถยกข้อมือขึ้นได้เลย หากต้องการความเร็ว และความแม่นยำ แต่ถ้าต้องการความสบาย ก็สามารถปล่อยมือตามสบายได้เลย ช่วยให้ท่านี้เป็นท่าที่ เกมเมอร์เลือกใช้กันเยอะมากครับ ดังนั้นหากใครชอบจับเมาส์แบบกรงเล็บ ขนาดเมาส์ที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ตัวเมาส์ที่มีขนาดพอดีมือเช่นกันครับ แต่อาจจะเลือกค่อนไปทางเล็กสักหน่อย เพื่อให้เวลาจะเปลี่ยนไปจับเมาส์ด้วยปลายนิ้ว สะดวกขึ้น |
5. เลือกจากค่าความไวของเมาส์
โดยเมาส์ทุก ๆ รุ่นไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ มันจะมีค่าค่ามาตรฐานในการวัดความไวเมาส์คือค่า Dots Per Inch หรือเรามักจะพบคำว่า DPI อยู่หน้ากล่อง โดยค่าความไวเมาส์นี้ จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของเพื่อน ๆ เลยครับ ยิ่งมีตัวเลขสูงเท่าไหร่ เมาส์ก็จะไวขึ้นเท่านั้น ทำให้เวลาเราขยับเมาส์แค่นิดเดียว แต่เคอร์เซอร์มันไปถึงขอบหน้าจอแล้ว
สรุปง่าย ๆ นะครับว่าถ้าเพื่อน ๆ มองหาเมาส์ไปเล่นเกม เมาส์ที่มีค่า DPI สูง ๆ มันสามารถให้การตอบสนองที่รวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเพื่อน ๆ มองหาเมาส์ไปใช้ทำงานทั่ว ๆ ไป เมาส์ที่มีค่า DPI 800 – 1600 ก็เพียงพอต่อการใช้งานทัว ๆ ไปแล้วครับ
EGA Type M8 Wireless Gaming Mouse เชื่อมได้ทั้ง ไร้สาย และมีสาย

ราคา 689 บาท*
มาเอาใจชาวเกมเมอร์กันบ้าง กับ EGA TYPE-M8 เมาส์เกมมิ่งไร้สาย สุดคุ้ม ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพเกินราคา ตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม ตัวเมาส์มาในดีไซน์สไตล์เรียบหรู ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มีขนาด และน้ำหนัก ที่กำลังดี ช่วยให้เพื่อน ๆ ใช้งานอย่างสบายมือ โดยความพิเศษของรุ่นนี้คือ การเชื่อมต่อที่รองรับได้ทั้ง ไร้สาย และใช้สาย ฉะนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องแบตหมดเลย ด้านการทำงาน รุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ตเซนเซอร์เกมมิ่งโดยตรง อย่าง PMW3325DB ซึ่งเป็น Optical Gaming Sensor ชิปที่ออกแบบมาเพื่อเกมแนว FPS โดยเฉพาะครับ ทำให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ตัวสวิตซ์ใช้เป็น Huano Switch ที่รองรับการคลิกได้มากถึง 30 ล้านครั้ง ดังนั้นมันรองรับการเล่นเกมของเพื่อน ๆ ได้อย่างแน่นอน
โดยรุ่นนี้มีทั้งหมด 7 ปุ่มครับ และสามารถปรับค่า DPI ได้ตั้งแต่ 800, 1200, 2000, 3200, 5000 และเข้าไปปรับที่ซอฟต์แวร์ได้สูงสุดถึง 10,000 DPI เลยทีเดียว ทำให้ไม่ว่าเกมไหน ๆ เมาส์ตัวนี้ก็รองรับได้สบาย ๆ เพิ่มความเป็นเกมมิ่ง ด้วยไฟ Spectrum LED Lighting ที่ปรับได้หลากหลาย ส่วนอายุการใช้งาน ให้แบตในตัวความจุ 900 mAh มอบอายุการใช้งานได้ ตั้งแต่ 40 ชม. ไปจนถึงสูงสุด 70 ชม. (ในโหมด ECO) และต่อให้แบตหมด เราสามารถนำสายมาเชื่อมต่อ เพื่อใช้งานต่อได้ทันที ส่วนการชาร์จ เพื่อน ๆ แค่เสียบสาย USB-C มันสามารถชาร์จ จาก 10% ถึง 100% ได้ในระยะเวลาแค่ 2 ชม. เท่านั้นครัล ดังนั้นใครกำลังมองหาเมาส์เกมมิ่งไร้สาย ราคาเบา ๆ แต่มีฟีเจอร์ครบ ๆ สเปกคุ้ม ๆ ตอบโจทย์การเล่นเกมแบบมือโปร รุ่นนี้คุ้มมาก ๆ
จุดเด่น
- ดีไซน์เกมมิ่งแบบเรียบ ๆ มีขนาด และน้ำหนัก กำลังดี
- เมาส์ถูกออกแบบมาเพื่อ eSports Gaming Pro โดยเฉพาะ
- ใช้ Optical Gaming Sensor สำหรับการเล่นเกมโดยตรง และใช้ได้ทุกพื้นผิว
- มีดีเลย์ต่ำมาก เมื่อเทียบกับเมาส์ไร้สายในราคาระดับเดียวกัน
- มีปุ่มให้ 7 ปุ่ม และใช้สวิตซ์ Huano Switch ที่ทนทาน
- ในซอฟต์แวร์มีฟังก์ชันให้ปรับเยอะ ทั้ง ค่า DPI แบบ Custom และไฟ Spectrum LED Lighting
- รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง แบบใช้สาย และแบบไร้สาย
- มีโหมดประหยัดงาน ECO Mode ช่วยเพิ่มอายุการใช้งาน
ข้อควรพิจาราณา
- ขนาดค่อนข้างใหญ่ คนที่มือเล็ก ๆ อาจจะไม่คุ้นชินในช่วงแรก ๆ
- มีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 70 ชม. ในโหมด ECO ถือว่า ค่อนข้างน้อย (แต่ใช้สายเชื่อมต่อได้)
ท่าจับที่เหมาะสม | Palm Grip/ Claw Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | Optical Gaming Sensor |
จำนวนปุ่ม | 7 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ |
|
ขนาด / น้ำหนัก | 126 × 66 × 40 มม. / 118 ก. |
อายุการใช้งาน | 70 ชม. (เมื่อเปิดโหมด ECO) |
แบตเตอรี่ | ในตัว 900mAh ชาร์จเต็มใน 2 ชม. |
Rapoo EV250 Silent Wireless Ergonomic Mouse เมาส์ไร้สาย แนวตั้ง เพื่อสุขภาพ

ราคา 419 บาท*
มาต่อกันที่ Rapoo EV250 Silent เมาส์ไร้สายแนวตั้ง ที่มีการดีไซน์มาเป็นพิเศษครับ โดยมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ด้วยรูปทรงแนวตั้ง 60 องศา ที่สามารถรองรับกับสรีระมือได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้ท่าทางการจับของมือเรา ยาวไปถึงข้อมือ จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีครับ ไม่ฝืนธรรมชาติ ทำให้จับได้สบายกว่าเมาส์แบบปกตินั่นเอง ช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น โดยแทบไม่รู้สึกปวดเมื่อยเลย และความพิเศษของรุ่นนี้คือ ขนาดที่พอเหมาะครับ ส่งผลให้สาว ๆ ที่มีสรีระของมือเล็กก็สามารถใช้งานได้ แถมน้ำหนักยังเบากว่าเมาส์ทั่วไปบางรุ่นอีกด้วย ทำให้สามารถพกพาได้สะดวกขึ้นครับ
ในส่วนของการทำงานรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Optical Sensor ที่รวดเร็ว และแม่นยำครับ มาพร้อมปุ่มทั้งหมด 6 ปุ่ม ถูกออกแบบให้มีเสียงคลิกที่เงียบ ไม่รบกวนการทำงาน แถมสามารถปรับ DPI ได้ถึง 4 ระดับ (800/ 1000/ 1200 และสูงสุด 1600 DPI) เชื่อมต่อไร้สาย ด้วยสัญญาณ Wireless 2.4GHz ผ่านดองเกิล USB-A ซึ่งให้ระยะการเชื่อมต่อได้ไกลถึง 10 เมตร ในพื้นที่โล่ง และมีความพิเศษอีกอย่างก็คือ อายุการใช้งานที่ยาวนานครับ โดยมันสามารถจะใช้งานได้นานถึง 9 เดือน ด้วยถ่าน AAA 2 ก้อน ดังนั้นใครที่ใช้งานเมาส์ทั่วไปแล้วรู้สึกปวดเมื่อย และมือชาเป็นประจำ เราขอแนะนำเจ้ารุ่นนี้เลยครับ
จุดเด่น
- ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์แนวตั้ง 60 องศา เพื่อให้ท่าทางการจับที่เป็นธรรมชาติ
- ช่วยลดอาการปวดเมื่อยมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีขนาดพอเหมาะ คนที่มือค่อนข้างเล็ก ก็สามารถใช้งานได้
- เทคโนโลยี Optical Sensor ที่มีความรวดเร็ว และแม่นยำ ใช้งานได้ทุกพื้นผิว
- ถูกออกแบบมาให้มีเสียงคลิกที่เบามาก ๆ
- มีปุ่มทั้งหมด 6 ปุ่ม และปรับ DPI ได้ 4 ระดับ (สูงสุด 1600DPI)
- มีอายุการใช้งานยาวนานสุด ประมาณ 9 เดือน
ข้อควรพิจาราณา
- ดีไซน์แนวตั้ง 60 องศา อาจจะใช้งานไม่ถนัดในช่วงแรก
- ไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิน
- เชื่อมต่อผ่านดองเกิล USB-A แบบเดียว มันจึงรองรับเฉพาะอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB เท่านั้น
ท่าจับที่เหมาะสม | Palm Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | Optical Sensor |
จำนวนปุ่ม | 6 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ | Wireless (dongle USB) |
ขนาด / น้ำหนัก | 117 × 76 × 69 มม. / 89 ก. |
อายุการใช้งาน | 9 เดือน |
แบตเตอรี่ | ถ่าน AAA 2 ก้อน |
Xiaomi Dual Mode Wireless Mouse Silent Edition เม้าส์บลูทูธ สลับ 2 เครื่องได้

ราคา 385 บาท*
มาเอาใจคนที่ต้องการใช้เมาส์ไร้สายกับหลาย ๆ อุปกรณ์กันบ้างครับ กับ Xiaomi Dual Mode เมาส์บลูทูธไร้สาย จากแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Xiaomi หรือ Mi ที่มาในสไตล์เรียบหรู ดูพรีเมี่ยม ด้วยรูปแบบโค้งมน รับกับขนาดของมือ ทำให้รู้สึกจับสบายมือ แถมยังมีขนาดเล็ก และเบา ช่วยให้หยิบไปนั่งทำงานตามที่ต่าง ๆ ได้สบาย ๆ ในส่วนปุ่มต่าง ๆ ให้มาทั้งหมด 6 ปุ่ม ครับ และไม่ต้องกลัวจะรบกวนคนรอบข้างเลย เพราะรุ่นนี้ออกแบบปุ่มมามีเสียงคลิกที่เงียบมาก ๆ ครับ ส่วนการเชื่อมต่อสามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ 2 รูปแบบ ทั้ง สัญญาณ Wireless 2.4GHz ผ่านดองเกิล USB-A และเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth พร้อมทั้งสามารถสลับการเขื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ 2 เครื่องได้อย่างอิสระ ช่วยให้มันสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลายมาก ๆ
เมาส์ไร้สาย Xiaomi Mi Dual Mode Silent Edition ทำงานด้วยเซ็นเซอร์ Optical Sensor ที่ใช้งานได้บนพื้นผิวหลายประเภท สามารถจะใช้ได้ทั้ง บนโต๊ะ หรือแม้กระทั่งบนที่นอน แถมยังให้ทั้ง ความเร็ว และความแม่นยำ โดยมีความแม่นยำสูง 1300 DPI ช่วยให้การย้ายตำแหน่งทำได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง ตอบโจทย์ทุก ๆ การใช้งาน ด้านอายุการใช้งานทางแบรนด์เครมไว้นานถึง 12 เดือน ด้วยถ่าน AAA จำนวน 2 ก้อน ครับ ใช้จนลืม แบตก็ยังไม่หมด ดังนั้นเพื่อน ๆ ถ้าคนไหน ต้องการเมาส์ที่สามารถจะครอบคลุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หมด พกพาง่าย มีเสียงเงียบ แถมยังมีราคาประหยัดสุด ๆ รุ่นนี้คือคำตอบครับจุดเด่น
- ดีไซน์เรียบหรู มีความโค้งมน จับสบายมือ
- ขนาดเล็ก และบางเบา พกพาสะดวก
- เทคโนโลยี Optical Sensor ไม่จำเป็นต้องใช้งานบนแผ่นรองเมาส์
- มีปุ่มให้ทั้งหมด 6 ปุ่ม
- รองรับการเชื่อมต่อ 2 เครื่องพร้อมกับ และสามารถสลับได้ง่าย ๆ โดยการกดปุ่มควบคุมโหมด
- มีเสียงคลิกที่เงียบมาก ๆ
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายได้ทั้ง 2 แบบ ครอบคลุมการเชื่อมต่อได้ทุกอุปกรณ์
- แบตเตอรี่ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 12 เดือน
ข้อควรพิจาราณา
- ไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิน เน้นใช้งานธรรมดา ๆ
ท่าจับที่เหมาะสม | Palm Grip / Claw Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | Optical Sensor |
จำนวนปุ่ม | 6 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ |
|
ขนาด / น้ำหนัก | 110 × 57 × 23.6 มม. / 82 ก. |
อายุการใช้งาน | 12 เดือน |
แบตเตอรี่ | ถ่าน AAA 2 ก้อน |
Logitech G304 Lightspeed Wireless Gaming Mouse เมาส์เกมมิ่งไร้สาย ยอดนิยม

ราคา 1,270 บาท*
Logitech G304 Lightspeed เมาส์เกมมิ่งไร้สาย สุดคุ้ม ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ครับ อัดแน่นด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ในราคาที่ย่อมเยา ทำให้รุ่นนี้ตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีดีไซน์เกมมิ่งแบบเรียบ ๆ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ มีขนาด และน้ำหนักที่เหมาะมือ รองรับการจับเมาส์ได้หลายแบบ และสามารถพกพาได้ง่าย ๆ เชื่อมต่อด้วยสัญญาณ 2.4GHz Wireless ผ่านยดองเกิล USB-A ให้การเชื่อมต่อไร้สายที่มีให้ประสิทธิภาพไม่ต่างจากแบบมีสายเลย โดยทำงานด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ ARM 32bit คู่กับเซ็นเซอร์ HERO ซึ่งเป็น Optical Gaming Sensor ที่ออกแบบโดย Logitech G เอง ช่วยให้ทั้ง ความแม่นยำ และความสม่ำเสมอ โดยสามารถปรับค่า DPI ได้ตั้งแต่ 200-12,000DPI พร้อมทั้งสามารถบันทึกโปรไฟล์ได้ถึง 5 โปรไฟล์ ช่วยให้มันมีประสิทธิภาพที่สูงมาก และยังประหยัดแบตได้มากขึ้นถึง 10 เท่า อีกด้วย
ซึ่งรุ่นนี้มีปุ่มทั้งหมด 6 ปุ่ม โดยปุ่มหลัก (คลิกซ้าย และขวา) รองรับการคลิกได้ถึง 10 ล้านคลิกเลย พร้อมมีปุ่มปรับ DPI และปุ่มด้านข้าง 2 ปุ่ม ที่สามารถตั้งค่าได้ตามใจชอบ ผ่านซอฟต์แวร์ Logitech G HUB ทำให้ไม่ว่าจะเล่นเกมไหน เมาส์ตัวนี้ก็สามารถปรับให้เข้ากับเกมนั้น ๆ ได้สบาย ๆ ส่วนอายุการใช้งาน รุ่นนี้จะใช้ถ่าน AA เพียง 1 ก้อน เท่านั้น แต่มอบอายุการใช้งานได้สูงสุด 250 ชม. และยังสามารถปรับให้ใช้งานได้นานสูงสุดถึง 9 เดือน ด้วยการใช้งานในโหมด Endurance ครับ ให้เพื่อน ๆ ใช้งานกันจนลืมไปเลย โดยราคาของเจ้ารุ่นนี้ถึงแม้จะเกินงบที่เราตั้งไว้ไปหน่อย แต่ประสิทธิภาพที่จะได้เพิ่มขึ้นมา ถือว่ามันคุ้มค่ากับการลงทุนมาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์เกมมิ่งแบบเรียบ ๆ แต่ดูแพง
- มีขนาด และน้ำหนัก กำลังดี เหมาะมือ แถมพกพาง่าย
- เมาส์ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมระดับโปร
- ใช้ HERO Optical Gaming เซ็นเซอร์เกมมิ่ง ระดับสูง ที่ใช้ได้บนทุกพื้นผิว
- รองรับการบันทึกโปรไฟล์ได้สูงสุดถึง 5 โปรไฟล์
- เทคโนโลยีเชื่อมต่อ Lightspeed ช่วยให้มีดีเลย์ต่ำมาก ๆ จนแทบไม่รู้สึก
- มีปุ่มให้ 6 ปุ่ม ปรับ DPI ได้สูงสุด 12,000DPI
- ปุ่มเชิงกล ที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงที่ใช้ในการคลิก ทำให้คลิกได้อย่างแม่นยำ
- ในซอฟต์แวร์มีฟังก์ชันให้ปรับเยอะ สามารถตั้งมาโครได้
- มีโหมดประหยัดงาน Endurance Mode ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้นานถึง 9 เดือน
ข้อควรพิจาราณา
- เชื่อมต่อผ่านดองเกิล USB-A แบบเดียว มันจึงรองรับเฉพาะอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB เท่านั้น
- มีราคาเกิน 1,000 บาท (สามารถหาซื้อในราคาโปรโมชั่นต่ำกว่า 1 พันบาทได้)
ท่าจับที่เหมาะสม | Palm Grip/ Claw Grip / Fingertip Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | HERO Optical Sensor |
จำนวนปุ่ม | 6 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ | Wireless (dongle USB) |
ขนาด / น้ำหนัก | 116.6 × 62 × 38 มม. / 99 ก. |
อายุการใช้งาน | 250 ชม. |
แบตเตอรี่ | ถ่าน AA 1 ก้อน |
Logitech Pebble M350 Wireless Mouse เมาส์ไร้สาย ไร้เสียง สไตล์มินิมอล

ราคา 729 บาท*
มาเอาใจเพื่อน ๆ สายทำงานกันบ้างกับ Logitech Pebble M350 เมาส์ไร้สาย สไตล์มินิมอลที่ออกแบบมาน่ารักมาก ๆ พร้อมมีสีสันที่สดใส แถมยังมีขนาดเล็ก และบางพอที่เพื่อน ๆ จะใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วพาไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนคนรอบข้าง เพราะรุ่นนี้มีการลดเสียงลงไปถึง 90% โดยรุ่นนี้มีปุ่มให้ 3 ปุ่ม และสามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ 2 รูปแบบ ทั้ง สัญญาณ Wireless 2.4GHz ผ่านดองเกิล USB-A และเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ทำให้มันสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลายมาก ๆ ครับ ขอแค่มีพอร์ต USB หรือ Bluetooth อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
ในส่วนของการทำงาน เจ้ารุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ Optical Sensor ซึ่งติดตามได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมาก ๆ สามารถจะใช้ได้ทั้ง บนโต๊ะ หรือแม้กระทั่งผ้าคลุมที่นอน โดยให้ความละเอียดของเซ็นเซอร์ที่ 1000 dpi ส่วนอายุการใช้งานทางแบรนด์ได้เครมไว้นานถึง 18 เดือน ด้วยถ่าน AA เพียง 1 ก้อน เท่านั้นครับ เรียกได้ว่าใช้จนลืมกันเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวัยเรียน วัยทำงาน หรือใครก็ตามที่กำลังมองหาเมาส์สักตัว ไว้เอาออกไปทำงานนอกบ้าน เน้นเสียงเงียบ เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ แถมยังมีราคาประหยัดมาก ๆ รุ่นนี้ตอบโจทย์มาก ๆ ครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์เรียบหรู มีหลายสีให้เลือก
- ขนาดกะทัดรัด และบางเบา พกพาสะดวก
- เทคโนโลยี Optical Sensor ไม่จำเป็นต้องใช้งานบนแผ่นรองเมาส์
- มีเสียงเงียบมาก ๆ
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายได้ทั้ง 2 แบบ ครอบคลุมการเชื่อมต่อได้ทุกอุปกรณ์
- แบตเตอรี่ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 18 เดือน
ข้อควรพิจาราณา
- ดีไซส์แบบแบนราบ ทำให้อาจจะไม่คุ้นชินในช่วงแรก ๆ
- มีปุ่มให้ 3 ปุ่ม เท่านั้น
- ไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิน เน้นใช้งานธรรมดา ๆ
ท่าจับที่เหมาะสม | Fingertip Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | Optical Sensor |
จำนวนปุ่ม | 3 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ |
|
ขนาด / น้ำหนัก | 107 × 59 × 26.5 มม. / 100 ก. |
อายุการใช้งาน | 18 เดือน |
แบตเตอรี่ | ถ่าน AA 1 ก้อน |
Bewell Semi-vertical Ergonomic mouse เมาส์ไร้สาย กึ่งแนวตั้ง ลดอาการปวดเมื่อย

ราคา 790 บาท*
ใครที่ใช้งานเมาส์แล้วรู้สึกปวดเมื่อยที่มือบ่อย ๆ ขอแนะนำเจ้า Bewell Semi-vertical เมาส์ไร้สายกึ่งแนวตั้ง ที่มีการดีไซน์มาเป็นพิเศษ ตรงตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้การจับเมาส์ของมือเป็นไปตามธรรมชาติที่สุด ทำให้จับได้อย่างสบายนั่นเอง เพื่อให้เพื่อน ๆ สามารถใช้งานได้นานขึ้น โดยแทบไม่รู้สึกปวดเมื่อยเลย แต่ด้วยดีไซน์แบบนี้ทำให้มันมีขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ ดังนั้นใครที่มีมือเล็ก ๆ มองข้ามรุ่นนี้ไปได้เลย ในส่วนของปุ่ม รุ่นนี้มีปุ่มให้ 6 ปุ่ม ครับ และยังมีไฟ RGB 7 สี ช่วยให้มันดูเป็นเมาส์เกมมิ่งมากขึ้น
ด้านการทำงาน รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี Laser Sensor ที่รวดเร็ว และแม่นยำ ถูกออกแบบให้มีเสียงคลิกที่ดัง แถมสามารถปรับ DPI ได้ถึง 6 ระดับ เลยทีเดียว (800/ 1200/ 1600/ 2400/ 3600 และสูงสุด 4800) ใช้การเชื่อมต่อไร้สาย ด้วย สัญญาณ Wireless 2.4GHz ผ่าน USB-A ทำให้มันมีระยะการเชื่อมต่อที่ไกลถึง 10 เมตร (ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม) ขอแค่อุปกรณ์มีพอร์ต USB ในตัว รุ่นนี้ก็เชื่อมต่อใช้งานได้ครับ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัวที่อึด ถึก ทนอีกด้วย สามารถใช้งานได้นานถึง 72 ชม. หรือประมาณ 9 วันครับ โดยที่ชาร์จเป็นสายชาร์จ Type-C ซึ่งรวดเร็วแน่นอน
จุดเด่น
- ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อลดอาการปวดเมื่อย
- เทคโนโลยี Laser Sensor ที่รวดเร็ว และแม่นยำ
- มีปุ่มทั้งหมด 6 ปุ่ม
- สามารถปรับ DPI ได้ 6 ระดับ
- ตกแต่งด้วยไฟ RGB 7 สี
- แบตเตอรี่ในตัว มีอายุการใช้งานประมาณ 9 วัน
ข้อควรพิจาราณา
- ขนาดค่อนค้างใหญ่ (คนที่มีสรีระมือเล็ก ๆ อาจจะไม่เหมาะ)
- ถูกออกแบบมาให้มีเสียงคลิกที่ค่อนข้างดัง (สำหรับคนที่ชื่นชอบ นี่อาจจะเป็นข้อดี)
- ไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิน
- เชื่อมต่อผ่านดองเกิล USB-A แบบเดียวเท่านั้น มันจึงรองรับเฉพาะอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB
ท่าจับที่เหมาะสม | Palm Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | Laser Sensor |
จำนวนปุ่ม | 6 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ | USB-A |
ขนาด / น้ำหนัก | 122.3 × 83.7 × 48 มม. / 105 ก. |
อายุการใช้งาน | 72 ชม. |
แบตเตอรี่ | ในตัว (สายชาร์จ Type-C) |
Logitech M330 Silent Plus Wireless Mouse เมาส์ทำงานยอดนิยม ไร้สาย ไร้เสียง

ราคา 445 บาท*
มาต่อกันกับเมาส์ทำงาน ราคาประหยัด รุ่นยอดนิยม กับ Logitech M330 Silent Plus เมาส์ไร้สายที่ได้รับการออบแบบมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบง่าย ออกแบบมาโดยให้ความสบายสำหรับมือขวาโดยเฉพาะ ด้วยขนาดกำลังดี พอหมาะมือ ช่วยให้สามารถจับด้วยท่าทางต่าง ๆ ได้ทั้งหมด แถมยังมีน้ำหนักเบา ช่วยให้การพกพาไม่เป็นปัญหาเลยครับ และรุ่นนี้ยังมีการลดเสียงคลิกลงไปถึง 90% ดังนั้นเพื่อน ๆ ไม่ต้องกลัวว่า มันจะรบกวนคนที่นั่งทำงานข้าง ๆ เลย โดยรุ่นนี้ มีปุ่มให้ 3 ปุ่ม ครับ เชื่อมต่อไร้สายด้วยสัญญาณ Wireless 2.4GHz ผ่านดองเกิล USB-A ที่มีดีเลย์ต่ำมาก ๆ
ส่วนของการทำงาน เจ้ารุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ Logitech Advanced Optical Tracking ที่สามารถควบคุม ขยับ และเลื่อนได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเที่ยงตรง โดยมีล้อเลื่อนยางที่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ดี สามารถจะใช้บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ โดยมีความละเอียดของเซ็นเซอร์อยู่ที่ 1000DPI ครับ ส่วนอายุการใช้งาน รุ่นนี้ได้มีการเครมเอาไว้นานถึง 24 เดือน เลยทีเดียวครับ โดยใช้แค่ถ่าน AA 1 ก้อน เท่านั้น ซึ่งใครกำลังมองหาเมาส์ประหยัด ๆ สักตัวไว้ทำงาน เน้นความเร็ว ความแม่นยำ และเสียงที่เงียบ รุ่นนี้คือคำตอบครับ
จุดเด่น
- ขนาดกะทัดรัด เหมาะมือ รองรับการจับได้หลายท่าทาง
- เทคโนโลยี Logitech Advanced Optical Tracking ที่รวดเร็ว และแม่นยำ
- ออกแบบมาให้มีเสียงคลิกที่เงียบเป็นพิเศษ
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 24 เดือน
ข้อควรพิจาราณา
- ดีไซส์เหมือนเมาส์สำนักงานทั่ว ๆ ไป
- มีปุ่มให้ 3 ปุ่ม พื้นฐาน เท่านั้น
- ไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิน เน้นใช้งานธรรมดา
- รองรับใช้งานกับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB เท่านั้น
ท่าจับที่เหมาะสม | Palm Grip / Claw Grip / Fingertip Grip |
---|---|
เซ็นเซอร์ | Logitech Advanced Optical Tracking |
จำนวนปุ่ม | 3 ปุ่ม |
การปรับแต่งปุ่ม | |
การเชื่อมต่อ | Dongle USB-A |
ขนาด / น้ำหนัก | 105.4 × 68 × 38.4 มม. / 91.0 ก. |
อายุการใช้งาน | 24 เดือน |
แบตเตอรี่ | ถ่าน AA 1 ก้อน |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ 7 เมาส์ไร้สาย ราคาไม่เกิน 1000 บาท รุ่นไหนดี ปี 2022 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
EGA Type M8 Wireless Gaming Mouse เชื่อมได้ทั้ง ไร้สาย และมีสาย |
| |||
Rapoo EV250 Silent Wireless Ergonomic Mouse เมาส์ไร้สาย แนวตั้ง เพื่อสุขภาพ |
| |||
Xiaomi Dual Mode Wireless Mouse Silent Edition เม้าส์บลูทูธ สลับ 2 เครื่องได้ |
| |||
Logitech G304 Lightspeed Wireless Gaming Mouse เมาส์เกมมิ่งไร้สาย ยอดนิยม |
| |||
Logitech Pebble M350 Wireless Mouse เมาส์ไร้สาย ไร้เสียง สไตล์มินิมอล |
| |||
Bewell Semi-vertical Ergonomic mouse เมาส์ไร้สาย กึ่งแนวตั้ง ลดอาการปวดเมื่อย |
| |||
Logitech M330 Silent Plus Wireless Mouse เมาส์ทำงานยอดนิยม ไร้สาย ไร้เสียง |
|
ปัญหาที่อาจจะพบได้ของเมาส์ไร้สาย พร้อมวิธีการแก้ไข
หลาย ๆ คนที่เคยใช้ Mouse Wireless มา อาจจะเจอปัญหานี้มาบ้างแล้ว นั่นก็คือ เมื่อเราเสียบ USB หรือเชื่อมต่อเมาส์ไปแล้ว แต่เมาส์ไม่สามารถใช้งานได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่สามารถเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์บนหน้าจอแสดงผลได้ วิธีแก้ไขเบื้องต้น เพื่อน ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้ครับ
1. อันดับแรกให้เพื่อน ๆ เช็ตเบื้องต้นก่อนครับ โดยสังเกตหาปุ่ม Power หรือ ปุ่มเปิด-ปิด ก่อน เพราะเมาส์ไร้สาย จะมีปุ่มเปิด-ปิดอยู่ด้วย เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ซึ่งเพื่อน ๆ บางคนอาจจะลืมเปิด เพราะเคยชินกับเมาส์แบบมีสาย
2. แต่เมื่อเมาส์ถูกเปิดไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเมาส์ USB ให้เพื่อน ๆ ลองเปลี่ยนพอร์ต USB ดูครับ และถ้าใครเสียบผ่าน USB Hub อยู่ก็ให้ลองเสียบเข้าพอร์ต USB ของอุปกรณ์โดยตรงครับ ส่วนถ้าใครใช้เมาส์ Bluetooth ให้ลองไปปิด Bluetooth สักแปปนึง แล้วเปิด เพื่อเชื่อมต่อใหม่ดูครับ เพราะการเชื่อมต่อครั้งแรกอาจไม่สมบูรณ์
3. หากยังใช้งานไม่ได้ ถัดมาให้มาดูที่แบตเตอรี่กันต่อครับ ซึ่งถ้าเป็นเมาส์ที่มีแบตเตอรี่ในตัวให้เพื่อน ๆ ลองนำไปชาร์จดูใหม่ แล้วสังเกตว่า ขณะชาร์จมีไฟเข้ารึเปล่า ? ถ้าพบว่า ชาร์จไม่เข้า ให้เพื่อน ๆ ลองนำสายชาร์จของอุปกรณ์อื่นมาชาร์จดูครับ ถ้าไฟยังไม่เข้าอีกก็อาจจะสันนิษฐานได้เลยครับว่า ตัวเมาส์อาจจะมีปัญหา แต่ถ้าห่ากเมาส์ของเพื่อน ๆ ใช้ถ่าน ให้ลองถอดออก ละใส่เข้าไปใหม่ หรือเปลี่ยนถ่านใหม่ก็ได้ครับ เพราะบางครั้งอาจจะเป็นแค่ ถ่านหลวม หรือถ่านหมดนั่นเอง
4. ถ้าทำทั้ง 3 วิธีข้างต้นแล้ว เมาส์ของเพื่อน ๆ ยังใช้งานไม่ได้ ให้นำเมาส์ไร้สายของเพื่อน ๆ ไปลองต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ดูครับ ถ้าหากยังใช้งานไม่ได้เหมือนเดิม มันก็จะหมายความว่า ตัวเมาส์อาจจะมีปัญหา ครับ ดังนั้นถ้ายังอยู่ในระยะประกัน ขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ส่งเคลมได้เลย
บทส่งท้าย
เมาส์ จัดเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่มีความสำคัญมาก ๆ ครับ เพราะมันสามารถช่วยให้การทำงานของเพื่อน ๆ ง่ายดายยิ่งขึ้น สามารถควบคุมสั่งงานได้ดั่งใจ ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด โดยเฉพาะกับ เมาส์ไร้สาย (Wireless Mouse) ที่ถึงแม้จะมีมานานแล้วแต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน มันจึงถูกพัฒนาไปไกลมากครับ สามารถแก้ปัญหาได้ทั้ง อาการดีเลย์ และอายุการใช้งาน ช่วยให้การใช้งานไม่ต่างจากเมาส์มีสายเลย ดังนั้นเรามองว่า การลงทุนไปกับเมาส์ไร้สายสักรุ่นเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ ใช้งานดี มีประสิทธิภาพ แถมยังพกพาง่าย ใครที่กำลังมองหาเมาส์ไร้สายอยู่ เราก็หวังว่า เมาส์ไร้สาย ที่เราเลือกมารีวิวในวันนี้ จะมีสักรุ่นนะครับ ที่ตรงตามความต้องการของเพื่อน ๆ ที่สุด