เมาส์ไร้สาย นับเป็นหนึ่งในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่สำคัญ ทั้งกับคนทำงาน และโดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ เพราะงั้นเราต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีไร้สายเป็นอย่างมากครับ ที่ได้เข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตของเราทุกคนง่ายขึ้น สามารถพกเมาส์ติดตัวไปได้ทุกที่ และเมื่อถึงเวลาจะใช้งานเราก็สามารถจะหยิบขึ้นมาใช้งานได้ทันที ยิ่งในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่าง ๆ ถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้เราสามารถใช้เมาส์ไร้สายของเรา เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้ขอแค่รองรับ Bluetooth นอกจากนี้เมาส์บางรุ่นมาพร้อมแบตฯ ในตัวขนาดใหญ่ ทำให้มันสามารถใช้งานได้นานเป็นปี ๆ ดังนั้นใครที่กลัวว่า หากใช้เมาส์ไร้สายแล้ว แบตฯ จะหมดในระหว่างใช้งาน ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย

ในบทความนี้ เราขอพาทุกคนมาท่องโลกของ เมาส์ไร้สาย กัน ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลสำคัญ ๆ ที่คุณจำเป็นจะต้องรู้มาฝากกันเช่นเคย พร้อมกับวิธีเลือกซื้อเมาส์ไร้สายที่เหมาะกับคุณที่สุดด้วย หากใครที่กำลังหาซื้อเมาส์ไร้สายอยู่ แต่ยังเลือกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี? คุณมาถูกที่แล้วครับ และเพื่อให้คุณเลือกซื้อเมาส์ไร้สายได้ง่ายขึ้น เราได้ทำการคัดเลือก เมาส์ไร้สาย ที่ได้รับความนิยมที่สุด และหลาย ๆ คนให้ความสนใจมากที่สุด มารีวิวให้ทุกคนได้เห็นถึงความแตกต่าง เพื่อทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ โดยมันจะมีรุ่นอะไร ? ราคาเท่าไหร่บ้าง ? ไปดูกันเลยครับ
อ่านเพิ่มเติม วิธีการเลือกซื้อ เมาส์ไร้สาย ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ! และดูคลิปสรุป เมาส์ไร้สาย ราคาไม่เกิน 500 บาท รุ่นไหนดี?
ในปัจจุบันนี้ตลาดเมาส์ไร้สายทั่วโลก ยังไม่มีการปล่อยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมา หลาย ๆ แบรนด์ยังคงทำตลาดกับเมาส์ไร้สายรุ่นเก่าอยู่ แต่จะมีบางแบรนด์เท่านั้นที่ปล่อยรุ่นใหม่ออกมา อย่าง Logitech MX Master 3S หนึ่งในเมาส์ไร้สายที่ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ แต่ถ้านำมาเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ดี ๆ ทั้ง เทคโนโลยีที่ใช้ และฟังก์ชันที่ให้มา ก็ไม่ได้ต่างกับรุ่นเดิมมากนัก ดังนั้นคุณไม่ต้องแปลกใจไปนะครับว่า ทำไมเมาส์หลาย ๆ รุ่นในลิสต์นี้จึงเป็นรุ่นเก่าซะส่วนใหญ่ ? ไว้มีเมาส์ไร้สายรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเมื่อไหร่ เราจะรีบกลับมาอัพเดทให้ทันทีครับ
เมาส์ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ?
- Microsoft Wireless Mobile Mouse 1850 : เมาส์ไร้สาย ตัวเล็ก พกพาง่าย สำหรับคนทำงาน ราคาแค่หลักร้อย แต่ได้คุณภาพระดับ Microsoft
- Xiaomi Mi Wireless Mouse Lite : เมาส์ไร้สาย ราคาถูก แต่ได้ประสิทธิภาพเกินราคา ใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี
- Logitech MX Master 3S : เมาส์ไร้สาย logitech ที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
- Apple Acc Magic Mouse 2 : เมาส์ไร้สาย สำหรับอุปกรณ์ Apple ที่ดีที่สุด สามารถใช้งานฟีเจอร์พิเศษได้มากมาย
- Logitech G Pro X Superlight : เมาส์เกมมิ่งไร้สาย ที่ดีและคุ้มค่าที่สุด มีคุณสมบัติครบสำหรับเกมเมอร์ระดับอาชีพ
- Microsoft Arc Mouse : เมาส์ไร้สาย Microsoft ที่เหมาะสำหรับการพกพาที่สุด ใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้
- Logitech M330 Silent Plus : เมาส์ไร้สาย ไร้เสียง ราคาประหยัด สำหรับคนที่ชอบทำงานเงียบ ๆ ต้องการสมาธิ
![]() Microsoft Wireless Mobile Mouse 1850 เมาส์ไร้สาย สำหรับคนทำงานทั่วไป | ![]() Xiaomi Mi Wireless Mouse Lite เมาส์ไร้สาย ราคาถูก ที่ใช้งานได้แทบทุกพื้นผิว | ![]() Logitech MX Master 3S เมาส์ไร้สาย เซ็นเซอร์ 8K แม่นยำ ใช้ได้แม้บนกระจก แถมยังไร้เสียง | ![]() Apple Acc Magic Mouse 2 เมาส์ไร้สาย สำหรับอุปกรณ์ iOS |
Microsoft Wireless Mobile Mouse 1850 เมาส์ไร้สาย สำหรับคนทำงานทั่วไป

ราคา 499 บาท*
สำหรับ Microsoft Wireless Mobile Mouse 1850 เป็นเมาส์ไร้สายราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมมาก ๆ รุ่นนึงครับ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อการพกพาเป็นหลักและเน้นการใช้งานพื้นฐานได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมีดีไซน์แบบเรียบง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งมือซ้าย และมือขวา ส่วนขนาดก็เล็ก ๆ ดูสั้นป้อม แต่หลังเมาส์ใหญ่ ทำให้คุณมีท่าทางการจับเมาส์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเกร็งมือ และรู้สึกกระชับมากขึ้น ดังนั้นคุณจึงควบคุมทิศทางได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนปุ่มจะใช้ 3 ปุ่มพื้นฐาน และมีความไวเมาส์ตายตัวอยู่ที่ 1000 DPI ซึ่งก็เพียงพอแล้ว สำหรับการใช้งานทั่วไป ด้านการเชื่อมต่อเป็นแบบ Plug and Go คือ แค่คุณนำ USB Dongle ไปเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของอุปกรณ์ เท่านี้มันก็จะสามารถใช้งานได้ทันทีครับ โดยรุ่นนี้จะใช้ถ่าน AA แค่ 1 ก้อนเท่านั้น แต่ด้วยการใช้งานที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรพิเศษ มันจึงใช้งานได้นานถึง 6 เดือน เลยทีเดียวครับ

สำหรับรีวิวของผู้ที่ซื้อรุ่นนี้ไปทั้งใน และต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นไปในเชิงบวกครับ ซึ่งโดยส่วนตัว หลังจากที่เราได้ลองใช้งานมาเอง เราก็เห็นด้วยมาก ๆ ครับ หากเราเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้งานกับราคาแค่ไม่กี่ร้อยบาท เรามองว่ามันคุ้มค่าเงินมาก ๆ โดยรุ่นนี้จะมีจุดเด่นหลัก ๆ อยู่ที่การตอบสนองที่ค่อนข้างไวครับ บวกกับดีไซน์ที่มีขนาดเล็ก แต่ด้านหลังเมาส์นูนใหญ่ ส่งผลให้ท่าทางการจับเมาส์กระชับขึ้น การควบคุมทิศทางจึงเป็นเรื่องง่าย และแม่นยำมากขึ้น แถมการจับด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ยังช่วยลดอาการเมื่อยลงได้ด้วยครับ
ดังนั้นเราขอสรุปสั่น ๆ ว่า Microsoft Wireless Mobile Mouse 1850 เหมาะกับคนที่ต้องการเมาส์ไร้สายที่พกพาสะดวก นำติดตัวไปได้ทุกที่ และหยิบขึ้นมาใช้งานได้ทุกเวลา แต่ด้วยความที่รุ่นนี้มีปุ่มพื้นฐานแค่ 3 ปุ่ม อีกทั้งยังไม่สามารถปรับความไวเมาส์ได้ มันจึงเหมาะกับคนที่เน้นใช้งานพื้นฐานเท่านั้นครับ ใครต้องการใช้ปุ่มลัด หรือปุ่ม Macro สำหรับเล่นเกม รุ่นนี้ไม่ตอบโจทย์แน่นอน นอกจากนี้ดีไซน์ของรุ่นนี้ก็ยังไม่ถูกตามหลักสรีรศาสตร์ไปซะทีเดียวครับ ดังนั้นระหว่างใช้งานอาจจะต้องมีการพักบ้าง เพื่อลดอาการเมื่อยล้า
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 1,000 DPI |
---|---|
การเชื่อมต่อ | USB Dongle (2.4 GHz) |
จำนวนปุ่ม | 3 ปุ่ม |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
Xiaomi Mi Wireless Mouse Lite เมาส์ไร้สาย ราคาถูก ที่ใช้งานได้แทบทุกพื้นผิว

ราคา 192 บาท*
ใครต้องการเมาส์ไร้สายราคาถูก แต่มีคุณภาพ ขอแนะนำ Xiaomi Wireless Mouse Lite เมาส์ไร้สายที่ขายดีมาก ๆ อีกรุ่นนึงเพราะมีคุณภาพดีเกินราคา สามารถใช้งานได้ดีไม่แพ้เมาส์ราคาสูง ๆ เลย เพียงแต่วัสดุและความทนทาน อาจจะไม่ได้ดีเท่าแค่นั้นเอง ตัวเมาส์มาในดีไซน์ที่มินิมอล รูปทรงเพรียวบาง ขนาดกำลังดี หลังเมาส์ไม่ได้สูงจนเกินไป ช่วยให้คุณจับได้กระชับและไม่ฝืนธรรมชาติ อาการเมื่อยจึงน้อยลง แถมตัวเมาส์ยังมีน้ำหนักเบา และพื้นเมาส์ติด PTFE มาให้ ช่วยให้การเลื่อนเมาส์ลื่นไหล และคล่องตัวมากขึ้น คุณจึงสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งถ้าเราเทียบกับเมาส์ Microsoft รุ่นประหยัด ที่ขายดีไม่แพ้กัน รุ่นนี้จะขนาดใหญ่กว่า แต่ความสูงของหลังเมาส์จะน้อยกว่าเล็กน้อยครับ ดังนั้นก็แล้วแต่ความถนัดของคุณเลย สำหรับด้านการใช้งาน คู่นี้มีความไวเมาส์ 1,000 DPI เท่ากัน ส่วนปุ่มคลิกจะมีดีไซน์แบบสมมาตรทั้งสองฝั่ง และให้มีปุ่มคลิกซ้าย คลิกขวา และลูกกลิ้งตรงกลางเหมือนกัน โดยรุ่นนี้ถือว่า กดง่ายมาก ๆ เราแทบไม่ต้องใช้แรงเลย และยังมีการตอบสนองไวอีกด้วย ช่วยให้คุณใช้ควบคุมได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ถ้าเทียบกันที่เสียงคลิก รุ่นนี้เงียบกว่าเล็กน้อยครับ ส่วนการเชื่อมต่อจะใช้ USB Dongle ที่ใช้ง่าย ๆ แค่เสียบเข้ากับ พอร์ต USB ของอุปกรณ์ต่าง ๆ เท่านี้คุณก็จะใช้งานได้ทันที

สำหรับ Xiaomi Wireless Mouse Lite ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ราคาแค่หลักร้อย แต่ได้ทั้งดีไซน์ที่ดูเรียบหรู จับเมาส์กระชับ รู้สึกเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ใช้งานทั้งวันได้โดยที่แทบไม่มีอาการเมื่อยเลย ส่วนเซ็นเซอร์ที่ใช้ก็มีความเร็ว และความแม่นยำสูง ช่วยให้คุณควบคุมเมาส์ได้ง่าย ๆ และราบรื่น สามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งถ้าเราไปไล่ดูรีวิวของผู้ที่ซื้อเมาส์ไร้สายรุ่นนี้ไปใช้งานจริง ๆ เราจะเห็นเลยว่า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคุ้มค่ากับราคามาก ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามจุดเด่นของแบรนด์นี้เลย เพราะผลิตภัณฑ์แทบทั้งหมดของ Xiaomi มักจะให้คุณภาพ เกินราคาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกครับ ถ้าหากเมาส์ไร้สาย ราคา 200 กว่าบาท จะให้คุณภาพที่ดีขนาดนี้ได้ เพราะฉะนั้นคนที่มีงบฯ จำกัด หรือคนที่กำลังหาเมาส์ไร้สายราคาเบา ๆ ที่เรียบง่าย แต่ใช้งานได้ดี สามารถพกพาไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกที่ รุ่นนี้คือรุ่นที่เหมาะมาก ๆ ครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 1,000 DPI |
---|---|
การเชื่อมต่อ | USB Dongle (2.4 GHz) |
จำนวนปุ่ม | 3 ปุ่ม |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
Logitech MX Master 3S เมาส์ไร้สาย เซ็นเซอร์ 8K แม่นยำ ใช้ได้แม้บนกระจก แถมยังไร้เสียง

ราคา 3,410 บาท*
เมาส์ Logitech ที่ผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับในด้านประสิทธิภาพก็คือ ซีรี่ส์ตำนานอย่าง MX Master ที่ได้เปิดตัว Logitech MX Master 3S รุ่นใหม่ออกมา โดยเป็นเมาส์ไร้สายที่ออกแบบถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ สำหรับคนถนัดมือขวา ทั้ง องศาการเอียง เพื่อการวางมือที่เหมาะสม ขนาดเมาส์ที่พอดีมือ ส่งผลให้วางมือสบาย ๆ โดยไม่ต้องเกร็ง และตำแหน่งการวางนิ้วก็ อยู่ใกล้ปุ่มต่าง ๆ ด้วย ช่วยให้คุณกดปุ่มเสริมได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยให้ท่าทางการจับเมาส์เป็นธรรมชาติที่สุดครับ ทำให้คุณสามารถจับเมาส์ได้ถนัด ควบคุมทิศทางได้ดั่งใจ และสามารถใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวันได้ โดยมีอาการเมื่อยน้อยลงมาก ๆ
Logitech MX Master 3S เมาส์ไร้สาย ประสิทธิภาพสูง ออกแบบตามหลัก Ergonomic พร้อมมีปุ่มเสริมที่ช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้น
รุ่นนี้มาพร้อมเซ็นเซอร์ Darkfield ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ณ ขณะนี้ ซึ่งสามารถตรวจจับได้อย่างละเอียด และรวดเร็ว คุณจึงสามารถใช้เมาส์ตัวนี้บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้แทบทุกพื้นผิวเลยไม่เว้นแม้กระจก แถมมีความไวเมาส์ถึง 8K DPI ช่วยให้คุณควบคุมเมาส์บนจอใหญ่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ส่วนปุ่มต่าง ๆ รุ่นนี้มีให้ถึง 7 ปุ่ม คือ คลิกซ้าย/ขวา, ลูกกลิ้งกลาง, คลิกกลาง, ไปหน้า/ย้อนกลับ และลูกกลิ้งด้านข้าง ซึ่งคำสั่งของปุ่มสามารถเปลี่ยนได้ทั้ง เปลี่ยนตามโปรแกรมที่ใช้งาน หรือคุณกำหนดเอง ผ่านซอฟตแวร์ โดยปุ่มทุกปุ่มถูกจัดวางอยู่ใกล้นิ้วของเรามาก ๆ ครับ คุณจึงแทบไม่ต้องขยับนิ้วก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว
ด้านการเชื่อมต่อรุ่นนี้สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เกือบทั้งหมดครับ เพราะมีทั้ง Bluetooth ซึ่งจะให้คุณเชื่อมต่อพร้อม ๆ กันได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ พร้อมสลับใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ หรือคุณจะใช้ Logi Bolt USB ก็ได้ แค่นำไปเสียบกับพอร์ต USB ของอุปกรณ์ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ เท่านี้คุณก็จะใช้งานได้ทันที นอกจากนี้อายุการใช้งานของรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดา โดยจะมีแบตฯ 500 mAh ในตัว ซึ่งถ้าแบตฯ เต็ม สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 70 วัน พร้อมรองรับการชาร์จด่วน ผ่านสาย USB C ซึ่งให้คุณชาร์จแค่ 1 นาที แต่จะใช้งานได้นาน 3 เลยทีเดียวครับ

Logitech MX Master 3S เป็นเมาส์ไร้สายประสิทธิภาพสูง ถูกออกแบบมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะครับ ซึ่งถ้าคุณไปดูตลาดหรือสื่อต่างประเทศ คุณจะเห็นเลยว่า ทั้งรีวิวของคนที่ซื้อรุ่นนี้ไปใช้งาน และคำวิจารณ์ของสื่อด้านเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือหลาย ๆ สำนัก ต่างยกให้รุ่นนี้ เป็นหนึ่งในเมาส์ไร้สายที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ครับ รีวิวส่วนใหญ่ล้วนเป็นไปในเชิงบวกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนที่ต้องทำงานบนอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่อง และต้องการใช้วิธีการทำงานที่สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์เหล่านั้น
โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ MX Master 3S ก็คือ ระบบการเลื่อน แบบแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเลื่อนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำสุด ๆ แถมตัวเมาส์ยังมี ปุ่มลัด และปุ่มหมุน ที่สามารถปรับเปลี่ยนคำสั่งสำหรับการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ได้ และยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ให้คุณสามารถกำหนดคำสั่งของปุ่ม รวมถึงท่าทางสัมผัสเพิ่มเติมเองได้ คุณจึงใช้เมาส์ตัวนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ เมื่อบวกกับดีไซน์ รูปทรงโค้งมน ที่จับกระชับมือ และผิวสัมผัสที่ให้ความรู้สึกดีเยี่ยม พร้อมแบตที่ใช้งานได้นาน แถมชาร์จเร็ว
โดยรวมแล้ว Logitech MX Master 3S นับเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ ถึงแม้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่คุณจะได้หากยอมจ่าย โดยเฉพาะประสิทธิภาพการควบคุมที่ดีที่สุด ณ ขณะนี้ ส่วนตัวมองว่า มันคุ้มค่ามาก ๆ ครับ เพราะมันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้งานเมาส์ของคุณได้เป็นเท่าตัวเลย
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 200-8,000 DP |
---|---|
การเชื่อมต่อ |
|
จำนวนปุ่ม | 7 ปุ่ม |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
Logitech G Pro X Superlight Gaming Mouse เมาส์เกมมิ่ง ไร้สาย ที่ดีที่สุด

ราคา 4,040 บาท*
เมาส์เกมมิ่งถือเป็นอาวุธที่สำคัญของเหล่าเกมเมอร์ทุก ๆ คนครับ ดังนั้นถ้าคุณมีอาวุธประจำตัวที่ทรงอานุภาพ มันย่อมส่งผลต่อการเล่นเกมของคุณแน่นอน ดังนั้นเพื่อเอาใจเหล่าเกมมิ่งเรามาต่อกันที่ Logitech G Pro X Superlight เมาส์เกมมิ่งไร้สายที่ผู้คนทั่วโลกต่างยกให้เป็นหนึ่งในเมาส์เกมมิ่งไร้สายที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ณ ขณะนี้ เพราะเป็นเมาส์ที่ได้รับการออกแบบมาให้เกมเมอร์ที่ให้ความสำคัญกับความเร็วและความแม่นยำในการเล่นเกมโดยเฉพาะ ตัวเมาส์มาในขนาดที่พอดีและมีน้ำหนักเบามาก ๆ แค่ 63 กรัม เท่านั้น เรียกได้ว่า เหมาะมือมาก ๆ ครับ ช่วยให้คุณจับได้ง่าย กระชับมือ สามารถจะเคลื่อนไหวเมาส์ได้อย่างคล่องตัว แถมตัวเมาส์ยังใช้วัสดุคุณภาพสูง ที่รองรับการกดได้เยอะมาก ๆ คุณจึงเล่นเกมได้เต็มที่แบบไม่ต้องกั๊กเลย ส่วนใต้เมาส์ ใช้แผ่นวัสดุ PTFE ขนาดใหญ่ เพิ่มการเลื่อนที่ที่ราบรื่น คุณจึงเลื่อนไปยังเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งเห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเยอะมาก ๆ ไล่ตั้งแต่ เซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูง HERO จาก Logitech G ที่ให้ความไวเมาส์ระดับสูง โดยปรับได้ตั้งแต่ 100 - 25,600 DPI ทำให้เมาส์รุ่นนี้สามารถตรวจจับได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว คุณจึงสามารถควบคุมได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากขึ้น ตอบโจทย์ช่วงเวลาสำคัญ ๆ ในเสี้ยววินาทีของการแข่งขัน ส่วนปุ่มมีทั้งหมดแค่ 5 ปุ่ม เท่านั้นครับ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย คล่องตัว เรียกใช้ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายที่เป็นจุดอ่อนของเมาส์เกมมิ่งไร้สาย รุ่นนี้แก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี Lightspeed นวัตกรรมระบบไร้สายคุณภาพสูง ช่วยให้มันตอบสนองได้อย่างฉับไว ผ่านสัญญาณที่เสถียร ทำให้การเล่นเกมไม่มีปัญหาเลย เหล่าเกมเมอร์จึงไว้ใจ และเลือกรุ่นนี้ ไปเป็นอาวุธคู่กายนอกจากนี้จุดเด่นอีกอย่างก็คือ รุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานถึง 70 ชม. เลยทีเดียว คุณจึงใช้เล่นเกมแบบต่อเนื่องได้สบาย ๆ

อย่างที่บอกครับว่า Logitech G Pro X Superlight เป็นเมาส์ไร้สายในตระกูล PRO Series ซึ่งถูกออกแบบและพัฒนาโดยร่วมมือกับนักกีฬาอีสปอร์ตระดับโลกหลาย ๆ คน ทำให้รุ่นนี้มีสิ่งจำเป็นที่เหล่าเกมเมอร์มืออาชีพต้องใช้อยู่ครบครัน ดังนั้นไม่แปลกครับ ถ้าหลาย ๆ คนจะยอมจ่ายแพงหน่อย จนเมาส์รุ่นนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งถ้าคุณไปไล่อ่านรีวิว และคำวิจารณ์ในสื่อต่าง ๆ คุณจะเห็นเลยว่า ส่วนใหญ่ไปในเชิงบวก โดยเฉพาะด้านการออกแบบที่ให้ความคล่องตัว และประสิทธิภาพการตรวจจับที่รวดเร็ว
ส่วนการเชื่อมต่อรุ่นนี้สามารถทำได้ทั้ง แบบมีสาย และแบบไร้สายเลย โดยมันจะให้มาทั้ง ตัวรับสัญญาณไร้สาย LIGHTSPEED และสายชาร์จ/สายข้อมูล USB ทำให้คุณสามารถนำหัว USB แบบใดแบบหนึ่งไปเสียบเข้าที่พอร์ต USB ของอุปกรณ์ที่ต้องการ เท่านี้มันก็จะใช้งานได้ทันทีครับ ดังนั้นถ้าคุณต้องการแข่งขับเกมแบบจริงจัง พลาดไม่ได้ คุณก็ยังสามารถใช้สายในการเชื่อมต่อได้ ดังนั้นโดยรวมแล้ว G Pro X Superlight นับเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เกมเมอร์คนไหนที่ให้ความสำคัญกับความแม่นยำ ความเร็ว และความเรียบง่าย รุ่นนี้ควรค่าแก่การพิจารณาครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 100 - 25,600 DPI |
---|---|
การเชื่อมต่อ | USB Lightspeed |
จำนวนปุ่ม | 5 ปุ่ม |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
Microsoft Arc Mouse เมาส์ไร้สาย ที่พกพาง่ายที่สุด ดีไซน์ยืดยุ่น แถมใช้ได้ทั้ง มือซ้าย และขวา

ราคา 3,590 บาท*
ก่อนหน้านี้เรามีเมาส์ไร้สายที่ตอบโจทย์คนทำงานที่สุดอย่าง MX Master 3S และมีเมาส์เกมมิ่งที่มีประสิทธิภาพระดับมืออาชีพอย่าง G Pro X Superlight ไปแล้ว คราวนี้เรามาต่อกันที่เมาส์ไร้สายที่พกพาง่ายที่สุดกันบ้าง ซึ่งง่ายถึงขนาดใส่ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้ โดยที่มันไม่พองจนน่าเกลียด นั่นก็คือ Microsoft Arc Mouse เมาส์ไร้สายดี ไซน์เรียบหรู ที่มีโครงสร้างยืดยุ่น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพกติดตัว โดยตัวเมาส์จะมาเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเรียบ ๆ และมีขอบโค้งมน เหมือนกันทั้งสองข้าง ทำให้ใช้งานได้ทั้ง มือซ้าย และมือขวา ส่วนความหนาก็พอ ๆ กับมือถือเลย ทำให้สามารถพกได้ง่ายไม่ต่างจากการพกมือถือเลย โดยเวลาจะใช้งาน เราก็แค่งอเมาส์ลงมาตามล็อกของมัน เท่านี้เราก็จะได้เมาส์ที่คุ้นเคยแล้ว ซึ่งการงอจะเป็นการเปิดในตัวด้วย และเมื่อใช้งานเสร็จ เราก็แค่งอกลับให้แบน ซึ่งมันก็จะปิดให้เองไม่ต้องใช้ปุ่มใด ๆ เลย ถือว่าสะดวกสบายมาก ๆ ครับ
ในด้านประสิทธิภาพใช้เทคโนโลยี BlueTrack Technology ที่มีเซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูง ช่วยเพิ่มความเร็ว และความแม่นยำในการตรวจจับ ช่วยให้คุณสามารถใช้เมาส์ตัวนี้บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้เกือบหมด ยกเว้นกระจก ที่ยังใช้ไม่ได้ ส่วนปุ่มก็มีตามมาตรฐานครับ คือ คลิกซ้าย คลิกขวา และลูกกลิ้งตรงกลาง แต่รุ่นนี้จะเปลี่ยนเป็นลูกกลิ้งปุ่มแบบสัมผัสแทน โดยปุ่มทั้ง 3 ปุ่ม ถูกรวมเป็นชิ้นเดียวกัน ให้อารมณ์เหมือนทัชแพด ซึ่งการหมุนลูกกลิ้งจะใช้วิธีลากนิ้วแทน โดยเมาส์จะตอบสนองการหมุนของเรา ด้วยการสั่นเบา ๆ เพื่อให้เเรารู้สึกเหมือนกับหมุนปุ่มนั้นอยู่จริง ๆ ส่วนการเชื่อมต่อรุ่นนี้ก็รองรับทั้ง Bluetooth และ USB Dongle เลยครับ ดังนั้นมันจึงเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ได้หลากหลายมากครับ อย่าง iPad เราก็สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ครับ

อย่างที่เห็นครับ Microsoft Arc Mouse เป็นเมาส์ไร้สายที่แปลกใหม่ ล้ำสมัย ซึ่งแตกต่างจากเมาส์ปกติอยู่เล็กน้อยครับ ทำให้คนที่เปลี่ยนมาใช้เมาส์รุ่นนี้ อาจจะเจอปัญหาอยู่บ้างในช่วงแรก ๆ เพราะยังเคยชินกับเมาส์แบบเก่าอยู่ โดยเฉพาะปุ่มหมุนตรงกลาง ที่เปลี่ยนมาใช้แบบสัมผัส เพราะปุ่มเป็นชิ้นเดียวกันทั้ง 3 ปุ่ม ทำให้เวลาเราใช้งานปุ่มหมุน มันอาจจะกดโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง และบางคนก็อาจจะมีปัญหาในการคลิกขวาด้วย
ซึ่งปัญหาเหล่านี้มาจากความใหม่ครับ แต่ถ้าหากเราใช้งานจนรู้สึกคุ้นชินแล้ว เมาส์ตัวนี้ถือว่า คุ้มค่าคุ้มราคาเลย เพราะมันใช้งานง่าย เซ็นเซอร์แม่นยำ ตอบสนองไว หน้าตาก็ดูดีเรียบหรู และที่สำคัญ รุ่นนี้เป็นเมาส์ที่พกพาง่ายมาก ๆ บวกกับคุณสมบัติการเชื่อมต่อที่ครบเครื่องบ จนมันสามารถเชื่อมต่อใช้งานกับ อุปกรณ์ที่มี Bluetooth ได้ ดังนั้นถ้าใครต้องการเมาส์ไร้สายคุณภาพสูงที่พกพาง่าย สามารถใช้กับมือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ รุ่นนี้เป็นเมาส์ไร้สายที่เหมาะมาก ๆ ครับ
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 1,000DPI |
---|---|
การเชื่อมต่อ |
|
จำนวนปุ่ม | 2 ปุ่ม |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
Logitech M330 Silent Plus เมาส์ไร้สาย ไร้เสียง ทำงานแบบไม่รบกวนใคร

ราคา 425 บาท*
เรามาต่อกันที่ Logitech M330 Silent Plus เป็นเมาส์ไร้สายของคนทำงานอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ครับ การันตีคุณภาพและความคุ้มค่า ด้วยยอดขายที่สูงในทุกช่องทาง โดยเมาส์ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และขณะเดียวกันก็ใช้เทคโนโลยี SilentTouch ที่ช่วยลดเสียงคลิกลงได้ถึง 90% ซึ่งจะเหมือนกับ Logitech MK295 คีย์บอร์ดไร้สาย ไร้เสียง ในด้านดีไซน์จะถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ถนัดมือขวาโดยเฉพาะครับ โดยตัวเมาส์จะมาในรูปทรงอสมมาตร ที่มีส่วนโค้งสอดรับกับการวางมือขวา ช่วยให้ท่าทางการวางมือเป็นธรรมชาติมากขึ้น บวกกับขนาดที่กำลังดี และหลังเมาส์ใหญ่ คล้าย ๆ กับของ Microsoft ช่วยให้คุณจับเมาส์แบบกระชับ พอดีมือ แถมวัสดุของรุ่นนี้จะเป็นยางนุ่ม ๆ ทำให้มีการยึดเกาะที่ดี ไม่ลื่น คุณจึงควบคุมเมาส์ได้ง่าย และแม่นยำขึ้น
สำหรับปุ่มคลิกจะให้มา 3 ปุ่มเป็นพื้นฐานครับ แต่จุดเด่นของรุ่นนี้คือ ใช้การตรวจจับด้วยระบบ Logitech Advance Optical Tracking ซึ่งมีความแม่นยำมาก ๆ ช่วยให้คุณใช้เมาส์ตัวนี้ได้ทุกที่ ทุกพื้นผิว ขอแค่เป็นพื้นเรียบ ๆ ก็พอ ในด้านการเชื่อมต่อก็ทำได้ง่ายมาก ๆ เช่นกัน แค่คุณเสียบ USB Dongle เข้ากับพอร์ต USB ของอุปกรณ์ เท่านี้ก็ใช้งานได้ทันทีครับ ส่วนอายุการใช้งาน รุ่นนี้จะใช้ถ่าน AA แค่ 1 ก่อน พร้อมมีการประหยัดแบตฯ ด้วยโหมดสลีปอัตโนมัติ เมื่อไม่ได้ใช้งานมาให้ ส่งผลให้เมาส์รุ่นนี้สามารถจะใช้งานได้ยาวนานถึง 2 ปี เลยทีเดียวครับ

อย่างที่บอกไปครับว่า Logitech M330 Silent Plus เป็นเมาส์ไร้สาย ที่มียอดขายสูงมาก ๆ ซึ่งถ้าคุณลองไปไล่ดูรีวิวของผู้ที่ซื้อรุ่นนี้ไปใช้งาน คุณก็จะเห็นเลยว่า แทบทุกคนรู้สึกประทับใจกับเมาส์ไร้สายรุ่นนี้มาก ๆ เพราะมันมีการออกแบบโดยใช้หลัก Ergonomic นิด ๆ ครับ ทำให้มันมีรูปทรงสอดรับกับท่าทางการจับเมาส์ของคนที่ถนัดมือขวาโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าคุณได้ลองจับเมาส์ตัวนี้ คุณจะไม่รู้สึกเกร็งเลย ท่าทางของมือจะเป็นธรรมชาติมาก ๆ ซึ่งมันจะช่วยลดอาการเมื่อยได้ระดับนึงเลย
แต่จุดเด่นที่สุดคือ การคลิกที่เงียบมาก ๆ จนเราแทบไม่ได้ยินเลย ซึ่งมันเงียบกว่าเมาส์ตัวอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัดครับ ส่งผลให้รุ่นนี้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม สำหรับคนที่ต้องการทำงานแบบเงียบ ๆ และต้องใช้สมาธิสูง ๆ ซึ่งขอบอกเลยว่าการที่ไม่มีเสียง "คลิก ๆ" เวลาทำงาน มันสามารถช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานมากขึ้นจริง ๆ ครับ ดังนั้นออฟฟิศไหนที่การทำงานจะต้องใช้ความคิดเยอะ ๆ เราขอแนะนำเมาส์รุ่นนี้เลย
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 1,000 DPI |
---|---|
การเชื่อมต่อ | USB Dongle (2.4 GHz) |
จำนวนปุ่ม | 3 ปุ่ม |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
Apple Acc Magic Mouse 2 เมาส์ไร้สาย สำหรับอุปกรณ์ iOS

ราคา 2,390 บาท*
เราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแล้วกับ Apple Acc Magic Mouse 2 เมาส์ประสิทธิภาพสูง จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Apple ที่มีอุปกรณ์ยอดฮิตมากมาย ซึ่งเมาส์ไร้สายรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์เหล่านั้นโดยเฉพาะครับ โดยตัวเมาส์มาในดีไซน์ที่เรียบหรู ดูทันสมัย รูปทรงแบบแบน ช่วยให้พกพาได้ง่าย ๆ และคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งก็คือ ปุ่มแบบ Multi-Touch ซึ่งรองรับการใช้งานด้วยท่าทางต่าง ๆ ได้มากกว่าแค่การคลิกซ้าย-ขวา และหมุนเลื่อน เช่น การปัดซ้ายขวา เพื่อสลับหน้าเว็บเพจไปมา และการเลื่อน เพื่อดูเอกสาร แต่ฟีเจอร์นี้ บวกกับตัวเมาส์รูปทรงแบบแบน ทำให้คนที่ใช้เมาส์รูปทรงปกติมาตลอด อาจรู้สึกว่า ไม่คุ้นเคย ดังนั้นคุณก็ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักนะครับ แต่ขอบอกเลย ถ้าคุณใช้งานจนคุ้นเคยแล้ว ฟีเจอร์นี้ จะมีประโยชน์มาก ๆ ครับ
ในด้านการเชื่อมต่อรุ่นนี้จะใช้การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ที่เสถียร ช่วยให้มันสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับบลูทูธได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์ของ Apple ทั้ง Mac, iMac หรือ MacBook ที่รองรับ Bluetooth และมีระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.11 ขึ้นไป รวมไปถึง iPad ทุกรุ่น ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iPadOS 13.4 ขึ้นไป ดังนั้นใครที่เป็นสาวก Apple ตัวยงก็ควรจะมีเมาส์ไร้สายรุ่นนี้ไว้สักอันนึงนะครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้ Mac อยู่ เพราะมันสามารถจับคู่โดยอัตโนมัติได้ทันทีที่คุณแกะกล่องออกมา ส่วนอายุการใช้งานของ Magic Mouse 2 ก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ซึ่งจะสามารถใช้งานได้นานประมาณ 1 เดือน/แบตฯ เต็ม ถ้าหากแบตฯ หมดคุณก็สามารถนำสายถัก USB-C to Lightning ที่ให้มาในกล่องมาชาร์จกับพอร์ต USB-C ของ Mac หรือจะชาร์จแบบทั่วไปก็ได้ครับ

แม้ว่า Magic Mouse 2 จะมีราคาค่อนข้างแพงไปสักหน่อย เมื่อเทียบกับเมาส์ไร้สายรุ่นอื่น ๆ ที่มีราคาใกล้ ๆ กันในตลาด แต่ด้วยชื่อชั้นของ Apple มันหลาย ๆ อย่างที่เมาส์รุ่นอื่นไม่สามารถมีให้คุณได้ครับ ดังนั้นถ้าเราไปดูรีวิวของผู้ที่ซื้อรุ่นนี้ไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าสาวกที่ใช้งานอุปกรณ์ Apple อยู่แล้ว ทำให้ในภาพรวมรีวิวของรุ่นนี้ก็เป็นไปในทิศทางบวกครับ หลาย ๆ คนชื่นชอบในดีไซน์การออกแบบที่เรียบหรู บางคนชอบคุณลักษณะพิเศษ ที่เมาส์ตัวอื่นไม่มี บางคนต้องการใช้งานฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ พร้อมประสิทธิภาพที่สูง แม่นยำ และรวดเร็ว ดังนั้นใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple หลาย ๆ ชิ้น เมาส์ตัวนี้เหมาะแก่การลงทุนมาก ๆ ครับ เพราะคุณหาบางอย่างไม่ได้กับรุ่นอื่น
ข้อดี
|
ข้อควรพิจารณา
|
ความไวเมาส์ | 1,600 DPI |
---|---|
การเชื่อมต่อ | Bluetooth |
จำนวนปุ่ม | Multi-touch |
ปุ่มพิเศษ | |
อายุการใช้งาน |
|
ขนาด / น้ำหนัก |
|
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ดูคลิปสรุป เมาส์ไร้สาย ราคาไม่เกิน 500 บาท รุ่นไหนดี?
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ เมาส์ไร้สาย ที่เราได้รวบรวมมาแนะนำในวันนี้ ซึ่งเมาส์เป็นแค่อุปกรณ์เล็ก ๆ แต่มันมีผลกระทบมากมาย ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ด้านการใช้งาน และความเมื่อยล้าของคุณด้วย ดังนั้นการที่คุณจะลงทุนซื้อเมาส์ดี ๆ สักตัวนึงมาใช้งาน ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ ด้วยราคาที่มันก็ไม่ได้สูงมากจนเกินไป เพื่อแลกกับประโยชน์หลาย ๆ ด้านที่คุณจะได้รับ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เราก็อยากจะแนะนำให้คุณหาซื้อเมาส์ดี ๆ มาใช้งานครับ
วิธีการเลือกซื้อ เมาส์ไร้สาย ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ !

สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก เมื่อต้องการจะซื้อ เมาส์ไร้สาย ไม่ใช่ความสวยงามครับ แต่มันคือ ความถนัดในการจับเมาส์ เนื่องจากมือของคนเรามีสรีระไม่เท่ากัน ดังนั้นเราจึงไม่สามารถบอกคุณได้ว่า เมาส์ไร้สายรุ่นไหนที่เหมาะสมและดีกับคุณที่สุด ? จนกว่าคุณจะมีโอกาสได้ลองจับด้วยตัวเอง นอกจากนี้แล้วจุดประสงค์ของการใช้งานเมาส์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเมาส์แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาโดยมีจุดประสงค์ที่ต่างกัน บางรุ่นออกแบบมาเพื่อการทำงานต่อเนื่องทั้งวัน หรือบางรุ่นมีประสิทธิภาพที่สูงมาก ๆ เพื่อการตอบสนองในเกมที่รวดเร็ว และยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อคุณที่สุด เราขอสรุปสรุปสั้น ๆ ดังนี้ครับ
1. วิธีการจับเมาส์ของคุณ
สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่า หลาย ๆ คนไม่เคยสังเกตเลยก็คือ วิธีการจับเมาส์ของตัวเองเป็นแบบไหน ? เพราะคนส่วนใหญ่คุ้นชินกับเมาส์แบบเดิม ๆ แต่จริง ๆ แล้วเมาส์อยู่มีหลายแบบหลายรูปทรงมากครับ ดังนั้นวิธีการจับเมาส์ที่คุณถนัดและรู้สึกสบายที่สุด มันสามารถนำมาใช้พิจารณาเลือกซื้อเมาส์ที่เหมาะกับคุณได้ โดยคนส่วนใหญ่มักจะจับเมาส์อยู่ประมาณ 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้
|
1.1 จับเมาส์แบบเต็มมือ (Palm Grip) : คือการวางมือลงบนเมาส์ตรง ๆ ทำให้บริเวณฝ่ามือเกือบทั้งหมด จะแนบชิดไปกับตัวเมาส์เลย ซึ่งการวางมือไปตรง ๆ ช่วยให้ท่าทางของมือเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องเกร็งมือส่วนใดเลย ส่งผลให้มีอาการเมื่อยมือเกิดขึ้นน้อยลง ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่ใช้เมาส์ส่วนใหญ่ จึงมักจะจับเมาส์แบบนี้โดยไม่รู้ตัว โดยเมาส์ที่เหมาะกับการจับแบบ Palm Grip มากที่สุด อันดับแรกตัวเมาส์จะต้องมีขนาดพอดีหรือใหญ่กว่าสรีระมือ ส่วนหลังเมาส์ก็จะต้องใหญ่ เพื่อให้มันรองรับฝ่ามือได้มากที่สุด และถ้ามีที่พักนิ้วอย่างรุ่น Logitech MX Master 3S ก็จะช่วยให้การใช้งานเมาส์สบายขึ้นไปอีก |
|
1.2 จับเมาส์ด้วยปลายนิ้ว (Fingertip Grip) : คือการใช้ปลายนิ้วทั้ง 5 ในการจับควบคุมทิศทางของเมาส์ และการคลิก ส่วนอุ้งมือจะมีการยกหรือโก่งขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีจุดสัมผัสระหว่างมือและเมาส์ค่อนข้างน้อย ซึ่งการจับเมาส์ด้วยปลายนิ้วจะช่วยให้คุณควบคุมเมาส์ได้อย่างคล่องตัว และมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนที่จับเมาส์แบบนี้ส่วนใหญ่มักเป็นเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องเคลื่อนไหวอย่างฉับไว โดยเมาส์ที่เหมาะกับการจับแบบนี้ที่สุด คือ เมาส์ที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ และน้ำหนักเบา อย่างรุ่น Logitech G Pro X Superlight |
2. การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์

แน่นอนครับ เมาส์ไร้สายแต่ละรุ่น มีขนาด และดีไซน์ที่แตกต่างกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ผลิตมักจะมีการออกแบบเมาส์โดยอิงกับหลักสรีรศาสตร์อยู่แล้ว เพื่อเพิ่มความสบายในการใช้งาน และลดอาการเมื่อยล้า ดังนั้นจากข้อแรกคุณจะทราบขนาดที่เหมาะกับคุณก่อน ส่วนต่อมาที่คุณจะต้องพิจารณาก็คือ ดีไซน์ของเมาส์ที่คุณรู้สึกว่าถนัดมือที่สุด บางคนอาจจะถนัดจับเมาส์มีรูปทรงที่เรียบง่าย หรือบางคนอาจถนัดจับเมาส์ที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง เป็นต้น
3. ชนิดของเซนเซอร์เมาส์
เซนเซอร์เมาส์ก็เป็นอีกข้อที่สำคัญที่คุณต้องพิจารณาหากคุณต้องการเมาส์ที่มีประสิทธิภาพสูง ๆ โดยในปัจจุบันเซนเซอร์เมาส์ก็มีให้เลือกมากมาย แล้วแต่แบรนด์ว่าจะเลือกใช้เซ็นเซอร์ตัวไหน ถ้าคุณต้องการเมาส์ประสิทธิภาพสูง คุณก็ควรศึกษาในส่วนนี้ก่อน เพราะเซนเซอร์หรือแสงที่อยู่ใต้เมาส์นั้น มันก็มีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันในแต่ละตัวครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการเมาส์ไปใช้งานทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพมากมายอะไร ก็สามารถมองข้ามส่วนนี้ไปได้ครับ เพราะเมาส์ทุกรุ่นใช้งานได้ดีอยู่แล้ว
4. ความไวของเมาส์ (DPI)
DPI (Dot Per Inch) คือหน่วยวัดค่าความไวของเมาส์ ซึ่งมันเป็นค่าที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อคุณเลื่อนเมาส์ระยะ 1 นิ้ว เคอร์เซอร์ในหน้าจอ จะเคลื่อนที่ไปกี่พิกเซล ? ถ้าเมาส์มีค่า DPI สูง ๆ ความไวเมาส์ก็จะยิ่งสูงขึ้น พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเมาส์ของคุณ มีค่า DPI สูง ๆ แค่คุณลากเมาส์ระยะสั้น ๆ เคอร์เซอร์ก็สามารถไปสุดขอบจอได้ ดังนั้นใช้แค่แผ่นรองเมาส์อันเล็ก ๆ มันก็เพียงพอสำหรับการควบคุมหน้าจอคอมฯ ขนาดใหญ่ได้
กลับกันถ้าเมาส์ของคุณ มีค่า DPI ต่ำ คุณจะต้องลากเมาส์ด้วยระยะที่ยาวขึ้น เพื่อให้เคอร์เซอร์ไปอยู่ที่ขอบจอ ซึ่งหมายความว่า คุณจะต้องใช้พื้นที่ในการลากเมาส์มากขึ้นนั่นเอง โดยค่า DPI ต่ำ ๆ จะเหมาะกับการความคุมที่เน้นความละเอียดและแม่นยำ ซึ่งหากคุณต้องการเมาส์ไร้สายไปใช้งานทั่ว ๆ ไป เมาส์ไร้สายที่มีความไวเมาส์ ระดับ 1,000 DPI อย่างเช่น Microsoft Wireless Mobile Mouse 1850 หรือ Xiaomi Mi Wireless Mouse Lite ก็เพียงพอแล้วครับ
5. ปุ่มพิเศษ (Macro key)

ปุ่มพิเศษ เป็นปุ่มที่ถูกเพิ่มเข้ามานอกเหนือจากปุ่ม คลิกซ้าย คลิกขวา และลูกกลิ้งตรงกลาง เพื่อใช้ในการสั่งงานคำสั่งอื่น ๆ ซึ่งเมาส์ไร้สายบางรุ่นก็จะกำหนดคำสั่งมาให้ตายตัว เช่น ปุ่มไปหน้า ปุ่มย้อนหลับ และปุ่มปรับ DPI แต่บางรุ่นก็มีซอฟต์แวร์ที่ให้คุณกำหนดคำสั่งที่ต้องการได้ ซึ่งปุ่มเสริม หรือปุ่มพิเศษเหล่านี้ สามารถช่วยให้คุณทำงานได้ง่าย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์ หรือพนักงานออฟฟิศที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารในคอมฯ ปุ่มเหล่านี้มีประโยชน์แน่นอนครับ
6. การเชื่อมต่อ
ในอดีต เมาส์ไร้สาย อาจจะถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันไม่ใช่แล้วครับ เราจะเห็นเลยว่าพวกอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ ในยุคนี้ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก จนบางอย่างมันสามารถใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้แล้ว เมาส์ไร้สายจึงถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขึ้น ทำให้ในปัจจุบัน เมาส์ไร้สาย จะมีวิธีการเชื่อมต่อไร้สายอยู่ 2 แบบ หลัก ๆ นั่นคือ ตัวรับสัญญาณ USB และ สัญญาณ Bluetooth โดยแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ
|
1. ตัวรับสัญญาณ USB (USB Dongle หรือ USB Receiver) : จะมาเป็นหัว USB อันเล็ก ๆ ครับ ซึ่งผู้ใช้จะต้องนำหัว USB ที่มากับเมาส์ ไปเสียบกับพอร์ต USB บนอุปกรณ์ ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ จากนั้นคุณก็แค่รอให้มันเชื่อมต่อกันเอง เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งานเมาส์ได้ทันที
การเชื่อมต่อด้วย ตัวรับสัญญาณ USB จะใช้ได้กับอุปกรณ์ที่มี USB Port เท่านั้น |
|
2. สัญญาณ Bluetooth : จะเป็นการเชื่อมต่อไร้สายแบบใหม่ ซึ่งในขั้นแรกผู้ใช้จะต้องเปิดใช้งานเมาส์ไร้สายก่อน เพื่อให้มันปล่อยสัญญาณ Bluetooth ออกมา จากนั้นเปิด Bluetooth ของอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ เพื่อทำการค้นหาสัญญาณ Bluetooth จากเมาส์ เมื่อเจอแล้ว ให้กดจับคู่ได้เลย เป็นอันเรียบร้อยครับ
การเชื่อมต่อด้วย สัญญาณ Bluetooth จะใช้ได้กับอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth เท่านั้น |
7. แบตเตอรี่

ปกติเมาส์ไร้สายรุ่นเริ่มต้น มักจะใช้แบตเตอรี่ที่เป็นถ่านขนาด AA หรือ AAA แล้วแต่รุ่น ซึ่งความแม่นยำ และประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อแบตเตอรี่ไกล้จะหมด ซึ่งข้อดีของการใช้ถ่านคือ หากถ่านหมดระหว่างใช้งาน คุณสามารถนำถ่านมาเปลี่ยน แล้วก็ใช้งานต่อได้ทันที แต่ข้อเสียคือ ด้วยความที่ถ่าน 1 ก้อนมันใช้งานได้นานเป็นเดือน ๆ คนส่วนใหญ่จึงมักจะลืม ซึ่งหากคุณหาซื้อไม่ได้คุณก็จะไม่สามารถใช้งานต่อได้
ส่วนเมาส์ไร้สายที่มีราคาสูงขึ้นมาหน่อย มักจะมาพร้อมแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนในตัว ที่สามารถชาร์จซ้ำได้ ซึ่งแน่นอนครับ มันช่วยเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้เมาส์ไร้สายบางรุ่น ยังสามารถใช้สายชาร์จ เพื่อเชื่อมต่อใช้งานแบบสายได้อีกด้วย ช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างต่อเนื่องขึ้นครับ
แต่ถ้าหากคุณยังไม่มั่นใจว่า เมาส์ที่คุณเลือกไว้จะจับได้ถนัดหรือไม่ คุณก็สามารถไปลองจับของจริงตามศูนย์บริการ หรือร้านค้าต่าง ๆ ได้ หรือไม่คุณก็แค่วัดขนาดของเมาส์หรือหาขนาดของเมาส์รุ่นที่ใช้อยู่ เพื่อนำขนาดมาเปรียบเทียบกับขนาดของเมาส์รุ่นต่าง ๆ ในที่นี้ก็ได้ครับ ซึ่งสุดท้ายนี้เราก็หวังว่าบทความนี้จะสามารถช่วยให้คุณได้ เมาส์ไร้สาย ที่ตรงตามต้องการของคุณได้นะครับ